สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เผยผลกระทบจากภัยแล้งที่รุนแรงช่วงครึ่งแรกของปี 2553 ส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจภาคเกษตรปี 2553 ของจังหวัดชัยนาท ขณะที่ปัจจัยบวกสำคัญที่จะเป็นผลดีกับการผลิตและการค้าในภาคเกษตรคือ สถานการณ์การส่งออกสินค้าเกษตรมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว และความต้องการของตลาดโลกที่มีมากขึ้น
นางจันทร์ธิดา มีเดช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเขต 7 (สศข.7) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงแนวโน้มผลิตภัณฑ์มวลรวมภาคเกษตรจังหวัดชัยนาท ปี 2553 ซึ่งคาดว่าจะหดตัวลงจากปี 2552 ร้อยละ 7.14 โดยสาขาที่ลดลง คือ สาขาพืช ลดลงร้อยละ 8.57 สาขาประมง ลดลงร้อยละ 18.59 และสาขาป่าไม้ ลดลงร้อยละ 0.07 ส่วนสาขาปศุสัตว์ ขยายตัวร้อยละ 2.55 และสาขาบริการทางการเกษตร ขยายตัวร้อยละ 0.52 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจการเกษตรมีความเสี่ยงจากปัจจัยต่างๆ ที่จะทำให้การเจริญเติบโตชะลอตัว โดยมีปัจจัยลบในช่วงครึ่งแรกของปี 2553 คือ ภาคเกษตรได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งค่อนข้างรุนแรง ส่งผลกระทบต่อสาขาพืช และสาขาประมง รวมทั้งการแพร่ระบาดของแมลงศัตรูพืช โดยเฉพาะเพลี้ยแป้งในมันสำปะหลัง และเพลี้ยกระโดดในนาข้าว สร้างความเสียหายให้กับผลผลิตทางการเกษตร ส่วนปัจจัยที่เป็นผลดีกับภาคเกษตรคือ สถานการณ์การส่งออกสินค้าเกษตรมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว และความต้องการของตลาดโลกมีมากขึ้น
ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจภาคเกษตร ปี 2552 ของจังหวัดชัยนาท มีอัตราการเจริญเติบโตผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดภาคเกษตรหดตัวเช่นกัน คือ หดตัวร้อยละ 8.15 เมื่อเทียบกับปี 2551 เนื่องจากผลผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญลดลงโดยเฉพาะข้าว ส่วนราคาสินค้าเกษตรบางชนิดยังอยู่ในเกณฑ์ดี แต่เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งราคาสินค้าเกษตรอยู่ในระดับสูงมาก ทำให้ราคาสินค้าเกษตรในปีนี้อ่อนตัวลง ทั้งนี้ ดัชนีราคาที่เกษตรกรขายได้ ลดลงร้อยละ 1.62 ขณะที่ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร ลดลงร้อยละ 10.26 อย่างไรก็ตามในปี 2553 ยังมีปัจจัยบวกสำคัญที่จะเป็นผลดีกับการผลิตและการค้าในภาคเกษตร คือ รัฐบาลยังคงมีการดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรในสินค้าเกษตรที่สำคัญ ได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมาตรการต่างๆ ที่จะช่วยเหลือสนับสนุนการผลิตทางการเกษตรอย่างต่อเนื่อง นาจันทร์ธิดา กล่าว
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--