1. ภาวะทั่วไปของอุตสาหกรรม
ภาวการณ์ผลิตสินค้าในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในไตรมาสที่ 3 ปี 2553 มีดัชนีผลผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ 123.62 ปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อนร้อยละ 1.55 จากการเร่งผลิตในช่วงก่อนหน้า โดยผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลง เช่น พัดลม โทรทัศน์สี (ขนาดจอเล็กกว่า 20 นิ้ว) และเครื่องปรับอากาศ ทั้งที่เป็นแบบ คอนเดนซิ่งยูนิตและแบบแฟนคอยส์ซิ่งยูนิต
หากเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.05 โดยผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เช่น เครื่องปรับอากาศ ทั้งที่เป็นแบบคอนเดนซิ่งยูนิตและแบบแฟนคอยส์ซิ่งยูนิต พัดลม และคอมเพรสเซอร์ โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 68.50 54.24 50.56 และ 29.97 ตามลำดับ เนื่องจากส่วนหนึ่งมาจากการเติมเต็มในส่วนสินค้าคงคลังที่ปรับลดลง และการผลิตเพื่อการส่งออก ซึ่งจากช่วงไตรมาสแรกปี2553 ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างสูงจากตลาดส่งออกอียูและอาเซียนที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น
มูลค่าการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้ารวมในช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 2553 มีมูลค่า 5,583.65 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.43 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 30.98 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับตลาดส่งออกหลักและมีสัดส่วนมากที่สุดในช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 2553ได้แก่ ตลาดอาเซียน มีมูลค่าส่งออก 963.63 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.12 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สินค้าหลักที่ส่งออกไปตลาดอาเซียน ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น และ มอเตอร์เล็กเป็นต้น
ภาวะการผลิตของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาสที่ 3 ปี 2553 จากรายงานของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมพบว่าดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาสที่ 3 ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ3.00 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ขณะที่เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.52โดยสินค้าที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน คือ Other IC ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 36.38 รองลงมาคือ Semiconductor ปรับเพิ่มขึ้น ร้อยละ 22.12
มูลค่าส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ในช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 2553 มีมูลค่ารวม 8,873.39 ล้านเหรียญสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.86 เมื่อเทียบไตรมาสก่อน และปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 17.38 ตลาดส่งออกที่สำคัญของผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ จีน อียู และสหรัฐอเมริกา เป็นต้น
แนวโน้มภาพรวมภาวะอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าช่วงปี 2553 โดยดูจากดัชนีการส่งสินค้าของสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า ประมาณการว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.32 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนของอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศ โดยจะปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 50.22 และการปรับตัวเพิ่มขึ้นของอุตสาหกรรมตู้เย็น ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 24.40 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
แนวโน้มภาวะอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในช่วง ปี 2553 ประมาณการว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ21.61 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากตัวแปรดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐอเมริกาส่งสัญญาณฟื้นตัวตั้งแต่ช่วงปลายปี 2552 ซึ่งตัวแปรดังกล่าวนำมาพิจารณาในการประมาณการปี 2553หากพิจารณาเป็นรายผลิตภัณฑ์ พบว่า ส่วนประกอบและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ Semiconductor devices Transisters ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 42.83 IC ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 33.67 และ HDD ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.66 ทั้งนี้เนื่องจากส่วนประกอบและชิ้นส่วนเป็นอุตสาหกรรมที่เชื่อมโยงกับความต้องการในตลาดโลก
2. อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า
2.1 การผลิต
ภาวการณ์ผลิตสินค้าในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในไตรมาสที่ 3 ปี 2553 มีดัชนีผลผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ 123.62 ปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อนร้อยละ 1.55 จากการเร่งผลิตในช่วงก่อนหน้า โดยผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลง เช่น พัดลม โทรทัศน์สี (ขนาดจอเล็กกว่า 20 นิ้ว) และเครื่องปรับอากาศ ทั้งที่เป็นแบบคอนเดนซิ่งยูนิตและแบบแฟนคอยส์ซิ่งยูนิต
หากเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.05 โดยผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เช่น เครื่องปรับอากาศ ทั้งที่เป็นแบบคอนเดนซิ่งยูนิตและแบบแฟนคอยส์ซิ่งยูนิต พัดลม และคอมเพรสเซอร์ โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 68.50 54.24 50.56 และ 29.97 ตามลำดับ เนื่องจากส่วนหนึ่งมาจากการเติมเต็มในส่วนสินค้าคงคลังที่ปรับลดลง และการผลิตเพื่อการส่งออก ซึ่งจากช่วงไตรมาสแรกปี2553 ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างสูงจากตลาดส่งออกอียูและอาเซียนที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น
เมื่อเปรียบเทียบกับดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า (Household electrical machinary) ของประเทศญี่ปุ่นไตรมาสที่ 3 ปี 2553 ซึ่งรายงานโดย Ministry of Economic, Trade and Industry ประเทศญี่ปุ่น พบว่าดัชนีผลผลิตมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.77 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.07 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านส่วนใหญ่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบทุกประเภท ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ หม้อหุงข้าว เครื่องเล่นดีวีดี เป็นต้น ยกเว้นบางรายการที่ปรับตัวลดลง เช่น กล้องถ่ายวีดีโอ กล้องถ่ายรูปดิจิตอล และตู้เย็น
2.2 การตลาด
จากรายงานดัชนีการส่งสินค้าของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมพบว่าในไตรมาสที่ 3 ปี 2553ปรับตัวลดลงร้อยละ 5.85 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.83
โดยสินค้าที่ปรับตัวลดลงในไตรมาสที่ 3 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน 3 อันดับแรก ได้แก่ พัดลมเครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนแฟนคอยส์ซิ่งยูนิต และโทรทัศน์สี (ขนาดจอเล็กกว่า 20 นิ้ว) ปรับตัวลดลงร้อยละ 26.92 16.86 และ 15.96 ตามลำดับ
ขณะที่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ให้ความเย็น เช่น เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนคอนเดนซิ่งยูนิต เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนแฟนคอยส์ซิ่งยูนิต และ ตู้เย็น โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 58.41 49.35 และ 27.12 ตามลำดับ
ภาวะการตลาดของสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยรวมปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากเศรษฐกิจโลกเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ประกอบกับอุณหภูมิที่สูงขึ้นส่งผลให้เครื่องใช้ไฟฟ้าโดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความเย็นปรับตัวเพิ่มขึ้น และผลจากการปรับลดภาษีสรรพสามิตทำให้ราคาขายปรับตัวลดลง ซึ่งช่วยกระตุ้นยอดขายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย
การส่งออก
มูลค่าการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้ารวม ในช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 2553 มีมูลค่า 5,583.65 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.43 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 30.98 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุด 3 อันดับแรกในช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 2553 ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ เครื่องคอมเพรสเซอร์ของเครื่องทำความเย็น และเครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้า สำหรับตัดต่อป้องกันวงจรไฟฟ้า รวมถึงแป้นและแผงควบคุม โดยมีมูลค่าส่งออก 697.19 ล้านเหรียญสหรัฐ 539.72ล้านเหรียญสหรัฐ และ 491.60 ล้านเหรียญสหรัฐ
เครื่องปรับอากาศมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 40.27 ทั้งนี้เนื่องจากตลาดส่งออกหลักของเครื่องปรับอากาศที่ส่งไปยังตลาดอาซียน ตลาดอียู และตะวันออกกลางนั้นปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 31.74 48.33 และ 36.10 เนื่องจากกำลังซื้อที่ปรับเพิ่มขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ดีขึ้น รวมถึงสภาพอากาศที่ร้อน และจากการที่ตัวเลขส่งออกในไตรมาสที่ 3 ปี2552 มีฐานที่ค่อนข้างต่ำ
ขณะที่ เครื่องรับโทรทัศน์ที่ส่งออกเป็นอันดับต้นๆในหลายปีที่ผ่านมา ปรับตัวลดลงในช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 2553 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 12.49 โดยมีมูลค่าส่งออก 302.60 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากตลาดส่งออกหลักอย่างตลาดสหรัฐอเมริกามีการส่งออกลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึงร้อยละ 21.12
สำหรับตลาดส่งออกหลักและมีสัดส่วนมากที่สุดในช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 2553 ได้แก่ ตลาดอาเซียนมีมูลค่าส่งออก 963.63 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.12 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สินค้าหลักที่ส่งออกไปตลาดอาเซียน ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น และ มอเตอร์เล็ก เป็นต้น
ตลาดที่มีมูลค่าส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้ามากเป็นอันดับรองลงมา ได้แก่ ตลาดสหรัฐอเมริกา มีมูลค่าส่งออก 961.25 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 61.18
3. อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์
3.1 การผลิต
ภาวะการผลิตของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาสที่ 3 ปี 2553 จากรายงานของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมพบว่าดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาสที่ 3 ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ3.00 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ขณะที่เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.52โดยสินค้าที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน คือ Other IC ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 36.38 รองลงมาคือ Semiconductor ปรับเพิ่มขึ้น ร้อยละ 22.12
การผลิตเพื่อส่งออกปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะส่วนประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์ HDD Semiconductor และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ IC เนื่องจากเป็นการผลิตเพื่อชดเชยสินค้าคงคลัง ทำให้ในช่วงไตรมาสที่สามของปี 2553 มีการออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ใหม่ๆ เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นและกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยจากสินค้าใหม่ๆที่ออกสู่ตลาด
3.2 การตลาด
จากรายงานดัชนีการส่งสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมสะท้อนภาวะตลาดของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาสที่ 3 ปี2553 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนภาวะตลาดของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.02 และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 4.09
จากรายงานของสมาคมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor Industry Association) ของสหรัฐอเมริกาปรับตัวเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ขณะที่เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มูลค่าการจำหน่ายเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2553 ร้อยละ 31.76 ทั้งนี้เนื่องจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของทุกภูมิภาคทั่วโลก โดยเฉพาะในเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ จีน เป็นตลาดสำคัญและความต้องการของสินค้าสำเร็จรูปประเภทเครื่องคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค และโทรศัพท์มือถือ เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากความต้องการดังกล่าวแล้ว การชดเชยสินค้าคงคลังที่ลดลงก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การผลิตเพื่อจำหน่ายเพิ่มสูงขึ้นด้วย
การส่งออก
มูลค่าส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ในช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 2553 มีมูลค่ารวม 8,873.39 ล้านเหรียญสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.86 เมื่อเทียบไตรมาสก่อน และปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 17.38 ตลาดส่งออกที่สำคัญของผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ จีน อียู และสหรัฐอเมริกา เป็นต้น
มูลค่าส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ที่มีมูลค่าส่งออกมากที่สุด ได้แก่ อุปกรณ์ประกอบของเครื่องคอมพิวเตอร์ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.60 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นในตลาดอียู สหรัฐอเมริกา และจีนร้อยละ 16.97 8.30 และ 7.14 ตามลำดับ
ตลาดที่มีมูลค่าส่งออกอิเล็กทรอนิกส์รวมปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ตลาดอียู และจีน มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 26.15 27.63 และ 5.44 ตามลำดับส่วนสินค้าส่งออกที่สำคัญสามารถสรุปมูลค่าการส่งออกใน 3 ตลาดหลักดังกล่าวได้ดังนี้
แนวโน้มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ช่วงปี 2553
จากการประมาณการดัชนีการส่งสินค้าประจำเดือนพฤศจิกายน 2553 ของแบบจำลองดัชนีชี้นำภาวะอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ พบว่า แนวโน้มภาพรวมภาวะอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าช่วงปี 2553 คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.32 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการปรับตัวของอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศ อุตสาหกรรมตู้เย็นคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 50.22 และ 24.40 ตามลำดับจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากดัชนีชี้นำที่ส่งสัญญาณปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ มูลค่าการนำเข้าคอมเพรสเซอร์ ซึ่งคอมเพรสเซอร์เครื่องทำความเย็นถือเป็นส่วนประกอบหลักและดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งสอดคล้องกับการประมาณการของภาวะอุตสาหกรรมเครื่องคอมเพรสเซอร์ที่คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 26.92เช่นกัน
ภาวะอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในช่วงปี 2553 ประมาณการว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.61จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากตัวแปรดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐอเมริกาส่งสัญญาณฟื้นตัวตั้งแต่ช่วงปลายปี 2552 ซึ่งตัวแปรดังกล่าวนำมาพิจารณาในการประมาณการปี 2553
หากพิจารณาเป็นรายผลิตภัณฑ์ พบว่า ส่วนประกอบและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ Semiconductor devices Transisters ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 42.83 IC ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 33.67และ HDD ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.66 ทั้งนี้เนื่องจากส่วนประกอบและชิ้นส่วนเป็นอุตสาหกรรมที่เชื่อมโยงกับความต้องการในตลาดโลก ซึ่งตัวแปรชี้นำส่วนใหญ่ที่เป็นตลาดหลักของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ ตัวแปรดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมของกลุ่มประเทศ OECD ดัชนีผลผลิต Electronic Index ของญี่ปุ่น และตัวแปรที่สะท้อนการลงทุนที่เริ่มฟื้นตัว ได้แก่ มูลค่าการนำเข้าสินค้า Machinery and Transport Equipment ของประเทศญี่ปุ่น ส่วนมูลค่าการนำเข้าสินค้าทุนของไทยเริ่มมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนๆ เช่นกัน
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--