ภาพรวมผลิตภัณฑ์พลาสติก
อุตสาหกรรมพลาสติกถือได้ว่าเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญต่อเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศสร้างรายได้และเกิดการจ้างงานในระบบมากขึ้น โดยจากการสำรวจพบว่ามีจำนวนโรงงานทั่วประเทศประมาณ 3,500 โรงงาน (จากการสำรวจในปี 2553) ทั้งนี้ส่วนใหญ่ผู้ประกอบการจะเป็นขนาดกลางและเล็กถึงร้อยละ 80 และมีการกระจุกตัวในกรุงเทพและปริมณฑล ร้อยละ 80 ที่เหลือจะกระจายตัวทั่วทุกภาคของประเทศ ผลิตภัณฑ์พลาสติกที่สำคัญได้แก่ บรรจุภัณฑ์ เช่น ถุง กระสอบ แผ่นฟิล์มชิ้นส่วนรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตได้เพื่อตอบสนองความต้องการภายในประเทศและยังมีการส่งออกไปต่างประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อม
การผลิต
ความต้องการใช้เม็ดพลาสติกของไทย
หน่วย:พันตัน
ปริมาณการใช้เม็ดพลาสติกหลัก 2548 2549 2550 2551 2552 2553*
PE, PP, PVC, PS+EPS, ABS/SAN 2,709 2,841 2,900 2,758 2,828 2,910
ที่มา: สถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย
หมายเหตุ * ปี 2553 เป็นตัวเลขประมาณการ
PE = Polyethylene PP = Polypropylene PVC = Poly Vinyl Chloride
PS/EPS = Polystyrene ABS/SAN = Acrylonitrile Butadiene Styrene
ปริมาณการใช้เม็ดพลาสติกที่จะช่วยสะท้อนภาพการผลิตในอุตสาหกรรมพลาสติก จากสภาวะเศรษฐกิจที่มีอัตราการเติบโตต่อเนื่องในช่วงไตรมาสที่ 1-3 ของปี 2553 และทิศทางด้านเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มที่ดีในปี 2554 ขึ้น ซึ่งมีการคาดการณ์ GDP จะโตประมาณร้อยละ 4 ซึ่งภาวะเศรษฐกิจที่ดีจะส่งผลต่อภาคการบริโภค และการผลิตดีตามไปด้วย เนื่องจากอุตสาหกรรมพลาสติกเป็นอุตสาหกรรมสนับสนุน (Supporting Industries) ให้กับอุตสาหกรรมหลักต่างๆของประเทศไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมรถยนต์ อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น หากต้องการทราบถึงการเติบโตของอุตสาหกรรมพลาสติก ก็ต้องติดตามการเติบโตของอุตสาหกรรมที่กล่าวมาข้างต้น การว่ามีแนวโน้มที่ดีอุตสาหกรรมพลาสติกก็จะดีตามไปด้วย
แนวโน้มอุตสาหกรรมพลาสติกในปี 2554 มีประเด็นต่างๆที่ควรติดตามดังนี้
- อุตสาหกรรมรถยนต์ มีแนวโน้มการขยายการผลิตรถยนต์นั่งขนาดเล็กในปี 2554-2555 รวมถึงการลงทุนในรถยนต์พลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น
- อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ มีปัจจัยที่พึงระวังในเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่จะปรับสูงขึ้นอาจจะส่งผลต่อการลงทุนในเรื่องที่อยู่อาศัย การจับจ่ายซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าเช่นเครื่องปรับอากาศ ทีวี อาจจะลดลง ส่วนเรื่องสำคัญที่ควรคำนึงอาจจะเป็นเรื่องรูปแบบของสินค้าที่อาจจะเล็กลง สะดวกต่อการพกพา การใช้งานง่ายขึ้น ราคาไม่แพง ซึ่งปัจจัยนี้อาจจะส่งผลกับผู้ประกอบการพลาสติกที่ผลิตชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องปรับเปลี่ยนให้ทันกับความต้องการของผู้บริโภคที่จะเปลี่ยนไปในอนาคต
- อุตสาหกรรมก่อสร้าง การใช้จ่ายของภาครัฐในการลงทุนรถไฟฟ้าน่าจะมีความคืบหน้ามากขึ้นในรถไฟฟ้าสายสีแดง สีม่วง และสีน้ำเงินที่จะมีการเริ่มต้นปลายปี 2553
แนวโน้มผลิตภัณฑ์พลาสติก ปี 2554
หลังจากสภาวะหลังน้ำท่วมในปลายปี 2553 น่าจะมีส่วนทำให้ปี 2554 มีแรงซื้อขายสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้น อีกทั้งการที่เริ่มซื้อเพื่อซ่อมแซม บ้าน สิ่งก่อสร้างหรือรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วม ที่จะช่วยผลักดันด้านการผลิตมากขึ้น ด้านตลาดต่างประเทศที่เป็นตลาดส่งออกยังมีปัจจัยทั้งด้านบวกและลบ ด้านบวกอาจจะเพิ่มโอกาสในการส่งออกมากขึ้น แต่ในสภาวะเศรษฐกิจยุโรปที่ยังสั่นคล่อน ก็ยังต้องมีสิ่งที่พึ่งระวัง ในด้านปิโตรเคมีที่เป็นวัตถุดิบตั้งต้นในการผลิตพลาสติกนั้น กรณีมาบตาพุด ที่ยังมี 2 โครงการที่ยังไม่สามารถดำเนินการผลิตได้ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในปี 2554 หลังจากทำรายงาน HIA อีกครั้ง
รัฐบาล/สศอ. มาตรการ/นโยบายเพื่อรองรับสถานการณ์เศรษฐกิจ และช่วยเหลือ
ผู้ประกอบการ
การจัดตั้งสถาบันพลาสติกที่จะเป็นศูนย์กลางความเชื่อมโยงของภาครัฐ เอกชน ภาคการศึกษารวมถึงหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ ต่อเนื่องเป็นรูปธรรมและมีความยั่งยืนมากขึ้น โดยจะเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลที่สำคัญของอุตสาหกรรมวิเคราะห์สถานการณ์ จัดทำรายงาน รวมถึงการเข้าไปช่วยเหลือผู้ประกอบการพลาสติกที่ต้องการพัฒนาศักยภาพในการผลิต และการตลาด เพื่อให้เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับตลาดสากลได้ตอนนี้กระบวนการจัดตั้งอยู่ระหว่างการขออนุญาติจัดตั้งกับประธานพัฒนาอุตสาหกรรมมูลนิธิ เพื่อคัดเลือกกรรมการสถาบันพลาสติก และเลือกผู้อำนวยการสถาบันฯ ต่อไป คาดว่าจะแล้วเสร็จใน 1-2เดือน
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--