1. การผลิต
การผลิตเซรามิก ในปี 2553 มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากการปรับตัวของภาวะเศรษฐกิจในประเทศ และการฟื้นตัวของตลาอสังหาริมทรัพย์ที่มีแนวโน้มดีขึ้น ประกอบกับมีการผลิตเพื่อรองรับการเร่งโอนกรรมสิทธิ์จำนวนมาก เพื่อให้ทันกับมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่สิ้นสุดลงในเดือนมิถุนายน 2553 ทำให้มีการผลิตเซรามิกเพิ่มขึ้น โดยการผลิตกระเบื้องปูพื้น บุผนังมีปริมาณ 162.76 ล้านตารางเมตร และการผลิตเครื่องสุขภัณฑ์ มีปริมาณ 7.10 ล้านชิ้น เมื่อเทียบกับ ปีก่อนเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 14.81 และ 21.01 ตามลำดับ (ดังตารางที่ 1)
2. การตลาด
2.1 ตลาดในประเทศ
การจำหน่ายเซรามิก ในปี 2553 เติบโตเพิ่มขึ้นจากการปรับตัวของภาวะเศรษฐกิจในประเทศ การฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีการเร่งโอนกรรมสิทธิ์จำนวนมาก เพื่อให้ทันกับมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ และการปรับปรุงซ่อมแซมบ้านหลังน้ำลด ทำให้ความต้องการใช้เซรามิกในประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับการผลิตเซรามิก โดยการจำหน่ายกระเบื้องปูพื้น บุผนัง มีปริมาณ 166.02 ล้านตารางเมตร และการจำหน่ายเครื่องสุขภัณฑ์ มีปริมาณ4.35 ล้านชิ้น เพิ่มขึ้นจากปีก่อนในอัตราร้อยละ 13.95 และ 11.93 ตามลำดับ (ดังตารางที่ 1)
2.2 การส่งออก
การส่งออกผลิตภัณฑ์เซรามิกส่วนใหญ่จะส่งไปยังประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย จีน เยอรมนี และประเทศในกลุ่มอาเซียน โดยในปี 2553 การส่งออกผลิตภัณฑ์เซรามิกมีมูลค่ารวม 612.64 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ดังตารางที่ 2) เมื่อเทียบจากปีก่อนเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 12.55 ซึ่งเป็นไปตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และเป็นการเปรียบเทียบกับฐานตัวเลขการส่งออกในปี 2552 ที่ต่ำ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจโลก จึงทำให้การส่งออกผลิตภัณฑ์เซรามิกที่สำคัญ โดยเฉพาะเครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร เครื่องสุขภัณฑ์ และลูกถ้วยไฟฟ้า เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในปี 2553
2.3 การนำเข้า
การนำเข้าผลิตภัณฑ์เซรามิก ในปี 2553 มีมูลค่ารวม 364.20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบจากปีก่อนเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 60.07 (ดังตารางที่ 3) ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมมีการลงทุนเพิ่มขึ้น และเป็นการเปรียบเทียบกับฐานตัวเลขการนำเข้า ในปี 2552 ที่ต่ำ จึงทำให้การนำเข้าผลิตภัณฑ์เซรามิกเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดสำหรับการนำเข้าผลิตภัณฑ์เซรามิกส่วนใหญ่จะนำเข้าจากประเทศจีน ญี่ปุ่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเยอรมนี โดยผลิตภัณฑ์เซรามิกสำหรับใช้ตามห้องปฏิบัติการจะนำเข้าจากญี่ปุ่น และมาเลเซีย เป็นหลักและผลิตภัณฑ์เซรามิกอื่นจะนำเข้ากระเบื้องปูพื้น บุผนัง ที่มีราคาถูกจากจีน เป็นสำคัญ
3. สรุปและแนวโน้ม
การผลิตและจำหน่ายเซรามิก ในปี 2553 มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากการปรับตัวของภาวะเศรษฐกิจในประเทศ การฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีแนวโน้มดีขึ้นจากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ ที่มีการเร่งโอนกรรมสิทธิ์จำนวนมากให้ทันเวลาสิ้นสุดในเดือนมิถุนายน 2553 และการปรับปรุงซ่อมแซมบ้านหลังน้ำลด สำหรับแนวโน้มในปี 2554 การผลิตและจำหน่ายเซรามิกจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจาก ในปี 2553 มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่ได้สิ้นสุดลง และการปรับปรุงซ่อมแซมบ้านหลังน้ำลด ซึ่งความต้องการจากการปรับปรุงซ่อมแซมบ้านหลังน้ำลดอาจมีผลต่อเนื่องถึงต้นปี 2554 แต่ความต้องการอาจจะไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับปี 2553
ในส่วนของการส่งออกผลิตภัณฑ์เซรามิก ในปี 2553 เติบโตเพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก แต่การเติบโตเป็นการเปรียบเทียบจากฐานตัวเลขที่ต่ำ จึงทำให้การส่งออกขยายตัวสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สำหรับการส่งออกผลิตภัณฑ์เซรามิก ในปี 2554 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยแม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่ผู้ส่งออกประสบปัญหาการแข็งค่าของเงินบาท จึงทำให้สินค้าของไทยมีราคาสูงกว่าคู่แข่ง และมีผลให้การส่งออกของไทยอาจจะขยายตัวได้ไม่มากนัก
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--