อะลูมิเนียมเป็นโลหะที่มีคุณสมบัติพิเศษหลายประการคือ แข็งแรง ทนทาน ความหนาแน่นน้อย น้ำหนักเบา ยืดตัวได้ง่าย มีความเหนียวมาก ทนทานต่อการเกิดสนิมและการกัดกร่อนในบรรยากาศการใช้งานทั่วไปได้ดีมาก (แต่ไม่ทนทานต่อการกัดกร่อนของกรดด่าง) มีความสามารถในการสะท้อนแสงสูงมาก เป็นโลหะที่ไม่เป็นพิษต่อร่างกายมนุษย์ มีค่าการนำความร้อนสูง และนำไฟฟ้าได้ดี อย่างไรก็ตาม อะลูมิเนียมเป็นโลหะที่เพิ่งถูกนำมาใช้ผลิตในเชิงพาณิชย์เพียง 153 ปีเท่านั้น ในขณะที่เหล็ก ทองแดง ตะกั่ว และดีบุก ได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์เป็นระยะเวลาหลายพันปีมาแล้ว ปัจจุบันความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียมมีมากขึ้นทุกปี และเป็นโลหะที่ถูกนำมาใช้ประโยชน์มากเป็นที่สองรองจากโลหะเหล็ก ทั้งนี้เนื่องจากคุณสมบัติที่มีหลากหลายประการดังกล่าวข้างต้น ทำให้เป็นทางเลือกสำหรับนักออกแบบทางด้านวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม นอกจากนั้น ข้อเด่นที่ทำให้อะลูมิเนียมเป็นที่นิยมใช้กว้างขวาง คือสามารถนำผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียมที่ใช้แล้วกลับมารีไซเคิลได้โดยไม่มีที่สิ้นสุด และไม่ทำให้สูญเสียคุณสมบัติในตัวของมัน ซึ่งขณะนี้อุตสาหกรรมอะลูมิเนียมทั่วโลกพยายามที่จะใช้วัตถุดิบที่เป็นผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียมที่ใช้แล้ว ทั้งนี้เพื่อเป็นการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้คุ้มค่า และเป็นการช่วยลดพลังงานได้อย่างมากเพราะการหลอมอะลูมิเนียมที่ใช้แล้วจะช่วยประหยัดพลังงานได้ถึงร้อยละ 95 ของพลังงานที่ต้องใช้ในการผลิตโลหะอะลูมิเนียมจากวัตถุดิบที่เป็นสินแร่
ภาวะตลาดโลก
การผลิต
การผลิตอะลูมิเนียมทำได้ 2 วิธีการ คือผลิตจากสินแร่ และผลิตจากเศษอะลูมิเนียมหรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้ว
จากรายงานสถิติข้อมูลของ International Aluminium Institute แจ้งว่ากำลังการผลิตโลหะอะลูมิเนียมที่ใช้วัตถุดิบจากสินแร่ในปี 2553 จำแนกตามภูมิภาคเป็นดังนี้
ตารางที่ 1 กำลังการผลิตโลหะอะลูมิเนียม ปี 2553
หน่วย : 1,000 เมตริกตัน
ภูมิภาค กำลังการผลิต แอฟริกา 1,895 อเมริกาเหนือ 5,912 อเมริกาใต้ 2,525 เอเชีย (ไม่รวมจีนและเกาหลีเหนือ)* 5,789 ยุโรปตะวันตก 4,320 ยุโรปตะวันออกและยุโรปกลาง 4,129 ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ 2,344 รวมทั้งสิ้น 26,914
ที่มา : International Aluminium Institute
หมายเหตุ : * จีนและเกาหลีเหนือมิได้รายงานตัวเลขต่อ International Aluminium Institute และประมาณการในอีก 2 ปีข้างหน้าว่าจะมีกำลังการผลิตดังนี้
ตารางที่ 2 ประมาณการกำลังการผลิตโลหะอะลูมิเนียม ปี 2554-2555
หน่วย : 1,000 เมตริกตัน
ภูมิภาค ปี 2554 ปี 2555 แอฟริกา 1,924 1,926 อเมริกาเหนือ 5,912 5,915 อเมริกาใต้ 2,572 2,648 เอเชีย (ไม่รวมจีนและเกาหลีเหนือ)* 6,377 6,722 ยุโรปตะวันตก 4,340 4,436 ยุโรปตะวันออกและยุโรปกลาง 4,114 4,083 ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ 2,370 2,374 รวมทั้งสิ้น 27,609 28,104
ที่มา : International Aluminium Institute
หมายเหตุ : * จีนและเกาหลีเหนือมิได้รายงานตัวเลขต่อ International Aluminium Institute
จะเห็นว่ากำลังการผลิตส่วนใหญ่จะอยู่ที่อเมริกาเหนือ ซึ่งได้แก่ แคนาดา และสหรัฐอเมริกา และในเอเชีย ได้แก่ ญี่ปุ่น และตะวันออกกลาง แต่การผลิตในปี 2553 ส่วนใหญ่จะผลิตมากในในอเมริกาเหนือ และยุโรปตะวันออก ดังปรากฏในตารางที่ 3
ตารางที่ 3 ปริมาณการผลิตโลหะอะลูมิเนียม ปี 2553
หน่วย : 1,000 เมตริกตัน
ภูมิภาค ปี 2553 แอฟริกา 1,744 อเมริกาเหนือ 4,689 อเมริกาใต้ 2,305 เอเชีย (ไม่รวมจีนและเกาหลีเหนือ)* 2,504 ยุโรปตะวันตก 3,801 ยุโรปตะวันออกและยุโรปกลาง 4,253 ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ 2,277 กลุ่มประเทศที่มีชายฝั่งติดอ่าวเปอร์เซีย (Gulf region) 2,722 รวมทั้งสิ้น 24,295
ที่มา : International Aluminium Institute
หมายเหตุ : * จีนและเกาหลีเหนือมิได้รายงานตัวเลขต่อ International Aluminium Institute
หากพิจารณาเป็นรายประเทศ จะเห็นว่าจีนเป็นประเทศที่ควรจับตามองเพราะมีการพัฒนาอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมอย่างรวดเร็วมาก และขณะนี้จีนได้เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดในโลกด้วยกำลังการผลิตเกือบ 13 ล้านเมตริกตัน และคาดว่าในปี 2555 กำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้นถึง 14.4 ล้านเมตริกตัน ในขณะที่ในปี 2553 มีการบริโภคสูงถึง 600 ล้านเมตริกตัน ส่วนใหญ่จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง จากการที่จีนมีความต้องการใช้โลหะอะลูมิเนียมเป็นจำนวนมากในแต่ละปีทำให้ต้องมีการสำรวจและพัฒนาแหล่งแร่ Bauxite ภายในประเทศ โดยเมื่อเดือนธันวาคม 2553 นี้ บริษัท Chinalco ของจีนได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับบริษัท Rio Tinto ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเหมืองแร่รายใหญ่ของโลกเพื่อทำการสำรวจปริมาณสำรองแร่ Bauxite ในประเทศจีน คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2554 โดยบริษัท Chinalco ถือหุ้นร้อยละ 51 และบริษัท Rio Tinto จะถือหุ้นร้อยละ 49
ราคาตลาดโลก
ราคาโลหะอะลูมิเนียม (Primary Aluminium) ในตลาดโลกค่อนข้างจะผันผวนและเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบันเนื่องจากอุปสงค์ (Demand) ที่เพิ่มมากขึ้นทุกปี ในขณะที่ด้านอุปทาน (Supply) จะขยายตัวได้ช้ากว่า ในปี 2553 ความต้องการใช้ของประเทศจีนเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ราคาโลหะอะลูมิเนียมในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น เพราะการผลิตในประเทศไม่เพียงพอกับความต้องการ และต้นทุนการผลิตก็เพิ่มขึ้น ทำให้จีนต้องนำเข้าจากต่างประเทศ นอกจากผลของความต้องการใช้ของจีนแล้ว การอ่อนค่าของเงินเหรียญสหรัฐฯก็ส่งผลให้ราคาในตลาดโลกเพิ่มมากขึ้นด้วย ที่ผ่านมาราคาสูงสุดของปีอยู่ที่ 2,532 เหรียญสหรัฐต่อเมตริกตัน เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2553 ( ราคาที่ตลาด London Metal Exchange) เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนเศษอะลูมิเนียมและความต้องการที่จะผลิตผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูปเพื่อเพิ่มปริมาณสินค้าคง
แนวโน้มราคาปี 2554
ความต้องการใช้อะลูมิเนียมในอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นปัจจัยหนึ่งที่จะผลักดันให้ความต้องการใช้ในโลกเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในจีนและสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้เพราะอุตสาหกรรมยานยนต์ของจีนจะยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกาได้มีการกำหนดมาตรฐานที่จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานในรถยนต์โดยการใช้โลหะที่มีน้ำหนักเบา(ซึ่งรวมถึงอะลูมิเนียม)เข้ามาใช้แทนเหล็กซึ่งจะส่งผลให้มีการเก็งกำไรในโลหะอะลูมิเนียมและผลักดันให้ราคาเพิ่มขึ้น
นอกจากปัจจัยด้านอุปสงค์แล้ว ด้านอุปทานก็จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้ราคาโลหะอะลูมิเนียมเพิ่มขึ้น เพราะราคาสินแร่และพลังงานเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในจีนที่ค่าจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นและราคาพลังงานสูง นอกจากนั้นยังมีความเข้มงวดในเรื่องของการรักษา
สภาพสิ่งแวดล้อมรอบๆโรงงานให้ได้ตามมาตรฐานสากล เพราะจีนถูกเพ่งเล็งในเรื่องนี้มาก ซึ่งก็จะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นและส่งผลให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม คาดว่าปริมาณสินค้าคงคลังที่มีสะสมอยู่มากในปี 2553 น่าจะมีส่วนช่วยดึงราคาปี 2554 ไว้ไม่ให้สูงขึ้นมากนัก
ภาวะอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมภายในประเทศ
โครงสร้างอุตสาหกรรมอะลูมิเนียม แบ่งออกได้ 3 ส่วน คือ อุตสาหกรรมต้นน้ำ ได้แก่ การถลุงอะลูมิเนียมจากแร่ Bauxite ซึ่งยังไม่มีในประเทศไทย อุตสาหกรรมกลางน้ำ ได้แก่ การผลิตผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูปเพื่อใช้ในการผลิตในอุตสาหกรรมปลายน้ำ สำหรับอุตสาหกรรมปลายน้ำจะเป็นการผลิตผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่มีรูปทรงต่างๆเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ ก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า บรรจุภัณฑ์ ภาชนะเครื่องครัว เป็นต้น
การที่ประเทศไทยยังไม่มีการถลุงอะลูมิเนียม เนื่องจากขาดแหล่งแร่ Bauxite และราคาพลังงาน เช่น ไฟฟ้า ก๊าซธรรมชาติ มีราคาสูง ดังนั้นวัตถุดิบต้นทางของการผลิตในไทยจึงเริ่มจากการนำเศษอะลูมิเนียมมาหลอมเป็นผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูปในรูปของแท่งแบน (Slab) และแท่งยาว (Billet) รวมทั้งการหล่ออะลูมิเนียมเป็นรูปทรงต่างๆตามความต้องการ สำหรับผู้ผลิตที่ไม่มีเตาหลอมก็จะสั่งนำเข้าวัตถุดิบในรูปของผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูปเข้ามารีดร้อนและรีดเย็นเพื่อลดความหนาได้ตามความต้องการ จนกระทั่งบางเป็นแผ่น Foil จากนั้นก็จะนำไปขึ้นรูปต่อด้วยวิธีการต่างๆ
สำหรับภาวะอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมภายในประเทศในปี 2553 จัดว่าดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อัตราการใช้กำลังการผลิตไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 แต่ผู้ผลิตในประเทศก็ยังต้องเผชิญกับปัญหาวัตถุดิบที่มีความผันผวนมากทำให้บางครั้งต้องขาดทุนจากการเก็บ stock วัตถุดิบ และต้องแข่งขันกับสินค้าจากจีนที่เข้ามาจำหน่ายในราคาที่ต่ำมาก ทั้งนี้เพราะจีนมีแหล่งแร่ Bauxite ที่ใช้ผลิตโลหะอะลูมิเนียม การผลิตส่วนใหญ่ครบวงจรอีกทั้งยังได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาลในด้านราคาพลังงาน ทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าของจีนต่ำกว่าไทยมาก ดังนั้นหากผู้ผลิตไทยจะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดภายในประเทศก็จำเป็นจะต้องปรับระดับคุณภาพของสินค้าให้เป็นการผลิตสินค้าคุณภาพสูงเพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันด้านราคาในสินค้าระดับคุณภาพทั่วไปของจีน และอาจจะต้องเพิ่มการบริการหลังการขายเพื่อเป็นการจูงใจลูกค้าด้วย
การนำเข้า : ปริมาณนำเข้าอะลูมิเนียมในปี 2553 ส่วนใหญ่จะเป็นวัตถุดิบ เช่น อะลูมิเนียมที่ยังไม่ขึ้นรูป (Unwrought) คิดเป็นปริมาณ 488,766 เมตริกตัน (เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 32.57) แหล่งนำเข้าที่สำคัญคือประเทศออสเตรเลีย สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และโอมาน รองลงมาคือเศษอะลูมิเนียม (Scrap) คิดเป็นปริมาณ 94,553 เมตริกตัน (เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 31.43 ) ส่วนใหญ่นำเข้ามาจากประเทศอังกฤษ กัมพูชา และ สิงคโปร์ สำหรับผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าปริมาณมากคือแผ่นอะลูมิเนียม (Plates Sheets & Strip) คิดเป็นปริมาณ 130,068 เมตริกตัน (เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 95.33 ) โดยส่วนมากนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้ รองลงมาคือ แผ่น Foil คิดเป็นปริมาณ 60,437 เมตริกตัน (เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 52.86) จากประเทศจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ รายละเอียดการนำเข้าปี 2553 ปรากฏตามตารางที่ 4
ตารางที่ 4 ปริมาณและมูลค่าการนำเข้าอะลูมิเนียม และของที่ทำด้วยอะลูมิเนียม ปี 2553
ผลิตภัณฑ์ ปริมาณ อัตราการขยายตัว มูลค่า อัตราการขยายตัว (เมตริกตัน) เทียบกับปีก่อน(%) (ล้านบาท) เทียบกับปีก่อน(%) - อะลูมิเนียมที่ยังไม่ขึ้นรูป (อันรอต) 488,766 32.57 36,065 54.08- - 3เศษและของที่ใช้ไม่ได้ที่เป็นอะลูมิเนียม 94,553 31.43 5,026 55.99 - ผงอะลูมิเนียมและเกล็ดอะลูมิเนียม 576 15.43 110 2.8 - ท่อน เส้น และโพรไฟล์ ทำด้วยอะลูมิเนียม 10,884 60.01 1,441 60.65 - ลวดอะลูมิเนียม 4,195 18.4 514 21.23 - แผ่น แผ่นบาง และแถบ ทำด้วยอะลูมิเนียม 130,068 95.33 15,654 18.37 - ฟอยล์อะลูมิเนียม ความหนาไม่เกิน 0.2 มม. 60,437 52.86 8,838 48.64 - หลอด หรือ ท่อ ทำด้วยอะลูมิเนียม 10,492 64.68 2,284 62.33 - อุปกรณ์ติดตั้งที่ทำด้วยอะลูมิเนียม ของหลอดหรือท่อ 521 46.76 263 52.91 - สิ่งก่อสร้าง 3,180 66.14 471 0 - เรเซอร์วัวร์ แท้งก์ แว้ต และภาชนะที่คล้ายกัน 213 -66.72 32 -85.45 สำหรับใช้บรรจุวัตถุใดก็ตาม ทำด้วยอะลูมิเนียมที่มีความจุเกิน 300 ลิตร - คาสก์ ดรัม กระป๋อง หีบ และภาชนะคล้ายกัน 4,517 48.2 1,119 37.13 สำหรับใช้บรรจุวัตถุใดก็ตาม ทำด้วยอะลูมิเนียมที่มีความจุเกิน 300 ลิตร - ภาชนะอะลูมิเนียมสำหรับบรรจุก๊าซอัดหรือก๊าซเหลว 355 53.02 113 -25.66 - ลวดเกลียว เคเบิล แถบถัก ทำด้วยอะลูมิเนียมไม่หุ้มฉนวนไฟฟ้า 7,117 4,061.99 642 2,040.00 - ของใช้บนโต๊ะอาหาร ของใช้ในครัว หรือของใช้ 958 35.89 223 28.9 ตามบ้านเรือนอื่นๆ ทำด้วยอะลูมิเนียม - ของอื่นๆทำด้วยอะลูมิเนียม 20,990 16.32 13,456 24.71 รวม 837,822.00 42.23 86,851 41.32
ที่มา : กรมศุลกากร
การส่งออก : ในปี 2553 การส่งออกในส่วนของวัตถุดิบที่มีปริมาณมากสูงสุดคือ อะลูมิเนียมที่ยังไม่ขึ้นรูป (Unwrought) คิดเป็นปริมาณ 59,975 เมตริกตัน (เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 56.45) ตลาดหลักคือ ประเทศอินเดีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม รองลงมาคือเศษอะลูมิเนียม (Scrap) คิดเป็นปริมาณ 33,462 เมตริกตัน (เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 42.32) โดยส่วนใหญ่ส่งไปที่ประเทศเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และอินเดีย สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีการส่งออกที่น่าสนใจคือ สิ่งก่อสร้าง มีปริมาณส่งออกที่ระดับ 81,951 เมตริกตัน (แต่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเพียงเล็กน้อยคือ ร้อยละ 9.40) ตลาดหลักได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ และเนเธอร์แลนด์ รองลงมาคือของใช้บนโต๊ะอาหาร ของใช้ในครัว
ปริมาณส่งออกอยู่ที่ 29,235 เมตริกตัน อีกผลิตภัณฑ์คือแผ่นอะลูมิเนียม (Plates Sheets & Strip) ส่งออกในปริมาณ 24,149 เมตริกตัน (เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 42.89) โดยส่วนใหญ่ส่งออกไปจำหน่ายที่ประเทศญี่ปุ่น ฝรั่งเศส และเกาหลีใต้ รายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 5
ปริมาณและมูลค่าการส่งออกอะลูมิเนียม และของที่ทำด้วยอะลูมิเนียม ปี 2553
ผลิตภัณฑ์ ปริมาณ อัตราการขยายตัว มูลค่า อัตราการขยายตัว
(เมตริกตัน) เทียบกับปีก่อน(%) (ล้านบาท) เทียบกับปีก่อน(%)
- อะลูมิเนียมที่ยังไม่ขึ้นรูป (อันรอต) 59,975 56.45 4,342 53.43 - เศษและของที่ใช้ไม่ได้ที่เป็นอะลูมิเนียม 33,462 42.32 1,308 32.52 - ผงอะลูมิเนียมและเกล็ดอะลูมิเนียม 1 -95 1 -91.44 - ท่อน เส้น และโพรไฟล์ ทำด้วยอะลูมิเนียม 18,123 -30.54 1,619 -14.07 - ลวดอะลูมิเนียม 140 268.42 28 86.67 - แผ่น แผ่นบาง และแถบ ทำด้วยอะลูมิเนียม 24,149 42.89 2,313 38.75 - ฟอยล์อะลูมิเนียม ความหนาไม่เกิน 0.2 มม. 8,607 22.82 1,274 -1.92 - หลอด หรือ ท่อ ทำด้วยอะลูมิเนียม 2,632 16.61 638 19.7 - อุปกรณ์ติดตั้งที่ทำด้วยอะลูมิเนียม ของหลอดหรือท่อ 485 18.87 234 22.51 - สิ่งก่อสร้าง 81,951 9.4 13,996 -2.28 - เรเซอร์วัวร์ แท้งก์ แว้ต และภาชนะที่คล้ายกัน 123 50 44 33.33 สำหรับใช้บรรจุวัตถุใดก็ตาม ทำด้วยอะลูมิเนียมที่มีความจุเกิน 300 ลิตร - คาสก์ ดรัม กระป๋อง หีบ และภาชนะคล้ายกัน 13,765 20.77 3,111 13.58 สำหรับใช้บรรจุวัตถุใดก็ตาม ทำด้วยอะลูมิเนียมที่มีความจุเกิน 300 ลิตร - ภาชนะอะลูมิเนียมสำหรับบรรจุก๊าซอัดหรือก๊าซเหลว 131 -14.94 38 8.57 - ลวดเกลียว เคเบิล แถบถัก ทำด้วยอะลูมิเนียมไม่หุ้มฉนวนไฟฟ้า 234 -23.03 38 -37.7 - ของใช้บนโต๊ะอาหาร ของใช้ในครัว หรือของใช้ตาม 29,235 37.02 6,213 34.05 - บ้านเรือนอื่นๆ ทำด้วยอะลูมิเนียมของอื่นๆทำด้วยอะลูมิเนียม 4,070 26.01 รวม 287,646.00 23.66 39,267 13.91
แนวโน้มปี 2554 : คาดว่าอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมภายในประเทศจะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 เพราะอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่ใช้อะลูมิเนียมมีแนวโน้มที่จะขยายตัว เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ ก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า และบรรจุภัณฑ์ อย่างไรก็ตาม หากปัญหาความไม่สงบทางการเมืองของกลุ่มประเทศตะวันออกกลางซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันแหล่งใหญ่ของโลกยังไม่ยุติลง จะส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นซึ่งจะกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกรวมทั้งเศรษฐกิจของประเทศไทย และส่งผลให้การขยายตัวของอุตสาหกรรมต่างๆชะลอตัวลงได้เช่นกัน
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--