สรุปภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาสที่ 1(มกราคม—มีนาคม)2554(อุตสาหกรรมปิโตรเคมี)

ข่าวเศรษฐกิจ Friday June 10, 2011 15:16 —สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

ไตรมาส 1 ปี 2554 ราคาแนฟธาของตลาดเอเชียมีการปรับตัวในทิศทางขาขึ้นตลอดไตรมาสตามราคาน้ำมันดิบตลาดล่วงหน้าที่ปรับสูงขึ้น ประกอบกับอุปทานในภูมิภาคมีจำกัด เนื่องจากแนฟธาจากตะวันออกกลางและยุโรปมีจำกัด ซึ่งเป็นผลมาจากความไม่สงบทางการเมืองที่ทวีความรุนแรงขึ้นในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ (MENA) สำหรับราคาเอทิลีนในช่วงต้นไตรมาสต่อเนื่องถึงช่วงกลางไตรมาสปรับตัวเพิ่มขึ้น ตามราคาวัตถุดิบตั้งต้น และคาดการณ์ว่าสินค้าจะมีจำกัดหลังเทศกาลตรุษจีนเนื่องจากใกล้เข้าสู่ช่วงการปิดซ่อมบำรุงแครกเกอร์ ประจำปี ส่วนราคาเอทิลีนช่วงปลายไตรมาสปรับตัวลดลง เนื่องจากความต้องการมีน้อย ผู้ใช้ได้มีการเก็บสต็อกผลิตภัณฑ์จำนวนมากไว้ล่วงหน้า

สำหรับการซื้อขายเม็ดพลาสติกทั้ง PE และ PP ตลอดไตรมาสราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามราคาวัตถุดิบตั้งต้นและราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้น ประกอบการความต้องการภายในประเทศมีเข้ามามาก อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องภายในประเทศไม่มีการกักตุนวัตถุดิบ เนื่องจากคาดการณ์ว่าราคาเม็ดพลาสติกมีโอกาสปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบตลาดล่วงหน้าจากที่อยู่ในระดับสูงติดต่อกันมานาน

การผลิต

ไตรมาส 1 ปี 2554 อุตสาหกรรมปิโตรเคมีภายในประเทศ มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตโพรพิลีนขนาด 250,000 ตัน/ปี เป็น 710,000 ตัน/ปี เพื่อสนองความต้องการในภูมิภาค คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในปี 2557— 2558 และมีแผนการลงทุนธุรกิจปิโตรเคมีในเวียดนามโดยก่อสร้างโรงงานผลิตเอทิลีน คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในปี 2559

สำหรับการผลิตในภูมิภาคเอเชีย สิงคโปร์ โครงการก่อสร้างแครกเกอร์ขนาดกำลังการผลิต 1 ล้านตัน/ปี และหน่วยผลิตผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องประกอบด้วยหน่วยผลิต PE 2 หน่วย ขนาดกำลังการผลิตหน่วยละ650,000 ตัน/ปี และหน่วยผลิต PP ขนาดกำลังการผลิต 450,000 ตัน/ปี ประสบปัญหาในเรื่องเครื่องจักรและการก่อสร้าง คาดว่าจะเลื่อนเปิดดำเนินการจากครึ่งหลังของปี 2554 ไปเป็นปี 2555 โดยผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากโครงการนี้จะส่งออกไปยังภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเน้นที่จีนเป็นหลัก

รัฐบาลเกาหลีใต้ อยู่ระหว่างพิจารณาการลงทุนใหม่ในประเทศเพื่อก่อสร้างแครกเกอร์และหน่วยผลิตผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 3-5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และเริ่มดำเนินการศึกษาความเป้นไปได้ในการลงทุนในประเทศอื่นๆ ในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คาดว่าผลการศึกษาจะแล้วเสร็จภายในปี 2554

อินโดนีเซีย คาดว่าโครงการขยายกำลังการผลิต PP จาก 360,000 ตัน/ปี เป็น 480,000 ตัน/ปี และ PE (ผลิต LLDPE และ HDPE) จาก 320,000 ตัน/ปี เป็น 336,000 ตัน/ปี จะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2554 ทั้งนี้ในปี 2554 ได้วางแผนเพิ่มกำลังการผลิต PE หน่วยดังกล่าวอีกร้อยละ 59.5 ทำให้กำลังการผลิตรวมเพิ่มขึ้นจาก 336,000 ตัน/ปี เป็น 536,000 ตัน/ปี ด้วย รวมถึงมีแผนขยายกำลังการผลิตเอทิลีนเพื่อสนอความต้องการที่เพิ่มขึ้นในประเทศ ขนาดกำลังการผลิต 600,000 ตัน/ปี เป็น 1 ล้านตัน/ปี ในช่วงเวลาเดียวกัน

จีน อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการปิโตรเคมี ซึ่งประกอบด้วยแครกเกอร์ขนาดกำลังการผลิต 1.5 ล้านตัน/ปี โดยใช้ LPG เป้นวัตถุดิบตั้งต้น และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง ประกอบด้วย PE, PP, บิวทาไดอีน, สไตรีน บิวทาไดอีน (SBR), เมทิล เทอร์เชียรี บิวทิล อีเทอร์ (MTBE), เอธิลีนออกไซด์ (EO)และอะโรเมติกส์ ขนาดกำลังการผลิตรวม 2.6 ล้านตัน/ปี คาดว่าจะนำเสนอผลการศึกษาต่อรัฐบาลกลางในช่วงครึ่งแรกของปี 2554

การ์ตา ดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายกำลังการผลิตแครกเกอร์ 2 แห่ง ซึ่งมีกำลังการผลิต 720,000 ตัน/ปี และ 450,000 ตัน/ปี โดยเพิ่มเป็น 900,000 ตัน/ปี และ 600,000 ตัน/ปีตามลำดับ คาดว่าการดำเนินการจะแล้วเสร็จในต้นไตรมาสที่ 2 ของปี 2554

คูเวต มีแผนก่อสร้างหน่วยผลิต PP ขนาดกำลังการผลิต 55,000 ตัน/ปี โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการในปี 2555 รวมถึงอยู่ระหว่างการตัดสินใจกลับมาผลิต PP โคพอลิเมอร์ และ PP โฮโมพอลิเมอร์

สหรัฐอาหรับเอมิเรต อยู่ระหว่างดำเนินการโครงการหน่วยผลิต cross-linkable polyethylene (XLPE) ขนาดกำลังการผลิต 80,000 ตัน/ปี ซึ่งเป็นส่วนที่เพิ่มจากหน่วยผลิต LDPE ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีรวมเพิ่มจาก 2.5 ล้านตัน/ปี เป็น 4.5 ล้านตัน/ปี คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสสุดท้ายของปี 2556

ซาอุดิอาระเบีย สำหรับโครงการร่วมทุนกับประเทศญี่ปุ่น ในโครงการขยายฐานการผลิตปิโตรเคมีจากน้ำมันระยะที่ 2 ซึ่งประกอบด้วยโรงงานแครกเกอร์อีเทนขนาดกำลังการผลิต 1.3 ล้านตัน/ปี โรงงาน MEG ขนาดกำลังการผลิต 700,000 ตัน/ปี โรงงาน LLDPE ขนาดกำลังการผลิต 600,000 ตัน/ปี โรงงาน HDPE ขนาดกำลังการผลิต 300,000 ตัน/ปี และโรงงาน PP ขนาดกำลังการผลิต 700,000 ตัน/ปี มีแผนสรุปผลการศึกษาความเป็นไปได้ภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2554 นอกจากนี้ อยู่ระหว่างขั้นตอนการวางแผนโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตโพลีเอทิลีนชนิดความหนาแน่นสูง (HDPE) ขนาดกำลังการผลิต 300,000 ตัน/ปีเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากอุตสาหกรรมปลายน้ำในภูมิภาค รวมถึงเพื่อการส่งออก

การตลาด

ราคาเม็ดพลาติก PE และ PP ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2554 ราคาจำหน่ายเม็ดพลาสติก (ราคาเฉลี่ย SE Asia CIF) ในเดือนมีนาคม 2554 ของ LDPE, HDPE, และ PP อยู่ที่ระดับ 53.81, 43.46 และ 48.39 บาท/กิโลกรัม ตามลำดับ ทั้งนี้ LDPE, HDPE และ PP มีระดับราคาเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4 ปี 2553 ที่ระดับราคา 49.44, 39.26 และ 38.40 บาท/กิโลกรัม ตามลำดับ

การนำเข้า

ไตรมาส 1 ปี 2554 การนำเข้าปิโตรเคมีขั้นต้นมีมูลค่า 3,294.27 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 8.70 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา และลดลงร้อยละ 14.78 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปิโตรเคมีขั้นกลางมีมูลค่านำเข้า 8,677.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.25 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.56 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนปิโตรเคมีขั้นปลายมีมูลค่านำเข้า 28,358.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ23.78 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.17 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

การส่งออก

ไตรมาส 1 ปี 2554 การส่งออกปิโตรเคมีขั้นต้นมีมูลค่าส่งออก 13,785.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 34.98 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้นร้อยละ 56.91 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปิโตรเคมีขั้นกลางมีมูลค่าส่งออก 14,112.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.57 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้นร้อยละ 30.69 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนปิโตรเคมีขั้นปลายมีมูลค่าส่งออก 60,540.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.26 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้นร้อยละ 55.71 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

แนวโน้ม

อุตสาหกรรมปิโตรเคมีภายในประเทศ มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จากการฟื้นฟูหลังเกิดอุทกภัยในภาคใต้ รวมถึงการเตรียมการเลือกตั้งที่กำหนดให้มีขึ้นในเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2554 ซึ่งคาดว่าจะทำความ Demand ขยายตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามอุตสาหกรรมปิโตรเคมียังคงมีปัจจัยเสี่ยง ทางด้านความผันผวนของราคาน้ำมัน เสถียรภาพของค่าเงินบาท และความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ส่งผลโดยตรงต่อต้นทุนวัตถุดิบและอุตสาหกรรมตลอด Supply Chain และไม่ควรมองข้ามการผลิตซึ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่อยู่ในกระแสความสนใจของสังคมในปัจจุบัน

--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--

-พห-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ