1. การผลิต
การผลิตเซรามิก ไตรมาสที่ 2 ปี 2554 กระเบื้องปูพื้น บุผนัง มีปริมาณผลิต 42.87 ล้านตารางเมตร เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และระยะเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.76 และ 2.45 ตามลำดับ สำหรับเครื่องสุขภัณฑ์ มีปริมาณผลิต 1.72 ล้านชิ้น เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ลดลงร้อยละ 3.31 แต่เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.91 ซึ่งการผลิตเซรามิกที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งเป็นการผลิตเพื่อส่งออก (ตารางที่ 1 และ 2)
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2554 การผลิตเซรามิกยังคงเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศ แต่อยู่ในภาวะชะลอตัวลงหลังมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ได้สิ้นสุดลงในปี 2553 โดยการผลิตกระเบื้องปูพื้น บุผนัง มีปริมาณ 83.78 ล้านตารางเมตร และการผลิตเครื่องสุขภัณฑ์ มีปริมาณ 3.51 ล้านชิ้น เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.04 และ 2.80 ตามลำดับ
2. การตลาด
2.1 ตลาดในประเทศ
การจำหน่ายเซรามิก ไตรมาสที่ 2 ปี 2554 กระเบื้องปูพื้น บุผนัง มีปริมาณจำหน่าย 45.24 ล้านตารางเมตร และเครื่องสุขภัณฑ์ มีปริมาณจำหน่าย 1.0 ล้านชิ้น เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ลดลงร้อยละ 2.48 และ 4.90 ตามลำดับ เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลที่มีวันหยุดต่อเนื่องหลายวัน และเริ่มเข้าสู่ฤดูฝน แต่เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน การจำหน่ายกระเบื้องปูพื้น บุผนัง เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.54 และเครื่องสุขภัณฑ์ ลดลงร้อยละ 6.04 (ตารางที่ 1 และ 2)
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2554 การจำหน่ายกระเบื้องปูพื้น บุผนัง มีปริมาณ 91.64 ล้านตารางเมตร เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.71 และการจำหน่ายเครื่องสุขภัณฑ์ มีปริมาณ 2.05 ล้านชิ้น เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน ลดลงร้อยละ 7.94 ทั้งนี้ กระเบื้องปูพื้น บุผนัง จะอิงกับตลาดซ่อมแซมบ้านเก่าเป็นหลัก โดยมีสัดส่วนของตลาดบ้านเก่าและบ้านใหม่ ร้อยละ 70 และ 30 ตามลำดับ ในขณะที่เครื่องสุขภัณฑ์จะอิงกับตลาดบ้านใหม่เป็นหลัก ดังนั้น การเติบโตของกระเบื้องปูพื้น บุผนัง จึงสูงกว่าเครื่องสุขภัณฑ์
2.2 การส่งออก
การส่งออกผลิตภัณฑ์เซรามิก ไตรมาสที่ 2 ปี 2554 มีมูลค่ารวม 158.79 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ลดลงร้อยละ 9.03 โดยผลิตภัณฑ์ที่มีการส่งออกลดลง ได้แก่ ของชำร่วยเครื่อง ประดับ และผลิตภัณฑ์เซรามิกอื่นๆ แต่เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน การส่งออกผลิตภัณฑ์เซรามิก เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.62 โดยผลิตภัณฑ์ที่มีการส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องสุขภัณฑ์ เครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร ของชำร่วยเครื่องประดับ และลูกถ้วยไฟฟ้า (ตารางที่ 3)
การส่งออกผลิตภัณฑ์เซรามิกจะส่งไปยังประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา จีน ออสเตรเลีย เยอรมนี และประเทศในกลุ่มอาเซียน โดยการส่งออกผลิตภัณฑ์เซรามิกในช่วงครึ่งแรกของปี 2554 มีมูลค่ารวม 333.35ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.43 ซึ่งเป็นไปตามการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ การส่งออกผลิตภัณฑ์เซรามิกมีการเติบโตเพิ่มขึ้นเกือบทุกผลิตภัณฑ์ ยกเว้น กระเบื้องปูพื้น บุผนัง ที่การส่งออกลดลงในตลาดสหรัฐอเมริกา ถึงร้อยละ 67.23
2.3 การนำเข้า
การนำเข้าผลิตภัณฑ์เซรามิกส่วนใหญ่จะนำเข้าจากประเทศจีน มาเลเซีย ญี่ปุ่น อินโดนีเซียและเวียดนาม โดยการนำเข้าผลิตภัณฑ์เซรามิก ไตรมาสที่ 2 ปี 2554 มีมูลค่ารวม 109.44 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และระยะเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 37.16 และ 35.46 ตามลำดับ สำหรับการนำเข้าผลิตภัณฑ์เซรามิก ในช่วงครึ่งแรกของปี 2554 มีมูลค่ารวม 189.23 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.03 (ตารางที่ 4) ซึ่งการนำเข้าผลิตภัณฑ์เซรามิกสำหรับใช้ตามห้อง ปฏิบัติการส่วนใหญ่จะนำเข้าจากญี่ปุ่นและมาเลเซีย และการนำเข้าผลิตภัณฑ์เซรามิกอื่นส่วนใหญ่มากกว่า ร้อยละ 80 เป็นการนำเข้าผลิตภัณฑ์กระเบื้องปูพื้น บุผนัง โดยนำเข้าจากจีน เวียดนาม และมาเลเซีย
3. นโยบายของรัฐ
รัฐบาลได้ประกาศนโยบายปรับขึ้นราคาก๊าซ LPG ภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ไตรมาสละ 1 ครั้ง ครั้งละ 3 บาทต่อกิโลกรัม รวม 4 ไตรมาส ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2554 ที่มีผลบังคับกับโรงงานที่ใช้ก๊าซ LPG เกินกว่า 1,000 กิโลกรัม ซึ่งจะส่งผลให้การผลิตของโรงงานอุตสาหกรรมเซรามิกขนาดกลางและขนาดใหญ่มีต้นทุนเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงาน ได้ประกาศเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2554 กำหนดให้โรงงานขนาดเล็กที่ใช้ถังก๊าซ LPG ไม่เกิน 20 ถัง (ขนาดถังละ 48 กิโลกรัม) รวมไม่เกิน 1,000 กิโลกรัม ยังคงได้รับประโยชน์จากการใช้ก๊าซ LPG ในราคาภาคครัวเรือน
4. สรุปและแนวโน้ม
การผลิตเซรามิก ไตรมาสที่ 2 ปี 2554 กระเบื้องปูพื้น บุผนัง และเครื่องสุขภัณฑ์ ยังคงเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการผลิตที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งเป็นการผลิตเพื่อส่งออก ในขณะที่การจำหน่ายเซรามิกในช่วงไตรมาสนี้ ทั้งกระเบื้องปูพื้น บุผนัง และเครื่องสุขภัณฑ์ ลดลง เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลที่มีวันหยุดต่อเนื่องหลายวัน และเริ่มเข้าสู่ฤดูฝน สำหรับแนวโน้มการผลิตและจำหน่ายเซรามิก ไตรมาส ที่ 3 ปี 2554 คาดว่าจะไม่สามารถเติบโตได้มากนัก เนื่องจาก เป็นช่วงฤดูฝน ประกอบกับนโยบายการปรับราคาก๊าซ LPG ที่ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น อาจทำให้ต้องแข่งขันกับสินค้านำเข้าที่มีราคาถูกกว่า
การส่งออกผลิตภัณฑ์เซรามิก ไตรมาสที่ 2 ปี 2554 ลดลง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ของชำร่วยเครื่องประดับ และผลิตภัณฑ์เซรามิกอื่น สำหรับการส่งออกผลิตภัณฑ์เซรามิก ไตรมาสที่ 3 ปี 2554 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการปรับตัวของเศรษฐกิจโลกที่มีทิศทางดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตไทยอาจต้องเผชิญกับปัญหาต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้นและการแข็งค่าของเงินบาทที่จะทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันลดลง ดังนั้น จึงจำเป็นต้องเร่งปรับตัวเพื่อให้สามารถแข่งขันได้
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--