1. การผลิตและการจำหน่ายในประเทศ
1.1 การผลิต
การผลิตปูนซีเมนต์ ไตรมาสที่ 2 ปี 2554 มีปริมาณการผลิตปูนเม็ด 9.60 ล้านตัน เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.05 แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ลดลงร้อยละ 7.07 ส่วนการผลิตซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด) มีจำนวน 9.12 ล้านตัน เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ลดลงร้อยละ 6.46 และ 1.19 ตามลำดับ ในช่วงครึ่งแรก ปี 2554 มีปริมาณการผลิตปูนเม็ด 19.09 ล้านตัน ส่วนการผลิตซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด) มีจำนวน 18.87 ล้านตัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีการผลิตปูนเม็ดลดลงร้อยละ 4.55 ส่วนการผลิตซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด) มีการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.91
1.2 การจำหน่ายในประเทศ
การจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศ ไตรมาสที่ 2 ปี 2554 มีปริมาณการจำหน่ายรวม 7.80 ล้านตัน แบ่งออกเป็นการจำหน่ายปูนเม็ด 0.27 ล้านตัน และซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด) 7.53 ล้านตัน โดยเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ปริมาณการจำหน่ายในประเทศรวม ลดลงร้อยละ 4.06 แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.63 สำหรับในช่วงครึ่งแรก ปี 2554 มีปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ รวม 15.93 ล้านตัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.91
การผลิตและการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศในไตรมาสที่ 2 ปี 2554 เมื่อเทียบกับ ไตรมาสก่อนชะลอตัวลง แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเมื่อมองภาพรวมในครึ่งปีแรก อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ยังคงขยายตัวได้เนื่องจากธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ยังคงขยายตัวตามภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในปีนี้ที่อยู่อาศัยประเภทบ้านจัดสรรจะขยายตัวมากขึ้น เนื่องจากมีการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนออกสู่ชานเมือง อีกทั้งในช่วงไตรมาสที่ 1 เป็นช่วงฤดูกาลก่อสร้าง ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญที่จะมีส่วนช่วยผลักดันให้อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ขยายตัวเพิ่มขึ้น คือ การลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงคือต้นทุนในการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้น
2. การส่งออกและการนำเข้า
2.1 การส่งออก
การส่งออกปูนซีเมนต์ ไตรมาสที่ 2 ปี 2554 มีปริมาณรวม 3.42 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 156.54 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แบ่งออกเป็นการส่งออกปูนเม็ด จำนวน 1.98 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 77.41 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด) จำนวน 1.44 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 79.13 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ปริมาณและมูลค่าการส่งออกรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.38 และ 12.72 ตามลำดับ แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มูลค่าการส่งออกรวมลดลงร้อยละ 9.04 และ 12.98 ตามลำดับ สำหรับการส่งออกปูนซีเมนต์ในช่วงครึ่งแรก ปี 2554 มีปริมาณการส่งออกรวม 6.41 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 295.41 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปริมาณและมูลค่าการส่งออกรวมลดลงร้อยละ 13.50 และ 11.93 ตามลำดับ
สำหรับการส่งออกชะลอตัวลง เนื่องจากตลาดภายในประเทศขยายตัว จึงทำให้ผู้ประกอบการหันมาเน้นตลาดภายในประเทศมากขึ้น อีกทั้งภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวน และภาวะเงินเฟ้อที่เริ่มชัดเจนขึ้นในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักของไทย สำหรับตลาดส่งออกที่สำคัญของไทย คือ เมียนมาร์ บังคลาเทศ กัมพูชา ลาว และเวียดนาม ตามลำดับ
2.2 การนำเข้า
การนำเข้าปูนซีเมนต์ไตรมาสที่ 2 ปี 2554 มีปริมาณรวม 3,961.73 ตัน คิดเป็นมูลค่า 1.68 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยเป็นการนำเข้าปูนเม็ด จำนวน 260.13 ตัน คิดเป็นมูลค่า 0.12 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปูนซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด) จำนวน 3,701.60 ตัน คิดเป็นมูลค่า 1.58 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ปริมาณและมูลค่าการนำเข้ารวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.93 และ 16.67 ตามลำดับ แต่เมื่อเทียบกับ ไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ปริมาณและมูลค่าการนำเข้ารวมเพิ่มขึ้น ร้อยละ 65.49 และ 61.54 ตามลำดับ
สำหรับการนำเข้าปูนซีเมนต์ในช่วงครึ่งแรก ปี 2554 มีปริมาณการนำเข้ารวม 7,666.72 ตัน คิดเป็นมูลค่า 3.14 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปริมาณและมูลค่าการนำเข้ารวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 36.55 และ 30.29 ตามลำดับ ทั้งนี้การนำเข้าส่วนใหญ่จะเป็นอะลูมินัสซีเมนต์ ซึ่งไม่สามารถผลิตได้ในประเทศ และบางส่วนเป็นการนำเข้าซีเมนต์ปอร์ตแลนด์คุณภาพสูงเพื่อใช้ในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ระบุคุณสมบัติของวัสดุที่นำมาก่อสร้างตลาดนำเข้าที่สำคัญ คือ จีน เนเธอร์แลนด์ อินเดีย และญี่ปุ่น
3. สรุป
ภาวะอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ในประเทศในไตรมาสที่ 2 ปี 2554 เมื่อเทียบกับ ไตรมาสก่อนชะลอตัวลง เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนทำให้เป็นอุปสรรคในการก่อสร้าง ทำให้ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ลดลงตามไปด้วย แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และในภาพรวมช่วงครึ่งแรกของปี อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ยังขยายตัวได้ดี เนื่องจากการขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ ตามภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ปัจจัยสำคัญที่มีส่วนช่วยในการเติบโตของอุตสาหกรรม คือ การเร่งการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล ซึ่งจะมีส่วนช่วยผลักดันให้มีการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยลบคือต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับแนวโน้มการผลิตและการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศในไตรมาสที่ 3 ปี 2554 คาดว่าจะชะลอตัวลงเล็กน้อย ซึ่งในไตรมาส 3 นั้น ถือเป็นช่วงที่มีการใช้ปูนซีเมนต์ต่ำสุดของปี เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูฝน อาจทำให้การก่อสร้างชะลอตัว และจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในช่วงไตรมาส 4
การส่งออกปูนซีเมนต์ลดลง ทั้งนี้ เนื่องจากตลาดภายในประเทศขยายตัว ทำจึงให้ผู้ประกอบการหันมาเน้นตลาดภายในประเทศมากขึ้น อีกทั้งภาวะเศรษฐกิจโลกมีความผันผวน ภาวะเงินเฟ้อเริ่มชัดเจนขึ้นในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักปูนซีเมนต์ของไทย อย่างไรก็ตาม สำหรับแนวโน้มการส่งออกในไตรมาสที่ 3 ปี 2554 คาดว่ายังทรงตัว เนื่องจากตลาดส่งออกหลักของไทย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศกำลังพัฒนายังมีความจำเป็นต้องใช้ปูนซีเมนต์ในกิจกรรมการก่อสร้าง เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--