รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรมประจำเดือนธันวาคม 2556

ข่าวเศรษฐกิจ Friday January 10, 2014 15:44 —สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

ดัชนีอุตสาหกรรมของเดือนพฤศจิกายน 2556
  • ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนพฤศจิกายน 2556 เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2556 ร้อยละ 0.5 แต่ลดลงร้อยละ 10.6 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน การผลิตลดลงในหลายอุตสาหกรรมที่สำคัญ คือ ยานยนต์ Hard Disk Drive อาหารทะเลกระป๋องและแช่แข็ง เบียร์ ผลิตภัณฑ์ยาสูบ
  • อัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ยในเดือนพฤศจิกายน 2556 อยู่ที่ระดับร้อยละ 63.1 ลดลงเล็กน้อยจากร้อยละ 63.5 ในเดือนตุลาคม 2556
ประเด็นเศรษฐกิจอุตสาหกรรมสำคัญในเดือนธันวาคม 2556

อุตสาหกรรมรถยนต์

  • ภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนธันวาคม 2556 คาดว่าจะขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนพฤศจิกายน 2556 เนื่องจากมีการจัดงาน Motor Expo ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน 2556-10 ธันวาคม 2556 ซึ่งภายในงานมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นตลาดในประเทศ อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากสถานการณ์ทางการเมืองที่คาดว่าจะกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ สำหรับการผลิตรถยนต์ในเดือนธันวาคม 2556 ประมาณการว่าจะมีการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศร้อยละ 53 และส่งออกร้อยละ 47

อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์

  • ภาพรวมอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เดือนธันวาคม 2556 จากแบบจำลองดัชนีชี้นำที่จัดทำโดยสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ประมาณการแนวโน้มการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.11 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
  • อุตสาหกรรมไฟฟ้าจะลดลงร้อยละ 4.37 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจากการชะลอการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศและตลาดส่งออกที่ยังไม่ฟื้นตัว
  • อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.35 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ไปตลาดหลักบางตลาดมีการปรับตัวดีขึ้น
สถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม
  • ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม

ต.ค. 56 = 171.3

พ.ย. 56 = 172.2

โดยอุตสาหกรรมที่ส่งผลให้ดัชนีเพิ่มขึ้น ได้แก่

  • Hard Disk Drive
  • เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านเรือน
  • ผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์
  • อัตราการใช้กำลังการผลิต

ต.ค. 56 = 63.5

พ.ย. 56 = 63.1

โดยอุตสาหกรรมที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลัง การผลิตลดลงเล็กน้อย ได้แก่

  • ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
  • ผลิตภัณฑ์ยาสูบ
  • เม็ดพลาสติก

ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ในเดือนพฤศจิกายน 2556 มีค่า 172.2 เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2556 (171.3) ร้อยละ 0.5 แต่ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน คือ เดือนพฤศจิกายน 2555 (192.6) ร้อยละ 10.6

  • อุตสาหกรรมที่ส่งผลสำคัญให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2556 ได้แก่ Hard Disk Drive เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านเรือน ผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป เป็นต้น
  • อุตสาหกรรมที่ส่งผลสำคัญให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ ยานยนต์ Hard Disk Drive อาหารทะเลกระป๋องและแช่แข็ง เบียร์ ผลิตภัณฑ์ยาสูบ เป็นต้น

อัตราการใช้กำลังการผลิต ในเดือนพฤศจิกายน 2556 อยู่ที่ระดับร้อยละ 63.1 ลดลงเล็กน้อยจากเดือนตุลาคม 2556 (ร้อยละ 63.5) และลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน คือเดือนพฤศจิกายน 2555 (ร้อยละ 68.4)

  • อุตสาหกรรมที่ส่งผลสำคัญให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลงเล็กน้อยจากเดือนตุลาคม 2556 ได้แก่ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์ยาสูบ เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม เยื่อกระดาษ กระดาษ และกระดาษแข็ง เป็นต้น
  • อุตสาหกรรมที่ส่งผลสำคัญให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ ยานยนต์ อาหารทะเลกระป๋องและแช่แข็ง Hard Disk Drive โทรทัศน์สี อาหารสัตว์สำเร็จรูป เป็นต้น
สถานภาพการประกอบกิจการอุตสาหกรรมเดือนพฤศจิกายน 2556

ภาวะการประกอบกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนพฤศจิกายน 2556 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนตุลาคม 2556 มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการจำนวน 384 ราย เพิ่มขึ้นในจำนวนที่น้อยกว่าเดือนตุลาคม 2556 ซึ่งมีโรงงานเริ่มประกอบกิจการจำนวน 454 ราย หรือคิดเป็นจำนวนน้อยกว่าร้อยละ 15.42 มียอดเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 41,319 ล้านบาท ลดลงจากเดือนตุลาคม 2556 ซึ่งมีการลงทุน 50,292 ล้านบาท ร้อยละ 17.84 และมีการจ้างงานจำนวน 10,357 คน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2556 ที่มีจำนวนการจ้างงาน 16,283 คน ร้อยละ 36.39

ภาวะการประกอบกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนพฤศจิกายน 2556 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการเพิ่มขึ้นในจำนวนที่มากกว่าเดือนพฤศจิกายน 2555 ซึ่งมีโรงงานเริ่มประกอบกิจการจำนวน 344 ราย หรือคิดเป็นจำนวนมากกว่าร้อยละ 11.63 มียอดเงินลงทุนรวมเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2555 ซึ่งมีการลงทุน 26,183 ล้านบาท ร้อยละ 58.08 และมีการจ้างงานรวมเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2555 ที่มีจำนวนการจ้างงาน 6,365 คน ร้อยละ 62.72

  • อุตสาหกรรมที่มีจำนวนโรงงานเริ่มประกอบกิจการมากที่สุดในเดือนพฤศจิกายน 2556 คือ อุตสาหกรรมทำผลิตภัณฑ์คอนกรีต คอนกรีตผสมเสร็จ พื้น เสา และท่อคอนกรีต จำนวน 30 โรงงาน รองลงมาคือ อุตสาหกรรม ขุด ตัก ทรายและดินที่มีไว้เพื่อการจำหน่ายสำหรับใช้ในการก่อสร้าง จำนวน 22 โรงงาน
  • อุตสาหกรรมที่เริ่มประกอบกิจการโดยมีการลงทุนสูงสุดในเดือนพฤศจิกายน 2556 คือ อุตสาหกรรมผลิต ส่งและจำหน่ายพลังงานไฟฟ้า จำนวนเงินทุน 23,510 ล้านบาทรองลงมาคือ อุตสาหกรรมผลิตและประกอบเครื่องมือทางไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ไฟฟ้ากำลัง จำนวนเงินทุน 2,534 ล้านบาท
  • อุตสาหกรรมที่เริ่มประกอบกิจการและมีการจ้างงานสูงสุดในเดือนพฤศจิกายน 2556 คือ อุตสาหกรรมผลิตและประกอบเครื่องมือทางไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ไฟฟ้ากำลัง จำนวนคนงาน 1,458 คน รองลงมาคือ อุตสาหกรรม ผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ผลิตภัณฑ์อิเลคทรอนิคส์ จำนวนคนงาน 700 คน

ภาวะการเลิกกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนพฤศจิกายน 2556 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนตุลาคม 2556 มีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 104 ราย มากกว่าเดือนตุลาคม 2556 ซึ่งมีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 99 ราย คิดเป็นร้อยละ 5.05 แต่มีเงินทุนของการเลิกกิจการรวม 1,196.37 ล้านบาท น้อยกว่าเดือนตุลาคม 2556 ที่การเลิกกิจการคิดเป็นเงินทุน 2,283.61 ล้านบาท และมีการเลิกจ้างงาน จำนวน 2,023 คน น้อยกว่าเดือนตุลาคม 2556 ซึ่งมีการเลิกจ้างงานจำนวน 2,775 คน

ภาวะการเลิกกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนพฤศจิกายน 2556 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการมากกว่าเดือนพฤศจิกายน 2555 ซึ่งมีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 63 ราย คิดเป็นจำนวนมากกว่าร้อยละ 65.08 มีเงินทุนของการเลิกกิจการมากกว่าเดือนพฤศจิกายน 2555 ที่การเลิกกิจการคิดเป็นเงินทุน 394.08 ล้านบาท และมีการเลิกจ้างมากกว่าเดือนพฤศจิกายน 2555 ที่การเลิกจ้างงานมีจำนวน 1,631 คน

  • อุตสาหกรรมที่มีจำนวนโรงงานเลิกกิจการมากที่สุดในเดือนพฤศจิกายน 2556 คือ อุตสาหกรรมขุด ตัก ทรายและดินที่มีไว้เพื่อการจำหน่ายสำหรับใช้ในการก่อสร้าง จำนวน 16 โรงงาน รองลงมาคือ อุตสาหกรรมซ่อมยานที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์หรือส่วนประกอบจำนวน 15 โรงงาน
  • อุตสาหกรรมที่เลิกประกอบกิจการโดยที่มีเงินลงทุนสูงสุดในเดือนพฤศจิกายน 2556 คือ อุตสาหกรรมผลิตและประกอบเครื่องมือทางไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ไฟฟ้ากำลัง เงินทุน 220 ล้านบาท รองลงมาคือ อุตสาหกรรมทำ ดัดแปลง ซ่อมแบบหรือเครื่องจับสำหรับใช้กับเครื่องมือกล จำนวน 179.86 ล้านบาท
  • อุตสาหกรรมที่เลิกประกอบกิจการและจำนวนคนงานสูงสุดในเดือนพฤศจิกายน 2556 คือ อุตสาหกรรมผลิตรองเท้าหรือชิ้นส่วนรองเท้า จำนวนคนงาน 261 คน รองลงมาคือ อุตสาหกรรมทำผลิตภัณฑ์โลหะสำเร็จรูปด้วยวิธีเคลือบ ลงรัก ชุบ ขัด จำนวนคนงาน 256 คน

ภาวะการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) ในเดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2556 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีจำนวนโครงการที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุนจาก สกท.ทั้งสิ้น 1,696 โครงการ น้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน 1,877 โครงการ ร้อยละ 9.64 และมีเงินลงทุน 791,000 ล้านบาท น้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีเงินลงทุน 864,100 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 8.46

  • การกระจายหุ้นของโครงการที่ได้รับการอนุมัติให้การส่งเสริมในเดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2556
          การร่วมทุน                     จำนวน(โครงการ)          มูลค่าเงินลงทุน(ล้านบาท)
          1.โครงการคนไทย 100%               621                     252,500
          2.โครงการต่างชาติ 100%              643                     175,900
          3.โครงการร่วมทุนไทยและต่างชาติ        432                     362,600
  • ประเภทกิจการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนมากที่สุดในเดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2556 คือ หมวดบริการและสาธารณูปโภค มีมูลค่าเงินลงทุนรวม 348,900 ล้านบาท รองลงมา คือ หมวดผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง มีมูลค่าเงินลงทุนรวม 194,500 ล้านบาท
1.อุตสาหกรรมอาหาร

ภาวะการผลิตและการส่งออกของอุตสาหกรรมอาหาร คาดว่า จะปรับตัวลดลงจากเดือนก่อน เป็นผลจากการส่งสินค้าที่รองรับเทศกาลไปมากในช่วงต้นไตรมาส ส่วนการจำหน่ายในประเทศ คาดว่าจะปรับตัวลดลง จากปัญหาการชุมนุมทางการเมือง และราคาน้ำมันทรงตัวในระดับสูง ซึ่งจะทำให้ประชาชนลดการจับจ่ายใช้สอย

1. การผลิต

ภาวะการผลิตกลุ่มสินค้าอาหารสำคัญ (ไม่รวมน้ำตาล) เดือนพฤศจิกายน2556 ปรับตัวลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 9.4 แต่ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 3.6 แบ่งเป็น

ปีก่อน ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง เช่น ปลาทูน่ากระป๋อง กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง และสับปะรดกระป๋อง มีปริมาณการผลิตชะลอตัวลงร้อยละ 21.3 56.1 และ 39.0 ตามลำดับ แต่หากเทียบกับเดือนก่อนการผลิตปรับตัวเพิ่มขึ้น เช่น แป้งมันสำปะหลัง และปลาทูน่ากระป๋อง ร้อยละ 8.5 และ 0.1 ตามลำดับ เนื่องจากเพิ่มการผลิตเพื่อรองรับเทศกาล กลุ่มสินค้าที่อิงตลาดภายในประเทศ แบ่งเป็นสินค้าที่ใช้วัตถุดิบในประเทศ เช่น น้ำมันปาล์ม มีการผลิตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 19.6 แต่ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนร้อยละ 2.7เนื่องจากมีสต็อกอยู่ในปริมาณสูง ส่วนสินค้าที่ใช้วัตถุดิบนำเข้า คือ น้ำมันถั่วเหลือง มีปริมาณการผลิตลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนร้อยละ 24.7 ส่วนอาหารไก่ การผลิตชะลอตัวลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 18.4 เนื่องจากความต้องการใช้อาหารไก่ลดลง เนื่องจากโรงงานชะลอการแปรรูปจากการเลี้ยงไก่ที่ปรับลดลง

2. การตลาด

1) ตลาดในประเทศ เดือนพฤศจิกายน 2556 ปริมาณการส่งสินค้าอาหารและเกษตรในประเทศ ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนและเดือนก่อนร้อยละ 8.3 และ 0.5 เนื่องจากเกิดความไม่มั่นใจเศรษฐกิจในประเทศของผู้บริโภค สืบเนื่องจากเกิดความไม่สงบจากการชุมนุมทางการเมือง

2) ตลาดต่างประเทศ ภาพรวมมูลค่าการส่งออกอุตสาหกรรมอาหาร (ไม่รวมน้ำตาล) เดือนพฤศจิกายน 2556 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 1.8 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 0.6 เนื่องจากคำสั่งซื้อที่ปรับตัวดีขึ้นในหลายสินค้า เช่น ไก่แปรรูป และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ส่วนมูลค่าการส่งออกน้ำตาลเพิ่มขึ้นจากปีก่อนจากปริมาณการส่งออกที่เพิ่มขึ้น

3. แนวโน้ม

การผลิตและส่งออก คาดว่า จะปรับตัวลดลงจากเดือนก่อน เนื่องจากได้ส่งสินค้าเพื่อรองรับเทศกาลไปมากในช่วงต้นไตรมาส ประกอบกับข่าวการรักษาระดับการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในระยะสั้น ส่งผลทางจิตวิทยาด้านบวกไปยังเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ดีเศรษฐกิจสหภาพยุโรปยังคงซบเซา ทำให้แนวโน้มของคำสั่งซื้อปรับเพิ่มขึ้นได้ไม่มากนัก แม้ว่าค่าเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลง สำหรับการจำหน่ายสินค้าในประเทศ คาดว่า จะปรับตัวลดลง จากปัญหาการชุมนุมทางการเมือง และราคาน้ำมันที่ทรงตัวในระดับสูง ทำให้ประชาชนลดการจับจ่ายใช้สอย

2. อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม

ผลิตภัณฑ์กลุ่มสิ่งทอ คาดว่า จะชะลอตัวตามความต้องการใช้ของกลุ่มเส้นใยสังเคราะห์ และผ้าผืนในประเทศ..."

1. การผลิต

  • ผลิตภัณฑ์กลุ่มสิ่งทอ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อน การผลิตลดลงในผลิตภัณฑ์เส้นใยสิ่งทอฯ และสิ่งทออื่น ๆ (ยางยืด) ร้อยละ 1.1 และ 13.6 ตามลำดับ และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การผลิตลดลงในผลิตภัณฑ์เส้นใยสิ่งทอฯ ผ้าผืน ผ้าลูกไม้และยางยืด ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความต้องการของตลาดภายในประเทศลดลง อย่างไรก็ตาม การผลิตเครื่องนอนและผ้าขนหนู มีการผลิตเพิ่มขึ้นตามคำสั่งซื้อจากอากาศที่หนาวกว่าทุกปีและเพื่อเป็นของฝากของที่ระลึกในช่วงปีใหม่
  • ผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องนุ่งห่ม เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อน การผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปจากผ้าถักเพิ่มขึ้น ร้อยละ 6.7 จากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะตลาดในประเทศ ในส่วนการผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปจากผ้าทอ เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และเดือนเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น ร้อยละ 8.5 และ 14.5 ตามลำดับ

2. การจำหน่าย

  • ปริมาณการจำหน่ายภายในประเทศของผลิตภัณฑ์กลุ่มสิ่งทอเมื่อเทียบกับเดือนก่อน เพิ่มขึ้นในผลิตภัณฑ์เครื่องนอนและผ้าขนหนู ตามความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นกว่าทุกปี โดยส่งผลให้กลุ่มเครื่องนุ่งห่ม มีการจำหน่ายทั้งเสื้อผ้าถักและเสื้อผ้าทอเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับเดือนก่อนร้อยละ 2.6 และ 1.3 ตามลำดับ แต่หากเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การจำหน่ายทั้งเสื้อผ้าถักและเสื้อผ้าทอลดลง ร้อยละ 13.6 และ 8.9 ตามลำดับ จากค่าครองชีพและหนี้ภาคครัวเรือนที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ประชาชนระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอยลง
  • มูลค่าการส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มโดยรวมลดลงร้อยละ 1.0 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน จากมูลค่าที่ลดลงในตลาดอาเซียน ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา ร้อยละ 3.0 2.1 และ 4.1ตามลำดับ แต่หากเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ร้อยละ 0.7 จากมูลค่าที่เพิ่มขึ้นในตลาดอาเซียน และญี่ปุ่น 6.0 และ 9.0 ตามลำดับ โดยกลุ่มสิ่งทอมีมูลค่าลดลง ร้อยละ 5.4 และ 0.8 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และเดือนเดียวกันของปีก่อน สำหรับกลุ่มเครื่องนุ่งห่มกลับมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ร้อยละ 6.5 และ 3.1 ตามลำดับ

3. แนวโน้ม

  • การผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์กลุ่มสิ่งทอ คาดว่าจะชะลอตัวตามความต้องการใช้ของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น กลุ่มเส้นใยสังเคราะห์ ผ้าผืน ภายในประเทศ สำหรับผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องนุ่งห่ม คาดว่า จะขยายตัวเพิ่มขึ้นตามความต้องการจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับเป็นช่วงการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคในเทศกาลปลายปี สำหรับการส่งออกคาดว่าจะกระเตื้องขึ้นในทิศทางบวกในช่วงเทศกาลสำคัญปลายปีต่อเนื่องถึงต้นปี 2557
3. อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า

กระทรวงพาณิชย์ประกาศเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าสแตนเลสรีดเย็นชนิดม้วนและชนิดแผ่นจากประเทศจีน ในอัตราอากร ร้อยละ 33.32 เป็นระยะเวลา 5 ปี โดยมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่ 9 ธันวาคม นี้ มาตรการดังกล่าวจะมีผลต่อผู้ส่งออกจากประเทศจีนทั้งหมดยกเว้น บริษัท Ningbo Baoxin Stainless Steel ที่ถูกเรียกเก็บในอัตรา ร้อยละ 8.5 และอีก 4 บริษัทคือ บริษัท Shanxi Taigang Stainless Steel, บริษัทTianjin Tisco & TPCO Stainless Steel,บริษัท Guangdong Taigang Stainless Steel Processing & Distributionและบริษัท Shanxi Taigang Stainless Steel Precision Strip ที่ได้รับการยกเว้นการถูกเรียกเก็บอากรดังกล่าว

1.การผลิต

สถานการณ์การผลิตของอุตสาหกรรมเหล็กในเดือนพฤศจิกายน 2556 ชะลอตัวลง โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนนี้มีค่า 126.65 มีอัตราการเปลี่ยนแปลงลดลง ร้อยละ 3.50 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน เมื่อพิจารณาในกลุ่มเหล็กทรงแบน พบว่าการผลิตลดลง ร้อยละ 11.81 โดยผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตลดลงมากที่สุด ได้แก่ เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน ลดลง ร้อยละ 26.91 รองลงมาคือ เหล็กแผ่นเคลือบโครเมียม ลดลง ร้อยละ 19.21 เนื่องจากความต้องการใช้ของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ที่ชะลอตัวลง รวมทั้งความไม่มั่นใจในสถานการณ์ทางการเมืองที่ส่งผลต่อการตัดสินใจสั่งซื้อ ประกอบกับในช่วงเดือนพฤศจิกายน- มกราคม ของทุกปีจะเป็นช่วงที่ลูกค้าชะลอการสั่งซื้อเพื่อรักษาระดับสินค้าคงคลัง ทำให้ความต้องการซื้อเหล็กลดลง สำหรับเหล็กทรงยาว เพิ่มขึ้น ร้อยละ 13.07 โดยเหล็กเส้นข้ออ้อย เพิ่มขึ้น ร้อยละ 49.01 รองลงมาคือ เหล็กเส้นกลม เพิ่มขึ้น ร้อยละ 1.85 และเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การผลิตลดลง ร้อยละ 4.73 โดยเหล็กทรงแบนมีการผลิตลดลง ร้อยละ 13.73 แต่เหล็กทรงยาวกลับมีการผลิตที่เพิ่มขึ้น ร้อยละ 13.28

2.ราคาเหล็ก

จากข้อมูลดัชนีราคาเหล็กต่างประเทศของสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย พบว่า การเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาเหล็ก (FOB) โดยเฉลี่ยที่สำคัญในตลาด CIS ณ ท่าทะเลดำ (Black Sea) ในช่วงพฤศจิกายน 2556 เทียบกับเดือนก่อนพบว่า ผลิตภัณฑ์เหล็กที่มีการเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ เหล็กแท่งแบน เพิ่มขึ้นจาก 111.86 เป็น 115.11 เพิ่มขึ้น ร้อยละ 2.91 เหล็กแท่งเล็ก Billet เพิ่มขึ้นจาก 118.11 เป็น 118.82 เพิ่มขึ้น ร้อยละ 0.60 แต่ผลิตภัณฑ์ที่มีราคาทรงตัว คือ เหล็กเส้น มีดัชนีราคาเหล็กที่ 119.14 เหล็กแผ่นรีดร้อน มีดัชนีราคาเหล็กที่ 110.76 ยกเว้นเหล็กแผ่นรีดเย็น ที่มีดัชนีราคาเหล็กลดลงจาก 115.51 เป็น 115.14 ลดลง ร้อยละ 0.32 สำหรับแนวโน้มราคาสินแร่เหล็กในปี 2557 นี้ ทาง Union Bank of Switzerland (UBS) ซึ่งเป็นสถาบันการเงินชั้นนำของโลกประเมินว่า ราคาสินแร่เหล็กปัจจุบันค่อนข้างมีความเสี่ยงต่อการปรับลดลงโดยในช่วงไตรมาสที่ 1 นี้หากปริมาณการผลิตเหล็กเริ่มถูกปรับลดลง จะส่งผลให้ราคาสินแร่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคม นอกจากนี้ ทาง UBS คาดการณ์ราคาเฉลี่ยสินแร่เหล็กว่าจะปรับลดลงจาก 123 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตันในปีนี้ลงไปสู่ระดับ 106 และ 95 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตันในปี 2557 และ2558 ตามลำดับ

3. แนวโน้ม

สถานการณ์การผลิตเหล็กในเดือนธันวาคม 2556 เทียบกับเดือนก่อนคาดว่าการผลิตทั้งเหล็กทรงแบนและเหล็กทรงยาวจะลดลง เนื่องจากใกล้ช่วงสิ้นปี ผู้ผลิตและผู้ค้าจะสต๊อกสินค้าไว้เท่าที่จำเป็น ทำให้คำสั่งซื้อจากผู้ซื้อลดลง ส่งผลให้ผู้ผลิตผลิตลดลงด้วย

4. อุตสาหกรรมยานยนต์

รถยนต์

อุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนพฤศจิกายน 2556 ชะลอตัวเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2555 เนื่องจากในปีที่ผ่านมาตลาดในประเทศมีฐานที่สูง อันเกิดจากนโยบายรถยนต์คันแรก โดยมีข้อมูลสภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนพฤศจิกายน ดังนี้

1.การผลิตรถยนต์ จำนวน 182,818 คัน ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2555 ซึ่งมีการผลิต 256,581 คัน ร้อยละ 28.75 โดยเป็นการปรับลดลงของการผลิตรถยนต์นั่ง และรถยนต์กระบะ 1 ตัน และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ และมีปริมาณการผลิตรถยนต์ลดลงจากเดือนตุลาคม 2556 ร้อยละ 1.24 โดยเป็นการปรับลดลงของการผลิตรถยนต์นั่ง และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์

2.การจำหน่ายรถยนต์ จำนวน 93,483 คัน ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2555 ซึ่งมีการจำหน่าย 148,243 คัน ร้อยละ 36.94 โดยเป็นการปรับลดลงของการจำหน่ายรถยนต์นั่ง รถยนต์กระบะ 1 ตัน รถยนต์ PPV รวมกับ SUV และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากยอดจำหน่ายรถยนต์ในปีที่ผ่านมามีฐานที่สูง แต่มีปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2556 ร้อยละ 5.47 โดยเป็นการปรับเพิ่มขึ้นของการจำหน่ายรถยนต์กระบะ 1 ตัน และรถยนต์ PPV รวมกับ SUV

3.การส่งออกรถยนต์ จำนวน 96,006 คัน ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2555 ซึ่งมีการส่งออก 100,225 คัน ร้อยละ 4.21 ซึ่งลดลงในประเทศแถบเอเชีย และแอฟริกา และมีปริมาณการส่งออกรถยนต์ลดลงจากเดือนตุลาคม 2556 ร้อยละ 0.87 ซึ่งลดลงในประเทศแถบเอเชีย ตะวันออกกลาง อเมริกากลางและอเมริกาใต้

4.แนวโน้ม ภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนธันวาคม 2556 คาดว่าจะขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนพฤศจิกายน 2556 เนื่องจากมีการจัดงาน Motor Expo ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน 2556-10 ธันวาคม 2556 ซึ่งภายในงานมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นตลาดในประเทศ อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากสถานการณ์ทางการเมืองที่คาดว่าจะกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ สำหรับการผลิตรถยนต์ในเดือนธันวาคม 2556 ประมาณการว่าจะมีการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศร้อยละ 53 และส่งออกร้อยละ 47

รถจักรยานยนต์

อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนพฤศจิกายน 2556 ชะลอตัวเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2555 โดยมีข้อมูลสภาวะอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์เดือนพฤศจิกายน ดังนี้

1.การผลิตรถจักรยานยนต์ จำนวน 164,466 คัน ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2555 ซึ่งมีการผลิต 196,615 คัน ร้อยละ 16.35 โดยเป็นการปรับลดลงของการผลิตรถจักรยานยนต์แบบครอบครัว แต่มีปริมาณการผลิตรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2556 ร้อยละ 0.66 โดยเป็นการปรับเพิ่มขึ้นของการผลิตรถจักรยานยนต์แบบครอบครัว

2.การจำหน่ายรถจักรยานยนต์ จำนวน 138,750 คัน ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2555 ซึ่งมีการจำหน่าย 165,774 คัน ร้อยละ 16.30 โดยเป็นการปรับลดลงของการจำหน่ายรถจักรยานยนต์แบบครอบครัว และแบบสกูตเตอร์ และมีปริมาณการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ลดลงจากเดือนตุลาคม 2556 ร้อยละ 6.82 โดยเป็นการปรับลดลงของการจำหน่ายรถจักรยานยนต์แบบครอบครัว แบบสกูตเตอร์ และแบบสปอร์ต

3.การส่งออกรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) จำนวน 29,331 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2555 ซึ่งมีการส่งออก 24,053 คัน ร้อยละ 21.94 ซึ่งเพิ่มขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และมีปริมาณการส่งออกรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2556 ร้อยละ 10.81 ซึ่งเพิ่มขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และสหราชอาณาจักร

4.แนวโน้ม ภาวะอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนธันวาคม 2556 คาดว่าจะขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนพฤศจิกายน 2556 เนื่องจากมีการจัดงาน Motor Expo ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน 2556-10 ธันวาคม 2556 เพื่อกระตุ้นยอดจำหน่ายในประเทศ อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากสถานการณ์ทางการเมืองที่คาดว่าจะกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ สำหรับการผลิตรถจักรยานยนต์ในเดือนธันวาคม 2556 ประมาณการว่าจะมีการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศร้อยละ 86 และส่งออกร้อยละ 14

5.อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์
"อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ค่อนข้างทรงตัว โดยในภาพรวมยังคงขยายตัวได้ดี เนื่องจากภาครัฐมีมาตรการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐาน และภาคเอกชนมีการขยายการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง การส่งออกปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากไทยเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลเก็บเกี่ยว ส่งผลให้ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศชะลอตัวลง จึงสามารถส่งออกไปยังต่างประเทศได้มากขึ้น"

การผลิตและการจำหน่ายในประเทศ

ในเดือนพฤศจิกายน 2556 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ปริมาณการผลิตปูนซีเมนต์เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.82 ในขณะที่ปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศลดลงร้อยละ 0.85 และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ปริมาณการผลิตและปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.20 และ 5.97 ตามลำดับ

เมื่อพิจารณาในภาพรวม อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ขยายตัวได้ดีโดยมีปริมาณการผลิตและปริมาณการจำหน่ายในประเทศค่อนข้างทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ซึ่งเป็นไปตามฤดูกาล ประกอบกับช่วงที่ผ่านมา สถานการณ์การเมืองของไทยไม่ค่อยสงบ ส่งผลให้การก่อสร้างชะลอตัวลงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ราคาปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างที่ปรับสูงขึ้น เริ่มส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ ทั้งในโครงการก่อสร้างบ้านและคอนโดมิเนียม โดยขณะนี้ผู้ประกอบการบางรายได้ปรับขึ้นราคาขายโครงการที่พัฒนาขึ้นใหม่บ้างแล้ว

การส่งออก

มูลค่าการส่งออกปูนซีเมนต์เดือนพฤศจิกายน 2556 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 39.25 และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของ ปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.94

เมื่อพิจารณาในภาพรวม การส่งออกปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้ เนื่องจากไทยเข้าสู่ฤดูกาลเก็บเกี่ยวในช่วงเดียวกันนี้ของทุกปี ทำให้มีความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศลดลงตามการชะลอตัวของภาคก่อสร้าง จึงสามารถส่งออกปูนซีเมนต์ได้เพิ่มขึ้น

แนวโน้ม

การผลิตและการจำหน่ายในประเทศของอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์มีแนวโน้มปรับตัวลดลงเล็กน้อยหรือทรงตัว ทั้งนี้ เนื่องจากไทยเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลเก็บเกี่ยว แรงงานในภาคก่อสร้างต่างทยอยกันกลับสู่ภูมิลำเนาของตน ส่งผลให้ภาคก่อสร้างชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม มาตรการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานของภาครัฐ และการขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของภาคเอกชน จะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันให้อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ขยายตัวดีขึ้นในระยะต่อไป

สำหรับแนวโน้มการส่งออก คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เนื่องจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศชะลอตัวลงในฤดูกาลเก็บเกี่ยว ส่งผลให้ไทยสามารถส่งออกปูนซีเมนต์ได้มากขึ้นในช่วงนี้ของทุกปี

6. อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์

ภาพรวมภาวะการผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของเดือนพฤศจิกายน 2556 มีการปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยอุตสาหกรรมไฟฟ้าลดลงจากการชะลอตัวของการใช้จ่ายในประเทศ/ตลาดส่งออก และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ลดลงจากการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่รวดเร็ว ทำให้ความต้องการ HDD ที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ/โน๊ตบุ๊คในตลาดโลกลดลง

ตารางที่1 สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์หลักที่มีมูลค่าการส่งออกมากเป็นอันดับต้นๆ ในเดือน พ.ย. 2556

          เครื่องใช้ไฟฟ้า/อิเล็กทรอนิกส์                    มูลค่า (ล้านเหรียญฯ)          %MoM           %YoY
          อุปกรณ์ประกอบของเครื่องคอมพิวเตอร์                1,642.36                 5.0           3.73
          วงจรรวมและไมโครแอส แซมบลี                      545.79                0.27           1.56
          เครื่องปรับอากาศ                                 294.76              -12.19           11.0
          กล้องถ่ายโทรทัศน์ กล้องถ่ายบันทึกวีดีโอภาพนิ่ง วีดีโออื่นๆ    340.84                0.49          -8.16
          รวมเครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์                4,644.51                0.27           2.03
          ที่มา สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์

1.การผลิต

ภาพรวมภาวะการผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของเดือนพฤศจิกายน 2556 มีดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 277.86 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.81 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนลดลงร้อยละ 10.19 โดยอุตสาหกรรมไฟฟ้ามีดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 125 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.60 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน แต่ลดลงร้อยละ 9.75 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผู้บริโภคในประเทศมีการระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้นและตลาดส่งออกชะลอตัว สำหรับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์มีดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 364.58 เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.46 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน แต่ปรับตัวลดลงร้อยละ 10.27 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมาจาก HDD ที่ปรับตัวลดลงมากถึงร้อยละ 12.20 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความต้องการ HDD ของโลกลดลงจากการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่รวดเร็ว ทำให้ความต้องการคอมพิวเตอร์/โน๊ตบุ๊ค ลดลง รวมถึงส่วนหนึ่งมาจากการลดการผลิตลงของบริษัท ฮิตาชิ โกลบอล สตอเรจ เทคโนโลยีส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ขายเทคโนโลยีการผลิตบางส่วนให้กับบริษัท โตชิบา สตอเรจดีไวส์ (ประเทศไทย) จำกัด

2. การส่งออก

มูลค่าการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เดือนพฤศจิกายน 2556 มีมูลค่า 4,644.51 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.27 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.03 โดยสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้ามีมูลค่าการส่งออก 1,907.41 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 2.3 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน แต่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.28 ซึ่งตลาดหลักที่มีการปรับตัวลดลง คือ ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป และจีน ส่วนอาเซียน สหรัฐอเมริกา มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุด ได้แก่ เครื่องปรับอากาศมีมูลค่าส่งออก 294.76 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 12.19 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รองลงมาคือ เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์และส่วนประกอบ มีมูลค่าส่งออก 340.84 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.49 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน แต่ลดลงร้อยละ 8.16 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ มีมูลค่าการส่งออก 2,737.10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.13 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.28 เนื่องมาจากการส่งออกไปตลาดอาเซียนและสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้น แต่การส่งออกไปจีนลดลงค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากจีนเป็นฐานการผลิตคอมพิวเตอร์ เพื่อส่งออกไปตลาดโลก ซึ่งขณะนี้ความต้องการชะลอตัวลงมาก

3. แนวโน้ม

ภาพรวมอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เดือนธันวาคม 2556 จากแบบจำลองดัชนีชี้นำที่จัดทำโดยสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ประมาณการแนวโน้มการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.11 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยอุตสาหกรรมไฟฟ้าจะลดลงร้อยละ 4.37 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจากการชะลอการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศและตลาดส่งออกที่ยังไม่ฟื้นตัว และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.35 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ไปตลาดหลักบางตลาดมีการปรับตัวดีขึ้น

--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ