อุตสาหกรรมรถยนต์ในไตรมาสที่ 2 ปี 2557 หดตัวเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว เนื่องจาก การลดลงจากความต้องการของตลาดในประเทศ อันเป็นผลจากการชะลอตัวของ สภาพเศรษฐกิจเป็นหลัก ประกอบกับสถานการณ์ทางการเมืองที่ส่งผลกระทบทาง ด้านจิตวิทยาของผู้บริโภค
- สถานการณ์ด้านการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ ในประเทศในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี2557 มีโครงการลงทุนที่ได้รับอนุมัติจาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน รวม 41 โครงการ คิดเป็นเงินลงทุนรวมกว่า 98,323.80 ล้านบาท ก่อให้เกิดการจ้างแรงงานไทยเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 27,823 คน ในจำนวนนี้มีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่มีเงินลงทุนมากกว่า 1,000 ล้านบาท จำนวน 6 โครงการ คือ 1) โครงการของ MR. PIETRO ALESSANDRO MOTTA และ MR. BUNDIT KERDVONGBUNDIT ได้รับการส่งเสริมให้ผลิตยางยานพาหนะ มีเงินลงทุน 9,000.00 ล้านบาท ก่อให้เกิดการจ้างแรงงานไทย 1,344 คน 2) โครงการของบริษัท แอลแอลไอที (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับการส่งเสริมให้ผลิตยางยานพาหนะ มีเงินลงทุน 18,860.30 ล้านบาท ก่อให้เกิดการจ้างแรงงานไทย 2,643 คน 3) โครงการของบริษัท โทเพร (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับการส่งเสริมให้ผลิตชิ้นส่วนโลหะสำหรับยานพาหนะ มีเงินลงทุน 2,753.00 ล้านบาท ก่อให้เกิดการจ้างแรงงานไทย 328 คน 4) โครงการของบริษัท ซัมมิท คีย์เลกซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับการส่งเสริมให้ผลิตชิ้นส่วนโลหะสำหรับยานพาหนะ มีเงินลงทุน 1,450.00 ล้านบาท ก่อให้เกิดการจ้างแรงงานไทย 200 คน 5) โครงการของบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้รับการส่งเสริมให้ผลิตรถยนต์ปิกอัพและชิ้นส่วนรถยนต์ มีเงินลงทุน 51,523.00 ล้านบาท ก่อให้เกิด การจ้างแรงงานไทย 7,999 คน 6) โครงการของบริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด ได้รับการส่งเสริมให้ผลิตรถยนต์ มีเงินลงทุน 9,200.00 ล้านบาท ก่อให้เกิดการจ้างแรงงานไทย 550 คน (รายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.boi.go.th)
- อุตสาหกรรมรถยนต์โลกในช่วงสองเดือนแรกของปี 2557 (ม.ค.-ก.พ.) มีปริมาณ การผลิตรถยนต์ 13,503,293 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ร้อยละ 3.94 แบ่งเป็นการผลิต รถยนต์นั่ง 10,181,119 คัน และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 3,322,174 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ร้อยละ 3.92 และ 4.00 ตามลำดับ เมื่อพิจารณาประเทศผู้ผลิตที่สำคัญ ได้แก่ จีน สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น พบว่า จีนมีการผลิตรถยนต์ในช่วงสองเดือนแรกของปี 2557 จำนวน 3,689,162 คัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 27.32 ของปริมาณการผลิตรถยนต์ทั้งโลก สหรัฐอเมริกามีการผลิตรถยนต์ในช่วงสองเดือนแรกของปี 2557 จำนวน 1,872,632 คัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 13.87 ของปริมาณการผลิตรถยนต์ทั้งโลก และญี่ปุ่นมีการผลิตรถยนต์ในช่วงสองเดือนแรกของปี 2557 จำนวน 1,724,251 คัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 12.77 ของปริมาณการผลิตรถยนต์ทั้งโลก
- การจำหน่ายรถยนต์โลกในช่วงสองเดือนแรกของปี 2557 (ม.ค.-ก.พ.) มีการจำหน่ายรถยนต์ 12,481,686 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ร้อยละ 4.07 แบ่งเป็นการจำหน่าย รถยนต์นั่ง 9,399,391 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ร้อยละ 4.72 และการจำหน่ายรถยนต์ เพื่อการพาณิชย์ 3,079,636 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ร้อยละ 2.02 เมื่อพิจารณาประเทศผู้จำหน่ายที่สำคัญพบว่า จีนมีการจำหน่ายรถยนต์ในช่วงสองเดือนแรกของปี 2557 จำนวน 3,752,769 คัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30.07 ของปริมาณจำหน่ายรถยนต์ทั้งโลก สหรัฐอเมริกามีการจำหน่ายรถยนต์ในช่วงสองเดือนแรกของปี 2557 จำนวน 2,249,682 คัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18.02 ของปริมาณจำหน่ายรถยนต์ทั้งโลก และญี่ปุ่นมีการจำหน่ายรถยนต์ในช่วงสองเดือนแรกของปี 2557 จำนวน 1,061,273 คัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 8.50 ของปริมาณจำหน่ายรถยนต์ทั้งโลก
- อุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศจีน มีปริมาณการผลิตรถยนต์ในช่วงห้าเดือนแรกของปี 2557 (ม.ค.-พ.ค.) จำนวน 9,934,280 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ร้อยละ 9.44 แบ่งเป็นการผลิตรถยนต์นั่ง 8,114,701 คัน และการผลิตรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 1,819,579 คัน เพิ่มขึ้นจาก ช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ร้อยละ 11.13 และ 2.49 ตามลำดับ สำหรับการจำหน่ายรถยนต์ในช่วงห้าเดือนแรกของปี 2557 (ม.ค.-พ.ค.) มีจำนวน 9,837,310 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ร้อยละ 8.97 แบ่งเป็นการจำหน่ายรถยนต์นั่ง 8,068,499 คัน และการจำหน่ายรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 1,768,811 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ร้อยละ 11.12 และ 0.14 ตามลำดับ
- อุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศสหรัฐอเมริกา มีปริมาณการผลิตรถยนต์ในช่วงสี่เดือนแรกของปี 2557 (ม.ค.-เม.ย.) จำนวน 3,906,287 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ร้อยละ 4.04 แบ่งเป็นการผลิตรถยนต์นั่ง 1,448,959 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ร้อยละ 4.52 และการผลิตรถบรรทุก 2,457,328 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ร้อยละ 9.84 สำหรับการจำหน่ายรถยนต์ในช่วงสี่เดือนแรกของปี 2557 (ม.ค.-เม.ย.) มีจำนวน 5,231,443 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ร้อยละ 3.35 แบ่งเป็นการจำหน่ายรถยนต์นั่ง 2,440,697 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของ ปีที่แล้ว ร้อยละ 2.22 และการจำหน่ายรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 2,790,746 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ร้อยละ 8.79
- อุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศญี่ปุ่น มีปริมาณการผลิตรถยนต์ในช่วงห้าเดือนแรกของปี 2557 (ม.ค.-พ.ค.) จำนวน 4,298,017 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ร้อยละ 11.43 แบ่งเป็นการผลิตรถยนต์นั่ง 3,678,690 คัน และการผลิตรถเพื่อการพาณิชย์ 619,327 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ร้อยละ 12.16 และ 7.27 ตามลำดับ สำหรับการจำหน่ายรถยนต์ในช่วงห้าเดือนแรกของปี 2557 (ม.ค.-พ.ค.) มีจำนวน 2,553,251 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ร้อยละ 12.93 แบ่งเป็นการจำหน่ายรถยนต์นั่ง 2,187,305 คัน และการจำหน่ายรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ จำนวน 365,946 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ร้อยละ 13.17 และ 11.50 ตามลำดับ
การผลิต ปริมาณการผลิตรถยนต์ของประเทศไทยในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 (เม.ย.-มิ.ย.) มีปริมาณการผลิตรถยนต์ 435,193 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งมีปริมาณ การผลิตรถยนต์ 619,423 คัน ร้อยละ 29.74 โดยเป็นการผลิตรถยนต์นั่ง 167,177 คัน รถยนต์ปิกอัพ 1 ตันและอนุพันธ์ 264,805 คัน และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์อื่นๆ 3,271 คัน ลดลงร้อยละ 37.22, 21.64 และ 78.57 ตามลำดับ
สำหรับปริมาณการผลิตรถยนต์ทั้งหมดในไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 แบ่งเป็นการผลิตรถยนต์เพื่อการส่งออก 272,131 คัน คิดเป็นสัดส่วน ร้อยละ 62.53 ของปริมาณการผลิตทั้งหมด โดยแบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 104,931 คัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 38.56 และรถยนต์ปิกอัพ 1 ตันและอนุพันธ์ 167,200 คัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 61.44 หากพิจารณาในไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 เปรียบเทียบกับ ไตรมาสที่ผ่านมา ปริมาณการผลิตรถยนต์ลดลงร้อยละ 5.44 โดยมีการผลิตรถยนต์ปิกอัพ 1 ตันและอนุพันธ์ ลดลงร้อยละ 10.70 แต่การผลิตรถยนต์นั่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.35
การจำหน่าย ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ของประเทศไทยในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 (เม.ย.-มิ.ย.) มีปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ 216,740 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งมีปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ 325,958 คัน ร้อยละ 33.51 โดยเป็นการจำหน่ายรถยนต์นั่ง 93,434 คัน รถยนต์ปิกอัพ 1 ตัน 88,872 คัน และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์อื่นๆ 11,734 คัน ลดลงร้อยละ 37.14, 34.95 และ 43.16 ตามลำดับ แต่มีการจำหน่ายรถยนต์ PPV (รวมรถยนต์ SUV) 22,700 คัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 13.20 หากพิจารณาในไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 เปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ปริมาณ การจำหน่ายรถยนต์ลดลงร้อยละ 3.31 โดยมีการจำหน่ายรถยนต์ปิกอัพ 1 ตัน และรถยนต์ PPV (รวมรถยนต์ SUV) ลดลงร้อยละ 8.35 และ 10.59 ตามลำดับ แต่การจำหน่ายรถยนต์นั่ง และรถยนต์ เพื่อการพาณิชย์อื่นๆ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.49 และ 1.79 ตามลำดับ
การส่งออก ปริมาณการส่งออกรถยนต์ของประเทศไทยในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 (เม.ย.-มิ.ย.) มีปริมาณการส่งออกรถยนต์ (CBU) จำนวน 268,538 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของ ปีที่แล้ว ซึ่งมีปริมาณการส่งออกรถยนต์ 252,686 คัน คิดเป็นร้อยละ 6.27 โดยมีมูลค่าการส่งออก 128,284.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งมีมูลค่าการส่งออกรถยนต์ 115,960.62 ล้านบาท ร้อยละ 10.63 หากพิจารณาในไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 เปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ปริมาณการส่งออกรถยนต์ลดลงร้อยละ 7.88 และเมื่อคิดเป็นมูลค่าการส่งออกลดลงร้อยละ 5.91
จากข้อมูลของศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ พบว่า มูลค่าการส่งออกรถยนต์นั่งของไทยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2557 มีมูลค่า 95,152.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ร้อยละ 6.73 ประเทศที่เป็นตลาดส่งออกสำคัญของรถยนต์นั่ง ได้แก่ ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย คิดเป็นสัดส่วนการส่งออกร้อยละ 18.10, 14.57 และ 12.49 ตามลำดับ โดยการส่งออกรถยนต์นั่งไปฟิลิปปินส์ มีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 54.10 แต่การส่งออกรถยนต์นั่งไปออสเตรเลียและอินโดนีเซียมีมูลค่าลดลงร้อยละ 31.08 และ 35.31 ตามลำดับ มูลค่าการส่งออกรถแวนและปิกอัพของไทยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2557 มีมูลค่า 7,248.52 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ร้อยละ 12.49 ประเทศที่เป็นตลาดส่งออกสำคัญของรถแวนและปิกอัพ ได้แก่ ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และออสเตรเลีย คิดเป็นสัดส่วนการส่งออกร้อยละ 50.01, 21.94 และ 11.47 ตามลำดับ โดยการส่งออกรถแวนและปิกอัพไปญี่ปุ่น ลดลงร้อยละ 50.18 แต่การส่งออกรถแวนและรถปิคอัพไปออสเตรเลีย เพิ่มขึ้นร้อยละ 63.45 ส่วนมูลค่าการส่งออกรถบัสและรถบรรทุกของไทย ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2557 มีมูลค่า 165,441.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ร้อยละ 9.68 ประเทศที่เป็นตลาดส่งออกสำคัญของรถบัสและรถบรรทุก ได้แก่ ออสเตรเลีย ซาอุดิอาระเบีย และมาเลเซีย คิดเป็นสัดส่วนการส่งออกร้อยละ 22.37, 11.70 และ 4.48 ตามลำดับ โดยการส่งออกรถบัสและรถบรรทุกไปซาอุดิอาระเบียและมาเลเซีย มีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 28.46 และ 44.50 ตามลำดับ แต่การส่งออกรถบัสและรถบรรทุกไปออสเตรเลียมีมูลค่าลดลงร้อยละ 7.19
การนำเข้า จากข้อมูลของศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ พบว่า การนำเข้ารถยนต์ของประเทศไทยในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 (เม.ย.-มิ.ย.) มีการนำเข้ารถยนต์นั่ง และรถยนต์โดยสารและรถบรรทุก คิดเป็นมูลค่า 10,769.56 และ 3,220.00 ล้านบาท ตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว พบว่า การนำเข้ารถยนต์นั่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.30 แต่การนำเข้ารถยนต์โดยสารและรถบรรทุก ลดลงร้อยละ 11.15 หากพิจารณา ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 เปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา พบว่า การนำเข้ารถยนต์นั่งและรถยนต์โดยสารและรถบรรทุก ลดลงร้อยละ 16.06 และ 14.20 ตามลำดับ
แหล่งนำเข้ารถยนต์นั่งที่สำคัญในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2557 ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และญี่ปุ่น คิดเป็นสัดส่วนการนำเข้าร้อยละ 32.97, 20.17 และ 19.01 ตามลำดับ โดยการนำเข้า รถยนต์นั่งจากอินโดนีเซียและมาเลเซีย เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.29 และ 117.92 ตามลำดับ แต่การนำเข้ารถยนต์นั่งจากญี่ปุ่นลดลงร้อยละ 6.51 ส่วนแหล่งนำเข้ารถยนต์โดยสารและรถบรรทุกที่สำคัญ ได้แก่ ญี่ปุ่น เยอรมนี และอินโดนีเซีย คิดเป็นสัดส่วนการนำเข้าร้อยละ 28.91, 16.37 และ 13.82 ตามลำดับ โดยการนำเข้ารถยนต์โดยสารและรถบรรทุกจากอินโดนีเซีย เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.69 แต่การนำเข้า รถยนต์โดยสารและรถบรรทุกจากญี่ปุ่นและเยอรมนีลดลงร้อยละ 25.72 และ 14.99 ตามลำดับ
อุตสาหกรรมรถยนต์ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 มีปริมาณการผลิตหดตัวเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากอุตสาหกรรมรถยนต์มีการปรับตัวเข้าสู่สภาวะปกติของตลาด ในประเทศ ก่อนจะมีนโยบายรถยนต์คันแรก รวมทั้งสถานการณ์ทางการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศ สำหรับการส่งออกรถยนต์ขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในประเทศแถบเอเชีย โอเชียเนีย และยุโรป
สำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ไตรมาสที่ 3 ของปี 2557 คาดว่าจะขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 โดยข้อมูลจากแผนการผลิตของผู้ประกอบการรถยนต์ ประมาณว่า ในไตรมาสที่ 3 ปี 2557 จะมีการผลิตรถยนต์กว่า 510,000 คัน โดยแบ่งเป็นการผลิตเพื่อจำหน่าย ในประเทศร้อยละ 41 และการผลิตเพื่อส่งออกร้อยละ 59
การผลิต ปริมาณการผลิตรถจักรยานยนต์ของประเทศไทยในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 (เม.ย.-มิ.ย.) มีจำนวน 469,604 คัน ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งมีปริมาณ การผลิตรถจักรยานยนต์ 606,840 คัน ร้อยละ 22.61 โดยแบ่งเป็นการผลิตรถจักรยานยนต์แบบครอบครัว 380,757 คัน ลดลงร้อยละ 26.68 แต่มีปริมาณการผลิตรถจักรยานยนต์แบบสปอร์ต 88,847 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.49 หากพิจารณาในไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 เปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา มีปริมาณการผลิตรถจักรยานยนต์ลดลงร้อยละ 3.84 โดยมีการผลิตรถจักรยานยนต์แบบครอบครัว และรถจักรยานยนต์แบบสปอร์ต ลดลงร้อยละ 3.42 และ 5.62 ตามลำดับ
การจำหน่าย ตลาดรถจักรยานยนต์ของประเทศไทยในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 (เม.ย.-มิ.ย.) มีจำนวน 445,951 คัน ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งมีปริมาณ การจำหน่ายรถจักรยานยนต์ 548,906 คัน ร้อยละ 18.76 แบ่งเป็นการจำหน่ายรถจักรยานยนต์แบบครอบครัว 224,655 คัน ลดลงร้อยละ 13.55 การจำหน่ายรถจักรยานยนต์แบบสกูตเตอร์ 172,871 คัน ลดลงร้อยละ 30.63 แต่การจำหน่ายรถจักรยานยนต์แบบสปอร์ต 48,425 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.50 หากพิจารณาในไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 เปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา มีปริมาณการจำหน่ายรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.28 โดยมีการจำหน่ายรถจักรยานยนต์แบบครอบครัว รถจักรยานยนต์แบบสกูตเตอร์ และรถจักรยานยนต์แบบสปอร์ต เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.52, 1.63 และ 8.39 ตามลำดับ
การส่งออก ปริมาณการส่งออกรถจักรยานยนต์ (CBU&CKD) ของประเทศไทย ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 (เม.ย.-มิ.ย.) จำนวน 216,561 คัน (เป็นการส่งออก CBU จำนวน 71,051 คัน และ CKD จำนวน 145,510 ชุด) ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งมีปริมาณการส่งออกรถจักรยานยนต์ 241,464 คัน ร้อยละ 10.31 หากคิดเป็นมูลค่าการส่งออกมีมูลค่าการส่งออกรถจักรยานยนต์ 11,607.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งมีมูลค่าการส่งออก 11,578.18 ล้านบาท ร้อยละ 0.26 หากพิจารณาในไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 เปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา มีปริมาณการส่งออกรถจักรยานยนต์ (CBU&CKD) ลดลงร้อยละ 1.83 หากคิดเป็นมูลค่าการส่งออกลดลงร้อยละ 3.03
จากข้อมูลของศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ พบว่า มูลค่าการส่งออกรถจักรยานยนต์ของไทยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2557 มีมูลค่า 18,570.12 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ร้อยละ 0.17 ประเทศที่เป็นตลาดส่งออกสำคัญของรถจักรยานยนต์ ได้แก่ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และอินโดนีเซีย คิดเป็นสัดส่วนการส่งออกร้อยละ 14.52, 14.27 และ 11.36 ตามลำดับ โดยการส่งออกรถจักรยานยนต์ไปสหราชอาณาจักร และอินโดนีเซีย มีมูลค่าลดลงร้อยละ 19.03 และ 13.91 ตามลำดับ แต่การส่งออกรถจักรยานยนต์ไปสหรัฐอเมริกา เพิ่มขึ้น ร้อยละ 0.78
การนำเข้า จากข้อมูลของศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ พบว่า มูลค่าการนำเข้ารถจักรยานยนต์ของไทยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2557 มีมูลค่า 2,139.51 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ร้อยละ 41.13 เมื่อพิจารณาในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 (เม.ย.-มิ.ย.) มีการนำเข้ารถจักรยานยนต์ มีมูลค่า 1,257.51 ล้านบาท ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งมีปริมาณการนำเข้ารถจักรยานยนต์ 1,687.76 ล้านบาท ร้อยละ 25.49 หากพิจารณาในไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 เปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา พบว่า การนำเข้ารถจักรยานยนต์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 42.57 แหล่งนำเข้ารถจักรยานยนต์ที่สำคัญในช่วงครึ่งปีแรก ของปี 2557 ได้แก่ เวียดนาม ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา คิดเป็นสัดส่วนการนำเข้า ร้อยละ 60.26, 17.17 และ 6.48 ตามลำดับ โดยมีการนำเข้ารถจักรยานยนต์จากเวียดนาม และสหรัฐอเมริกา ลดลงร้อยละ 54.85 และ 16.31 ตามลำดับ แต่การนำเข้ารถจักรยานยนต์จากญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นร้อยละ 104.34
อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 การผลิตรถจักรยานยนต์หดตัวเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากการลดลงจากความต้องการของตลาดในประเทศและตลาดส่งออก ประกอบกับสถานการณ์ทางการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อจิตวิทยาของผู้บริโภค
อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ไตรมาสที่ 3 ของปี 2557 คาดว่าจะชะลอตัวเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 โดยข้อมูลจากแผนการผลิตของผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์ ประมาณการว่า ในไตรมาสที่ 3 ปี 2557 จะมีการผลิตรถจักรยานยนต์กว่า 430,000 คัน แบ่งเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ ประมาณร้อยละ 80-85 และการผลิตเพื่อการส่งออกประมาณร้อยละ 15-20
การส่งออกชิ้นส่วนรถยนต์ การส่งออกส่วนประกอบและอุปกรณ์รถยนต์ (OEM) ของประเทศไทยในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 (เม.ย.-มิ.ย.) มีมูลค่า 48,526.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ร้อยละ 5.22 การส่งออกเครื่องยนต์ มีมูลค่า 7,637.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ร้อยละ 21.91 และการส่งออกชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ 5,413.00 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ร้อยละ 18.23 หากพิจารณาในไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 เปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา พบว่า มูลค่าการส่งออกส่วนประกอบและอุปกรณ์รถยนต์ (OEM) และเครื่องยนต์ ลดลงร้อยละ 5.15 และ 4.34 ตามลำดับ ส่วนชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์มีมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.13
จากข้อมูลของศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ พบว่า มูลค่าการส่งออกส่วนประกอบและอุปกรณ์รถยนต์ของไทยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2557 มีมูลค่า 124,189.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ 16.11 ตลาดส่งออกที่สำคัญของส่วนประกอบและอุปกรณ์รถยนต์ ได้แก่ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และมาเลเซีย คิดเป็นสัดส่วนการส่งออก ร้อยละ 12.97, 12.68 และ 12.16 ตามลำดับ โดยการส่งออกส่วนประกอบและอุปกรณ์รถยนต์ไปญี่ปุ่น และมาเลเซีย เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.02 และ 13.69 ตามลำดับ แต่การส่งออกไปอินโดนีเซีย ลดลงร้อยละ 2.86
การส่งออกชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ การส่งออกส่วนประกอบและอุปกรณ์รถจักรยานยนต์ (OEM) ของประเทศไทยในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 (เม.ย.-มิ.ย.) มีมูลค่า 1,278.13 ล้านบาท ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ร้อยละ 22.89 การส่งออกชิ้นส่วนอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีมูลค่า 225.10 ล้านบาท ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ร้อยละ 9.17 หากพิจารณาในไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 เปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา พบว่า การส่งออกส่วนประกอบและอุปกรณ์รถจักรยานยนต์ (OEM) และการส่งออกชิ้นส่วนอะไหล่รถจักรยานยนต์ ลงลงร้อยละ 11.71 และ 6.28 ตามลำดับ
จากข้อมูลของศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ พบว่า มูลค่าการส่งออกส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ของไทยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2557 มีมูลค่า 11,456.83 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ร้อยละ 9.56 ตลาดส่งออกที่สำคัญของส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ ได้แก่ บราซิล กัมพูชา และอินโดนีเซีย คิดเป็นสัดส่วนการส่งออกร้อยละ 17.67, 14.30 และ 10.83 ตามลำดับ โดยการส่งออกส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ไปบราซิลและ กัมพูชา เพิ่มขึ้นร้อยละ 75.79 และ 14.94 ตามลำดับ แต่การส่งออกไปอินโดนีเซีย ลดลงร้อยละ 17.14
การนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์ จากข้อมูลของศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ พบว่า การนำเข้าส่วนประกอบและอุปกรณ์รถยนต์ของประเทศไทยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2557 มีมูลค่า 147,737.54 ล้านบาท ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของ ปีที่แล้ว ร้อยละ 24.04 เมื่อพิจารณาในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 (เม.ย.-มิ.ย.) มีมูลค่า 70,400.84 ล้านบาท ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ร้อยละ 22.51 หากพิจารณาในไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 เปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา พบว่า มูลค่าการนำเข้าส่วนประกอบและอุปกรณ์รถยนต์ ลดลงร้อยละ 8.97 แหล่งนำเข้าส่วนประกอบและอุปกรณ์รถยนต์ที่สำคัญในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2557 ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน และสหรัฐอเมริกา คิดเป็นสัดส่วนการนำเข้าร้อยละ 42.70, 14.54 และ 5.59 ตามลำดับ โดยการนำเข้าส่วนประกอบและอุปกรณ์รถยนต์จากญี่ปุ่น และจีน ลดลงร้อยละ 37.07 และ 1.37 ตามลำดับ แต่การนำเข้าส่วนประกอบและอุปกรณ์รถยนต์จากสหรัฐอเมริกา เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.71
การนำเข้าชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ฯ จากข้อมูลของศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ พบว่า การนำเข้าส่วนประกอบและอุปกรณ์รถจักรยานยนต์ฯ ของประเทศไทยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2557 มีมูลค่า 8,290.92 ล้านบาท ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับ ช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ร้อยละ 13.27 เมื่อพิจารณาในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 (เม.ย.-มิ.ย.) มีมูลค่า 3,753.45 ล้านบาท ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ร้อยละ 13.38 หากพิจารณาในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 เปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา พบว่า มูลค่าการนำเข้าส่วนประกอบและอุปกรณ์รถจักรยานยนต์ฯ ลดลงร้อยละ 17.28 แหล่งนำเข้าส่วนประกอบและอุปกรณ์รถจักรยานยนต์ฯ ที่สำคัญในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2557 ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน และเวียดนาม คิดเป็นสัดส่วนการนำเข้า ร้อยละ 29.30, 18.87 และ 11.12 ตามลำดับ โดยการนำเข้าส่วนประกอบและอุปกรณ์รถจักรยานยนต์ฯ จากญี่ปุ่น ลดลงร้อยละ 35.36 แต่การนำเข้าส่วนประกอบและอุปกรณ์รถจักรยานยนต์ฯ จากจีน และเวียดนาม เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.76 และ 13.82 ตามลำดับ
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--