Highlight
ภาวะการผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 2/2557 มีดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 280.38 เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.82 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.22 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมาจากกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.07 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีความต้องการนำไปใช้ในอุปกรณ์สื่อสารมากขึ้น ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้ามีการปรับตัวลดลงร้อยละ 5.02 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากกำลังซื้อในประเทศลดลง และผู้บริโภคมีการระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น
การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 2/2557 มีมูลค่า 13,725.83 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.29 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.69 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการส่งออกไปตลาดหลักส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ยกเว้นจีนที่มีการปรับตัวลดลง
ในไตรมาส 3/2557 คาดว่าอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์มีการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.84 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.72 เนื่องจากความต้องการ Semiconductor และ IC เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามอุตสาหกรรมไฟฟ้าคาดว่าจะปรับตัวลดลงร้อยละ 0.97 เนื่องจากมีสัญญาณของการชะลอตัวของการส่งออกเครื่องปรับอากาศไปอาเซียนและตะวันกลาง
ภาวะการผลิตของอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ไตรมาส 2/2557 (รายละเอียดแสดงในตารางที่ 1) มีดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 280.38 เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.82 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ซึ่งมาจากอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.09 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ Semiconductor Monolithic IC Other IC และ HDD ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.49 12.99 7.65 และ 5.49 ตามลำดับ เนื่องจากคำสั่งซื้อมีเข้ามาอย่างต่อเนื่องในการใช้ผลิตในอุปกรณ์สื่อสาร และในส่วนของ HDD ได้เริ่มย้ายคำสั่งซื้อกลับมาผลิตในประเทศมากขึ้น หลังจากสถานการณ์ในประเทศดีขึ้น ขณะที่ในกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้ามีการปรับตัวลดลงร้อยละ 0.33 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยสินค้าในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ปรับตัวลดลง ได้แก่ เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วน คอนเดนซิ่งยูนิต เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วน แฟนคอยล์ยูนิต และคอมเพรสเซอร์ ลดลงร้อยละ 13.55 9.09 และ 4.83 ตามลำดับ เนื่องจากมีการเร่งผลิตในช่วงปลายไตรมาส 1/2557 เพื่อส่งจำหน่ายให้ทันในช่วงไตรมาส 2/2557 ทำให้การผลิตในไตรมาส 2/2557 จะลดต่ำลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
นอกจากนี้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.22 มาจากอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.07 โดยเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ Semiconductor Monolithic IC Other IC เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.85 18.13 และ 9.17 ตามลำดับ เนื่องจากมีการนำไปใช้เป็นชิ้นส่วนใน Smart Phone (คาดว่าในปี 2557 ความต้องการ Smart Phone ในตลาดโลกจะปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.3 1) และอุปกรณ์สื่อสารต่าง ๆ เช่น Bluetooth หน้าจอ Touch Screen และกลุ่มผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนบุคคล (Consumer Electronics) ที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องนอกจากนี้ในอุตสาหกรรมยานยนต์มีการเพิ่มการใช้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น
สำหรับอุตสาหกรรม HDD ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.22 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นไตรมาสแรกหลังจากปรับลดลงมาอย่างต่อเนื่อง เพราะมีความต้องการในการนำไปใช้ใน Cloud Storage ศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ด้านวิดิทัศน์ ภาพ/เสียง (Content Generation), External HDD และกลุ่มผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ (Consumer Electronics) ทั้งนี้ Forbe คาดว่าความต้องการ HDD ในปี 2557 จะปรับตัวลดลงร้อยละ 1.5 เมื่อเทียบกับปีก่อน2 โดยเป็นการปรับตัวลดลงในอัตราที่ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับปี 2556 ที่ปรับตัวลดลงร้อยละ 4.3 เมื่อเทียบกับปีก่อน
ทั้งนี้ Semiconductor Industry Association รายงานว่าการจำหน่าย Semiconductor ของโลกในไตรมาส 2/2557 มีมูลค่า 82.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.4 เมื่อเทียบกับ ไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยตลาดหลักปรับเพิ่มขึ้นทั้งหมด ได้แก่ สหรัฐอเมริกา เอเชียแปซิฟิก สหภาพยุโรป เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.46 10.22 5.98 และ 10.52 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนี้ จากการรายงาน Semiconductor Industry Association 3(SIA) ของสหรัฐอเมริกาได้มีการปรับตัวเลขการคาดการณ์ Semiconductor ในตลาดโลกใหม่ให้สูงขึ้นกว่าเดิมมาอยู่ที่ร้อยละ 6.5 เมื่อเทียบกับปีก่อน (เดิมคาดการณ์ว่าจะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 4.1) เนื่องจากสหภาพยุโรปและเอเชียแปซิฟิกคาดว่าจะมีการขยายตัวได้เพิ่มขึ้นกว่าเดิมที่คาดการณ์ไว้ โดยจะปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.9 และ 9.3 เมื่อเทียบกับปีก่อน ตามลำดับ แต่ในสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นได้มีการปรับตัวเลขการคาดการณ์ลดลง คือ สหรัฐอเมริกาจะขยายตัวเหลือเพียงร้อยละ 2.1 จากเดิมอยู่ที่ร้อยละ 6.5 ขณะที่ญี่ปุ่นคาดว่าจะหดตัวร้อยละ 1.3 จากเดิมจะขยายตัวร้อยละ 3.8 เมื่อเทียบกับปีก่อน
อุตสาหกรรมไฟฟ้ามีการปรับตัวลดลงร้อยละ 5.02 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าส่วนใหญ่มีการผลิตลดลงเกือบทุกตัว ได้แก่ เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วน คอนเดนซิ่งยูนิต เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วน แฟนคอยล์ยูนิต คอมเพรสเซอร์ ลดลงร้อยละ 3.39 1.97 และ 9.63 ตามลำดับส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่ปรับตัวลดลง ได้แก่ ตู้เย็น หม้อหุงข้าว ลดลงร้อยละ 13.78 และ 8.73 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากภาคครัวเรือนในประเทศมีการชะลอการใช้จ่ายยกเว้นเครื่องรับโทรทัศน์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.94 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะมีการผลิตเครื่องรับโทรทัศน์เพื่อรองรับกับการแพร่ภาพในระบบดิจิตอลและการแข่งขันฟุตบอลโลก
การตลาดและการจำหน่าย
ภาวะการจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศในไตรมาส 2/2557 ส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ได้แก่ เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนคอนเดนซิ่งยูนิตเครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนแฟนคอยล์ยูนิตพัดลม เครื่องซักผ้า ตู้เย็น และสายไฟฟ้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.02 0.95 6.30 1.36 5.69 และ 6.39 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ยกเว้นคอมเพรสเซอร์ เตาไมโครเวฟ กระติกน้ำร้อน และ หม้อหุงข้าว ปรับตัวลดลงร้อยละ 8.41 20.87 7.15 และ 9.25 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
ภาวะการจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนส่วนใหญ่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน ได้แก่ เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนคอนเดนซิ่งยูนิตเครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนแฟนคอยล์ยูนิตเครื่องซักผ้า กระติกน้ำร้อน หม้อหุงข้าว และสายไฟฟ้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.41 4.54 0.77 5.11 1.59 และ 10.37 ตามลำดับ ยกเว้นคอมเพรสเซอร์ พัดลม เตาไมโครเวฟ และตู้เย็น ลดลงร้อยละ 13.76 5.66 29.47 และ 8.88 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (รายละเอียดแสดงในตารางที่ 2)
การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 2/2557 มีมูลค่า 13,725.83 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.29 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.69 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการส่งออกไปตลาดหลักเพิ่มขึ้น ได้แก่ อาเซียน สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น (รายละเอียดแสดงในตารางที่ 3)
การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าในไตรมาส 2/2557 มีมูลค่า 6,000.57 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.69 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยการส่งออกไปตลาดหลักส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ อาเซียนจีน สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.63 23.76 1.09 และ 1.30 ตามลำดับ ยกเว้นสหภาพยุโรปที่มีการปรับตัวลดลงร้อยละ 1.97 สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าสำคัญที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น เช่น กล้องถ่ายโทรทัศน์ กล้องถ่ายบันทึกวีดีโอภาพนิ่ง วีดีโออื่นๆ มีมูลค่าการส่งออก 428.14 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.22 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เนื่องจากตลาดหลักส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกาและจีน เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.82 54.76 และ 84.22 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ตามลำดับ ยกเว้นอาเซียนและญี่ปุ่นปรับตัวลดลงร้อยละ 9.41 และ 33.27 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ตามลำดับ รองลงมาคือ ตู้เย็น มีมูลค่าการส่งออก 393.27 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.41 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยการส่งออกไปอาเซียน สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 16.20 11.48 34.69 และ 11.25 ตามลำดับ ส่วนเครื่องปรับอากาศมีมูลค่า 1,141.48 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวลดลงร้อยละ 6.76 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน จากการส่งออกไปตลาดหลักส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง โดยเฉพาะสหภาพยุโรปและอาเซียน ลดลงร้อยละ 17.86 และ 10.92 ตามลำดับ
การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.38 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งตลาดหลักส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ อาเซียน จีน สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.50 4.64 27.07 และ 5.25 ตามลำดับ ยกเว้นสหภาพยุโรปที่มีการปรับตัวลดลงร้อยละ 0.45 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเครื่องใช้ไฟฟ้าสำคัญที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เช่น เครื่องปรับอากาศ มีมูลค่าการส่งออก 1,141.48 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.62 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการส่งออกไปสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.46 และ 82.28 ตามลำดับ เครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับตัดต่อป้องกันวงจรไฟฟ้า รวมถึงแป้นและแผงควบคุม (ฟิวส์ สวิตช์ ปลั๊ก socket) มีมูลค่าการส่งออก 615.16 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.61 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการส่งออกไปตลาดหลักเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอาเซียน และสหรัฐอเมริกา เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.81 และ 3.66 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
การส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 2/2557 มีมูลค่า 7,725.27 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.99 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ซึ่งตลาดหลักที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ อาเซียน จีน และและ สหรัฐอเมริกา เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.44 9.92 และ 12.28 ตามลำดับ สำหรับสินค้าหลักที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น คือ วงจรรวมและไมโครแอสแซมบลี มีมูลค่าการส่งออก 1,879.00 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.27 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยการส่งออกไปจีน สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.64 5.68 และ 4.74 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน รองลงมา คือแผ่นวงจรพิมพ์ มีมูลค่า 275.98 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.81 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยการส่งออกไปอาเซียน จีน และญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.65 38.07 และ 0.33 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ส่วนอุปกรณ์ประกอบของเครื่องคอมพิวเตอร์มีมูลค่า การส่งออก 4,326.64 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 0.42 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน จากการที่ตลาดหลักส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง ได้แก่ อาเซียน สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น ลดลงร้อยละ 3.12 4.20 และ 8 เมื่อเทียบกับ ไตรมาสก่อน
สำหรับการส่งออกอิเล็กทรอนิกส์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.16 ตลาดหลักที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ อาเซียน สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.94 11.98 และ10.87 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าหลักที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น คือ อุปกรณ์ประกอบของเครื่องคอมพิวเตอร์ มีมูลค่าการส่งออก 4,326.64 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.34 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะการส่งออกไปสหภาพยุโรป และญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.72 และ 30.10 ตามลำดับ รองลงมา คือ วงจรรวมและไมโครแอสแซมบลี มีมูลค่าการส่งออก 1,879.00 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.86 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการส่งออกไปตลาดหลักส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ยกเว้นสหภาพยุโรปที่ปรับตัวลดลงร้อยละ 6.03 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
การนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 2/2557 มีมูลค่า 11,067.83 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.96 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน แต่ปรับตัวลดลงร้อยละ 0.96 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการนำเข้าจากประเทศจีนปรับตัวลดลงร้อยละ 5.23 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนการนำเข้าจากประเทศหลักอื่น ๆ มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
การนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในไตรมาส 2/2557 คิดเป็นมูลค่า 4,336.59 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.15 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน แต่ลดลงร้อยละ 7.90 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการนำเข้าจากแหล่งนำเข้าหลักส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง ได้แก่ อาเซียน จีน สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ลดลงร้อยละ 2.19 10.33 1.68 และ 11.43 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ ยกเว้นการนำเข้าจากสหภาพยุโรป ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.64 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน โดยสินค้าหลักที่ปรับตัวลดลง เช่น เครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้า สำหรับตัดต่อป้องกันวงจรไฟฟ้า รวมถึงแป้นและแผงควบคุม (ฟิวส์ สวิตช์ ปลั๊ก socket) มีมูลค่าการนำเข้า 928.56 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 9.77 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รองลงมา คือ ส่วนประกอบ เครื่องรับโทรทัศน์ มีมูลค่าการนำเข้า 423.10 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 21.75 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
การนำเข้าอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 2/2557 มีมูลค่า 6,731.24 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.85 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.09 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแหล่งนำเข้าหลักที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ อาเซียน สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.10 16.26 และ 25.81 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ สินค้าหลักที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น คือ โทรศัพท์เคลื่อนที่ ไดโอด ทรานซิสเตอร์/อุปกรณ์กึ่งตัวนำ และวงจรพิมพ์ มีมูลค่าการนำเข้า 966.53 514.54 และ 325.53 เพิ่มขึ้นร้อยละ 35.43 24.30 และ 19.89 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ ขณะที่วงจรรวมและไมโครแอสแซมบลี มีมูลค่าการนำเข้า 2,330.49 ลดลงร้อยละ 3.54 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และอุปกรณ์ประกอบของเครื่องคอมพิวเตอร์ มีมูลค่าการนำเข้า 1,576.11 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 1.36 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สรุปภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ไตรมาส 2/2557
อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 2/2557 ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 2.22เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมาจากอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ขยายตัวร้อยละ 4.07 ซึ่งสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เกือบทุกตัวปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ Semiconductor และ IC เพราะมีการนำไปใช้เป็นชิ้นส่วนใน Smart Phone และกลุ่มอุปกรณ์สื่อสารต่าง ๆ (Communication system) /กลุ่มผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนบุคคล (Consumer Electronics) รวมถึงการผลิต HDD ในไตรมาส 2/2557 มีการขยายตัวเป็นไตรมาสแรก เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังจากที่อยู่ในภาวะชะลอตัวมาอย่างมาต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่ในภาวะชะลอตัว ซึ่งปรับตัวลดลงร้อยละ 5.02เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากกำลังซื้อในประเทศลดลงมาอย่างต่อเนื่อง และผู้บริโภคในประเทศมีการระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น รวมถึงการส่งออกไปตลาดหลักค่อนข้างทรงตัวโดยปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 3.38 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
แนวโน้มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ไตรมาส 3/2557
อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 3/2557 คาดว่าการผลิตจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 4.84 โดยอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์จะปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.72 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความต้องการ Semiconductor และ IC เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับอุตสาหกรรมไฟฟ้าจะลดลงร้อยละ 0.97 เนื่องจากมีสัญญาณของการชะลอตัวของการส่งออกเครื่องปรับอากาศไปอาเซียนและตะวันออกกลาง
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--