สรุปภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาสที่ 2 ปี 2557 (เมษายน - มิถุนายน 2557)(อุตสาหกรรมรองเท้าและผลิตภัณฑ์หนัง)

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday September 9, 2014 16:03 —สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

การส่งออกสินค้ารองเท้าและผลิตภัณฑ์หนัง ไตรมาส 2 ปี 2557 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่สำคัญอย่างสหภาพยุโรป (EU) เริ่มเข้าสู่ภาวะฟื้นตัวจากภาวะถดถอย โดยจะเห็นได้จากดัชนีชี้นำภาวะเศรษฐกิจหลายตัวที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจของ EU ที่มีแนวโน้มดีขึ้นอย่างช้า ๆ ซึ่งจะส่งผลดีต่อแนวโน้มการส่งออกของประเทศไทย

การผลิต

ไตรมาส 2 ปี 2557 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมรองเท้าและผลิตภัณฑ์หนัง จำแนกได้ ดังนี้

1. การฟอกและการตกแต่งหนังฟอก ดัชนีผลผลิตไตรมาส 2 ปี 2557 เมื่อเทียบกับ ไตรมาสก่อน และไตรมาสเดียวกันของปีก่อนลดลง ร้อยละ 0.01 และ 0.39 ตามลำดับ เนื่องจาก อุปสงค์ภายในประเทศที่ลดลงและการส่งออกสินค้าที่ฟื้นตัวช้าในช่วงก่อนหน้ามีส่วนทำให้ระดับ สินค้าคงคลังเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับดัชนีสินค้าสำเร็จรูปคงคลัง เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่เพิ่มขึ้น ร้อยละ 1.24 และ 7.98 ตามลำดับ ทำให้ผู้ประกอบการลดการผลิตลง ส่วนดัชนีการส่งสินค้าเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และไตรมาสเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ร้อยละ 0.38 และ 0.62 ตามลำดับ

2. การผลิตกระเป๋าเดินทางกระเป๋าถือและสิ่งที่คล้ายกัน อานม้าและเครื่องเทียมลาก ดัชนีผลผลิตไตรมาส 2 ปี 2557 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และไตรมาสเดียวกันของปีก่อนลดลง ร้อยละ 3.39 และ 0.23 ตามลำดับ เป็นผลจากดัชนีการส่งสินค้า เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและไตรมาสเดียวกันของปีก่อนลดลง ร้อยละ 3.24 และ 2.16 ตามลำดับ ทำให้ดัชนีสินค้าสำเร็จรูปคงคลังเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และไตรมาสเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น ร้อยละ 7.35 และ 3.47 ตามลำดับเนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคภายในประเทศชะลอตัวและค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับการส่งออกในตลาดหลักยังขยายตัวไม่มากนัก แต่ผู้ประกอบการยังคงต้องทำการผลิตเพื่อรักษาแรงงานเอาไว้ทำให้มีระดับสินค้าคงคลังอยู่ในระดับสูง จึงลดการผลิตลง

3. การผลิตรองเท้า ดัชนีผลผลิตไตรมาส 2 ปี 2557 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และ ไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มีการผลิตเพิ่มขึ้น ร้อยละ 11.43 และ 8.06 ตามลำดับ ส่งผลให้ดัชนีการส่งสินค้า เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และไตรมาสเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น ร้อยละ 8.89 และ 4.70 ตามลำดับ ทำให้ดัชนีสินค้าสำเร็จรูปคงคลัง เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และไตรมาสเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น ร้อยละ 5.72 และ 1.01 ตามลำดับ เนื่องจากการส่งออกในตลาดหลัก ได้แก่ สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป มีแนวโน้มเติบโตดีขึ้น จากเศรษฐกิจภาพรวมที่ฟื้นตัว ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนตัวส่งผลดีต่อการส่งออกของไทย ทำให้มีการผลิตและส่งสินค้าเพิ่มขึ้น

การตลาดและการจำหน่าย

การค้าระหว่างประเทศ

การส่งออก

ไตรมาส 2 ปี 2557 อุตสาหกรรมรองเท้าและผลิตภัณฑ์หนัง มีมูลค่าการส่งออกรวมทั้งสิ้น 496.28 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 14.68 และ 6.39 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ ประกอบด้วย 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์สำคัญ ดังนี้

1. หนังและผลิตภัณฑ์หนังฟอกและหนังอัด ไตรมาส 2 ปี 2557 มีมูลค่าการส่งออก 203.45 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2557 มีมูลค่า 182.99 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 11.18 เป็นผลจากมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์หนังโคกระบือฟอก เครื่องแต่งกายและเข็มขัด หนังและผลิตภัณฑ์หนังอื่น ๆ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 21.52 13.32 และ 6.33 ตามลำดับ สำหรับผลิตภัณฑ์ของเล่นสำหรับสัตว์เลี้ยง และถุงมือหนัง ปรับตัวลดลง ร้อยละ 8.57 และ 19.12 ตามลำดับ

เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มูลค่าการส่งออกหนังและผลิตภัณฑ์ หนังฟอกและหนังอัด ปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 5.50 ตามความต้องการในกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งเป็นผลจากการส่งออกผลิตภัณฑ์หนังโคกระบือฟอก เครื่องแต่งกายและเข็มขัด มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ร้อยละ 28.09 และ 34.31 ตามลำดับ สำหรับผลิตภัณฑ์ของเล่นสำหรับสัตว์เลี้ยง ถุงมือหนัง หนังและผลิตภัณฑ์หนังอื่น ๆ ลดลง ร้อยละ 5.59 5.59 และ 13.59 ตามลำดับ โดยตลาดคู่ค้าสำคัญของกลุ่มหนังและผลิตภัณฑ์หนังฟอกและหนังอัด ได้แก่ เวียดนาม ฮ่องกง และจีน มีสัดส่วน ร้อยละ 17.76 17.04 และ 12.71 ตามลำดับ

2. เครื่องใช้สำหรับเดินทาง ไตรมาส 2 ปี 2557 มีมูลค่าการส่งออก 86.62 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2557 มีมูลค่า 78.56 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 10.26 ซึ่งเป็นผลจากการส่งออกในสินค้าทุกผลิตภัณฑ์ มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ได้แก่ กระเป๋าเดินทาง กระเป๋าถือ กระเป๋าใส่เศษสตางค์ และเครื่องเดินทางอื่น ๆ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 3.68 21.32 9.50 และ 7.98 ตามลำดับ

เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มูลค่าการส่งออกเครื่องใช้สำหรับเดินทาง ปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 18.55 ซึ่งเป็นผลจากการส่งออกผลิตภัณฑ์กระเป๋าถือ กระเป๋าใส่เศษสตางค์ และเครื่องเดินทางอื่น ๆ เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.50 34.84 และ 30.73 ตามลำดับ สำหรับผลิตภัณฑ์กระเป๋าเดินทาง ปรับตัวลดลง ร้อยละ 4.39 โดยตลาดคู่ค้าสำคัญของกลุ่มเครื่องใช้สำหรับเดินทาง ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และสวิตเซอร์แลนด์ มีสัดส่วน ร้อยละ 24.67 10.54 และ 10.27 ตามลำดับ

3. รองเท้าและชิ้นส่วน ไตรมาส 2 ปี 2557 มีมูลค่าการส่งออก 206.21 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2557 มีมูลค่า 171.19 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 20.45 ซึ่งเป็นผลจากการส่งออกในกลุ่มรองเท้าแตะ รองเท้าหนัง และส่วนประกอบของรองเท้าเพิ่มขึ้น ร้อยละ 47.92 27.65 และ 19.80 ตามลำดับ เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า ที่สำคัญอย่างสหภาพยุโรป (EU) เริ่มเข้าสู่ภาวะฟื้นตัวจากภาวะถดถอย โดยจะเห็นได้จากดัชนีชี้นำภาวะเศรษฐกิจหลายตัวที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจของ EU ที่มีแนวโน้มดีขึ้นอย่างช้า ๆ สำหรับรองเท้ากีฬา และ รองเท้าอื่น ๆ มูลค่าการส่งออกลดลง ร้อยละ 13.99 และ 0.80 ตามลำดับ เนื่องจากต้นทุนการผลิต เช่น ค่าแรงและวัตถุดิบ ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้คำสั่งซื้อจากลูกค้าต่างประเทศเริ่มมีการกระจายความเสี่ยงไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม และจีน เพื่อลดต้นทุน

เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มูลค่าการส่งออกรองเท้าและชิ้นส่วน ปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 2.81 ซึ่งเป็นผลจากมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์รองเท้าหนัง รองเท้าอื่น ๆ และส่วนประกอบรองเท้าขยายตัว ร้อยละ 6.81 และ 18.20 ตามลำดับ เนื่องจากผู้ประกอบการอุตสาหกรรมรองเท้ารายใหญ่ของไทย ได้ตัดสินใจขยายการลงทุนไปยังประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะกัมพูชา เมียนมาร์ และ ส.ป.ป.ลาว จากปัญหาต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นและการขาดแคลนแรงงาน อีกทั้งชาวต่างชาติหันไปสั่งซื้อรองเท้ากีฬาจากเวียดนาม อินโดนีเซีย และบังกลาเทศทดแทน เนื่องจากมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าไทยมาก ในส่วนการส่งออกรองเท้าหนัง รองเท้าอื่น ๆ และส่วนประกอบรองเท้า ยังขยายตัวได้ ร้อยละ 11.80 12.50 และ 5.03 ตามลำดับ ตลาดคู่ค้าสำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา เดนมาร์ก และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งมีสัดส่วน ร้อยละ 13.71 9.38 และ 8.94 ตามลำดับ

การนำเข้า

ไตรมาส 2 ปี 2557 อุตสาหกรรมรองเท้าและผลิตภัณฑ์หนัง มีมูลค่าการนำเข้าทั้งสิ้น 331.98 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง ร้อยละ 5.07 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน แต่หากเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น ร้อยละ 0.53 ประกอบด้วย 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์สำคัญ ดังนี้

1. หนังดิบและหนังฟอก ไตรมาส 2 ปี 2557 มีมูลค่าการนำเข้า 178.99 ล้าน เหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และไตรมาสเดียวกันของปีก่อนลดลง ร้อยละ 1.43 และ 4.10 ตามลำดับ เป็นไปในทิศทางเดียวกับการผลิตที่ลดลง โดยแหล่งนำเข้าหนังดิบและหนังฟอก ที่สำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา บราซิล และอาร์เจนตินา มีสัดส่วน ร้อยละ 15.85 13.03 และ 10.61 ตามลำดับ

2. กระเป๋า ไตรมาส 2 ปี 2557 มีมูลค่าการนำเข้า 83.64 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนลดลง ร้อยละ 4.29 ซึ่งเป็นผลจากการนำเข้าผลิตภัณฑ์ประเภทกระเป๋าถือและกระเป๋าอื่น ๆ ปรับตัวลดลง แต่หากเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 6.79 โดยแหล่งนำเข้าสำคัญ ได้แก่ จีน อิตาลี และฝรั่งเศส มีสัดส่วน ร้อยละ 45.17 22.99 และ 14.55 ตามลำดับ

3. รองเท้า ไตรมาส 2 ปี 2557 มีมูลค่าการนำเข้า 69.35 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนลดลง ร้อยละ 14.10 ซึ่งเป็นผลจากการนำเข้าผลิตภัณฑ์ทุกประเภท ได้แก่ รองเท้ากีฬา รองเท้าหนัง รองเท้าทำด้วยยางหรือพลาสติก และรองเท้าอื่น ๆ ปรับตัวลดลงแต่หากเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น ร้อยละ 6.26 โดยแหล่งนำเข้าสำคัญ ได้แก่ จีน เวียดนาม และอิตาลี มีสัดส่วน ร้อยละ 48.87 13.92 และ 10.66 ตามลำดับ

นโยบายภาครัฐที่เกี่ยวข้อง

1. นโยบายการปรับค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ 300 บาท ทั่วประเทศ ส่งผลให้ผู้ประกอบการรองเท้าและผลิตภัณฑ์หนัง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นธุรกิจ SMEs ต้องปรับตัวทั้งกลยุทธ์ด้านการผลิตและการตลาด เพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมได้อย่างต่อเนื่อง โดยกลยุทธ์หนึ่งในการปรับตัว คือ การย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า ซึ่ง สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ได้ทำการศึกษาแนวทางการย้ายฐานการผลิตของอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น คือ สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม รองเท้าและเครื่องหนัง อัญมณีและเครื่องประดับ ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้ผู้ประกอบการใช้เป็นคู่มือและแนวทางประกอบการตัดสินใจในการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้าน

2.นโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้ตั้งเป้าหมาย เพิ่มสัดส่วน GDP ของ SMEs ที่ปัจจุบันมีจำนวน 2.724 ล้านราย จากร้อยละ 37 เป็น ร้อยละ 40 ใน 10 ปีข้างหน้า และเตรียมความพร้อมให้ SMEs พร้อมก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ผ่านแผนงานสำคัญ ได้แก่ ส่งเสริม SMEs ไทยให้ก้าวสู่การเป็น Supply Chain ของอาเซียน โดย ตั้งเป้าหมายพัฒนาธุรกิจรวม600 กิจการ ผู้ประกอบการ 12,000 คน และพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน 10 กลุ่มอุตสาหกรรม ด้วยงบประมาณ 157 ล้านบาท ได้แก่ อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป เครื่องนุ่งห่ม เฟอร์นิเจอร์ ผลิตภัณฑ์ยาง ยานยนต์และชิ้นส่วน อัญมณีและเครื่องประดับ สินค้า ไลฟ์สไตล์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ รองเท้าและเครื่องหนัง และก่อสร้าง เป็นต้น

สรุปและแนวโน้ม

สรุป

ภาวะการผลิตอุตสาหกรรมรองเท้าและผลิตภัณฑ์หนัง ไตรมาส 2 ปี 2557 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ปรับตัวลดลงในผลิตภัณฑ์ ได้แก่ กระเป๋าเดินทาง และกระเป๋าถือและ สิ่งที่คล้ายกัน อานม้าและเครื่องเทียมลาก ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากอุปสงค์ภายในที่ลดลงตาม ค่าครองชีพ และภาระหนี้ภาคครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น มีผลให้ประชาชนประหยัดค่าใช้จ่ายสินค้าฟุ่มเฟือยลง และยังกังวลถึงเศรษฐกิจของโลกจะฟื้นตัวจริงหรือไม่ ส่วนการฟอกและตกแต่งหนังฟอก ปรับตัวลดลงเล็กน้อย สำหรับการผลิตรองเท้ามีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคในประเทศเริ่มปรับตัวดีขึ้น จากยอดขายรองเท้าในประเทศเพิ่มสูงขึ้น จากช่วงก่อนหน้าที่กำลังซื้ออยู่ในภาวะซบเซาอย่างต่อเนื่อง

การส่งออก ไตรมาส 2 ปี 2557 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และไตรมาสเดียวกันของ ปีก่อนปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ หนังและผลิตภัณฑ์หนังฟอกและหนังอัด เครื่องใช้สำหรับเดินทาง และรองเท้าและชิ้นส่วน จากสัญญาณเริ่มฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญ รวมทั้งค่าเงินบาทที่อ่อนตัวส่งผลดีกับผู้ประกอบการที่ทำตลาดส่งออกในกลุ่มประเทศดังกล่าว อีกทั้งเป็นผลมาจากผู้ประกอบการรองเท้าและเครื่องหนังของไทยมีการออกงานแสดงสินค้าในต่างประเทศเพิ่มขึ้นเพื่อสร้างโอกาสทางการตลาด

การนำเข้า ไตรมาส 2 ปี 2557 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ปรับตัวลดลงในทุกกลุ่ม ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ หนังดิบและหนังฟอก สอดคล้องกับการผลิตและตกแต่งหนังฟอกที่ลดลงในส่วนกระเป๋า และรองเท้า เนื่องจากอุปสงค์ภายในประเทศลดลงจากค่าครองชีพ และภาระหนี้ภาคครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ประชาชนประหยัดค่าใช้จ่ายสินค้าฟุ่มเฟือยลง

แนวโน้ม

แนวโน้มไตรมาส 3 ของ ปี 2557 คาดว่า การผลิตและการส่งออกรองเท้า จะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น เนื่องจากการส่งออกไปตลาดสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นตลาดหลักเริ่มฟื้นตัวจากปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ แต่อาจจะมีปัจจัยจากการที่ผู้ประกอบการรายใหญ่มีการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันด้านต้นทุนที่มีศักยภาพมากกว่าไทย ซึ่งจะส่งผลต่อโครงสร้างการผลิตและมูลค่าการส่งออกของอุตสาหกรรมในระยะต่อไป อย่างไรก็ตาม การส่งออกไปตลาดเอเชียและอาเซียนจะมีแนวโน้มที่ดี โดยเฉพาะการส่งออกไปจีนและเวียดนาม ที่นำเข้าชิ้นส่วนรองเท้าไปผลิตเพื่อส่งออกไปตลาดอื่น รวมทั้งตลาดพม่าที่มีความต้องการรองเท้ามากขึ้น เป็นโอกาสในการส่งออกของไทยเพิ่มขึ้น สำหรับการส่งออกเครื่องใช้สำหรับเดินทาง และหนังและผลิตภัณฑ์หนังฟอกและหนังอัด คาดว่า จะสามารถขยายตัวได้จากความต้องการใช้เพื่อผลิตสินค้าต่อเนื่อง เช่น เบาะรถยนต์ ที่การส่งออกของอุตสาหกรรมยานยนต์มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ