- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนมิถุนายน 2557 ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2557ร้อยละ 1.7 และลดลงร้อยละ 6.6 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน การผลิตลดลงในหลายอุตสาหกรรมที่สำคัญ คือ ยานยนต์ Hard Disk Drive เสื้อผ้าสำเร็จรูปเครื่องประดับเพชรพลอย เครื่องปรับอากาศ
- อัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ยในเดือนมิถุนายน 2557 อยู่ที่ระดับร้อยละ 60.6ลดลงจากร้อยละ 61.6 ในเดือนพฤษภาคม 2557
ประเด็นเศรษฐกิจอุตสาหกรรมสำคัญในเดือนกรกฎาคม 2557
- การผลิตและส่งออก คาดว่า จะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อน เนื่องจากคำสั่งซื้อจากต่างประเทศที่เริ่มกระเตื้องขึ้นบ้าง และค่าเงินบาทที่ทรงตัวในระดับเดียวกันกับเดือนก่อน
- การจำหน่ายสินค้าในประเทศ คาดว่า จะปรับตัวดีขึ้นจากความเชื่อมั่นเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นและประชาชนกลับมาจับจ่ายเพิ่มขึ้นจากการจัดกิจกรรมกระตุ้นการจำหน่ายสินค้าที่มีราคาต่ำกว่าท้องตลาด
- ภาพรวมอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เดือนกรกฎาคม ประมาณการแนวโน้มการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 1.98 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.19 จากกลุ่ม Semiconductor และ IC ที่เริ่มมีความต้องการเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในสหภาพยุโรปและอาเซียน และ HDD จะเริ่มกลับมาผลิตในประเทศมากขึ้นหลังจากมีการย้ายคำสั่งซื้อไปฐานการผลิตที่อื่นแทน ในช่วงเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในไทย
- อุตสาหกรรมไฟฟ้า จะลดลงร้อยละ 6.46 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีสัญญาณการชะลอตัวจากการส่งออกเครื่องปรับอากาศไปตลาดหลักลดลงโดยเฉพาะตลาดตะวันออกกลางและอาเซียน
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม
พ.ค. 57= 172.0
มิ.ย. 57 = 169.0
โดยอุตสาหกรรมที่ส่งผลให้ดัชนีลดลง ได้แก่
- Hard Disk Drive
- น้ำตาล
- เครื่องปรับอากาศ
- อัตราการใช้กำลังการผลิต
พ.ค. 57= 61.6
มิ.ย. 57 = 60.6
โดยอุตสาหกรรมที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลง ได้แก่
- ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม
- เคมีภัณฑ์ขั้นมูลฐาน
- เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์
ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ในเดือนมิถุนายน 2557 มีค่า 169.0 ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2557(172.0) ร้อยละ 1.7 และลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน คือเดือนมิถุนายน 2556 (180.9) ร้อยละ 6.6
- อุตสาหกรรมที่ส่งผลสำคัญให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมลดลงเมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม2557 ได้แก่ Hard Disk Drive น้ำตาล เครื่องปรับอากาศ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม เบียร์ เป็นต้น
- อุตสาหกรรมที่ส่งผลสำคัญให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อนได้แก่ ยานยนต์ Hard Disk Drive เสื้อผ้าสำเร็จรูป เครื่องประดับและเพชรพลอยเครื่องปรับอากาศ เป็นต้น
อัตราการใช้กำลังการผลิต ในเดือนมิถุนายน 2557 อยู่ที่ระดับร้อยละ 60.6 ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2557 (ร้อยละ 61.6) และลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน คือเดือนมิถุนายน 2556 (ร้อยละ64.9)
- อุตสาหกรรมที่ส่งผลสำคัญให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2557ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม เคมีภัณฑ์ขั้นมูลฐาน เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ โทรทัศน์สีเครื่องปรับอากาศ เป็นต้น
- อุตสาหกรรมที่ส่งผลสำคัญให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อนได้แก่ ยานยนต์ เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ เม็ดพลาสติก เสื้อผ้าสำเร็จรูป เคมีภัณฑ์ขั้นมูลฐาน เป็นต้น
ภาวะการประกอบกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนมิถุนายน 2557 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2557 มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการจำนวน 418 ราย เพิ่มขึ้นในจำนวนที่มากกว่าเดือนพฤษภาคม 2557 ซึ่งมีโรงงานเริ่มประกอบกิจการจำนวน 317 ราย หรือคิดเป็นจำนวนมากกว่าร้อยละ 31.86 มียอดเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 59,081 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2557 ซึ่งมีการลงทุน19,534 ล้านบาท ร้อยละ 202.45 และมีการจ้างงานจำนวน 17,511 คน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2557 ที่มีจำนวนการจ้างงาน 7,004 คน ร้อยละ 150.01
ภาวะการประกอบกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนมิถุนายน 2557 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการเพิ่มขึ้นในจำนวนที่มากกว่าเดือนมิถุนายน 2556 ซึ่งมีโรงงานเริ่มประกอบกิจการจำนวน 402 ราย หรือคิดเป็นจำนวนมากกว่าร้อยละ 3.98 มียอดเงินลงทุนรวมเพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายน 2556 ซึ่งมีการลงทุน 54,470 ล้านบาท ร้อยละ 8.47 มีการจ้างงานรวมเพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายน 2556 ที่มีจำนวนการจ้างงาน 10,319 คน ร้อยละ 69.7
- อุตสาหกรรมที่มีจำนวนโรงงานเริ่มประกอบกิจการมากที่สุดในเดือนมิถุนายน 2557 คืออุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์คอนกรีตผสมเสร็จ จำนวน 39 โรงงาน รองลงมาคือ อุตสาหกรรมซ่อมและพ่นสีรถยนต์ จำนวน 27 โรงงาน
- อุตสาหกรรมที่เริ่มประกอบกิจการโดยมีการลงทุนสูงสุดในเดือนมิถุนายน 2557 คือ อุตสาหกรรมผลิตเคมีภัณฑ์สำ หรับใช้ในระบบบำ บัดน้ำ เสีย ระบบผลิตน้ำ ดีจำนวนเงินทุน 7,537.00 ล้านบาท รองลงมาคือ อุตสาหกรรม ทำผลิตภัณฑ์จากเหล็ก เช่น ชิ้นส่วนรถยนต์ จำนวนเงินทุน 7,359.87 ล้านบาท
- อุตสาหกรรมที่เริ่มประกอบกิจการและมีการจ้างงานสูงสุดในเดือนมิถุนายน 2557 คือ อุตสาหกรรมผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าเช่นเครื่องพิมพ์สำหรับคอมพิวเตอร์ จำนวนคนงาน 2,922 คนรองลงมาคือ อุตสาหกรรม ผลิตชิ้นส่วนสำหรับรถยนต์ และ รถจักรยานยนต์ จำนวนคนงาน 1,785 คน
ภาวะการเลิกกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนมิถุนายน 2557 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2557 มีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 119 ราย มากกว่าเดือนพฤษภาคม2557 ซึ่งมีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 89 ราย คิดเป็นร้อยละ 33.71 มีการเลิกจ้างงาน จำนวน 2,877 คนมากกว่าเดือนพฤษภาคม 2557 ซึ่งมีการเลิกจ้างงานจำนวน 2,092 คน แต่มีเงินทุนของการเลิกกิจการรวม 1,116ล้านบาท น้อยกว่าเดือนพฤษภาคม 2557 ที่การเลิกกิจการคิดเป็นเงินทุน 1,272 ล้านบาท
ภาวะการเลิกกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนมิถุนายน 2557 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการมากกว่าเดือนมิถุนายน 2556 ซึ่งมีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 88 ราย คิดเป็นจำนวนมากกว่าร้อยละ 35.23 มีการเลิกจ้างมากกว่าเดือนมิถุนายน 2556 ที่การเลิกจ้างงานมีจำนวน 1,819 คน แต่มีเงินทุนของการเลิกกิจการน้อยกว่าเดือนมิถุนายน 2556 ที่การเลิกกิจการคิดเป็นเงินทุน 6,631 ล้านบาท
- อุตสาหกรรมที่มีจำนวนโรงงานเลิกกิจการมากที่สุดในเดือนมิถุนายน 2557 คือ อุตสาหกรรมซ่อม และพ่นสีรถยนต์ จำนวน 23 โรงงาน รองลงมาคือ อุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์คอนกรีตผสมเสร็จ จำนวน 11 โรงงาน
- อุตสาหกรรมที่เลิกประกอบกิจการโดยที่มีเงินลงทุนสูงสุดในเดือนมิถุนายน 2557 คือ อุตสาหกรรมทำเครื่องมือเครื่องใช้ เครื่องเรือน เครื่องประดับจากพลาสติก เงินทุน 269ล้านบาท รองลงมาคือ อุตสาหกรรม ทำยางแผ่นรมควัน ยางเครป ยางแท่ง ยางน้ำ ยางให้เป็นรูปแบบอื่น เงินทุน 163 ล้านบาท
- อุตสาหกรรมที่เลิกประกอบกิจการและจำนวนคนงานสูงสุดในเดือนมิถุนายน 2557 คือ อุตสาหกรรมตัดเย็บเครื่องนุ่งห่ม ผ้าเช็ดหน้า เนกไท ถุงมือ ถุงเท้าจากผ้า หนังสัตว์จำนวนคนงาน 479 คน รองลงมาคือ อุตสาหกรรมทำอาหารจากสัตว์น้ำบรรจุในภาชนะผนึกอากาศเข้าไม่ได้ จำนวนคนงาน 460 คน
ภาวะการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) ในเดือนมกราคม – มิถุนายน 2557 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีจำนวนโครงการที่ขอรับการส่งเสริมการ ลงทุนจาก สกท. ทั้งสิ้น 634 โครงการ น้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน 967 โครงการ ร้อยละ 34.44 และมีเงินลงทุน 337,400 ล้านบาท น้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีเงินลงทุน 599,500 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 43.72
- การกระจายหุ้นของโครงการที่ได้รับการอนุมัติให้การส่งเสริมในเดือนมกราคม – มิถุนายน 2557
การร่วมทุน จำนวน มูลค่าเงินลงทุน(ล้านบาท)
(โครงการ)
1.โครงการคนไทย 100% 217 88,100 2.โครงการต่างชาติ 100% 263 148,200 3.โครงการร่วมทุนไทยและต่างชาติ 154 101,200
- ประเภทกิจการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนมากที่สุดในเดือนมกราคม – มิถุนายน 2557 คือ หมวดผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง มีมูลค่าเงินลงทุนรวม 164,500 ล้านบาท รองลงมา คือ หมวดบริการ และ สาธารณูปโภค มีมูลค่าเงินลงทุนรวม 92,900 ล้านบาท
ภาวะการผลิตและการส่งออกของอุตสาหกรรมอาหาร เดือนกรกฎาคม 2557 คาดว่า จะปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน เป็นผลจากคำสั่งซื้อจากต่างประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น ส่วนการจำหน่ายในประเทศ คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจดีขึ้น และมีการจัดกิจกรรมกระตุ้นการจำหน่ายสินค้าราคาถูกทำให้ประชาชนกลับมาจับจ่ายเพิ่มขึ้น
1. การผลิต
ภาวะการผลิตกลุ่มสินค้าอาหารสำคัญ (ไม่รวมน้ำตาล) เดือนมิถุนายน 2557 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนและเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 5.6 และ 3.5 ตามลำดับ แบ่งเป็น
กลุ่มสินค้าสำคัญที่อิงตลาดส่งออก หากเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง เช่น ปลาทูน่ากระป๋อง และกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง มีปริมาณการผลิตชะลอตัวลงร้อยละ 19.2 และ 3.2 ตามลำดับ เนื่องจากปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบในกุ้งเป็นสำคัญ ส่วนปลาทูน่าแม้ว่าราคาจะปรับลดลง แต่ความต้องการของต่างประเทศยังปรับลดลงตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจของประเทศผู้นำเข้า
กลุ่มสินค้าที่อิงตลาดภายในประเทศ แบ่งเป็นสินค้าที่ใช้วัตถุดิบในประเทศ เช่น น้ำมันปาล์ม มีการผลิตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 2.5 แต่ปรับลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 18.3 เนื่องจากสต็อกยังคงอยู่ในระดับสูง ส่วนสินค้าที่ใช้วัตถุดิบนำเข้า คือ น้ำมันถั่วเหลือง มีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนร้อยละ 29.3 สำหรับอาหารไก่ การผลิตชะลอตัวลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 2.0 เป็นผลจากความต้องการใช้อาหารไก่ลดลง จากโรงงานชะลอการแปรรูปตามการเลี้ยงไก่ที่ปรับลดลง
2. การตลาด
1) ตลาดในประเทศ เดือนมิถุนายน 2557 ปริมาณการส่งสินค้าอาหารและเกษตรในประเทศ เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนและเดือนก่อนร้อยละ 1.0 แต่ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 9.1 เป็นผลจากความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจในประเทศของผู้บริโภคดีขึ้น แต่กำลังซื้อของประชาชนที่ยังประสบปัญหาเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้การกระตุ้นยอดจำหน่ายยังไม่มากนัก 2) ตลาดต่างประเทศ ภาพรวมมูลค่าการส่งออกอุตสาหกรรมอาหาร (ไม่รวมน้ำตาล) เดือนมิถุนายน 2557 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนและเดือนก่อนร้อยละ 20.2 และ 1.8 เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินบาท ส่วนมูลค่าการส่งออกน้ำตาลลดลงจากปีก่อนจากราคาในตลาดโลกและคำสั่งซื้อที่ชะลอตัวลงหลังสต๊อกน้ำตาลปรับตัวเพิ่มขึ้น
3. แนวโน้ม
การผลิตและส่งออก คาดว่า จะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อน เนื่องจากคำสั่งซื้อจากต่างประเทศที่เริ่มกระเตื้องขึ้นบ้าง และค่าเงินบาทที่ทรงตัวในระดับเดียวกันกับเดือนก่อน สำหรับการจำหน่ายสินค้าในประเทศ คาดว่า จะปรับตัวดีขึ้นจากความเชื่อมั่นเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นและประชาชนกลับมาจับจ่ายเพิ่มขึ้นจากการจัดกิจกรรมกระตุ้นการจำหน่ายสินค้าที่มีราคาต่ำกว่าท้องตลาดเพิ่มขึ้น
"การส่งออกผลิตภัณฑ์สิ่งทอ คาดว่า จะหดตัวในกลุ่มผลิตภัณฑ์ ผ้าผืน เนื่องจากสินค้าจีนที่เข้ามาแย่งส่วนแบ่งการตลาดของผ้าผืนไทย สำหรับกลุ่มเครื่องนุ่งห่ม เสื้อผ้าแฟชั่นที่สวมใส่สบาย และชุดกีฬา จะขยายตัวได้.."
1. การผลิต
ผลิตภัณฑ์กลุ่มสิ่งทอ ได้แก่ การผลิตเส้นใยสิ่งทอฯ ผ้าขนหนูและเครื่องนอน เมื่อเทียบกับเดือนก่อนลดลง ร้อยละ 0.6 และ 3.9 และเดือนเดียวกันของปีก่อนลดลง ร้อยละ 14.0 และ 1.9 ตามลำดับ เนื่องจากประเทศในกลุ่มอาเซียนมีคำสั่งซื้อลดลง สำหรับผลิตภัณฑ์สิ่งทออื่น ๆ ได้แก่ ผ้าผืน และสิ่งทออื่น ๆ (ยางยืด) เพิ่มขึ้น ร้อยละ 1.7 และ 3.9 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และเพิ่มขึ้น ร้อยละ 3.0 และ 7.2 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากคำสั่งซื้อของตลาดภายใน ประเทศ โดยเฉพาะในผลิตภัณฑ์ผ้าผืน
ผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องนุ่งห่ม เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และเดือนเดียวกันของปีก่อน การผลิตเสื้อผ้าถัก เพิ่มขึ้น ร้อยละ 4.5 และ 2.0 ตามลำดับ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการบริโภคในประเทศเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น กระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย ทำให้ความต้องการเพื่อผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปมีเพิ่มขึ้น ประกอบกับมีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นจากต่างประเทศ ทั้งสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป สำหรับการผลิตเสื้อผ้าทอลดลง ร้อยละ 4.1 และ 8.7 ตามลำดับ เนื่องจากมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นในกลุ่มเสื้อผ้าแฟชั่นจากประเทศจีน
2. การจำหน่าย
ปริมาณการจำหน่ายในประเทศ เมื่อเทียบกับเดือนก่อนและเดือนเดียวกันของปีก่อน ในกลุ่มเส้นใยสิ่งทอ และเสื้อผ้าถักและเสื้อผ้าทอมีการขยายตัวกว่าช่วงต้นปีจากความเชื่อมั่นทางการเมืองในประเทศเริ่มคลี่คลาย
การส่งออก สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มโดยรวม มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ร้อยละ 0.3 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยกลุ่มเครื่องนุ่งห่ม มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ร้อยละ 6.3 แต่กลุ่มสิ่งทอลดลง ร้อยละ 3.4 ซึ่งเป็นการลดลงในผลิตภัณฑ์ผ้าผืน ผ้าปักและผ้าลูกไม้ และผ้าพันคอ โดยเฉพาะในตลาดอาเซียน และหากเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การส่งออกในภาพรวมเพิ่มขึ้นเช่นกัน ร้อยละ 2.5 เป็นผลจากมูลค่าในกลุ่มเครื่องนุ่งห่ม เพิ่มขึ้น ร้อยละ 3.5 และสิ่งทอ ร้อยละ 1.7 ทั้งในตลาดสหภาพยุโรป และญี่ปุ่น ขยายตัว ร้อยละ 5.4 และ 2.8 ตามลำดับ
3. แนวโน้ม
การผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์กลุ่มสิ่งทอ คาดว่า จะกระเตื้องขึ้นจากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ ส่วนการส่งออกผลิตภัณฑ์สิ่งทอ คาดว่า จะหดตัวจากผลิตภัณฑ์ผ้าผืน เนื่องจากสินค้าจีนที่เข้ามาแย่งส่วนแบ่งการตลาดของผ้าผืนไทย สำหรับกลุ่มเครื่องนุ่งห่ม เสื้อผ้าแฟชั่นที่สวมใส่สบาย และชุดกีฬา จะขยายตัวได้ และเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้บริโภคเกิดความต้องการผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น ประกอบกับคำสั่งซื้อจากสหภาพยุโรปที่เริ่มทะยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ภาวะการผลิตอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้าของเดือนมิถุนายน 2557 มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 13.32 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเหล็กทรงแบน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 22.37 เป็นผลมาจากการปรับตัวที่เพิ่มขึ้นของเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี เพิ่มขึ้น ร้อยละ 44.15 แต่เหล็กทรงยาวกลับลดลง ร้อยละ 4.67 เนื่องจากการลดลงของเหล็กลวด
1.การผลิต
สถานการณ์การผลิตของอุตสาหกรรมเหล็กในเดือนมิถุนายน 2557 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนนี้มีค่า 145.05 มีอัตราการเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มขึ้น ร้อยละ 2.00 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยกลุ่มเหล็กทรงยาวมีการผลิตเพิ่มขึ้น ร้อยละ 5.00 ผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดได้แก่ เหล็กเส้นข้ออ้อย เพิ่มขึ้น ร้อยละ 16.09 รองลงมาคือ ลวดเหล็กแรงดึงสูง เพิ่มขึ้น ร้อยละ 6.62 เนื่องจากภาวะอสังหาริมทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้น ตามความเชื่อมั่นของภาคเอกชนที่เริ่มฟื้นตัวหลังจากที่สถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลายลง จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย พบว่า ความต้องการที่อยู่อาศัยในภาพรวมปรับตัวดีขึ้น จากอัตราการจองซื้อที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่ร้อยละ 16 มาอยู่ที่ร้อยละ 28 สำหรับกลุ่มเหล็กทรงแบน พบว่าการผลิตเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ร้อยละ 0.27 โดยผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตเพิ่มขึ้นมากที่สุด ได้แก่ เหล็กแผ่นเคลือบดีบุก เพิ่มขึ้น ร้อยละ 28.23 เนื่องจากการเร่งผลิตเพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มมากขึ้น จากการที่ผู้ผลิตจะมีการปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นและได้มีการแจ้งรับคำสั่งซื้อสินค้าในราคาเก่ากับลูกค้าในเดือนนี้ก่อนที่จะใช้ราคาใหม่ในเดือนถัดไป มีผลทำให้ลูกค้าสั่งซื้อสินค้าในเดือนนี้เพิ่มมากขึ้น และเมื่อเปรียบเทียบดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนมิถุนายน 2557 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน พบว่าดัชนีผลผลิตเพิ่มขึ้น ร้อยละ 13.32 โดยเหล็กทรงแบน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 22.37 เหล็กทรงยาวลดลง ร้อยละ 4.67
2.ราคาเหล็ก
จากข้อมูลดัชนีราคาเหล็กต่างประเทศของสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย พบว่า การเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาเหล็ก (FOB) โดยเฉลี่ยที่สำคัญในตลาด CIS ณ ท่าทะเลดำ (Black Sea) ในเดือนมิถุนายน 2557 เทียบกับเดือนก่อน พบว่า เหล็กแผ่นรีดเย็น เพิ่มขึ้นจาก 113.08 เป็น 113.64 เพิ่มขึ้น ร้อยละ 0.50 แต่ผลิตภัณฑ์เหล็กที่มีการเปลี่ยนแปลงที่ลดลง ได้แก่ เหล็กแท่งเล็ก Billet ลดลงจาก 116 เป็น 115.51 ลดลง ร้อยละ 0.42 เหล็กเส้น ลดลงจาก 110.63 เป็น 109.57 ลดลง ร้อยละ 0.96 เหล็กแท่งแบน ลดลงจาก 115.81 เป็น 113.95 ลดลง ร้อยละ 1.61 ผลิตภัณฑ์ที่มีดัชนีราคาเหล็กทรงตัว คือ เหล็กแผ่นรีดร้อน มีดัชนีราคาที่ 112.41
3. แนวโน้ม
สถานการณ์การผลิตเหล็กของไทยในเดือนกรกฎาคม 2557 เทียบกับเดือนก่อน คาดว่าการผลิตเหล็กโดยรวมจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองที่เริ่มคลี่คลาย อาจเป็นผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น โดยในส่วนของเหล็กแผ่นรีดร้อนคาดการณ์ว่าการผลิตจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากกระทรวงพาณิชย์ประกาศใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนสูงที่นำเข้าจากจีนและประกาศใช้มาตรการปกป้องชั่วคราวสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนไม่เจือชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน อาจส่งผลให้การนำเข้าเหล็กทั้งสองชนิดลดลงและการผลิตเหล็กในประเทศเพิ่มมากขึ้น
รถยนต์
อุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนมิถุนายน 2557 ชะลอตัวเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2556 ซึ่งเป็นการลดลงตามความต้องการของตลาดในประเทศเป็นหลัก เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองส่งผลกระทบทางด้านจิตวิทยาต่อการตัดสินใจซื้อรถของผู้บริโภค ประกอบกับในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมามีฐานที่ค่อนข้างสูง อันเนื่องจากนโยบายรถยนต์คันแรก โดยมีข้อมูลสภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนมิถุนายน ดังนี้
1.การผลิตรถยนต์
จำนวน 160,452 คัน ลดลงจากเดือนมิถุนายน 2556 ซึ่งมีการผลิต 217,123 คัน ร้อยละ 26.10 โดยเป็นการปรับลดลงของการผลิตรถยนต์นั่ง รถยนต์กระบะ 1 ตัน และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ แต่มีปริมาณการผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2557 ร้อยละ 8.41 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของการผลิตรถยนต์นั่ง รถยนต์กระบะ 1 ตัน และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์
2.การจำหน่ายรถยนต์
จำนวน 73,799 คัน ลดลงจากเดือนมิถุนายน 2556 ซึ่งมีการจำหน่าย 106,018 คัน ร้อยละ 30.39 โดยเป็นการปรับลดลงของการจำหน่ายรถยนต์นั่ง รถยนต์กระบะ 1 ตัน และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ แต่มีปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2557 ร้อยละ 5.91 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของการจำหน่ายรถยนต์นั่ง รถยนต์กระบะ 1 ตัน และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์
3.การส่งออกรถยนต์
จำนวน 103,946 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายน 2556 ซึ่งมีการส่งออก 97,534 คัน ร้อยละ 6.57 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นในประเทศแถบเอเชีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา และยุโรป และมีปริมาณการส่งออกรถยนต์เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2557 ร้อยละ 9.66 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นในประเทศแถบเอเชีย โอเชียเนีย แอฟริกา ยุโรป อเมริกาเหนือ อเมริกากลางและอเมริกาใต้
4.แนวโน้ม
ภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนกรกฎาคม 2557 คาดว่าจะทรงตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมิถุนายน 2557 สำหรับการผลิตรถยนต์ในเดือนกรกฎาคม 2557 ประมาณการว่าจะมีการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศร้อยละ 38 และส่งออกร้อยละ 62
อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนมิถุนายน 2557 ชะลอตัวเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2556 โดยเป็นการลดลงตามความต้องการของตลาดในประเทศและตลาดส่งออก ประกอบกับตลาดในประเทศมีการชะลอตัวของเศรษฐกิจในภาพรวม โดยมีข้อมูลสภาวะอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์เดือนมิถุนายน ดังนี้
1.การผลิตรถจักรยานยนต์
จำนวน 159,090 คัน ลดลงจากเดือนมิถุนายน2556 ซึ่งมีการผลิต 209,345 คัน ร้อยละ 24.01 โดยเป็นการปรับลดลงของการผลิตรถจักรยานยนต์แบบครอบครัว และมีปริมาณการผลิตรถจักรยานยนต์ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2557 ร้อยละ 1.12 โดยเป็นการลดลงของการผลิตรถจักรยานยนต์แบบครอบครัว
2.การจำหน่ายรถจักรยานยนต์
จำนวน 158,991 คัน ลดลงจากเดือนมิถุนายน 2556 ซึ่งมีการจำหน่าย 190,336 คัน ร้อยละ 16.47 โดยเป็นการปรับลดลงของการจำหน่ายรถจักรยานยนต์แบบครอบครัว และแบบสกูตเตอร์ แต่มีปริมาณการจำหน่ายรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2557 ร้อยละ 2.04 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของการจำหน่ายรถจักรยานยนต์แบบครอบครัว และแบบสกูตเตอร์
3.การส่งออกรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU)
จำนวน 24,476 คัน ลดลงจากเดือนมิถุนายน 2556 ซึ่งมีการส่งออก 29,273 คัน ร้อยละ 16.39 โดยเป็นการลดลงในประเทศสหรัฐอเมริกา อินโดนีเซีย และญี่ปุ่น แต่มีปริมาณการส่งออกรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2557 ร้อยละ 11.26 โดยเป็นการการเพิ่มขึ้นในประเทศอินโดนีเซีย ฝรั่งเศส และเบลเยี่ยม
4.แนวโน้ม
ภาวะอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนกรกฎาคม 2557 คาดว่าจะทรงตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมิถุนายน 2557 สำหรับการผลิตรถจักรยานยนต์ในเดือนกรกฎาคม 2557 ประมาณการว่าจะมีการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศร้อยละ 82 และส่งออกร้อยละ 18
"อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ยังขยายตัวได้ดี เนื่องจากภาครัฐมีมาตรการเร่งลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐาน และภาคเอกชนมีการขยายการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง การส่งออกปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากเมียนมาร์และกัมพูชาซึ่งเป็นตลาดหลักของไทยยังคงมีความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในปริมาณที่มากขึ้น ประกอบกับไทยมีปริมาณการผลิตที่เพียงพอในการที่จะขยายการส่งออกต่อไป"
การผลิตและการจำหน่ายในประเทศ
ในเดือนมิถุนายน 2557 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ปริมาณการผลิตลดลงร้อยละ 5.10 ในขณะที่ปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.38 และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ปริมาณการผลิตลดลงร้อยละ 3.20 ในขณะที่ปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.12
เมื่อพิจารณาในภาพรวม อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ยังขยายตัวได้ดี โดยมีปริมาณการผลิตลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ซึ่งเป็นไปตามฤดูกาล อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยมีปริมาณการจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนเล็กน้อย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมก่อสร้างของไทยยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง
มูลค่าการส่งออกปูนซีเมนต์เดือนมิถุนายน 2557 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.16 และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 53.73
เมื่อพิจารณาในภาพรวม การส่งออกปรับตัวสูงขึ้น ถึงแม้ว่าในเดือนนี้จะมีปริมาณการผลิตปูนซีเมนต์ที่น้อยลง ทั้งนี้ เนื่องจากอุตสาหกรรมก่อสร้างในประเทศไม่ขยายตัวมากเท่าที่คาดการณ์ไว้ บริษัทผู้ผลิตปูนซีเมนต์บางรายจึงวางแผนส่งออกปูนซีเมนต์ในปริมาณที่มากขึ้น เนื่องจากไม่สามารถลดปริมาณการผลิตลงได้ เพราะจะทำให้ไม่คุ้มทุน อย่างไรก็ตาม ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศที่มีแนวโน้มสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังตามนโยบายเร่งก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ของ คสช. จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไทยมีการสำรองปูนซีเมนต์ไว้ใช้ในประเทศมากขึ้นต่อไป
การผลิตและการจำหน่ายในประเทศของอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์มีแนวโน้มทรงตัวหรือปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ทั้งนี้ เนื่องจาก คสช. มีนโยบายเร่งก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ในช่วงครึ่งปีหลัง และภาคเอกชนเองมีการขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ทำให้อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ขยายตัวดีขึ้นต่อไป
สำหรับแนวโน้มการส่งออก คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นไปตามปริมาณการผลิตปูนซีเมนต์ที่มีแนวโน้มว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ประกอบกับไทยมีการเพิ่มกำลังการผลิตปูนซีเมนต์ แต่ความต้องการใช้ในประเทศไม่สูงเท่าที่มีการคาดการณ์ไว้ จึงสามารถขยายการส่งออกไปยังประเทศคู่ค้าต่างๆ โดยเฉพาะตลาดหลักในภูมิภาคอาเซียนได้ต่อไป
ภาพรวมภาวะการผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของเดือนมิถุนายน 2557 มีการปรับตัวลดลงร้อยละ 1.73 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยอุตสาหกรรมไฟฟ้าปรับตัวลดลงร้อยละ 8.73 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการปรับตัวลดลงเครื่องใช้ไฟฟ้าเกือบทุกกลุ่ม ขณะที่อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ลดลงร้อยละ 0.05 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการปรับตัวลดลงของ HDD
เครื่องใช้ไฟฟ้า/อิเล็กทรอนิกส์ มูลค่า(ล้านเหรียญสหรัฐฯ) %MoM %YoY เครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ 1,481.99 12.53 4.63 แผงวงจรไฟฟ้า 701.59 41.57 -3.43 เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ 384.23 -17.87 -6.89 เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์และส่วนประกอบ 323.09 14.39 -3.44 รวมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 4,882.00 0.05 3.37
1.การผลิต
ภาพรวมภาวะการผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของเดือนมิถุนายน 2557 ลดลงร้อยละ 1.56 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และลดลงร้อยละ 1.73 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยอุตสาหกรรมไฟฟ้า ลดลงร้อยละ 6.47 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และลดลงร้อยละ 8.73 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเครื่องใช้ไฟฟ้าส่วนใหญ่ที่ปรับตัวลดลง ได้แก่ เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนคอนเดนซิ่งยูนิต เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนแฟนคอยล์ยูนิต คอมเพรสเซอร์ พัดลม ตู้เย็น และสายไฟฟ้า จากการที่ผู้บริโภคในประเทศมีการชะลอการใช้จ่ายตามสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศ ยกเว้น กระติกน้ำร้อน และหม้อหุงข้าวที่เพิ่มขึ้น รวมถึงเครื่องรับโทรทัศน์ เนื่องจากมีการผลิตเครื่องรับโทรทัศน์เพื่อรองรับกับระบบดิจิตอล
สำหรับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ลดลงร้อยละ 0.42 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และลดลงร้อยละ 0.05 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมาจาก HDD ลดลงร้อยละ 4.11 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ Semiconductor Monolithic IC และ Other IC เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.02 24.34 และ 16.22 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ เนื่องจากมีการนำไปใช้เป็นชิ้นส่วนในอุปกรณ์สื่อสารต่าง ๆ เช่น Bluetooth หน้าจอ Touch Screen และกลุ่มผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนบุคคล ที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
2. การส่งออก
มูลค่าการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เดือนมิถุนายน 2557 มีมูลค่า 4,882 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.05 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.37 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.05 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.39 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการส่งออกไปตลาดหลักเริ่มปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะญี่ปุ่นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 26.61 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตามตลาดอาเซียนในเดือนมิถุนายน 2557 มีการเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.06 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุด ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ
สำหรับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.30 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.35 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการส่งออกไปตลาดหลักส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ อาเซียน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.23 6.32 11.15 และ 12.94 ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ยกเว้นจีนที่ปรับตัวลดลงร้อยละ 11.09 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่มีมูลค่าการส่งออกสูงสุด คือ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ รองลงมา คือ แผงวงจรไฟฟ้า 3. แนวโน้ม
ภาพรวมอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เดือนกรกฎาคม 2557 จากแบบจำลองดัชนีชี้นำที่จัดทำโดยสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ประมาณการแนวโน้มการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 1.98 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.19 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากกลุ่ม Semiconductor และ IC ที่เริ่มมีความต้องการเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในสหภาพยุโรปและอาเซียน และ HDD จะเริ่มกลับมาผลิตในประเทศมากขึ้นหลังจากมีการย้ายคำสั่งซื้อไปฐานการผลิตที่อื่นแทน ในช่วงเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในไทย และในส่วนของอุตสาหกรรมไฟฟ้า จะลดลงร้อยละ 6.46 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีสัญญาณการชะลอตัวจากการส่งออกเครื่องปรับอากาศไปตลาดหลักลดลงโดยเฉพาะตลาดตะวันออกกลาง และอาเซียน
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--