สรุปภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาสที่ 3 ปี 2557 (กรกฎาคม – กันยายน 2557)(อุตสาหกรรมยา)

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday January 14, 2015 15:44 —สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

อุตสาหกรรมยาในภาพรวมปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากมีการขยายตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยไตรมาสนี้มีปริมาณการผลิตลดลงเล็กน้อย ในขณะที่มีปริมาณการจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้น รวมถึงมีการขยายตัวของการส่งออกไปยังตลาดหลักในภูมิภาคอาเซียนมากขึ้นด้วย

การผลิต

ไตรมาสที่ 3 ของปี 2557 มีปริมาณการผลิตยาในประเทศทั้งสิ้นรวม 6,903.66 ตัน เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.66 ในขณะที่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ปรับตัวลดลงเล็กน้อย โดยคิดเป็นร้อยละ 1.77 ในภาพรวมอุตสาหกรรมยามีการขยายตัวที่ดีขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่ภาครัฐจำกัดงบประมาณในการเบิกจ่ายสวัสดิการสำหรับการรักษาพยาบาลของข้าราชการ ซึ่งกำหนดให้สามารถเบิกจ่ายได้เฉพาะค่ายาที่มีราคาถูกที่สุดในชนิดยาเดียวกันเท่านั้น ทำให้ต้องมีการผลิตยาชื่อสามัญในประเทศเพื่อทดแทนการนำเข้ายาจากต่างประเทศที่มีราคาแพงมากขึ้น

การตลาดและการจำหน่าย

การจำหน่ายในประเทศ

การจำหน่ายยาในไตรมาสที่ 3 ของปี 2557 มีปริมาณ 6,441.22 ตัน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนร้อยละ 3.64 และ 4.75 ตามลำดับ เนื่องจากอุตสาหกรรมยาในประเทศมีการขยายตัวที่ดีขึ้น ถึงแม้ว่าจะมีปริมาณการผลิตที่ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน แต่เนื่องจากโรงพยาบาล คลินิก และร้านขายยามีการสั่งซื้อยาเพิ่มขึ้น ทำให้มีการนำยาในสต็อกและยาที่ผลิตขึ้นใหม่วางจำหน่ายในประเทศในปริมาณที่สูงขึ้นตาม

การค้าระหว่างประเทศ

การส่งออก

การส่งออกยารักษาหรือป้องกันโรคไตรมาสที่ 3 ของปี 2557 มีมูลค่า 2,478.26 ล้านบาท ขยายตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 13.25 และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.78 ทั้งนี้ เนื่องจากไม่มีสถานการณ์ผิดปกติที่ทำให้ต้องใช้ยาจำนวนมากในประเทศเช่นในเหตุการณ์อุทกภัยเมื่อสองปีที่ผ่านมา ทำให้การส่งออกยารักษาหรือป้องกันโรคมีการขยายตัวที่ดีขึ้นไปตามการขยายตัวของอุตสาหกรรมในประเทศ ในส่วนของมูลค่าการส่งออกเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เพิ่มขึ้นตามปกติ เนื่องจากมูลค่าการส่งออกจะขยายตัวในไตรมาสที่ 2-4 และหดตัวลงในไตรมาสที่ 1 ของทุกปีอยู่แล้ว โดยตลาดส่งออกที่สำคัญในไตรมาสนี้ ได้แก่ เมียนมาร์ เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ตามลำดับ มีมูลค่าการส่งออกรวม 981.16 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 39.59 ของมูลค่าการส่งออกยารักษาหรือป้องกันโรคทั้งหมด ทั้งนี้ จะเห็นว่าตลาดส่งออกยาที่สำคัญของไทยยังคงเป็นตลาดอาเซียน โดยตลาดที่มีมูลค่าส่งออกสูงที่สุด 5 ลำดับแรกของไทยในไตรมาสนี้ ยังคงเป็นประเทศในภูมิภาคอาเซียนทั้งสิ้น

การนำเข้า

การนำเข้ายารักษาหรือป้องกันโรคไตรมาสที่ 3 ของปี 2557 มีมูลค่า 12,256.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนร้อยละ 5.72 และ 5.46 ตามลำดับ โดยตลาดนำเข้าที่สำคัญในไตรมาสนี้ ได้แก่ เยอรมนี สหรัฐอเมริกา สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี และฝรั่งเศส ตามลำดับ มีมูลค่าการนำเข้ารวม 3,387.29 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 27.63 ของมูลค่าการนำเข้ายารักษาหรือป้องกันโรคทั้งหมด

การนำเข้ายารักษาหรือป้องกันโรคในไตรมาสนี้เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยส่วนหนึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่ภาครัฐมีนโยบายเข้มงวดการเบิกจ่ายในระบบสวัสดิการของข้าราชการ สำหรับยาบางชนิด เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2556 ที่ผ่านมา ส่งผลให้โรงพยาบาลต่างๆ สั่งซื้อยามาเก็บตุนไว้เป็นจำนวนมาก และเมื่อรัฐประกาศยกเลิกการเข้มงวดในการเบิกจ่ายดังกล่าวไปเมื่อเดือนธันวาคมปีเดียวกัน ก็ทำให้มียาตกค้างอยู่ในสต๊อกมาก ยอดการนำเข้าจึงลดลงในไตรมาสที่ 1 และปรับตัวเป็นปกติตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 เป็นต้นมา

สรุปและแนวโน้ม

สรุป

ในไตรมาสที่ 3 ปี 2557 ปริมาณการผลิตปรับตัวลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ในขณะที่ปริมาณการจำหน่ายปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อน อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมอุตสาหกรรมยามีการขยายตัวที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ในทุกปี

สำหรับมูลค่าการส่งออกปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ในประเทศเป็นปกติ ทำให้ไม่มีความต้องการใช้ในประเทศสูงเช่นเมื่อสองปีก่อน ประกอบกับมีปริมาณการผลิตยาที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จึงสามารถส่งออกไปยังประเทศคู่ค้าต่างๆ ได้มากขึ้น ในส่วนของมูลค่าการนำเข้าปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากยาที่ตกค้างอยู่ในสต๊อกจากการซื้อเพื่อกักตุนของโรงพยาบาลต่างๆ เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาหมดลง จึงมีการนำเข้ายามากขึ้นตามปกติ

แนวโน้ม

ในไตรมาสที่ 4 ปี 2557 คาดว่าปริมาณการผลิตและจำหน่ายในประเทศจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เนื่องจากอุตสาหกรรมยาในภาพรวมมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี สำหรับการส่งออก คาดว่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นตามปริมาณการผลิตที่คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม สภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงและระเบียบในการขึ้นทะเบียนยาที่มีข้อกำหนดในการควบคุมราคาจำหน่ายยาบางชนิดในประเทศเวียดนามซึ่งถูกปรับเปลี่ยนในช่วงที่ผ่านมา อาจส่งผลกระทบในทางลบต่อภาพรวมของการส่งออกยารักษาหรือป้องกันโรคในระยะต่อไป เนื่องจากเวียดนามเป็นหนึ่งในตลาดหลักของไทย ในส่วนของการนำเข้า คาดว่าจะมีมูลค่าการนำเข้าในระดับทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อย เนื่องจากภาครัฐเข้มงวดในการเบิกจ่ายในระบบสวัสดิการของข้าราชการมากขึ้น ทำให้แพทย์สั่งจ่ายยาที่นำเข้าจากต่างประเทศและมีราคาแพงลดลง และหันมาใช้ยาที่สามารถผลิตได้เองในประเทศ หรือนำเข้ามาจากประเทศอินเดียซึ่งมีราคาถูกและคุณภาพใช้ได้เพิ่มขึ้น

--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ