นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า เพื่อสนองรับต่อนโยบายรัฐบาลในเรื่องการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจของภูมิภาคที่มีศักยภาพเพื่อรองรับการเชื่อมโยงกระบวนการผลิตจากฐานการผลิตในชุมชนสู่แหล่งแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าอุตสาหกรรมทั้งภายในประเทศและให้เกิดการเชื่อมโยงกับภูมิภาคอาเซียน (AEC) สศอ. จึงเตรียมผลักดันนโยบายขับเคลื่อนแผนการกำหนดพื้นที่อุตสาหกรรม (โซนนิ่ง) รองรับการลงทุนของอุตสาหกรรมเป้าหมายในภูมิภาค และแผนยุทธศาสตร์การกระจายอุตสาหกรรมสู่เมืองศูนย์กลางที่มีความชำนาญด้านอุตสาหกรรมในแต่ละภูมิภาค ต่อคณะกรรมการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีพิจารณา เพื่อกำหนดเป็นนโยบายและแปลงแผนสู่การปฏิบัติให้บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม สร้างความเข็มแข็งให้กับอุตสาหกรรมเป้าหมาย และก่อให้เกิดการกระจายอุตสาหกรรมเชื่อมโยงกับกลุ่มประเทศอาเซียนภายใต้กรอบ AEC และผลักดันนโยบายรัฐบาลให้เกิดผลสำเร็จที่เป็นการทำงานแบบบูรณาการของหน่วยงานเกี่ยวข้องร่วมกัน
ตามแผนฯ ได้กำหนด “อุตสาหกรรมอาหาร”โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าว เป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายภูมิภาคที่มีศักยภาพและมีความเหมาะสมในการพัฒนา และได้กำหนดเป็นพื้นที่รองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีความสอดคล้องมากที่สุด ได้แก่ ภาคเหนือที่อำเภอพะเยา จังหวัดพะเยา พัฒนาเป็นอุตสาหกรรมแปรรูปข้าวที่มีศักยภาพของภาคเหนือ คือ ผลิตภัณฑ์จากข้าวก่ำลืมผัว และภาคะวันออกเฉียงเหนือที่อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร พัฒนาเป็นอุตสาหกรรมแปรรูปข้าวที่มีศักยภาพในจังหวัดยโสธร คือ ผลิตภัณฑ์จากข้าวอินทรีย์ ซึ่งทั้ง 2 จังหวัดนี้มีชื่อเสียงดีในเรื่องการผลิตข้าวชนิดดังกล่าว
พร้อมกันนี้ จะนำเสนอยุทธศาสตร์การกระจายอุตสาหกรรมสู่เมืองศูนย์กลางอุตสาหกรรมของภูมิภาค อาทิ แผนพัฒนาอุตสาหกรรมภาคเหนือที่จังหวัดเชียงใหม่ และเมืองบริวาร (ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน และเชียงราย) พัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายในจังหวัด 5 อุตสาหกรรม ได้แก่ 1) อุตฯ แปรรูปการเกษตรจากข้าวและลำไย 2) อุตฯ แปรรูปอาหารผักและผลไม้กระป๋อง 3) อุตฯ เซรามิก 4) อุตฯ แปรรูปไม้และเครื่องเรือน 5) อุตฯ สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ภาคกลางที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเมืองบริวาร (สระบุรี ลพบุรี สุพรรณบุรี และอ่างทอง) พัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายในจังหวัด ได้แก่ 1) อุตฯ แปรรูปการเกษตร(โรงสีข้าว) 2) อุตฯ แปรรูปเนื้อสัตว์ เครื่องปรุงรส 3) อุตฯ พลาสติก 4) อุตฯ แปรรูปไม้และเครื่องเรือน 5) อุตฯ สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
อีกทั้งผลักดันยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมสำหรับเมืองศูนย์กลางอุตสาหกรรมไปพร้อมกันด้วยทั้งในด้านการพัฒนาขีดความสามารถของอุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อเพิ่มผลิตภาพ และสร้างความเชื่อมโยงกับภูมิภาคและประเทศเพื่อนบ้าน (AEC) การพัฒนาพื้นที่เมืองศูนย์กลางและเมืองบริวารเพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์เพื่อสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย และพัฒนาอุตสาหกรรมของเมืองศูนย์กลางให้เติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืน
ทั้งนี้ การพัฒนาอุตสาหกรรมในลักษณะเมืองศูนย์กลางอุตสาหกรรม จะก่อให้เกิดการพัฒนาการรวมกลุ่มอุตสาหกรรมหรือคลัสเตอร์ในพื้นที่ ซึ่งการพัฒนาในรูปแบของคลัสเตอร์เป็นเครื่องมือและกลไกสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันและการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของประเทศ โดยให้กลุ่มอุตสาหกรรมหรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องเกิดการรวมตัว มีความร่วมมือ เชื่อมโยงและเสริมกิจการซึ่งกันและกันอย่างครบวงจร (Commonality and Complementary) ทั้งในแนวตั้งและแนวนอน โดยความเชื่อมโยงในแนวตั้ง (Vertical Linkage) เป็นความเชื่อมโยงของผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรม ตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ และความเชื่อมโยงในแนวนอน (Horizontal Linkage) เป็นความเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมสนับสนุนด้านต่างๆ รวมทั้งธุรกิจให้บริการ สมาคมการค้า สถาบันการศึกษาและฝึกอบรม สถาบันวิจัยพัฒนา ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมายการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันที่ยั่งยืน ด้วยการเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) และสร้างนวัตกรรมร่วมกัน เพื่อให้เป็นแนวทางการพัฒนาที่ก่อให้เกิดพื้นที่ที่มีศักยภาพใหม่เป็นพื้นที่เฉพาะเพื่อการผลิตภาคอุตสาหกรรม สนับสนุนให้เกิดการกระจายพื้นที่อุตสาหกรรมออกไปสู่ภูมิภาค
“เรื่องดังกล่าวถือเป็นการดำเนินงานที่สนองรับต่อนโยบายรัฐบาลในเรื่องการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจที่มีศักยภาพเพื่อรองรับการเชื่อมโยงกระบวนการผลิตจากฐานการผลิตในชุมชนสู่แหล่งแปรรูป เพื่อเพิ่มมูลค่าทั้งภายในประเทศและเชื่อมโยงกับอาเซียน เพื่อยกระดับศักยภาพของผู้ประกอบการรายย่อยสู่ตลาดที่กว้างขวางยิ่งขึ้นทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ และขณะเดียวกันก็ช่วยสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจแก่พื้นที่ต่าง ๆ ภายในประเทศด้วย” ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กล่าวทิ้งท้าย
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--