สรุปภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาสที่ 2 ปี 2558 (เมษายน - มิถุนายน 2558)(อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์)

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday September 23, 2015 15:05 —สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

Highlightภาวะการผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 2/2558 มีดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 231.81 ลดลงร้อยละ 8.18 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และลดลงร้อยละ 17.32 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมาจากกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าปรับตัวลดลงร้อยละ 16.17 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะกำลังซื้อในประเทศยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง จึงส่งผลให้ความต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้าลดลงตามไปด้วย รวมถึงตลาดสหภาพยุโรปและญี่ปุ่นยังไม่ฟื้นตัว นอกจากนี้เครื่องรับโทรทัศน์มีผู้ผลิตบางรายย้ายฐานการผลิตไปประเทศในกลุ่มอาเซียน สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวลดลงร้อยละ 17.59 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการปรับตัวลดลงของ Hard disk drive เป็นหลัก ตามความต้องการใช้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ลดลงและหันไปใช้แท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนมากขึ้น

การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 2/2558 มีมูลค่า 13,343.54 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 2.10 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และลดลงร้อยละ 2.79 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการส่งออกไปตลาดหลักส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง ยกเว้นสหรัฐอเมริกาที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น

ในไตรมาส 3/2558 คาดว่าอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์มีการผลิตลดลงร้อยละ 5.10 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้เมื่อพิจารณาแยกเป็นอุตสาหกรรมไฟฟ้าคาดว่าจะลดลงร้อยละ 3.55 และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์คาดว่าจะปรับตัวลดลงร้อยละ 5.88 การผลิต

ภาวะการผลิตของอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ไตรมาส 2/2558 (รายละเอียดแสดงในตารางที่ 1) มีดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 231.81 ลดลงร้อยละ 8.18 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยมาจากโทรทัศน์ เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนคอนเดนซิ่งยูนิต เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนแฟนคอยล์ยูนิต คอมเพรสเซอร์ หม้อหุงข้าว ลดลงร้อยละ 78.11 3.91 6.52 5.60 และ 6.14 ตามลำดับ เพราะกำลังซื้อในประเทศยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง จึงส่งผลให้ความต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้าลดลงตามไปด้วย รวมถึงตลาดสหภาพยุโรปและญี่ปุ่นยังไม่ฟื้นตัว นอกจากนี้เครื่องรับโทรทัศน์มีผู้ผลิตบางรายย้ายฐานการผลิตไปประเทศในกลุ่มอาเซียน อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวลดลงร้อยละ 9.62 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน สำหรับสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่ที่ปรับตัวลง ได้แก่ HDD IC และ Printer ปรับตัวลดลงร้อยละ 10.88 12.22 และ 15.48 ตามลำดับ เนื่องจากการปรับตัวลดลงของ Hard disk drive ตามความต้องการใช้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลลดลงและหันไปใช้แท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนมากขึ้น

ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวลดลงร้อยละ 17.32 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมาจากอุตสาหกรรมไฟฟ้ามีการปรับตัวลดลงร้อยละ 16.17 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงเกือบทุกประเภท ได้แก่ โทรทัศน์ หม้อหุงข้าว กระติกน้ำร้อน และคอมเพรสเซอร์ ปรับตัวลดลงร้อยละ 86.46 26.35 13.57 และ 11.09 ตามลำดับ เนื่องจากการส่งออกไปตลาดหลักปรับตัวลดลง สำหรับเครื่องรับโทรทัศน์ ลดลงร้อยละ 86.46 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีผู้ผลิตบางรายย้ายฐานการผลิตไปประเทศในกลุ่มอาเซียน สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่ปรับตัวลดลง เนื่องจากภาคครัวเรือนในประเทศมีการชะลอการใช้จ่าย

สำหรับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ไตรมาส 2/2558 ปรับตัวลดลงร้อยละ 17.59 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่ปรับตัวลง ได้แก่ HDD Printer และ IC ปรับตัวลดลงร้อยละ 22.47 15.60 และ 9.11 ตามลำดับ เนื่องจาก HDD ปรับตัวลดลงร้อยละ 22.47 เพราะความต้องการคอมพิวเตอร์ในตลาดโลกลดลง ซึ่ง Gartner รายงานว่าการจำหน่ายคอมพิวเตอร์ PC ทั่วโลกในไตรมาส 2/2558 มีการจำหน่ายอยู่ที่ 68.4 ล้านเครื่อง ลดลงร้อยละ 9.50 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากตลาดต้องการอุปกรณ์สื่อสารอื่นแทนมากขึ้น เช่น แท๊บเล็ต สมาร์ทโฟน เป็นต้น

ขณะที่ Semiconductor และ Other IC เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.80 และ 2.84 ตามลำดับ เนื่องจากมีการนำไปใช้เป็นชิ้นส่วนในอุปกรณ์สื่อสาร เช่น แท๊บเล็ต สมาร์ทโฟน ซึ่งสอดคล้องกับตลาดโลกที่มีการขยายตัวเช่นกัน โดย Semiconductor Industry Association (SIA) รายงานว่าการจำหน่าย Semiconductor ไตรมาส 2/2558 มีมูลค่า 84,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ซึ่งสหภาพยุโรปและญี่ปุ่น ปรับตัวลดลงร้อยละ 11.50 และ 13.60 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนสหรัฐอเมริกา จีน มีการขยายตัวร้อยละ 5.60 และ 7.80 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ Semiconductor Industry Association (SIA) รายงานว่า การจำหน่าย Semiconductor ในตลาดโลกปี 2558 มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.40 โดยตลาดสหรัฐอเมริกาและเอเชีย ปรับตัว เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.70 และ 7.00 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ ในขณะที่ญี่ปุ่นและสหภาพยุโรป ปรับตัวลดลงร้อยละ 9.50 และ 3.60 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ โดยผลิตภัณฑ์ประเภท Discrete Semiconductors และ IC มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 และ 3.10 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ

การจำหน่ายในประเทศ

ภาวะการจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศในไตรมาส 2/2558 มีการปรับตัวลดลงเกือบทั้งหมด เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ได้แก่ เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนคอนเดนซิ่งยูนิตเครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนแฟนคอยล์ยูนิตคอมเพรสเซอร์ พัดลม เครื่องซักผ้า เตาไมโครเวฟ ตู้เย็น กระติกน้ำร้อน และหม้อหุงข้าว ลดลงร้อยละ 18.41 17.49 16.14 11.38 6.28 4.21 22.94 และ 9.69 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ยกเว้น เตาไมโครเวฟ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 134.54 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน

ภาวะการจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนส่วนใหญ่มีการปรับตัวลดลงเช่นกัน ได้แก่ เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนคอนเดนซิ่งยูนิตเครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนแฟนคอยล์ยูนิตคอมเพรสเซอร์ พัดลม เครื่องซักผ้า ตู้เย็น กระติกน้ำร้อน และหม้อหุงข้าว ลดลงร้อยละ 3.62 2.74 16.14 22.43 22.25 3.99 39.64 และ 10.89 ตามลำดับ ยกเว้นเตาไมโครเวฟ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 104.46 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (รายละเอียดแสดงในตารางที่ 2)

การส่งออก

การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 2/2558 มีมูลค่า 13,343.54 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวลดลงร้อยละ 2.10 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และลดลงร้อยละ 2.79 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการส่งออกไปตลาดหลักลดลงเกือบทั้งหมด ได้แก่ อาเซียน สหภาพยุโรป จีน และญี่ปุ่น ยกเว้นสหรัฐอเมริกาที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น (รายละเอียดแสดงในตารางที่ 3)

การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าในไตรมาส 2/2558 มีมูลค่า 5,717.14 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง ร้อยละ 2.10 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยตลาดหลักที่ปรับตัวลดลง คือ สหรัฐอเมริกา ลดลงร้อยละ 6.63 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน สำหรับการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนลดลงร้อยละ 4.72 โดยการส่งออกไปตลาดหลักส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง ได้แก่ สหภาพยุโรป จีน และญี่ปุ่น ลดลงร้อยละ 9.97 13.29 และ 14.81 ตามลำดับ ยกเว้นอาเซียนและสหรัฐอเมริกาที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.74 และ 7.97 ตามลำดับ โดยเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1) เครื่องปรับอากาศ มีมูลค่าการส่งออก 1,097.81 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 3.83 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการส่งออกไปสหภาพยุโรป จีน สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ลดลงร้อยละ 25.87 4.53 36.16 และ 15.53 ตามลำดับ ยกเว้นอาเซียน เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 25.71 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 2) เครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับ ตัดต่อป้องกันวงจรไฟฟ้า รวมถึงแป้นและแผงควบคุม (ฟิวส์ สวิตช์ ปลั๊ก socket) มีมูลค่า 606.76 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 1.37 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการส่งออกไปอาเซียนและญี่ปุ่น ลดลงถึงร้อยละ 8.83 และ 10.32 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 3) กล้องถ่ายโทรทัศน์ กล้องถ่ายบันทึกวีดีโอภาพนิ่ง วีดีโออื่นๆ มีมูลค่าการส่งออก 455.87 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.48 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากตลาดหลักส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.77 1.07 และ 4.78 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ ยกเว้นอาเซียนและจีนปรับตัวลดลง ร้อยละ 2.71 และ 0.83 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ

การส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 2/2558 มีมูลค่า 7,626.39 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวลดลงร้อยละ 2.10 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ซึ่งตลาดหลักทั้งหมดปรับตัวลดลงเกือบทั้งหมด ได้แก่ อาเซียน สหภาพยุโรป จีน และญี่ปุ่น ลดลงร้อยละ 3.73 4.64 6.14 และ 6.17 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ตามลำดับ ยกเว้นสหรัฐอเมริกา เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.94 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน สำหรับการส่งออกอิเล็กทรอนิกส์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนปรับตัวลดลงร้อยละ 1.28 ตลาดหลักที่ปรับตัวลดลง ได้แก่ อาเซียน สหภาพยุโรป และจีน ลดลงร้อยละ 5.60 4.10 และ 1.60 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ โดยสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุด 3 อันดับแรก คือ 1) อุปกรณ์ประกอบของเครื่องคอมพิวเตอร์ มีมูลค่า การส่งออก 4,266.11 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 1.40 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจาก การส่งออกไปสหภาพยุโรป จีน และญี่ปุ่น ลดลงร้อยละ 10.21 15.13 และ 2.92ตามลำดับ 2) วงจรรวมและ ไมโครแอสแซมบลี มีมูลค่าการส่งออก 1,812.29 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวลดลงร้อยละ 3.55 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการส่งออกไปอาเซียนและสหภาพยุโรปลดลงร้อยละ 5.74 และ 5.09 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ 3) เครื่องส่ง-รับวิทยุโทรเลข วิทยุโทรศัพท์ เครื่องเรดาห์ มีมูลค่าการส่งออก 337.92 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวลดลงร้อยละ 1.53 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการส่งออกไปอาเซียน และญี่ปุ่น ลดลงร้อยละ 32.23 และ 4.25 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ

การนำเข้า

การนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 2/2558 มีมูลค่า 10,597.13 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวลดลงร้อยละ 5.11 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และลดลงร้อยละ 4.25 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของ ปีก่อน โดยการนำเข้าทั้งในส่วนของอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวลดลง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (รายละเอียดแสดงในตารางที่ 4)

การนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในไตรมาส 2/2558 คิดเป็นมูลค่า 4,270.17 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 1.56 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และลดลงร้อยละ 1.53 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการนำเข้าจากสหภาพยุโรปและญี่ปุ่นลดลงร้อยละ 19.82 และ 7.96 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ ในขณะที่การนำเข้าจากอาเซียน จีน และสหรัฐอเมริกา เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.64 0.27 และ 10.89 ตามลำดับ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีการนำเข้ามากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1) เครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้า สำหรับตัดต่อป้องกันวงจรไฟฟ้า รวมถึงแป้นและแผงควบคุม (ฟิวส์ สวิตช์ ปลั๊ก socket) มีมูลค่าการนำเข้า 974.87 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 4.99 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แหล่งนำเข้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ อาเซียน สหภาพยุโรป จีน และสหรัฐอเมริกา เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.57 18.72 11.16 และ 13.63 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ 2) สายไฟ ชุดสายไฟ มีมูลค่าการนำเข้า 317.95 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.51 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แหล่งนำเข้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ อาเซียน จีน และสหรัฐอเมริกา เพิ่มขึ้นร้อยละ 60.34 9.13 และ 1.31 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ 3) ส่วนประกอบเครื่องรับโทรทัศน์ มีมูลค่าการนำเข้า 268.85 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 36.46 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แหล่งนำเข้าเกือบทั้งหมดปรับตัวลดลง โดยเฉพาะจีนและสหภาพยุโรป ลดลงถึงร้อยละ 63.94 และ 49.16 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของ ปีก่อน ตามลำดับ ขณะที่การนำเข้าญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.04 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

การนำเข้าอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 2/2558 มีมูลค่า 6,326.96 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 7.36 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และลดลงร้อยละ 6.01 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแหล่งนำเข้าหลักที่ปรับตัวลดลง ได้แก่ อาเซียน สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ลดลงร้อยละ 12.13 10.32 5.11 และ 29.01 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ สินค้านำเข้ามากที่สุด 3 อันดับแรก 1) วงจรรวมและไมโครแอสแซมบลี มีมูลค่า 2,294.50 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 1.54 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยนำเข้าจากอาเซียน สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ลดลงร้อยละ 8.98 2.67 11.02 และ 16.90 ตามลำดับ 2) อุปกรณ์ประกอบของเครื่องคอมพิวเตอร์ มีมูลค่าการนำเข้า 1,592.51 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.04เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยนำเข้าจากอาเซียน และสหรัฐอเมริกา เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.14 และ 7.25 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ 3) เครื่องโทรศัพท์สำหรับเครือข่ายเซลลูลาร์ มีมูลค่า 867.37 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 10.26 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แหล่งนำเข้าหลักเกือบทั้งหมดปรับตัวลดลง ได้แก่ อาเซียน สหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกา ลดลงร้อยละ 31.90 37.20 และ 80.80 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ ยกเว้นจีน และญี่ปุ่น ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.79 และ 37.84 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

สรุปภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ไตรมาส 2/2558

ภาวะการผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 2/2558 อยู่ในภาวะชะลอตัวโดยดัชนีผลผลิตปรับตัวลดลงร้อยละ 8.17 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และลดลงร้อยละ 17.32 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมาจากกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าปรับตัวลดลงร้อยละ 16.17 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะกำลังซื้อในประเทศยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง จึงส่งผลให้ความต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้าลดลงตามไปด้วย รวมถึงตลาดสหภาพยุโรปและญี่ปุ่นยังไม่ฟื้นตัว นอกจากนี้เครื่องรับโทรทัศน์มีผู้ผลิตบางรายย้ายฐานการผลิตไปประเทศในกลุ่มอาเซียน สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวลดลงร้อยละ 17.59 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการปรับตัวลดลงของ Hard disk drive เป็นหลัก เพราะมีการผลิต HDD ที่มีความจุมากขึ้นสำหรับนำไปใช้ใน Cloud Storage ศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่, External HDD มากขึ้น ทำให้ปริมาณการผลิตจะไม่มากเท่าเดิม แต่ราคาต่อหน่วยเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ความต้องการใช้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลลดลงและหันไปใช้แท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนมากขึ้น โดยภาพรวมการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 2/2558 มีมูลค่า 13,343.54 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 2.10 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และลดลงร้อยละ 2.79 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งการส่งออกไปตลาดหลักส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงโดยเฉพาะญี่ปุ่น สหภาพยุโรปและจีน ยกเว้นสหรัฐอเมริกาที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น

แนวโน้มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ไตรมาส 3/2558

อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 3/2558 คาดว่าการผลิตจะปรับตัวลดลงร้อยละ 5.10 โดยอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์คาดว่าการผลิตจะปรับตัวลดลงร้อยละ 5.88 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการผลิต HDD จะนำไปใช้ในกลุ่ม Cloud Storage และศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่มากขึ้นแทนตลาดคอมพิวเตอร์ ทำให้ปริมาณการผลิตไม่มากเท่ากับที่ผ่านมา สำหรับอุตสาหกรรมไฟฟ้าจะปรับตัวลดลงร้อยละ 3.55 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมาจากการชะลอตัวของตลาดในประเทศและตลาดส่งออกหลักของไทย โดยเฉพาะสหภาพยุโรปและญี่ปุ่น

--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ