ไตรมาส 2 ปี 2558ราคาแนฟธาของตลาดเอเชียมีความผันผวน โดยปรับลดลงจากไตรมาสที่ผ่านมา ตามการปรับลดลงของราคาน้ำมันดิบ ซึ่งไตรมาส 2 จะเป็นช่วงที่แครกเกอร์ต่างๆ ปิดซ่อมบำรุงประจำปี เนื่องจากความต้องการสินค้าในช่วงไตรมาสนี้มีน้อย และมีการสำรองสินค้าคงคลังจากไตรมาสก่อน ผู้ผลิตจึงชะลอการสั่งซื้อวัตถุดิบลง ส่งผลให้ราคามีการเคลื่อนไหวปรับตัวลดลง
อุตสาหกรรมปิโตรเคมีในประเทศมีการเจรจาร่วมทุนโครงการผลิตโพรพิลีนออกไซด์ (Propylene Oxide, PO) และพอลิออล ซึ่งผลิตภัณฑ์ทั้งสองจะถูกนำไปใช้เป็นวัตถุดิบเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงสำหรับใช้ในชิ้นส่วนยานยนต์และสารเคลือบ กำลังการผลิต 200,000 ตัน/ปี โดยรายละเอียดของโรงงานใหม่ของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะประกาศในช่วงครึ่งหลังของปี 2558 รวมถึงมีแผนการลงทุนเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตพอลิเอทิลีนความหนาแน่นต่ำเชิงเส้น (LLDPE) เป็น 800,000 ตัน/ปี มีกำหนดเปิดดำเนินการในปี 2561
โครงการเพิ่มกำลังการผลิตมอนอเมอร์ซิลิโคนจาก 70,000 ตัน/ปี เป็น 105,000 ตัน/ปี และโครงการเพิ่มกำลังการผลิตพอลิเมอร์ซิลิโคนจาก 54,000 ตัน/ปี เป็น 74,000 ตัน/ปี โดยส่วนขยายของโรงงานจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2560 (ซิลิโคน เป็นวัสดุที่ใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมหลากหลาย เช่น ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ งานก่อสร้าง เครื่องสำอางและสุขอนามัย)
การค้าระหว่างประเทศ
การส่งออกผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีไตรมาสที่ 2 ปี 2558ทั้งระดับต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำมีมูลค่ารวม1,913.46ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยภาพรวมลดลงร้อยละ 25.33เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี2557 แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.00เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ปี 2558โดยผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นต้นขั้นกลางและขั้นปลายมีการส่งออกลดลงร้อยละ 34.89, 25.82และ 22.00 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2557
สำหรับการส่งออกผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2558ทั้งระดับต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำมีมูลค่า 3,789.35ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีอัตราการขยายตัวโดยรวมลดลงร้อยละ 27.07เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2557
การนำเข้าผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีไตรมาสที่ 2 ปี 2558 ทั้งระดับต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ มีมูลค่ารวม701.37ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยภาพรวมลดลงร้อยละ 21.92เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี2557 และลดลงร้อยละ 11.99 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ปี 2558โดยผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นต้นขั้นกลางและขั้นปลายมีการนำเข้าลดลงร้อยละ 42.47, 28.41 และ 17.29 ตามลำดับเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2557
สำหรับการนำเข้าผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2558ทั้งระดับต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำมีมูลค่า 1,498.31ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีอัตราการขยายตัวโดยรวมลดลงร้อยละ 18.82เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ราคาเอธิลีนในตลาดเอเชียในไตรมาสที่ 2 ปี 2558ราคาเฉลี่ยตลอดไตรมาสอยู่ที่ 35.21บาทต่อกิโลกรัม และราคาโพรพิลีนเฉลี่ยตลอดไตรมาสอยู่ที่ 31.47บาทต่อกิโลกรัม โดยราคาของทั้งสองผลิตภัณฑ์ปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2557ที่ราคาเฉลี่ย 42.88และ 48.03บาทต่อกิโลกรัม ตามลำดับ
ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2558ราคาเฉลี่ยเม็ดพลาสติก PE และ PP (ราคาเฉลี่ย SE Asia CFR)ของ LDPE, HDPE, และ PP อยู่ที่ระดับ46.61, 45.93และ 45.47บาท/กิโลกรัมตามลำดับ ทั้งนี้ LDPE, HDPE และ PP มีระดับราคาเฉลี่ยลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2557 ที่ระดับราคาเฉลี่ย 52.41, 51.08และ 51.28บาท/กิโลกรัม ตามลำดับ
สรุปภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมและแนวโน้ม
อุตสาหกรรมปิโตรเคมีไตรมาสที่ 2 ปี 2558มีมูลค่าการส่งออกและนำเข้าลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2557 ทั้งนี้ สาเหตุสำคัญมาจากระดับราคาและอัตรา
แลกเปลี่ยนได้มีการปรับลดลงอย่างมาก รวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังคงมีความเปราะบางทั้งเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป และภาวะการค้าในภูมิภาคเอเชีย ประกอบกับราคาน้ำมันซึ่งเป็นวัตถุดิบยังคงมีความผันผวน
แนวโน้มการขยายตัวของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีไทยทั้งปี 2558คาดว่าจะมีการปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ตามการคาดการณ์การขยายตัวของ GDP และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง โดยอัตราการขยายตัวของ GDP ปี 2558 สำนักงานเศรษฐกิจการคลังคาดว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในช่วงร้อยละ 3.6-4.6 (ข่าวกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 095/2557 วันที่ 30 ตุลาคม 2557) รวมถึงในปี 2557 อยู่ในช่วงเศรษฐกิจถดถอย ตลาดทั้งในและต่างประเทศชะลอตัวลง มูลค่าการนำเข้าและส่งออกลดลงอย่างมาก ผู้ผลิตขาดความเชื่อมั่นต่อภาวะทางเศรษฐกิจและการเมือง ทำให้ฐานในการคำนวณต่ำ จึงส่งผลให้การคาดการณ์ตัวเลขของปี 2558 เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่อุตสาหกรรมต้องติดตามอย่างใกล้ชิด คือ การปรับตัวของระดับราคาน้ำมันดิบ และการปรับตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศและต่างประเทศและการขยายตัวของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ และการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจคของภาครัฐ จะทำให้ความต้องการวัตถุดิบเม็ดพลาสติกมีเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้อุตสาหกรรมปิโตรเคมีเกิดการขยายตัวตาม
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--