การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 3/2558 มีมูลค่า 13,491.21 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.11 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน แต่ลดลงร้อยละ 5.62 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการส่งออกไปตลาดหลักส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง ยกเว้นจีนที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น
ในไตรมาส 4/2558 คาดว่าอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์มีการผลิตลดลงร้อยละ 13.46 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้เมื่อพิจารณาแยกเป็นอุตสาหกรรมไฟฟ้าคาดว่าจะลดลงร้อยละ 7.19 และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์คาดว่าจะปรับตัวลดลงร้อยละ 16.59
ภาวะการผลิตของอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ไตรมาส 3/2558 (รายละเอียดแสดงในตารางที่ 1) มีดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 230.96 ลดลงร้อยละ 0.39 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนโดยการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าลดลงร้อยละ 8.67 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนมาจากพัดลมตามบ้าน เครื่องปรับอากาศแบบ แยกส่วนคอนเดนซิ่งยูนิต เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนแฟนคอยล์ยูนิตคอมเพรสเซอร์ ตู้เย็น ลดลงร้อยละ 31.63 24.50 16.60 9.21 และ 6.13 ตามลำดับ เพราะกำลังซื้อในประเทศยังคงชะลอตัวต่อเนื่องจึงส่งผลให้ความต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้าลดลงตามไปด้วยรวมถึงได้รับผลกระทบจากตลาดส่งออกหลักที่ยังไม่ฟื้นตัว (ยุโรป และญี่ปุ่น) อย่างไรก็ตามอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.58 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน สำหรับสินค้าในกลุ่มเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้แก่ IC Printer Other IC และ HDD ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.97 6.48 4.23 และ 0.53 ตามลำดับ
ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวลดลงร้อยละ 19.36 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมาจากอุตสาหกรรมไฟฟ้ามีการปรับตัวลดลงร้อยละ 14.85 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงเกือบทุกประเภท ได้แก่ โทรทัศน์ คอมเพรสเซอร์ พัดลมตามบ้าน ตู้เย็น หม้อหุงข้าวและเครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนคอนเดนซิ่งยูนิต ปรับตัวลดลงร้อยละ 78.89 9.48 8.16 2.68 1.32 และ 0.53 ตามลำดับ เนื่องจากการส่งออกไปตลาดหลักปรับตัวลดลงและกำลังซื้อในประเทศยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง สำหรับเครื่องรับโทรทัศน์ ลดลงร้อยละ 78.89 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีผู้ผลิตบางรายย้ายฐานการผลิตไปประเทศในกลุ่มอาเซียน
สำหรับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ไตรมาส 3/2558 ปรับตัวลดลงร้อยละ 20.26 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่ปรับตัวลงทุกตัว ได้แก่ HDD Printer Monolithic IC Semiconductor และ Other lC ปรับตัวลดลงร้อยละ 24.89 17.88 13.76 7.36 และ 0.71 ตามลำดับ เนื่องจาก HDD ปรับตัวลดลงร้อยละ 24.89 เพราะความต้องการคอมพิวเตอร์ในตลาดโลกลดลงซึ่ง Gartner 1 รายงานว่าการจำหน่ายคอมพิวเตอร์ PC ทั่วโลกในไตรมาส 3/2558 มีการจำหน่ายอยู่ที่ 73.7 ล้านเครื่อง ลดลงร้อยละ 7.70 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากความต้องการคอมพิวเตอร์และโน๊ตบุ๊คในตลาดโลกลดลงประกอบกับเศรษฐกิจโลกชะลอตัวทำให้ความต้องการผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ในตลาดโลกลดลง
โดย Semiconductor lndustry Association 2 (SlA) รายงานว่าการจำหน่าย Semiconductor ไตรมาส3/2558 มีมูลค่า 85.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 2.80 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.50 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ซึ่งญี่ปุ่น สหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกา ปรับตัวลดลงร้อยละ 11.40 10.60 และ 3.90 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนจีนมีการขยายตัวร้อยละ 5.00 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ Semiconductor Industry Association 3 (SIA) รายงานว่า การจำหน่าย Semiconductor ในตลาดโลกปี 2558 มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.30 โดยตลาดสหรัฐอเมริกาและเอเชีย ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.50 และ 6.90 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ ในขณะที่ญี่ปุ่นและสหภาพยุโรป ปรับตัวลดลงร้อยละ 10.20 และ 7.00 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ โดยผลิตภัณฑ์ประเภท Optoelectronics Sensors และ IC มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.00 4.30 และ 1.30 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ
ภาวะการจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศในไตรมาส 3/2558 มีการปรับตัวลดลงเกือบทั้งหมด เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ได้แก่ เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนคอนเดนซิ่งยูนิต เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนแฟนคอยล์ยูนิตพัดลม และเตาไมโครเวฟ ลดลงร้อยละ 32.82 32.66 18.56 และ 23.85 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ส่วนคอมเพรสเซอร์ เครื่องซักผ้า ตู้เย็น และกระติกน้ำร้อน ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.18 22.51 3.58 และ 66.09 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
ภาวะการจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนส่วนใหญ่มีการปรับตัวลดลงเช่นกันได้แก่คอมเพรสเซอร์ พัดลม เตาไมโครเวฟตู้เย็น และกระติกน้ำร้อน ลดลงร้อยละ 6.83 5.65 36.55 5.62 และ 6.18 ตามลำดับ ส่วนเครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนคอนเดนซิ่งยูนิต เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนแฟนคอยล์ยูนิต และเครื่องซักผ้า ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.27 4.38 และ 4.09 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 3/2558 มีมูลค่า 13,491.21ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.11 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน แต่ปรับตัวลดลงร้อยละ 5.62 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการส่งออกไปตลาดหลักลดลงเกือบทั้งหมด ได้แก่ อาเซียน สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ยกเว้นจีนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าในไตรมาส 3/2558 มีมูลค่า 5,457.64 ล้านเหรียญสหรัฐลดลง ร้อยละ 4.54 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยตลาดหลักที่ปรับตัวลดลงเกือบทั้งหมด คือ จีน อาเซียน ญี่ปุ่น และยุโรป ลดลงร้อยละ 12.35 7.19 6.18 และ 2.43 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ยกเว้นสหรัฐอเมริกาที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.64 สำหรับการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนลดลงร้อยละ 5.21 โดยการส่งออกไปตลาดหลักส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงได้แก่ อาเซียน สหภาพยุโรป จีน และญี่ปุ่น ลดลงร้อยละ 2.79 1.99 21.04 และ 4.38 ตามลำดับ ยกเว้นสหรัฐอเมริกาที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.31 โดยเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุด 3 อันดับแรกได้แก่ 1) เครื่องปรับอากาศ มีมูลค่าการส่งออก 849.45 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.17 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการส่งออกไปสหภาพยุโรป เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.73 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่การส่งออกไปอาเซียน จีน สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ลดลงร้อยละ 12.98 53.49 3.25 และ 21.89 ตามลำดับ 2) เครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับ ตัดต่อป้องกันวงจรไฟฟ้า รวมถึงแป้นและแผงควบคุม (ฟิวส์ สวิตช์ ปลั๊ก socket) มีมูลค่า 609.59 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 3.03 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการส่งออกไปอาเซียน จีน สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ลดลงถึงร้อยละ 3.99 6.02 3.63 และ 8.31 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 3) กล้องถ่ายโทรทัศน์ กล้องถ่ายบันทึกวีดีโอภาพนิ่ง วีดีโออื่นๆ มีมูลค่าการส่งออก 448.66 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 9.75 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากตลาดหลักปรับตัวลดลง โดยเฉพาะจีนและญี่ปุ่น ลดลงร้อยละ 22.83 และ 30.27 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ ในขณะที่อาเซียน ยุโรปและสหรัฐอเมริกาปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.44 5.54 และ 4.65 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนตามลำดับ
การส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 3/2558 มีมูลค่า 8,033.56 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.34 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ซึ่งตลาดหลักทั้งหมดปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ อาเซียน สหภาพยุโรป และจีน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.04 6.81 และ 37.20 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ตามลำดับ ยกเว้นสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ลดลงร้อยละ 4.17 และ 3.36 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน สำหรับการส่งออกอิเล็กทรอนิกส์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนปรับตัวลดลงร้อยละ 5.90 ตลาดหลักที่ปรับตัวลดลง ได้แก่ อาเซียน สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ลดลงร้อยละ 10.86 6.80 1.74 และ 8.57 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ โดยสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุด 3 อันดับแรก คือ 1) อุปกรณ์ประกอบของเครื่องคอมพิวเตอร์ มีมูลค่าการส่งออก 4,293.11 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 8.76 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากการส่งออกไปอาเซียนสหภาพยุโรป จีน และญี่ปุ่น ลดลงร้อยละ 3.63 9.11 26.19 และ 19.76 ตามลำดับ 2) วงจรรวมและไมโครแอสแซมบลีมีมูลค่าการส่งออก 2,104.61 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.06 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการส่งออกไปจีนและญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นร้อยละ 161.26 และ 22.49 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ 3) วงจรพิมพ์ มีมูลค่า การส่งออก 350 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวลดลงร้อยละ 1.77 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการส่งออกไปอาเซียน และ ลดลงร้อยละ 21.19 และ 8.93 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ สหรัฐอเมริกา
การนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 3/2558 มีมูลค่า 11,119.42 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.93 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและลดลงร้อยละ 0.64 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน ของปีก่อน โดยการนำเข้าในส่วนของอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวลดลง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
การนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในไตรมาส 3/2558 คิดเป็นมูลค่า 4,506.45 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.53 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการนำเข้าจากอาเซียน จีน และสหรัฐอเมริกา เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.49 5.05 และ 1.74 ตามลำดับ ในขณะที่การนำเข้าจากสหภาพยุโรปและญี่ปุ่นลดลงร้อยละ 9.02 และ 9.28 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีการนำเข้ามากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1) เครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับตัดต่อป้องกันวงจรไฟฟ้า รวมถึงแป้นและแผงควบคุม (ฟิวส์ สวิตช์ ปลั๊ก socket) มีมูลค่าการนำเข้า 973.95 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 1.26 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แหล่งนำเข้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ อาเซียน สหรัฐอเมริกา และ จีน เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.43 10.35 และ 2.11 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน ของปีก่อน ตามลำดับ 2) มอเตอร์เล็ก (กำลังไม่เกิน 750 W) มีมูลค่าการนำเข้า 329.68 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 52.02 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แหล่งนำเข้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ อาเซียน จีน สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นร้อยละ 39.70 100.73 33.14 และ 2.09 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ 3) ส่วนประกอบเครื่องรับโทรทัศน์ มีมูลค่าการนำเข้า 323.65 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 27.57 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แหล่งนำเข้าที่ปรับตัวลดลง ได้แก่ อาเซียน สหภาพยุโรป และจีน ลดลงร้อยละ 17.63 53.68 และ 46.16 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของ ปีก่อน ตามลำดับ ขณะที่แหล่งนำเข้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.75 และ 12.96 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในส่วนเครื่องรับโทรทัศน์สีมีมูลค่าการนำเข้า 204.75 ล้านเหรียญสหรัฐ มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 136.42 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแหล่งนำเข้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ อาเซียน จีน และญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นร้อยละ 167.03 66.23 และ 46.70 ตามลำดับ
การนำเข้าอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 3/2558 มีมูลค่า 6,612.97 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น ร้อยละ 4.52 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน แต่ปรับตัวลดลงร้อยละ 1.72 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแหล่งนำเข้าหลัก ที่ปรับตัวลดลง ได้แก่ อาเซียน สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ลดลงร้อยละ 4.30 13.98 13.38 และ 12.00 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ สินค้านำเข้ามากที่สุด 3 อันดับแรก 1) วงจรรวมและไมโครแอสแซมบลี มีมูลค่า 2,460.89 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 4.35 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยนำเข้าจากอาเซียน สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ลดลงร้อยละ 16.72 6.65 2.31 และ 20.88 ตามลำดับ 2) อุปกรณ์ประกอบของเครื่องคอมพิวเตอร์ มีมูลค่าการนำเข้า 1,606.03 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 3.14 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยนำเข้าจากสหภาพยุโรป จีน และสหรัฐอเมริกา ลดลงร้อยละ 26 8.73และ 44.15 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ 3) เครื่องโทรศัพท์สำหรับเครือข่ายเซลลูลาร์ มีมูลค่า 752.83 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.04 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแหล่งนำเข้าจากอาเซียนปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 47.24 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ แหล่งนำเข้าที่ปรับตัวลดลง ได้แก่ สหภาพยุโรป จีน สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ลดลงร้อยละ 83.63 14.25 18.43 และ 60.95 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ภาวะการผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 3/2558 อยู่ในภาวะชะลอตัวโดยดัชนีผลผลิตปรับตัวลดลงร้อยละ 0.39 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และลดลงร้อยละ 19.36 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมาจากกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าปรับตัวลดลงร้อยละ 14.85 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะกำลังซื้อในประเทศยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง จึงส่งผลให้ความ(รวมถึงได้รับผลกระทบจากตลาดส่งออกหลักที่ยังไม่ฟื้นตัว ต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้าลดลงตามไปด้วยยุโรป และญี่ปุ่น) นอกจากนี้เครื่องรับโทรทัศน์มีผู้ผลิตบางรายย้ายฐานการผลิตไปประเทศในกลุ่มอาเซียน สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวลดลงร้อยละ 20.26 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการปรับตัวลดลงของ Hard disk drive เป็นหลัก เพราะมีการผลิต HDD ที่มีความจุมากขึ้นสำหรับนำไปใช้ใน Cloud Storage ศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่, External HDD มากขึ้นทาให้ปริมาณการผลิตจะไม่มากเท่าเดิมแต่ราคาต่อหน่วย เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ความต้องการใช้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลลดลงและหันไปใช้แท็บเล็ตและสมาร์ทโฟน มากขึ้นประกอบกับเศรษฐกิจโลกชะลอตัวทำให้ความต้องการผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ในตลาดโลกลดลงโดยภาพรวมการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 3/2558 มีมูลค่า 13,491.21 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.11 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน แต่ลดลงร้อยละ 5.62 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการส่งออกไปตลาดหลักส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง ยกเว้นจีนที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น
อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 4/2558 คาดว่าการผลิตจะปรับตัวลดลงร้อยละ 13.46 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้เมื่อพิจารณาแยกเป็นอุตสาหกรรมไฟฟ้าคาดว่าจะลดลงร้อยละ 7.19 ซึ่งมาจากการชะลอตัวของตลาดในประเทศและตลาดส่งออกหลักของไทย โดยเฉพาะสหภาพยุโรปและญี่ปุ่นสำหรับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์คาดว่าจะปรับตัวลดลงร้อยละ 16.59 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการผลิต HDD จะนำไปใช้ในกลุ่ม Cloud Storage และศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่มากขึ้นแทนตลาดคอมพิวเตอร์ทำให้ปริมาณการผลิตไม่มากเท่ากับที่ผ่านมา
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--