สรุปภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาสที่ 3 ปี 2558 (กรกฎาคม - กันยายน 2558)(อุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยาง)

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday November 24, 2015 16:53 —สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

ภาวะอุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยางในประเทศในภาพรวม ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มยางยานพาหนะยังขยายตัวได้ถึงแม้ว่าจะชะลอตัวลงเล็กน้อยในไตรมาสที่ 2 ตามภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควรสำหรับตลาดถุงมือยาง/ถุงมือตรวจภายในประเทศขยายตัวได้ดีตามกระแสความวิตกกังวลด้านสุขภาพอนามัย

ในส่วนของมูลค่าการส่งออกยางและผลิตภัณฑ์ยางปรับตัวลดลง ถึงแม้ว่าปริมาณการส่งออกยางแปรรูปขั้นต้นจะเพิ่มขึ้น แต่ราคายางปรับตัวลดลงอย่างมาก จึงทำให้มูลค่าการส่งออกลดลงตามไปด้วย สำหรับการส่งออกผลิตภัณฑ์ยางยานพาหนะ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากสหรัฐอเมริกาต่ออายุการให้ GSP แก่สินค้าไทยออกไปในส่วนของมูลค่าการส่งออกถุงมือยาง/ถุงมือตรวจ ปรับตัวลดลง เนื่องจากความต้องการใช้ของตลาดหลักคือ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป ชะลอตัวลง และส่วนหนึ่งมาจากการถูกตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (Generalized System of Preference : GSP) จากสหภาพยุโรป ที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2558 ทำให้ไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขันกับประเทศคู่แข่งที่สำคัญไป

การผลิต

การผลิตยางแปรรูปขั้นต้นในไตรมาสที่ 3 ปี 2558 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้น ร้อยละ 40.67 และ 37.50 ตามลำดับ สำหรับภาพรวมในช่วง 9 เดือน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.56

ในส่วนของการผลิตผลิตภัณฑ์ยางล้อในกลุ่มยางนอกรถยนต์นั่ง/รถกระบะยางนอกรถจักรยานยนต์/จักรยาน ยางในรถบรรทุกและรถโดยสาร เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 13.97 1.99 และ 1.67 ตามลำดับ สำหรับการผลิตยางนอกรถรถบรรทุก/รถโดยสาร/ รถแทรกเตอร์ ยางในรถจักรยานยนต์/จักรยาน และยางหล่อดอก มีการปรับตัวลดลงร้อยละ 2.35 0.75 และ 1.04 ตามลำดับ และเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ยางนอกรถยนต์นั่ง/ รถกระบะ ยางในรถบรรทุกและรถโดยสาร ยางในรถจักรยานยนต์/รถจักรยาน และยางหล่อดอก ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.86 5.17 7.69 และ 0.21 ตามลำดับ และในส่วนของการผลิตยางนอกรถจักรยานยนต์/รถจักรยาน ปรับตัวลดลง ร้อยละ 0.81 สำหรับในช่วง 9 เดือน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปริมาณการผลิตในกลุ่มผลิตภัณฑ์ยางล้อดังกล่าว ยังคงขยายตัวได้ ทุกผลิตภัณฑ์

ในส่วนของการผลิตถุงมือยาง/ถุงมือตรวจเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 4.15 แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ปรับตัวลดลงร้อยละ 4.26 และในภาพรวมช่วง 9 เดือน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปริมาณการผลิตปรับตัวลดลงร้อยละ 2.03 โดยปริมาณการผลิตถุงมือยาง/ถุงมือตรวจที่ลดลงนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการส่งออกที่ลดลง เนื่องจากไทยถูกตัด GSP จากสหภาพยุโรปซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักของไทยที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2558 ซึ่งถุงมือยาง/ถุงมือตรวจของไทยเป็นกลุ่มสินค้าที่มีการใช้สิทธิ GSP สูง

การตลาดและการจำหน่าย

การจำหน่ายในประเทศ

การจำหน่ายยางแปรรูปขั้นต้นในประเทศในไตรมาสที่ 3 ปี 2558 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ปริมาณการจำหน่ายปรับตัวลดลงร้อยละ 4.67 และ 6.60 ตามลำดับและในภาพรวมช่วง 9 เดือน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปริมาณการจำหน่าย ในประเทศลดลงร้อยละ 14.33

ในส่วนของการจำหน่ายยางนอกรถยนต์นั่ง/รถกระบะ

ยางนอกรถจักรยานยนต์/จักรยาน และยางในรถจักรยานยนต์/จักรยานในประเทศเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.60 1.74 และ 3.83 ตามลำดับ สำหรับการจำหน่ายยางนอกรถบรรทุก/รถโดยสาร/รถแทรกเตอร์ ยางในรถบรรทุก/รถโดยสารและยางหล่อดอก ในประเทศ ปรับตัวลดลงร้อยละ 2.74 2.27 และ 0.02 ตามลำดับ และเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ยางนอกรถยนต์นั่ง/รถกระบะ ยางนอกรถบรรทุก/รถโดยสาร/รถแทรกเตอร์ ยางในรถบรรทุก/รถโดยสาร ยางในรถจักรยานยนต์/จักรยาน ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.41 2.90 13.16 และ 12.31 ตามลำดับ ในส่วนของยางนอกรถจักรยานยนต์/จักรยาน และยางหล่อดอก การจำหน่ายในประเทศปรับตัวลดลงร้อยละ 2.17 และ 0.09 ตามลำดับ และภาพรวมในช่วง 9 เดือนปริมาณการจำหน่ายในกลุ่มผลิตภัณฑ์ยางล้อดังกล่าวยังคงขยายตัวได้ทุกผลิตภัณฑ์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

สำหรับการจำหน่ายถุงมือยาง/ถุงมือตรวจในประเทศ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ปรับตัวลดลงร้อยละ 27.72 แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.15 และภาพรวมในช่วง 9 เดือน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 44.72 เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีความจำเป็นทางการแพทย์ และใช้ในภาคอุตสาหกรรมและครัวเรือน อีกทั้งกระแสความวิตกกังวลการรักษาสุขภาพอนามัยของผู้บริโภคจากโรคระบาด

การค้าระหว่างประเทศ

การส่งออก

การส่งออกยางแปรรูปขั้นต้นของไทย ประกอบด้วย ยางแผ่น ยางแท่ง น้ำยางข้น และยางพาราอื่นๆ โดยในไตรมาสที่ 3 ปี 2558 มีมูลค่าการส่งออก 1,439.15 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และไตรมาสเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.51 และ 9.38 ตามลำดับ สำหรับภาพรวมในช่วง 9 เดือน มีมูลค่าการส่งออกยางแปรรูปขั้นต้น 3,885.78 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 16.63 ซึ่งแม้ว่าปริมาณการส่งออกยางแปรรูปขั้นต้นจะเพิ่มขึ้น แต่ราคายางปรับตัวลดลงมาก จึงทำให้มูลค่าการส่งออกลดลงตามไปด้วย โดยตลาดส่งออกยางพาราที่สำคัญ คือ จีน มาเลเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสหรัฐอเมริกา

สำหรับการส่งออกผลิตภัณฑ์ยาง ประกอบด้วย ยางยานพาหนะ ถุงมือยาง/ถุงมือตรวจ ยางรัดของ หลอดและท่อ สายพานลำเลียงและส่งกำลัง ผลิตภัณฑ์ยางที่ใช้ในทางเภสัชกรรม ยางวัลคาไนซ์ และผลิตภัณฑ์ยางอื่นๆ โดยในไตรมาสที่ 3 ปี 2558 มีมูลค่าการส่งออกรวม 1,659.34 ล้านเหรียญสหรัฐฯเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ปรับตัวลดลงร้อยละ 11.36 และ 19.54 ตามลำดับ สำหรับภาพรวมในช่วง 9 เดือน มีมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์ยาง 5,266.05 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 12.76 โดยในส่วนของยางยานพาหนะเริ่มปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากความต้องการของตลาดหลักที่สำคัญ คือ สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่นปรับตัวเพิ่มขึ้น ในขณะที่การส่งออกถุงมือยาง/ถุงมือตรวจปรับตัวลดลงจากปีก่อน เนื่องจากความต้องการของตลาดหลัก คือ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป ชะลอตัวลง ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการถูกตัด GSP จากสหภาพยุโรป ที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2558 ทำให้ไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขันกับประเทศคู่แข่งที่สำคัญไป

ในส่วนของผลิตภัณฑ์ยางคอมพาวด์ มีมูลค่าการส่งออกปรับตัวลดลง เนื่องจากจีนซึ่งเป็นตลาดส่งออกยางคอมพาวด์ของไทยได้ออกประกาศปรับปรุงมาตรฐานการผลิตยางคอมพาวด์โดยให้ใช้ยางธรรมชาติในการผลิตได้ไม่เกินร้อยละ 88 และส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 12 ให้เป็นส่วนผสมของเขม่าดำ (Carbon Black) และสารเคมีอื่นๆแทนสัดส่วนการผลิตเดิมที่มียางธรรมชาติไม่เกินร้อยละ 95.00 - 99.50 จึงส่งผลให้บริษัทผลิตยางล้อในจีนเริ่มกังวลต่อการนำเข้ายางคอมพาวด์จากไทย จึงชะลอการสั่งซื้อยางคอมพาวด์ออกไป

การนำเข้า

ในไตรมาสที่ 3 ปี 2558 การนำเข้ายางและเศษยางมีมูลค่า 234.32 ล้านเหรียญสหรัฐฯเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ปรับตัวลดลงร้อยละ 0.13 และ16.16 ตามลำดับ และภาพรวมในช่วง 9 เดือน มีมูลค่าการนำเข้า 707.31 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปรับตัวลดลงร้อยละ 13.56

สำหรับการนำเข้าผลิตภัณฑ์ยางที่สำคัญ ประกอบด้วย ท่อหรือข้อต่อและสายพานลำเลียง ยางรถยนต์ กระเบื้องปูพื้น/ปิดผนัง ยางวัลแคไนซ์ และผลิตภัณฑ์ยางอื่นๆ มีมูลค่า 278.32 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ปรับตัวลดลงร้อยละ 3.51 และ 6.48 ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม มีการนำเข้าผลิตภัณฑ์ยางเพิ่มขึ้นในส่วนหนึ่งของยางรถยนต์ และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับภาพรวมในช่วง 9 เดือน มีมูลค่าการนำเข้า 833.31 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปรับตัวลดลงร้อยละ 2.71

ราคาสินค้า

ราคายางพาราไตรมาสที่ 3 ปี 2558 ชะลอตัวลงตามการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวรวมทั้งปริมาณการผลิตที่มีมากกว่าความต้องการใช้โดยผลผลิตจากพื้นที่ปลูกใหม่เริ่มทะยอยออกสู่ตลาด

นโยบายภาครัฐที่เกี่ยวข้อง

กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ดำเนินโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ยางและไม้ยางพาราภายใต้เครือข่ายความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการและหน่วยงานวิจัยและโครงการพัฒนาระบบฐานข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยางและไม้ยางพาราซึ่งผลที่คาดว่าจะได้รับจากการดำเนินโครงการดังกล่าวคือสร้างมูลค่าเพิ่มจากการใช้วัตถุดิบยางเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและได้มาตรฐานสากลซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดโลกส่งผลให้อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยางและไม้ยางพาราของไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืน

สรุปและแนวโน้ม

สรุป

ในไตรมาสที่ 3 ปี 2558 อุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยางในส่วนของกลุ่มผลิตภัณฑ์ยางล้อในภาพรวมยังขยายตัวได้ถึงแม้ว่าจะชะลอตัวลงในไตรมาสที่ 2 ตามภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควร ในส่วนของตลาดถุงมือยางและถุงมือตรวจยังขยายตัวได้ดี เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลด้านสุขภาพอนามัยจากโรคระบาด

การส่งออกยางและผลิตภัณฑ์ยางปรับตัวลดลง ถึงแม้ว่าปริมาณการส่งออกยางแปรรูปขั้นต้นจะเพิ่มขึ้น แต่ราคายางปรับตัวลดลงมาก จึงทำให้มูลค่าการส่งออกลดลงตามไปด้วย ในส่วนของการส่งออกยางยานพาหนะเริ่มปรับตัวดีขึ้นตามความต้องการของตลาดส่งออกหลัก คือ สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น สำหรับมูลค่าการส่งออกถุงมือยาง/ถุงมือตรวจ ปรับตัวลดลง เนื่องจากความต้องการใช้ของตลาดหลักคือ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป ชะลอตัวลง ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการถูกตัด GSP จากสหภาพยุโรป ที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2558 ทำให้ไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขันกับประเทศคู่แข่งที่สำคัญไปและในส่วนของผลิตภัณฑ์ยางคอมพาวด์ซึ่งจีนได้ออกประกาศปรับปรุงมาตรฐานการผลิตยางคอมพาวด์โดยให้ใช้ยางธรรมชาติในการผลิตได้ไม่เกินร้อยละ 88 และส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 12 ให้เป็นส่วนผสมของเขม่าดำ (Carbon Black) และสารเคมีอื่นๆ ส่งผลให้บริษัทผลิตยางล้อในจีนเริ่มกังวลต่อการนำเข้ายางคอมพาวด์จากไทยจึงชะลอการสั่งซื้อยางคอมพาวด์ออกไป

แนวโน้ม

สถานการณ์ของอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยางในไตรมาสที่ 4 ปี 2558 ในส่วนของกลุ่มอุตสาหกรรมยางยานพาหนะในประเทศคาดว่าจะยังขยายตัวได้ตามการขยายตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศอย่างไรก็ตามในปีนี้การขยายตัวอาจจะไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้เนื่องจากผลกระทบจากเศรษฐกิจภายในประเทศที่ซบเซาและการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์สำหรับการส่งออกในส่วนของผลิตภัณฑ์ยางยานพาหนะ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากสหรัฐอเมริกาต่ออายุการให้ GSP แก่สินค้าไทยออกไปอีก 4 ปี 5 เดือนโดยได้มีการลงนามเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2558 ซึ่งจะมีผลหลังจากลงนามแล้ว 30 วัน และผู้ประกอบการจะได้รับสิทธิการคืนภาษีย้อนหลัง 2 ปีจากการต่ออายุ GSP ครั้งนี้

สำหรับถุงมือยาง/ถุงมือตรวจ คาดว่าจะชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจของตลาดส่งออกหลัก รวมทั้งการถูกตัดสิทธิ GSP จากสหภาพยุโรป

สำหรับแนวโน้มด้านราคายางพาราในไตรมาสที่ 4 ปี 2558 คาดว่าจะชะลอตัวลงเนื่องจากเป็นช่วงที่ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดมาก ประกอบกับการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อราคายางในระยะนี้

--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ