ไตรมาส 2 ปี 2559 ราคาแนฟธาของตลาดเอเชียมีความผันผวน โดยปรับตัวขึ้นลง ตามการปรับตัวของราคาน้ำมันดิบ สำหรับไตรมาส 2 จะเป็นช่วงที่แครกเกอร์ต่างๆ ปิดซ่อมบำรุงประจำปี ผู้ผลิตมีการสำรองสินค้าคงคลังจากไตรมาสก่อนส่งผลให้ราคามีการเคลื่อนไหวปรับตัวลดลง
อุตสาหกรรมปิโตรเคมีในประเทศมีการวางแผนเพิ่มกำลังการผลิตปิโตรเคมีภายในปี 2561-2563 โดยการเพิ่มกำลังการผลิตอะโรมาติกส์ การเพิ่มกำลังการผลิตในโครงการ Phenol 2 และการเพิ่มกำลังการผลิตพอลิเอทิลีนความหนาแน่นต่ำเชิงเส้น (LLDPE) อีก 170,000 405,000 และ 800,000 ตัน/ปี ตามลำดับ
ทั้งนี้ มีการลงทุนในต่างประเทศในธุรกิจผลิตกรดเทเรฟทาลิก บริสุทธิ์ (PTA) ในสหรัฐอเมริกา กำลังการผลิต 1,000,000 ตัน/ปี นอกจากนี้ มีการวางแผนปรับปรุงกำลังการผลิตของโรงงานในประเทศสเปนกำลังการผลิตกรดไอโซพทาลิกบริสุทธิ์ (PlA) พอลิเอทิลีนเทเรฟทาเลต (PET) และกรดเทเรฟทาลิกบริสุทธิ์ (PTA) 220,000 175,000 และ 325,000 ตัน/ปี ตามลำดับ
การค้าระหว่างประเทศ
การส่งออกผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีไตรมาสที่ 2 ปี 2559 ทั้งระดับต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำมีมูลค่ารวม 1,599.15 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยภาพรวมลดลงร้อยละ 16.43 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2558 และลดลงร้อยละ 1.34 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ปี 2559 โดยผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นต้นขั้นกลาง และขั้นปลายมีการส่งออกลดลงร้อยละ 31.93, 18.31 และ 11.72 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2558
สำหรับการส่งออกผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2559 ทั้งระดับต้นน้ำกลางน้ำ และปลายน้ำมีมูลค่ารวม 3,219.96 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวลงร้อยละ 15.03 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2558
การนำเข้าผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีไตรมาสที่ 2 ปี 2559 ทั้งระดับต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ มีมูลค่ารวม 698.64 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยภาพรวมลดลงร้อยละ 0.39 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2558 แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.71 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ปี 2559 โดยผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นต้นและขั้นกลางมีการนำเข้าลดลงร้อยละ 18.26 และ 9.14 ตามลำดับ ส่วนปิโตรเคมีขั้นปลายมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.66 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2558
สำหรับการนำเข้าผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2558 ทั้งระดับต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำมีมูลค่ารวม 1,287.17 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวลงร้อยละ 14.09 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2558
ราคาเอธิลีนในตลาดเอเชียในไตรมาสที่ 2 ปี 2559 ราคาเฉลี่ยตลอดไตรมาสอยู่ที่ 39.75 บาทต่อกิโลกรัม และราคาโพรพิลีนเฉลี่ยตลอดไตรมาสอยู่ที่ 25.60 บาทต่อกิโลกรัม โดยราคาเอทิลีนปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่วนราคาโพรพิลีนปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2558 ที่ราคาเฉลี่ย 35.21 และ 31.47 บาทต่อกิโลกรัม ตามลำดับ
ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2559 ราคาเฉลี่ยเม็ดพลาสติก PE และ PP (ราคาเฉลี่ย SE Asia CFR) ของ LDPE, HDPE, และ PP อยู่ที่ระดับ 42.60, 40.90 และ 38.59 บาท/กิโลกรัม ตามลำดับ ทั้งนี้ LDPE, HDPE และ PP มีระดับราคาเฉลี่ยลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2558 ที่ระดับราคาเฉลี่ย 46.61, 45.93 และ 45.47 บาท/กิโลกรัม ตามลำดับ
สรุปภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมและแนวโน้ม
อุตสาหกรรมปิโตรเคมีไตรมาสที่ 2 ปี 2559 มีมูลค่าการส่งออกและนำเข้าลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2558 ทั้งนี้สาเหตุสำคัญมาจากราคาน้ำมันซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักยังคงมีความผันผวนและอยู่ในช่วงขาลงรวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังคงมีความเปราะบางทั้งเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปและความไม่สงบทางการเมืองของประเทศผู้ผลิตในตะวันออกกลาง
แนวโน้มการขยายตัวของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีไทยทั้งปี 2559 คาดว่าจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นตามการปรับตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศและต่างประเทศอย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่อุตสาหกรรมต้องติดตามอย่างใกล้ชิด คือ การปรับตัวของระดับราคาน้ำมันดิบ และการขยายตัวของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ และการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ ทำให้ความต้องการวัตถุดิบเม็ดพลาสติกมีเพิ่มขึ้นซึ่งจะส่งผลให้อุตสาหกรรมปิโตรเคมีเกิดการขยายตัวตาม
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--