การผลิตและจำหน่ายเซรามิกขยายตัวเพิ่มขึ้นเฉพาะเครื่องสุขภัณฑ์ ในขณะที่กระเบื้องปูพื้น บุผนัง ยังคงได้รับผลกระทบจากบุผนังตลาดอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว และยังต้องแข่งขันกับสินค้านำเข้า สำหรับการส่งออกผลิตภัณฑ์เสำหรับการส่งออกผลิตภัณฑ์เซรามิกลดลงจากภาวะความเปราะบางและความผันผวนของเศรษฐกิจโลก
การผลิตเซรามิก ไตรมาส 2 ปี 2559 ในภาพรวมกระเบื้องปูพื้น บุผนัง ยังคงได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในขณะที่เครื่องสุขภัณฑ์มีทิศทางการเติบโตที่ดีกว่า โดยกระเบื้องปูพื้น บุผนัง มีปริมาณ 41.88 ล้านตารางเมตร และเครื่องสุขภัณฑ์ มีปริมาณ 1.90 ล้านชิ้น เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.33 และ 0.00 ตามลำดับ แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน กระเบื้องปูพื้น บุผนัง ลดลงร้อยละ 1.20 ในขณะที่เครื่องสุขภัณฑ์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.34
การผลิตเซรามิก ในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 กระเบื้องปูพื้น บุผนัง มีปริมาณ 82.02 ล้านตารางเมตร เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ลดลงเล็กน้อยร้อยละ 0.26 สำหรับการผลิตเครื่องสุขภัณฑ์ มีปริมาณ 3.80 ล้านชิ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 5.85 ซึ่งการผลิตเครื่องสุขภัณฑ์มีทิศทางการเติบโตที่ดีกว่ากระเบื้องปูพื้น บุผนัง ทั้งนี้กระเบื้องปูพื้น บุผนัง ยังคงได้รับผลกระทบจากการเปิดตัวโครงการใหม่ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ลดลงและอยู่ในช่วงการเร่งระบายสินค้าเดิมที่มีอยู่นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังมีปัญหาไม่ผ่านการขอสินเชื่อเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์เนื่องจากมีหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงทำให้ได้รับผลกระทบต่อเนื่องต่อความต้องการใช้กระเบื้องปูพื้น บุผนัง
การตลาดและการจำหน่าย
การจำหน่ายเซรามิก ในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 กระเบื้องปูพื้น บุผนัง มีปริมาณ 84.97 ล้านตารางเมตร ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 4.09 ในขณะที่เครื่องสุขภัณฑ์ มีปริมาณ 2.46 ล้านชิ้น เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 23.00 ซึ่งเครื่องสุขภัณฑ์มี ทิศทางการเติบโตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
การค้าระหว่างประเทศ
การส่งออกผลิตภัณฑ์เซรามิกจะส่งไปยังประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา จีน เยอรมนี เดนมาร์ค ออสเตรเลีย และประเทศในกลุ่มอาเซียน โดยการส่งออกผลิตภัณฑ์เซรามิกในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 มีมูลค่ารวม 372.71 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ลดลงร้อยละ 10.59 ทั้งนี้ การส่งออกลดลงในตลาดหลักเกือบทุกตลาด ยกเว้น ตลาดสหรัฐอเมริกา ที่ขยายตัวได้ดีในผลิตภัณฑ์เครื่องสุขภัณฑ์ ของชำร่วยเครื่องประดับ และผลิตภัณฑ์เซรามิกอื่นๆ
การนำเข้าผลิตภัณฑ์เซรามิกส่วนใหญ่จะนำเข้าจากประเทศจีน ญี่ปุ่น มาเลเซีย เวียดนาม และอิตาลี โดยการนำเข้าผลิตภัณฑ์เซรามิก ไตรมาส 2 ปี 2559 มีมูลค่ารวม 127.14 ล้านเหรียญสหรัฐฯเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและไตรมาสเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.61 และ 2.85 ตามลำดับ สำหรับการนำเข้าผลิตภัณฑ์เซรามิก ในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 มีมูลค่ารวม 248.68 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.24 ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้นจะเป็นผลิตภัณฑ์เซรามิกอื่น โดยการนำเข้าส่วนใหญ่เป็นกระเบื้องปูพื้นบุผนัง จากจีน และเวียดนาม
นโยบายภาครัฐที่เกี่ยวข้อง คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน ได้พิจารณาทบทวนให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้ากระเบื้องปูพื้นบุผนัง ที่มีแหล่งกำเนิดจากจีน ในอัตราร้อยละ 2.18 - 35.49 ออกไปอีก 1 ปี โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน 2559 ซึ่งจากเดิมเคยเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดดังกล่าวจากจีนมาแล้ว เป็นเวลา 5 ปี (ตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน 2554 ถึงวันวันที่ 1 มิถุนายน 2559)
สรุปและแนวโน้ม
การผลิตและจำหน่ายเซรามิก ไตรมาส 2 ปี 2559 ในภาพรวมเติบโตได้ดีขึ้นเฉพาะเครื่องสุขภัณฑ์ ในขณะที่กระเบื้องปูพื้น บุผนัง ยังคงได้รับผลกระทบจากการแข่งขันกับสินค้านำเข้า ปัญหาเศรษฐกิจในประเทศที่ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว ปัญหาค่าครองชีพ และหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น รวมทั้งราคาพืชผลเกษตรตกต่ำ ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง สำหรับการส่งออกผลิตภัณฑ์เซรามิก ไตรมาส 2 ปี 2559 ในภาพรวมลดลงในตลาดหลักเกือบทุกผลิตภัณฑ์จากความเปราะบางและความผันผวนของเศรษฐกิจโลกในขณะที่การนำเข้าผลิตภัณฑ์เซรามิกไตรมาส 2 ปี 2559 เพิ่มขึ้นจากการนำเข้าผลิตภัณฑ์เซรามิกอื่น ซึ่งเป็นการนำเข้ากระเบื้องปูพื้นบุผนัง เป็นสำคัญ
การผลิตและจำหน่ายเซรามิก ไตรมาส 3 ปี 2559 ทั้งกระเบื้องปูพื้น บุผนัง และเครื่องสุขภัณฑ์ คาดว่ามีแนวโน้มลดลง ตามภาวะการก่อสร้างในช่วงฤดูฝน สำหรับการส่งออกผลิตภัณฑ์เซรามิก ไตรมาส 3 ปี 2559 คาดว่ามีแนวโน้มลดลงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ในขณะที่การนำเข้าผลิตภัณฑ์เซรามิกไตรมาส 3 ปี 2559 คาดว่ามีแนวโน้มลดลงตามทิศทางของตลาดในประเทศและจากมาตรการการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้ากระเบื้องปูพื้น บุผนัง จากจีน คาดว่าจะช่วยให้ผู้ประกอบการบรรเทาผลกระทบในการแข่งขันกับสินค้านำเข้า จากจีน และทำให้การนำเข้าสินค้าจากจีนลดลงได้บ้าง
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--