ภาวะการผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 3/2559 มีดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 112.15 ลดลงร้อยละ 0.52 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.62 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมาจากกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.96 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการส่งออกเครื่องปรับอากาศ และเครื่องซักผ้าไปตลาดหลักทั้งหมดปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งผู้ผลิตเครื่อง ซักผ้าบางรายมีการขยายกำลังการผลิต โดยเริ่มผลิตและส่งออกตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา อีกทั้งการส่งออกไปตลาดสหรัฐอเมริกาขยายตัวอย่างมาก สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.82 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ Monolithic lC Other lC และ HDD ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.57, 7.31 และ 4.74 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจาก lC เป็นชิ้นส่วนสำคัญในการพัฒนาสินค้าที่มีการใช้เทคโนโลยีที่สูงขึ้นโดยการส่งออกไปตลาดหลักส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นและ HDD ส่งออกไปตลาดหลักเริ่มฟื้นตัวขึ้นหลังจากที่ลดลงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี
การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 3/2559 มีมูลค่า 14,036.09 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.90 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.04 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากการส่งออกไปตลาดหลักปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบทั้งหมด
ในไตรมาส 4/2559 คาดว่าอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์มีการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.12 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาแยกเป็นอุตสาหกรรมไฟฟ้าคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.50 ส่วนอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.74
ภาวะการผลิตของอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ไตรมาส 3/2559 (รายละเอียดแสดงในตารางที่ 1) มีดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 112.15 ลดลงร้อยละ 0.52 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนโดยการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าปรับตัวลดลงร้อยละ 15.02 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน มาจากเครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนคอนเดนซิ่งยูนิต เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนแฟนคอยล์ยูนิต คอมเพรสเซอร์ พัดลมตามบ้าน ตู้เย็น และสายไฟ ลดลงร้อยละ 31.37, 24.07, 3.65, 29.77, 8.15 และ 30.38 ตามลำดับ เนื่องจากการจำหน่ายเครื่องปรับอากาศ พัดลมและตู้เย็นในประเทศปรับตัวลดลงไปตามฤดูกาล นอกจากนี้ การส่งออกเครื่องปรับอากาศไปตลาดหลักลดลงเกือบทั้งหมดได้แก่ อาเซียน สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ยกเว้นจีน ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และการส่งออกตู้เย็นปรับตัวลดลงเกือบทั้งหมด ได้แก่ อาเซียน สหภาพยุโรป จีน และญี่ปุ่น ยกเว้นสหรัฐอเมริกาที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.84 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน สำหรับสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์เกือบทั้งหมดปรับตัวเพิ่มขึ้นได้แก่ Semiconductor Monolithic lC Other lC และ HDD ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.44, 7.16, 13.30 และ 22.99 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ยกเว้น Printer ปรับตัวลดลงร้อยละ 4.55 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.62 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมาจากอุตสาหกรรมไฟฟ้ามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.96 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบทุกประเภท ได้แก่ เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนคอนเดนซิ่งยูนิต เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนแฟนคอยล์ยูนิต พัดลมตามบ้าน ตู้เย็น เครื่องซักผ้า เตาไมโครเวฟ กระติกน้ำร้อน หม้อหุงข้าว และโทรทัศน์ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 39.41, 40.26, 5.30, 0.34, 22.15, 48.23, 40.81, 30.57 และ 573.06 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการจำหน่ายในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบทั้งหมด รวมถึงการส่งออกเครื่องปรับอากาศ และเครื่องซักผ้าไปตลาดหลักทั้งหมดปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เครื่องซักผ้าส่งออกเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 35.52 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกามีการขยายตัวอย่างมาก อีกทั้งผู้ผลิตบางรายมีการขยายกำลัง การผลิต โดยเริ่มผลิตและส่งออกแล้วในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
สำหรับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ไตรมาส 3/2559 ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.82 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ Monolithic lC Other lC และ HDD ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.57, 7.31 และ 4.74 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจาก lC เป็นชิ้นส่วนสำคัญในการพัฒนาสินค้าที่มีการใช้เทคโนโลยีที่สูงขึ้น โดยการส่งออกไปตลาดหลักส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นและ HDD ส่งออกไปตลาดหลักเริ่มฟื้นตัวขึ้นหลังจากที่ลดลงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีอีกทั้งความต้องการผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ในตลาดโลกเพิ่มขึ้น โดย Semiconductor lndustry Association (SlA) รายงานว่า การจำหน่าย Semiconductor ไตรมาส 3/2559 1 มีมูลค่า 88.30 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.50 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.60 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของ ปีก่อน โดยญี่ปุ่น จีน และเอเชียแปซิฟิก ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.20, 12.00 และ 1.70 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรปลดลงร้อยละ 2.40 และ 4.00 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม Gartner 2 รายงานว่า การจำหน่ายคอมพิวเตอร์ PC ทั่วโลกในไตรมาส 3/2559 มีการจำหน่าย อยู่ที่ 68.9 ล้านเครื่อง ลดลงร้อยละ 5.70 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความต้องการคอมพิวเตอร์และโน้ตบุ๊คในตลาดโลกลดลงอย่างต่อเนื่อง
SlA ได้รายงานเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2559 /12 Gartner ได้รายงานเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2559
ภาวะการจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศในไตรมาส 3/2559 มีการปรับตัวลดลงส่วนใหญ่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนได้แก่ เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนคอนเดนซิ่งยูนิต เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนแฟนคอยล์ยูนิตคอมเพรสเซอร์ พัดลมตามบ้าน เตาไมโครเวฟ และตู้เย็น ลดลงร้อยละ 49.62, 49.79, 8.57, 33.85, 28.09 และ 2.23 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ส่วนเครื่องซักผ้า กระติกน้ำร้อน หม้อหุงข้าว และสายไฟ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.46, 14.70, 15.75 และ 17.81 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
ภาวะการจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบทั้งหมด ได้แก่ เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนคอนเดนซิ่งยูนิต เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนแฟนคอยล์ยูนิตคอมเพรสเซอร์ พัดลมตามบ้าน เครื่องซักผ้า ตู้เย็น และหม้อหุงข้าว เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.48, 1.39, 2.58, 8.47, 2.45, 5.30 และ 10.96 ตามลำดับ ยกเว้นเตาไมโครเวฟ กระติกน้ำร้อน และสายไฟปรับตัวลดลงร้อยละ 26.16, 14.04 และ 2.85 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 3/2559 มีมูลค่า 14,036.09 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.90 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.04 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการส่งออกไปตลาดหลักเพิ่มขึ้นเกือบทั้งหมด ได้แก่ อาเซียน สหภาพยุโรป จีน สหรัฐอเมริกา ยกเว้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลง
การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าในไตรมาส 3/2559 มีมูลค่า 5,764.90 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น ร้อยละ 4.15 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยตลาดหลักที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น คือ สหภาพยุโรป จีน สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.83, 21.00, 22.05 และ 2.81 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ส่วนอาเซียนปรับตัวลดลงร้อยละ 3.37 สำหรับการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.63 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการส่งออกไปตลาดหลักปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งหมด ได้แก่ อาเซียน สหภาพยุโรป จีน สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.49, 8.23, 19.59, 5.56 และ 5.40 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1) เครื่องปรับอากาศ มีมูลค่าการส่งออก 981.85 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.59 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการส่งออกไปตลาดหลักเพิ่มขึ้นทั้งหมดได้แก่ อาเซียน สหภาพยุโรป จีน สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 28.97, 50.42, 102.59, 34.18 และ 11.72 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 2) เครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับตัดต่อป้องกันวงจรไฟฟ้า รวมถึงแป้นและแผงควบคุม (ฟิวส์ สวิตช์ ปลั๊ก socket) มีมูลค่า 740.76 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.52 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการส่งออกไปตลาดหลักเพิ่มขึ้นทั้งหมด ได้แก่ อาเซียน สหภาพยุโรป จีน สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.59, 20.75, 8.89, 18.25 และ 17.77 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 3) ตู้เย็นใช้ตามบ้านเรือน มีมูลค่าการส่งออก 366.66 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 3.18 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากตลาดหลักส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง ได้แก่ สหภาพยุโรป จีน และญี่ปุ่น ลดลงร้อยละ 7.67, 34.13 และ 13.79 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่การส่งออกไปอาเซียนและสหรัฐอเมริกา เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.90 และ 61.53 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
การส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 3/2559 มีมูลค่า 8,271.19 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.30 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยตลาดหลักทั้งหมดปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ อาเซียน สหภาพยุโรป จีน สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.73, 19.60, 43.56, 5.28 และ 2.30 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน สำหรับการส่งออกอิเล็กทรอนิกส์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.96 เนื่องจากตลาดหลักส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ อาเซียน สหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกา เพิ่มขึ้น ร้อยละ 0.53, 2.58 และ 13.91 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ยกเว้น จีน และญี่ปุ่นปรับตัวลดลงร้อยละ 3.88 และ10.19 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุด 3 อันดับแรก คือ 1) อุปกรณ์ประกอบของเครื่องคอมพิวเตอร์ มีมูลค่าการส่งออก 4,412.23 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.77 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการส่งออกไปตลาดหลักส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ อาเซียน จีน และสหรัฐอเมริกา เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.69, 3.05 และ 12.49 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 2) วงจรรวมและไมโครแอสแซมบลี มีมูลค่าการส่งออก 2,154.37 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.36 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการส่งออกไปตลาดหลักปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบทั้งหมด ได้แก่ อาเซียน สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.16, 8.66, 5.52 และ 5.13 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ยกเว้น จีน ลดลงร้อยละ 13.36 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 3) ไดโอด ทรานซิสเตอร์และอุปกรณ์กึ่งตัวนำ มีมูลค่าการส่งออก 396.88 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 117.94 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการส่งออกไปตลาดหลักปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งหมดได้แก่ อาเซียน สหภาพยุโรป จีน สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 79.62, 221.02, 13.48, 1,467.60 และ 1.91 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
การนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 3/2559 มีมูลค่า 11,298.32 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.32 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.61 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการนำเข้าในส่วนของอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.49 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.01 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
การนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในไตรมาส 3/2559 คิดเป็นมูลค่า 4,618.46 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.94 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.49 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการนำเข้าจากแหล่งนำเข้าหลักปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบทั้งหมด ได้แก่ จีน สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.06, 7.19 และ 8.03 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่การนำเข้าจากอาเซียน ลดลงร้อยละ 8.43 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีการนำเข้ามากที่สุด 3 อันดับแรกได้แก่ 1) เครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับตัดต่อป้องกันวงจรไฟฟ้า รวมถึงแป้นและแผงควบคุม (ฟิวส์ สวิตช์ ปลั๊ก socket) มีมูลค่าการนำเข้า 1,070.96 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.96 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของ ปีก่อน แหล่งนำเข้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ อาเซียน จีน และญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.53, 14.40 และ 16.78 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 2) สายไฟ ชุดก เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.67 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีสายไฟมีมูลค่าการนำเข้า 323.06 ล้านเหรียญสหรัฐอน แหล่งนำเข้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ จีน และสหรัฐอเมริกา เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.50 และ 20.26 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 3) เทปแม่เหล็กและจานแม่เหล็ก, แผ่น CD สำหรับบันทึกเสียง/ภาพ มีมูลค่าการนำเข้า 205.06 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.57 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แหล่งนำเข้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ อาเซียน จีน และญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.52, 78.21 และ 22.09 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
การนำเข้าอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 3/2559 มีมูลค่า 6,679.86 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น ร้อยละ 8.90 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.01 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแหล่งนำเข้าหลักที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ อาเซียน จีน สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.90, 2.86, 9.20 และ 8.91 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สินค้านำเข้ามากที่สุด 3 อันดับแรก 1) วงจรรวมและไมโครแอสแซมบลี มีมูลค่า 2,570.42 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อย 4.45 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแหล่งนำเข้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ อาเซียน จีน สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.84, 1.30, 18.54 และ 4.38 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 2) อุปกรณ์ประกอบของเครื่องคอมพิวเตอร์ มีมูลค่าการนำเข้า 1,483.96 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 7.60 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแหล่งนำเข้าหลักส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง ได้แก่ อาเซียน จีน และสหรัฐอเมริกา ร้อยละ 2.82, 9.05 และ 36.08 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 3) เครื่อง โทรศัพท์สำหรับเครือข่ายเซลลูลาร์ มีมูลค่า 709.92 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 5.70 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแหล่งนำเข้าจากอาเซียนและสหรัฐอเมริกา ปรับตัวลดลงถึงร้อยละ 35.50 และ 34.60 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ภาวะการผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 3/2559 มีดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 112.15 ลดลงร้อยละ 0.52 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.62 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมาจากกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.96 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการส่งออกเครื่องปรับอากาศ และเครื่องซักผ้าไปตลาดหลักทั้งหมดปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งผู้ผลิตเครื่องซักผ้าบางรายมีการขยายกำลังการผลิต โดยเริ่มผลิตและส่งออกตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา อีกทั้งการส่งออกไปตลาดสหรัฐอเมริกาขยายตัวอย่างมาก สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.82 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ Monolithic lC Other lC และ HDD ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.57, 7.31 และ 4.74 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจาก lC เป็นชิ้นส่วนสำคัญในการพัฒนาสินค้าที่มีการใช้เทคโนโลยีที่สูงขึ้นโดยการส่งออกไปตลาดหลักส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นและ HDD ส่งออกไปตลาดหลักเริ่มฟื้นตัวขึ้นหลังจากที่ลดลงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีโดยภาพรวมการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 3/2559 มีมูลค่า 14,036.09 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.90 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.04 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการส่งออกไปตลาดหลักปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบทั้งหมด
อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 4/2559 คาดว่าการผลิตจะปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.12 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาแยกเป็นอุตสาหกรรมไฟฟ้าคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.50 เนื่องจากเครื่องปรับอากาศและเครื่องซักผ้าสามารถขยายตัวได้ทั้งตลาดในประเทศและตลาดส่งออกหลักทั้งหมด รวมถึงเครื่องซักผ้ามีการขยายกำลังการผลิต สำหรับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.74 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจาก lC เป็นชิ้นส่วนสำคัญในการพัฒนาสินค้าที่มีการใช้เทคโนโลยีที่สูงขึ้นและ HDD ส่งออกไปตลาดหลักเริ่มฟื้นตัว
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--