สถานการณ์อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มปี 2559 เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนการผลิตกลุ่มเส้นใยสังเคราะห์และเส้นด้ายเพิ่มขึ้น จากความต้องการใช้ภายในประเทศที่ขยายตัวสูงขึ้น สำหรับการผลิตผ้าผืนลดลง เนื่องจากยังมีสินค้าสะสมค่อนข้างมากจากการนำเข้าตั้งแต่ช่วงกลางปี เนื่องจากราคานำเข้าถูกกว่าการผลิตในประเทศ ส่วนผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องนุ่งห่ม การผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปลดลงทั้งเสื้อผ้าถักและเสื้อผ้าทอแม้ว่าความต้องการใช้เสื้อผ้าสีดำภายในประเทศจะเพิ่มขึ้นก็ตาม
กลุ่มสิ่งทอ ปี 2559 เมื่อพิจารณาจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม คาดว่า การผลิตผลิตภัณฑ์เส้นใยประดิษฐ์ และการจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอรวมถึงการทอสิ่งทอเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน คาดว่า จะมีการผลิตเพิ่มขึ้น ร้อยละ 6.47 และ 2.06 ตามลำดับ จากความต้องการใช้ภายในประเทศที่ขยายตัวสูงขึ้น ในส่วนการผลิตผ้าผืนลดลง ร้อยละ 10.22 เนื่องจากยังมีสินค้าสะสมค่อนข้างมากจากการนำเข้าในช่วงกลางปีที่ผ่านมา ประกอบกับบางส่วนมีการนำเข้าจากต่างประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย
กลุ่มเครื่องนุ่งห่มปี 2559เมื่อพิจารณาจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม คาดว่า การผลิตผ้าและสิ่งของที่ได้จากการถักนิตติ้งและโครเชท์(เสื้อผ้าสำเร็จรูปจากผ้าถัก) และการผลิตเครื่องแต่งกาย ยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ผลิตจากขนสัตว์(เสื้อผ้าสำเร็จรูปจากผ้าทอ) ลดลง ร้อยละ 4.73และ 18.70เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนแม้ว่าความต้องการใช้เสื้อผ้าสีดำเพื่อไว้อาลัยของประชาชนทุกภาคส่วนจะเพิ่มขึ้นก็ตามโดยส่วนใหญ่จะนำสินค้าในสต๊อกออกมาจำหน่าย และบางส่วนมีการนำเสื้อผ้าเก่ามาย้อมใหม่ ประกอบกับมีการนำเข้าเสื้อผ้าสำเร็จรูปจากประเทศจีน เวียดนาม กัมพูชา และบังคลาเทศมากขึ้น เนื่องจากราคาไม่สูงมากนัก เพื่อตอบสนองวิกฤตความต้องการที่เร่งด่วน ส่งผลให้การผลิตภายในประเทศยังหดตัว
กลุ่มสิ่งทอ ปี 2559 เมื่อพิจารณาจากดัชนีการส่งสินค้า เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน คาดว่า ดัชนีการส่งสินค้าเส้นใยสิ่งทอฯ และการจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอรวมถึงการทอสิ่งทอเพิ่มขึ้น ร้อยละ11.95 และ 6.79 ตามลำดับ ส่วนใหญ่เป็นการส่งสินค้าเพิ่มขึ้นในประเทศ แต่ในผลิตภัณฑ์การทอสิ่งทอ (ผ้าผืน) มีการส่งสินค้าลดลง ร้อยละ 1.26 สอดคล้องกับการผลิตที่ลดลง ซึ่งเป็นผลจากการชะลอตัวของตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะคำสั่งซื้อจากตลาดเวียดนาม ซึ่งเป็นตลาดนำเข้าหลักผ้าผืนและด้ายจากไทย
กลุ่มเครื่องนุ่งห่มปี 2559เมื่อพิจารณาจากดัชนีการส่งสินค้า เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน คาดว่า ดัชนีการส่งสินค้าเสื้อผ้าสำเร็จรูปจากผ้าถักลดลง ร้อยละ 4.71 ตามภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวของ คู่ค้า อย่างไรก็ตาม การส่งสินค้าเสื้อผ้าทอเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.42 เป็นผลจากความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นจากความต้องการใช้เสื้อผ้าสีดำเพื่อไว้อาลัยของประชาชนทุกภาคส่วนซึ่งในหลายองค์กรยังไว้อาลัยต่อเนื่อง
อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มปี 2559คาดว่า จะมีมูลค่าการส่งออก 6,434.31ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง ร้อยละ 5.91เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน(ตารางที่ 3) เป็นผลจากการส่งออกลดลงในกลุ่มสิ่งทอ ร้อยละ 3.90และกลุ่มเครื่องนุ่งห่มลดลง ร้อยละ 9.09โดยลดลงในตลาดหลัก ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา อาเซียน และสหภาพยุโรป สำหรับผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มที่สำคัญได้แก่
1. กลุ่มสิ่งทอ คาดว่า จะมีมูลค่าการส่งออก 4,026.39ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 3.90เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนในผลิตภัณฑ์ผ้าผืนและด้าย ด้ายและเส้นใยประดิษฐ์ เคหะสิ่งทอเส้นใยประดิษฐ์ ผ้าปักและผ้าลูกไม้ผ้าคลุมไหล่และผ้าพันคอ และสิ่งทออื่น ๆ จากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ส่งผลให้ผู้นำเข้าลดการนำเข้า โดยมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสิ่งทอ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 62.58 ของการส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มทั้งหมด สำหรับการส่งออกผลิตภัณฑ์สำคัญ มีดังนี้
1) ผ้าผืนและด้ายคาดว่า จะมีมูลค่าการส่งออก2,035.28ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง ร้อยละ 6.24เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนส่วนหนึ่งเป็นผลจากเวียดนามและจีน ลดการนำเข้า เนื่องจากเวียดนามมีการพัฒนาการผลิตในส่วนอุตสาหกรรมต้นน้ำ เช่น ปั่นด้าย เพิ่มขึ้น จากการเข้าไปลงทุนของจีน และไต้หวัน ในส่วนของผ้าผืน มีมูลค่าการส่งออก 1,295.65ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง ร้อยละ 6.34 สำหรับด้ายและเส้นใยประดิษฐ์ มีมูลค่าการส่งออก739.63 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง ร้อยละ 6.07ซึ่งมูลค่าการส่งออกผ้าผืนและด้ายคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 50.55ของมูลค่าการส่งออกในกลุ่มสิ่งทอโดยมีประเทศเวียดนาม จีน เมียนมา ญี่ปุ่นและบังคลาเทศเป็นตลาดส่งออกสำคัญ
2) เคหะสิ่งทอ คาดว่า จะมีมูลค่าการส่งออก259.04ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง ร้อยละ4.71เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน เนื่องจากมีการส่งออกลดลงในตลาดส่งออกหลัก เช่น สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ และเมียนมาโดยตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกาออสเตรเลีย และอินเดีย
3) เส้นใยประดิษฐ์คาดว่า จะมีมูลค่าการส่งออก693.00ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง ร้อยละ 2.45เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนโดยส่วนใหญ่เส้นใยประดิษฐ์ที่ผลิตได้จะใช้ผลิตผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องภายในประเทศอาทิ เคหะสิ่งทอ ผ้าผืน และเสื้อผ้าสำเร็จรูป ส่งผลให้การส่งออกไปยังตลาดส่งออกหลัก เช่น อินโดนีเซีย เวียดนาม อินเดีย และปากีสถาน ลดลง โดยตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ อินโดนีเซีย จีน ตุรกี และเวียดนาม
4)สิ่งทออื่นๆคาดว่า จะมีมูลค่าการส่งออก 663.91 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทรงตัวเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนโดยตลาดส่งออกสำคัญได้แก่ ญี่ปุ่น อินโดนีเซียจีน เวียดนามและอินเดีย
2. กลุ่มเครื่องนุ่งห่มคาดว่าจะมีมูลค่าการส่งออก 2,407.92 ล้านเหรียญสหรัฐฯลดลง ร้อยละ 9.09เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนโดยมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเครื่องนุ่งห่ม คิดเป็นสัดส่วน ร้อยละ 37.42ของมูลค่าการส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มทั้งหมด สำหรับการส่งออกผลิตภัณฑ์สำคัญ คือ
1) เสื้อผ้าสำเร็จรูปคาดว่า จะมีมูลค่าการส่งออก 2,095.42ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 8.54เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการส่งออกลดลงในตลาดคู่ค้าสำคัญ ได้แก่ สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และอาเซียน โดยเฉพาะเสื้อผ้าสำเร็จรูปทำจากฝ้าย ใยประดิษฐ์ไหม ขนสัตว์ และเสื้อผ้าเด็กอ่อนตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและจากการถูกยกเลิกสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) เมื่อปีที่ผ่านมา ประกอบกับผู้ประกอบการเสื้อผ้าสำเร็จรูปบางส่วนได้ขยายฐานการผลิตไปในกลุ่มประเทศอาเซียนเพิ่มขึ้น
2) เครื่องยกทรง รัดทรง และส่วนประกอบ คาดว่า จะมีมูลค่าการส่งออก 202.68 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง ร้อยละ 12.62เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการส่งออกลดลงในตลาด คู่ค้าสำคัญ ได้แก่สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ผรั่งเศส และสหราชอาณาจักร
ปี 2559คาดว่า จะมีมูลค่าการนำเข้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มประมาณ 4,452.67ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ร้อยละ 0.12 เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน (ตารางที่ 4) โดยผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 81.00จะเป็นสิ่งทอต้นน้ำและกลางน้ำสำหรับใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าสำเร็จรูป ซึ่งผลิตภัณฑ์นำเข้าสำคัญ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
1. กลุ่มสิ่งทอคาดว่า จะมีมูลค่าการนำเข้า (ด้ายและเส้นใย ผ้าผืน และผลิตภัณฑ์สิ่งทออื่น ๆ) ประมาณ 3,617.18 ล้านเหรียญสหรัฐฯลดลงร้อยละ 2.70 เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน เนื่องจากความต้องการใช้เพื่อการผลิตผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องลดลงในผลิตภัณฑ์เส้นด้ายและผ้าผืน โดยมูลค่าการนำเข้าในกลุ่มนี้คิดเป็นสัดส่วนการนำเข้าถึงร้อยละ 81.24 ของมูลค่าการนำเข้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มทั้งหมด ซึ่งผลิตภัณฑ์สำคัญ มีดังนี้
1)เส้นใยที่ใช้ในการทอ คาดว่า จะมีมูลค่าการนำเข้า 626.05 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง ร้อยละ15.40 เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนซึ่งส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าเส้นใยฯที่ไม่สามารถผลิตได้ในประเทศ โดยตลาดนำเข้าสำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกาออสเตรเลียบราซิล และจีน
2)ด้ายทอผ้าและเส้นด้ายคาดว่า จะมีมูลค่าการนำเข้า 700.05ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงเล็กน้อย ร้อยละ 0.40 เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนซึ่งส่วนที่นำเข้าจะมีราคาถูกกว่าที่ผลิตได้ในประเทศโดยตลาดนำเข้าสำคัญ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน เวียดนาม และอินโดนีเซีย
3)ผลิตภัณฑ์สิ่งทออื่นๆ คาดว่าจะมีมูลค่าการนำเข้า 437.21 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ1.34 เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนโดยตลาดนำเข้าสำคัญ ได้แก่ จีนญี่ปุ่นสหรัฐอเมริกาไต้หวัน และสิงคโปร์
4)ผ้าผืน คาดว่า จะมีมูลค่าการนำเข้า 1,659.54ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ร้อยละ 0.13 เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนเนื่องจากความต้องการใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องอื่น ๆ เพิ่มขึ้นโดยตลาดนำเข้าสำคัญ ได้แก่ จีนไต้หวัน ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้
2. กลุ่มเครื่องนุ่งห่ม คาดว่า เสื้อผ้าสำเร็จรูปจะมีมูลค่าการนำเข้าประมาณ 835.49 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 14.48 เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนซึ่งส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าเสื้อผ้าสำเร็จรูปจากประเทศจีน เวียดนาม กัมพูชา บังคลาเทศและอิตาลี โดยสัดส่วนการนำเข้าในกลุ่มนี้ คิดเป็นสัดส่วน ร้อยละ 18.76 ของมูลค่าการนำเข้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มทั้งหมด
นโยบายภาครัฐที่เกี่ยวข้อง
- คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบกับนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษในรูปแบบ คลัสเตอร์ ของ BOI ซึ่งจะทำให้เกิดการเชื่อมโยงห่วงโซ่การผลิตตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ซึ่งอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มเป็นหนึ่งในหลาย ๆ คลัสเตอร์ที่จะได้รับสิทธิพิเศษด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้เอื้อต่อการลงทุน โดยกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) ได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) ปรับปรุงกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคและดำเนินการ ดังนี้
1) การส่งเสริมฟอกย้อมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขณะนี้ สกท. ได้ออกประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ ส.1/2559ลงวันที่ 11เมษายน 2559 เรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมบัญชีประเภทกิจการที่ให้การส่งเสริมการลงทุน ตามประกาศคณะกรรมการฯ ที่ 2/2557 ให้การส่งเสริมกิจการฟอกย้อมฯ ในทิศทางเดียวกับ อก. โดยให้สิทธิและประโยชน์ตามกลุ่ม A3 (กิจการที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งมีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศโดยมีฐานการผลิตอยู่บ้างเล็กน้อย)
2) การส่งเสริมไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจแฟชั่น และส่งเสริมสถาบันแฟชั่นระดับโลกมาตั้งสาขาและเปิดสอนระดับปริญญาในไทยอก. โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ได้ดำเนินการจัดตั้ง Thailand Industry Design Center : TIDC เพื่อเป็นศูนย์พัฒนาการออกแบบและเผยแพร่ความรู้ รวมถึงเชื่อมโยงเครือข่ายหน่วยงานด้านการออกแบบเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์แฟชั่นตลอด Supply Chain และได้ริเริ่มจัดกิจกรรมประชุมนานาชาติด้านการออกแบบแฟชั่น International Fashion Co-Design โดยเชิญ นักออกแบบแฟชั่นจากสถาบันชื่อดังในต่างประเทศ และนักออกแบบอิสระจากมาเลเซียและไทย ตลอดจนผู้ผลิต ผู้ค้าปลีกค้าส่งสินค้าแฟชั่น มาร่วมให้แนวทางการพัฒนาแบรนด์ไทยไปสู่ตลาดโลก
สรุปและแนวโน้ม
กลุ่มสิ่งทอการผลิตผลิตภัณฑ์เส้นใยประดิษฐ์ และการจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอรวมถึงการทอสิ่งทอปี 2559เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนเพิ่มขึ้น ร้อยละ 6.47 และ2.06 ตามลำดับ ส่งผลให้การส่งสินค้าเพิ่มขึ้น ร้อยละ 11.95 และ6.79 ตามลำดับโดยมีสาเหตุมาจากความต้องการของอุตสาหกรรมต่อเนื่องภายใน อาทิ เคหะสิ่งทอ และผ้าผืน ขยายตัว
กลุ่มเครื่องนุ่งห่ม การผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปจากผ้าถัก และเสื้อผ้าสำเร็จรูปจากผ้าทอ ลดลง ร้อยละ 4.73 และ 18.70 ตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนในส่วนการส่งสินค้าเสื้อผ้าสำเร็จรูปจากผ้าถักลดลง ร้อยละ 4.71ตามภาวะเศรษฐกิจของคู่ค้ายังชะลอตัวแต่เสื้อผ้าสำเร็จรูปจากผ้าทอเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.42 ซึ่งเป็นผลจากความต้องการของผู้บริโภคเสื้อผ้าชุดดำ เพื่อสวมใส่ถวายความอาลัยของพสกนิกรทั่วประเทศ ซึ่งในหลายองค์กรยังไว้อาลัยต่อเนื่อง และหลายโรงงานต้องเร่งการผลิต เพื่อให้ทันตามความต้องการของลูกค้า สำหรับการส่งออกปรับตัวลดลงในประเทศคู่ค้าสำคัญ ได้แก่ สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และอาเซียนตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวในตลาดคู่ค้าหลัก และการขยายฐานการผลิตไปในกลุ่มประเทศอาเซียนของผู้ประกอบการเสื้อผ้าสำเร็จรูป
ภาพรวมการผลิต การจำหน่ายในประเทศของกลุ่มเส้นใยสิ่งทอปี 2560 คาดว่า จะขยายตัวได้จากความต้องการของตลาดในอาเซียนยังมีความต้องการนำเข้าจากไทย ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีสิ่งทอต้นน้ำสำหรับกลุ่มเครื่องนุ่งห่ม โดยเฉพาะเสื้อผ้าชุดดำ ยังมีความต้องการของผู้บริโภคในประเทศเกือบทุกภาคส่วน ซึ่งในหลายองค์กรยังไว้อาลัยต่อเนื่อง และหลายโรงงานต้องเร่งการผลิต เพื่อให้ทันตามความต้องการของลูกค้า ในส่วนภาพรวมการส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม คาดว่า จะขยายตัวได้ไม่มากนัก เนื่องจากในช่วงปีที่ผ่านมา ภาวะเศรษฐกิจภายในตลาดคู่ค้าหลัก ๆ ยังชะลอตัวต่อเนื่อง
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--