สรุปภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาสที่ 2 ปี 2560 (เมษายน - มิถุนายน) พ.ศ. 2560 (อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์)

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday August 31, 2017 15:09 —สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

ส่วนอุตสาหกรรม 3 สำนักนโยบายอุตสาหกรรมรายสาขา

Highlight
  • ภาวะการผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 2/2560 มีดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 121.49 ลดลงร้อยละ 2.55 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ในขณะที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.11 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.49 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.11 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวลดลงร้อยละ 5.77 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนสำหรับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ไตรมาส 2/2560 ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.05 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
  • การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 2/2560 มีมูลค่า 14,695.55 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.28 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.83 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการส่งออกไปตลาดหลักทั้งหมดปรับตัวเพิ่มขึ้น
  • ในไตรมาส 3/2560 คาดว่าอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์จะมีการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.62 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาแยกเป็นอุตสาหกรรมไฟฟ้าคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.29 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.95 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
การผลิต

ภาวะการผลิตของอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ไตรมาส 2/2560 (รายละเอียดแสดงในตารางที่ 1) มีดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 121.49 ลดลงร้อยละ 2.55 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.49 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยมาจากเครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนคอนเดนซิ่งยูนิต เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนแฟนคอยล์ยูนิต และพัดลมตามบ้าน เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.49, 7.47และ 3.42 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เนื่องจากการส่งออกเครื่องปรับอากาศไปตลาดหลักส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป เพิ่มขึ้นร้อยละ 68.80, 44.69 และ 2.29 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและการส่งออกพัดลมไปตลาดหลักเกือบทั้งหมดปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้นร้อยละ 77.53, 51.26, 46.26 และ 1.54 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ในขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวลดลงร้อยละ 5.77 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนสำหรับสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับตัวลดลงได้แก่ Other IC, HDD และ Printer ปรับตัวลดลงร้อยละ 8.53, 2.38 และ 2.34 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ในขณะที่ Semiconductor และ MonoIithic IC ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.48 และ 2.64 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน

ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.11 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้อุตสาหกรรมไฟฟ้ามีการปรับตัวลดลงร้อยละ 4.56 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของ ปีก่อน โดยสินค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ปรับตัวลดลง ได้แก่ เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนคอนเดนซิ่งยูนิต

เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนแฟนคอยล์ยูนิต คอมเพรสเซอร์ พัดลม ตู้เย็น เตาไมโครเวฟ กระติกน้าร้อน และหม้อหุงข้าว ปรับตัวลดลงร้อยละ 8.05, 6.23, 4.10, 10.18, 14.75, 6.06, 11.81 และ 2.70 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการส่งออกเครื่องปรับอากาศไปตลาดหลักเกือบทั้งหมดปรับตัวลดลง โดยปรับตัวลดลงร้อยละ 5.67 เมื่อเทียบช่วงเดียวของปีก่อน ในขณะที่เครื่องซักผ้าและสายไฟฟ้า ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.72 และ 4.54 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการส่งออกเครื่องซักผ้าไปตลาดหลักปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 70.92 เมื่อเทียบช่วงเดียวของปีก่อน

สำหรับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ไตรมาส 2/2560 ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.05 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์เกือบทั้งหมดปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ Semiconductor, MonoIithic IC, Other IC และ HDD ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.79, 4.09, 15.37 และ 19.91 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจาก IC เป็นชิ้นส่วนสำคัญในการพัฒนาสินค้าที่มีการใช้เทคโนโลยีที่สูงขึ้นและส่งออกไปตลาดหลักเกือบทั้งหมดปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.94 เมื่อเทียบช่วงเดียวของปีก่อน และ HDD ส่งออกไปตลาดหลักเกือบทั้งหมดปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.72 เมื่อเทียบช่วงเดียวของปีก่อน อีกทั้งความต้องการผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ในตลาดโลกเพิ่มขึ้น โดย Semiconductor Industry Association1 (SIA) รายงานว่า การจำหน่าย Semiconductor ไตรมาส 2/2560 มีมูลค่า 97.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.8 โดยตลาดหลักทั้งหมดปรับตัวเพิ่มขึ้นได้แก่สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป เอเชียแปซิฟิก ญี่ปุ่น และจีน ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.5, 7.1, 5.4, 4.8 และ 3.4 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน อย่างไรก็ตาม Gartner รายงานว่า การจำหน่ายคอมพิวเตอร์ PC ทั่วโลกในไตรมาส 2/2560 มีการจำหน่าย อยู่ที่ 61.1 ล้านเครื่อง 2ลดลงร้อยละ 4.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความต้องการคอมพิวเตอร์และโน้ตบุ๊คในตลาดโลกลดลงอย่างต่อเนื่อง

1 SIA ได้รายงานเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2560

2 Gartner ได้รายงานเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2560

การจำหน่ายในประเทศ

ภาวะการจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศในไตรมาส 2/2560 มีการปรับตัวลดลงเกือบทั้งหมดเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนได้แก่ เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนคอนเดนซิ่งยูนิต เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนแฟนคอยล์ยูนิตคอมเพรสเซอร์ พัดลม เครื่องซักผ้า เตาไมโครเวฟ กระติกน้าร้อน และสายไฟฟ้า ลดลงร้อยละ 39.10, 38.48, 11.26, 14.89, 3.78, 1.15, 38.95 และ 31.62 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ยกเว้นตู้เย็นและหม้อหุงข้าว เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.20 และ 2.29 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน

ภาวะการจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนส่วนใหญ่ มีการปรับตัวลดลง ได้แก่ เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนคอนเดนซิ่งยูนิต เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนแฟนคอยล์ยูนิตพัดลม เตาไมโครเวฟ ตู้เย็น และกระติกน้ำร้อน ลดลงร้อยละ 36.44, 35.29, 3.70, 7.17, 9.99, และ 25.09 ตามลำดับ ยกเว้นคอมเพรสเซอร์ เครื่องซักผ้า หม้อหุงข้าว และสายไฟฟ้า ปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 2.43, 204.32, 20.11 และ 24.96 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (รายละเอียดแสดงใน ตารางที่ 2)

การส่งออก

การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 2/2560 มีมูลค่า 14,696.55 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.28 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.83 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยส่งออกไปตลาดหลักทั้งหมดปรับตัวเพิ่มขึ้น (รายละเอียดแสดงในตารางที่ 3)

การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าในไตรมาส 2/2560 มีมูลค่า 5,931.61 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 1.08 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยตลาดหลักเกือบทั้งหมดปรับตัวเพิ่มขึ้น คือ จีน สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.25, 6.84, 3.18 และ 2.01 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ยกเว้นอาเซียนปรับตัวลดลงร้อยละ 0.26 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน สำหรับการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.40 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการส่งออกไปตลาดหลักทั้งหมดปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และอาเซียน เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.62, 19.00, 15.38, 10.03 และ 1.95 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1) เครื่องปรับอากาศ มีมูลค่าการส่งออก 1,187.75 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 5.67 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการส่งออกไปตลาดหลักเกือบทั้งหมดปรับตัวลดลง ได้แก่ อาเซียน สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และ จีน ลดลง ร้อยละ 18.97, 15.27, 7.40 และ 2.63 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ยกเว้นญี่ปุ่นปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.79 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 2) กล้องถ่ายบันทึกภาพและส่วนประกอบ มีมูลค่าการส่งออก 412.32 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 29.28 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการส่งออกไปตลาดหลักเพิ่มขึ้นทั้งหมด ได้แก่ อาเซียน สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และจีน เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 52.78, 42.20, 34.25, 31.25 และ 25.16 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 3) ตู้เย็น มีมูลค่าการส่งออก 410.67 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.38 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากตลาดหลักที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป เพิ่มขึ้นร้อยละ 380.67 และ 2.70 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่การส่งออกไปอาเซียน จีน และญี่ปุ่น ลดลงร้อยละ 12.88, 4.59 และ 2.80 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

การส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 2/2560 มีมูลค่า 8,764.94 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.81 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยตลาดหลักเกือบทั้งหมดปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา จีน และอาเซียน เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.30, 15.28, 8.07 และ 1.31 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน สำหรับการส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.82 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากตลาดหลักทั้งหมดปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน สหภาพยุโรป อาเซียน และสหรัฐอเมริกา เพิ่มขึ้นร้อยละ 41.25, 20.81, 10.19, 9.63 และ 5.63 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุด 3 อันดับแรก คือ 1) อุปกรณ์ประกอบของเครื่องคอมพิวเตอร์ มีมูลค่าการส่งออก 3,304.33 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.72 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากการส่งออกไปตลาดหลักเกือบทั้งหมดปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ จีน สหภาพยุโรป อาเซียน และญี่ปุ่น

เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.25, 9.30, 6.17 และ 3.03 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ยกเว้นสหรัฐอเมริกาปรับตัวลดลงร้อยละ 0.73 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 2) วงจรรวม (IC) มีมูลค่าการส่งออก 1,989.92 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.94 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการส่งออกไปตลาดหลักเกือบทั้งหมดปรับตัวเพิ่มขึ้นได้แก่ จีน ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป และอาเซียน เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.14, 21.06, 18.33และ 5.05 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ยกเว้นสหรัฐอเมริกาปรับตัวลดลงร้อยละ 3.80 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 3) เครื่องพิมพ์ เครื่องสำเนาและส่วนประกอบ มีมูลค่าการส่งออก 641.92 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวลดลงร้อยละ 9.36 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการส่งออกไปตลาดหลักปรับตัวลดลงเกือบทั้งหมด ได้แก่ จีน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป ลดลงร้อยละ 17.39, 16.24, 7.41 และ 2.34 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ยกเว้นอาเซียนปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.81 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

การนำเข้า

การนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 2/2560 มีมูลค่า 12,168.81 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.65 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.18 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งการนำเข้าในส่วนของอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.23 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.70 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (รายละเอียดแสดงในตารางที่ 4)

การนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในไตรมาส 2/2560 คิดเป็นมูลค่า 3,842.18 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.03 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.23 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการนำเข้าจากแหล่งนำเข้าหลักเกือบทั้งหมดปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ อาเซียน จีน สหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกา เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.88, 7.30, 2.20 และ 0.48 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีการนำเข้ามากที่สุด 3 อันดับแรกได้แก่ 1) เครื่องอุปกรณ์สำหรับป้องกันวงจรไฟฟ้าและส่วนประกอบ มีมูลค่าการนำเข้า 464.83 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.44 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แหล่งนำเข้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ อาเซียน จีน ญี่ปุ่น และ สหภาพยุโรป เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.68, 5.27, 0.58 และ 0.24 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 2) แผงสวิตซ์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า มีมูลค่าการนำเข้า 389.29 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 2.38 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แหล่งนำเข้าหลักปรับตัวลดลง คือ อาเซียน ลดลงถึงร้อยละ 40.42 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 3) มอเตอร์ไฟฟ้า มีมูลค่าการนำเข้า 255.79 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.79 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แหล่งนำเข้าหลักปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ จีน และญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.27 และ 4.28 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

การนำเข้าอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 2/2560 มีมูลค่า 8,326.63 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 2.59 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.70 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแหล่งนำเข้าหลักที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา อาเซียน และจีน เพิ่มขึ้นร้อยละ 47.45, 14.05, 4.96 และ 4.14 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สินค้านำเข้ามากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1) วงจรรวม (IC) มีมูลค่า 2,892.11 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.63 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของ ปีก่อน โดยแหล่งนำเข้าหลักปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งหมด ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา อาเซียน สหภาพยุโรป และจีน เพิ่มขึ้นร้อยละ 86.84, 25.17, 13.05, 6.52 และ 4.39 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 2) ส่วนประกอบและอุปกรณ์ประกอบของเครื่องคอมพิวเตอร์ มีมูลค่าการนำเข้า 1,025.78 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.79 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแหล่งนำเข้าหลักที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ ญี่ปุ่น และจีน เพิ่มขึ้นร้อยละ 48.29 และ 0.20 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 3)เครื่องโทรศัพท์และอุปกรณ์ มีมูลค่า 902.85 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 2.19 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแหล่งนำเข้าหลักทั้งหมดปรับตัวลดลง ได้แก่ สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา จีน และอาเซียน ลดลงร้อยละ 83.32, 25.84, 9.13, 5.01 และ 0.25 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

สรุปภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ไตรมาส 2/2560

ภาวะการผลิตของอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ไตรมาส 2/2560 มีดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 121.49 ลดลงร้อยละ 2.55 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.49 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยมาจากเครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนคอนเดนซิ่งยูนิต เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนแฟนคอยล์ยูนิต และพัดลมตาม ในขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวลดลงร้อยละ 5.77 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนสำหรับสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับตัวลดลงได้แก่ Other IC, HDD และ Printer ในขณะที่ Semiconductor และ MonoIithic IC ปรับตัวเพิ่มขึ้นสำหรับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ไตรมาส 2/2560 ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.05 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์เกือบทั้งหมดปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ Semiconductor, MonoIithic IC, Other IC และ HDD เนื่องจาก IC เป็นชิ้นส่วนสำคัญในการพัฒนาสินค้าที่มีการใช้เทคโนโลยีที่สูงขึ้น และส่งออกไปตลาดหลักเกือบทั้งหมดปรับตัวเพิ่มขึ้น

การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 2/2560 มีมูลค่า 14,696.55 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.28 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.83 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งออกไปตลาดหลักทั้งหมดปรับตัวเพิ่มขึ้น การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าในไตรมาส 2/2560 มีมูลค่า 5,931.61 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 1.08 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยตลาดหลักเกือบทั้งหมดปรับตัวเพิ่มขึ้น คือ จีน สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น การส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 2/2560 มีมูลค่า 8,764.94 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.81 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยตลาดหลักเกือบทั้งหมดปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกาอาเซียน และจีน

แนวโน้มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ไตรมาส 3/2560

อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 3/2560 คาดว่า การผลิตจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 4.62 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาแยกเป็นอุตสาหกรรมไฟฟ้าคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.29 เนื่องจากเครื่องซักผ้าสามารถขยายตัวได้ทั้งตลาดในประเทศและตลาดส่งออกหลักเครื่องอุปกรณ์สำหรับป้องกันวงจรไฟฟ้าและส่วนประกอบแผงสวิตซ์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้าจากการส่งออกไปตลาดหลักเพิ่มขึ้น สำหรับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.95 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจาก IC เป็นชิ้นส่วนสำคัญในการพัฒนาสินค้าที่มีการใช้เทคโนโลยีที่สูงขึ้น

--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ