1. สถานการณ์ปัจจุบัน
การผลิต
ปริมาณการผลิตเหล็กและเหล็กกล้าที่สำคัญในไตรมาสที่ 3 ปี 2550 มีประมาณ 1,891,466เมตริกตัน ( ไม่รวมผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่ง
สำเร็จรูป เหล็กแผ่นรีดเย็น เหล็กแผ่นเคลือบและท่อเหล็กเพื่อไม่ให้เกิดการนับซ้ำ ) ชะลอตัวลง ร้อยละ 5.75 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี
ก่อน เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว ทำให้ความต้องการใช้เหล็กในประเทศลดลงจากการที่ผู้บริโภคชะลอการใช้จ่ายเนื่องจาก
ความไม่มั่นใจต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นผลมาจากปัจจัยอื่นๆ เช่น ราคาน้ำมันในประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้นและการแข็งตัวของ
ค่าเงินบาท เป็นต้น เมื่อพิจารณาในรายผลิตภัณฑ์ พบว่า ผลิตภัณฑ์ที่ชะลอตัวลงมากที่สุดในช่วงนี้ คือ เหล็กแผ่นเคลือบดีบุก ลดลง ร้อยละ 43.81
รองลงมาคือ เหล็กทรงยาว ลดลง ร้อยละ 20.73 เนื่องจากการชะลอตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศทั้งโครงการของภาครัฐและภาค
เอกชน สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตขยายตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุดในช่วงนี้ คือ เหล็กแผ่นรีดร้อน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 14.36 และเหล็กแผ่นรีดเย็น เพิ่มขึ้น
ร้อยละ 12.04 เนื่องจากความต้องการใช้ที่ยังคงมีอยู่ของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งมียอดการส่งออกเพิ่มมากขึ้น นอก
จากนี้ ในส่วนของผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นรีดเย็นมีการส่งออกไปยังต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นด้วย รายละเอียดตามตารางที่ 1
ตารางที่ 1 : ปริมาณการผลิตเหล็กและเหล็กกล้าที่สำคัญไตรมาสที่ 3 ปี 2550 เทียบกับไตรมาสที่ 3 ปี 2549
ผลิตภัณฑ์ ไตรมาส 3 ไตรมาส 3 อัตราการ
ปี 2550 ปี 2549 เปลี่ยนแปลง
(ร้อยละ)
ผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป 1,442,000 1,350,000 6.81
(Semi-Finished Products)
เหล็กทรงยาว(Long Products) 911,337 1,149,698 -20.73
เหล็กทรงแบน(Flat Products) 1,652,659 1,523,085 8.51
เหล็กแผ่นรีดร้อน(Hot-rolled Flat) 980,129 857,060 14.36
เหล็กแผ่นรีดเย็น(Cold-rolled Flat ) 445,145 397,324 12.04
เหล็กแผ่นเคลือบ (Coated Steel) 227,385 268,701 -15.38
- เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี 70,573 78,013 -9.54
(Galvanized Sheet)
- เหล็กแผ่นเคลือบดีบุก (Tin plate) 48,998 87,207 -43.81
- เหล็กแผ่นไม่ได้เคลือบดีบุก (Tin free) 36,575 39,476 -7.35
- อื่นๆ (other coated steel) 71,239 64,005 11.3
ท่อเหล็ก (Pipes & Tubes) N/A N/A N/A
รวม (1) 1,891,466 2,006,758 -5.75
ที่มา : สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย
หมายเหตุ(1) : ไม่รวมผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป เหล็กแผ่นรีดเย็น เหล็กแผ่นเคลือบ และท่อเหล็กเพื่อไม่ให้เกิดการนับซ้ำ
การใช้ในประเทศ
ปริมาณการใช้เหล็กและเหล็กกล้าในประเทศที่สำคัญในไตรมาสที่ 3 ปี 2550 ประมาณ 2,758,715 เมตริกตัน ขยายตัวขึ้นเล็ก
น้อย ร้อยละ 3.58 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเหล็กทรงแบนมีการขยายตัว ร้อยละ 23.39 เป็นผลมาจากการความต้องการใช้ที่
ยังคงมีอยู่ของอุตสาหกรรมต่อเนื่องในประเทศ ในขณะที่ เหล็กทรงยาวกลับมีความต้องการใช้ในประเทศที่ชะลอตัวลงร้อยละ 18.77 เป็นผลมา
จากการชะลอตัวของอุตสาหกรรมก่อสร้าง
การนำเข้า-การส่งออก
การนำเข้า
มูลค่าและปริมาณการนำเข้าเหล็กและเหล็กกล้าที่สำคัญในไตรมาสที่ 3 ปี 2550 มีจำนวนประมาณ 46,160 ล้านบาท และ
1,937,520 เมตริกตัน (ไม่มีข้อมูลท่อเหล็กเนื่องจากรอการตรวจสอบข้อมูล) โดยมูลค่าและปริมาณการนำเข้าลดลง ร้อยละ 7.92 และ
11.88 ตามลำดับ เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศ ทำให้ความต้องการใช้ในประเทศชะลอตัวลง โดยผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าการนำเข้าลด
ลงมากที่สุดเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ เหล็กแท่งเล็กบิลเล็ต ลดลง ร้อยละ 71.12 เป็นผลมาจากราคาเหล็กในตลาดโลกปรับตัวสูง
ขึ้น ในขณะที่ความต้องการใช้ในประเทศยังคงชะลอตัวอยู่ จึงทำให้ผู้ผลิตลดการนำเข้าลงและนำเข้ามาในปริมาณที่ต้องการใช้เท่านั้น รองลงมา
คือ เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีด้วยไฟฟ้า ลดลง ร้อยละ 26.18 และเหล็กลวด ลดลง ร้อยละ 16.72 สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าการนำเข้าขยายตัวมาก
ที่สุดเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ เหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 104.79 ผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป ชนิดอื่นๆ เพิ่ม
ขึ้น ร้อยละ 73.15 โดยส่วนใหญ่นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น
ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าการนำเข้ามากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ เหล็กแผ่นบางรีดร้อน มีมูลค่า 8,134ล้านบาท รองลงมาคือ เหล็กแผ่นเคลือบ
สังกะสีแบบจุ่มร้อน มีมูลค่า 6,592 ล้านบาท และเหล็กแท่งแบน มีมูลค่า 6,513 ล้านบาท ซึ่งจะเห็นได้ว่าผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่มีมูลค่าการนำเข้ามาก
ในช่วงนี้ เป็นวัตถุดิบของอุตสาหกรรมต่อเนื่องซึ่งยังคงมีความต้องการยังคงขยายตัวอยู่ รายละเอียดตามตารางที่ 2
ตารางที่ 2 : ปริมาณและมูลค่าการนำเข้าเหล็กและเหล็กกล้าที่สำคัญไตรมาสที่ 3 ปี 2550 เทียบกับไตรมาสที่ 3 ปี 2549
หน่วย : ปริมาณ: เมตริกตัน
มูลค่า : ล้านบาท
ผลิตภัณฑ์(1) ไตรมาสที่ 3 ไตรมาสที่ 3 อัตราการ ตลาดนำเข้า
ปี 2550 ปี 2549 เปลี่ยนแปลง ที่สำคัญ
(ร้อยละ)
ปริมาณ มูลค่า ปริมาณ มูลค่า ปริมาณ มูลค่า
ผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป 526,402 9,445 893,011 14,337 -41.1 -34.12 รัสเซีย,บราซิล
(Semi-Finished Products)
- เหล็กแท่งเล็ก (Billet) 90,725 1,683 364,400 5,827 -75.1 -71.12 รัสเซีย,บราซิล
- เหล็กแท่งแบน (Slab) 364,205 6,513 484,247 7,788 -24.8 -16.38 รัสเซีย,บราซิล
- อื่นๆ (Others) 71,471 1,249 44,364 721 61.1 73.15 จีน,รัสเซีย
เหล็กทรงยาว 174,747 3,975 196,816 4,487 -11.2 -11.41 ญี่ปุ่น,จีน
(Long Products )
- เหล็กเส้น (Bar) 60,958 1,526 65,254 1,639 -6.58 -6.89 ญี่ปุ่น,จีน
- เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ 2,929 130 1,710 63 71.35 104.8 ญี่ปุ่น,จีน
รีดร้อน (HR sections )
- เหล็กลวด (Wire rods) 110,859 2,319 129,852 2,785 -14.6 -16.72 จีน,ญี่ปุ่น
เหล็กทรงแบน 1,236,371 32,740 1,108,928 31,305 11.49 4.59 ญี่ปุ่น
(Flat Products )
เหล็กแผ่นรีดร้อน 656,418 13,540 546,668 12,329 20.08 9.82 ญี่ปุ่น
(Hot-Rolled Flat Products)
- เหล็กแผ่นหนารีดร้อน 28,940 948 34,603 1,066 -16.4 -11.11 ญี่ปุ่น
(HR plate)
- เหล็กแผ่นบางรีดร้อน 426,388 8,134 355,531 7,458 19.93 9.06 ญี่ปุ่น,ออสเตรเลีย
(HR sheet)
- เหล็กแผ่นบางรีดร้อนชนิด 201,091 4,458 156,533 3,805 28.47 17.17 ญี่ปุ่น
ผ่านการกัดล้างและชุบน้ำมัน
(HR sheet P&O )
เหล็กแผ่นรีดเย็น 190,724 7,480 207,845 7,368 -8.24 1.52 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
(Cold-Rolled Flat Products)
- เหล็กแผ่นรีดเย็น 154,931 4,204 183,847 5,032 -15.7 -16.45 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
(CR carbon steel)
- เหล็กแผ่นรีดเย็นไร้สนิม 35,793 3,276 23,998 2,336 49.15 40.23 ญี่ปุ่น,รัสเซีย
(CR stainless steel)
เหล็กแผ่นเคลือบ 389,229 11,721 354,416 11,608 9.82 0.97 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
(Coated Steel Products)
- เคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อน 234,409 6,592 207,691 6,277 12.86 5.02 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
(Galv. Sheet (HDG))
- เคลือบสังกะสีด้วยไฟฟ้า 37,004 1,101 44,408 1,491 -16.7 -26.18 ญี่ปุ่น,จีน
(Galv. Sheet (EG))
- เคลือบดีบุก (Tin plate) 30,078 965 19,402 690 55.03 39.96 เกาหลีใต้,จีน
- ไม่ได้เคลือบดีบุก (Tin free) 15,261 510 11,015 367 38.54 38.91 เกาหลีใต้,จีน
- อื่นๆ (Others) 72,477 2,552 71,900 2,783 0.8 -8.28 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
รวม 1,937,520 46,160 2,198,756 50,129 -11.9 -7.92 ญี่ปุ่น
ที่มา : กรมศุลกากร
หมายเหตุ(1) : ไม่มีข้อมูลผลิตภัณฑ์ท่อเหล็กเนื่องจากรอการตรวจสอบตัวเลข
การส่งออก
มูลค่าและปริมาณการส่งออกเหล็กและเหล็กกล้าในไตรมาสที่ 3 ปี 2550 มีจำนวนประมาณ 13,974 ล้านบาท และ 587,089
เมตริกตัน โดยมูลค่าและปริมาณการส่งออกลดลง ร้อยละ 14.07 และ 11.34 ตามลำดับ สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าการส่งออกชะลอตัวลงในช่วงนี้
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ เหล็กแผ่นเคลือบดีบุก ลดลง ร้อยละ 66.94 รองลงมาคือ เหล็กแผ่นบางรีดร้อน ลดลง ร้อยละ
50.55 และเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อน ลดลง ร้อยละ 47.65 สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าการส่งออกขยายตัวมากที่สุดเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน
ของปีก่อน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป ชนิดอื่นๆ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 1,373.91 เหล็กแผ่นไม่ได้เคลือบดีบุก เพิ่มขึ้น ร้อยละ 747.07 โดยส่วน
ใหญ่ส่งออกไปยังอินเดียและมาเลเซีย
ผลิตภัณฑ์ที่มีการมูลค่าการส่งออกมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ เหล็กแผ่นบางรีดร้อน มีมูลค่า 3,528 ล้านบาท รองลงมาคือ เหล็กแผ่น
รีดเย็น มีมูลค่า 1,837 ล้านบาท เนื่องจากความต้องการใช้ในประเทศที่ลดลง ผู้ผลิตไทยจึงต้องปรับกลยุทธ์ทางการตลาดโดยการขยายฐานการ
ตลาดโดยส่งออกไปยังประเทศที่ยังมีความต้องการใช้อยู่ รายละเอียดตามตารางที่ 3
ตารางที่ 3 : ปริมาณและมูลค่าการส่งออกเหล็กและเหล็กกล้าที่สำคัญไตรมาสที่ 3 ปี 2550 เทียบกับไตรมาสที่ 3 ปี 2549
หน่วย : ปริมาณ: เมตริกตัน
มูลค่า : ล้านบาท
ผลิตภัณฑ์(1) ไตรมาสที่ 3 ไตรมาสที่ 3 อัตราการ ตลาดนำเข้า
ปี 2550 ปี 2549 เปลี่ยนแปลง ที่สำคัญ
(ร้อยละ)
ปริมาณ มูลค่า ปริมาณ มูลค่า ปริมาณ มูลค่า
ผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป 43,219 753 6,093 106 609.3 611.75 เวียดนาม
(Semi-Finished Products)
- เหล็กแท่งเล็ก (Billet) 37,145 647 6,075 99 511.41 555.28 เวียดนาม,อิหร่าน
- เหล็กแท่งแบน (Slab) 66 2 - - 100 100 อินโดนีเซีย
- อื่นๆ (Others) 6,008 105 18 7 33,502.72 1,373.91 เวียดนาม
เหล็กทรงยาว 86,045 2,079 115,415 2,559 -25.45 -18.78 มาเลเซีย
(Long Products )
- เหล็กเส้น (Bar) 22,640 427 24,690 472 -8.3 -9.49 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์,ลาว
- เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ 58,923 1,565 87,661 2,029 -32.78 -22.9 มาเลเซีย,ออสเตรเลีย
รีดร้อน (HR sections )
- เหล็กลวด (Wire rods) 4,482 87 3,064 58 46.29 49.73 เวียดนาม
เหล็กทรงแบน 457,824 11,143 540,676 13,598 -15.32 -18.06 อินเดีย,อินโดนีเซีย
(Flat Products )
เหล็กแผ่นรีดร้อน 313,654 6,291 458,790 9,962 -31.63 -36.85 อินเดีย
(Hot-Rolled Flat Products)
- เหล็กแผ่นหนารีดร้อน 54,800 1,159 85,017 1,762 -35.54 -34.24 สหรัฐอเมริกา
(HR plate)
- เหล็กแผ่นบางรีดร้อน 174,504 3,528 318,132 7,135 -45.15 -50.55 อินเดีย,อินโดนีเซีย
(HR sheet)
- เหล็กแผ่นบางรีดร้อนชนิด 84,350 1,604 55,641 1,064 51.6 50.73 อินเดีย,อินโดนีเซีย
ผ่านการกัดล้างและชุบน้ำมัน
(HR sheet P&O )
เหล็กแผ่นรีดเย็น 95,547 3,268 44,439 2,406 115.01 35.82 อินโดนีเซีย
(Cold-Rolled Flat Products)
- เหล็กแผ่นรีดเย็น 82,691 1,837 26,792 647 208.64 183.91 อินโดนีเซีย
(CR carbon steel)
- เหล็กแผ่นรีดเย็นไร้สนิม 12,856 1,432 17,647 1,759 -27.15 -18.63 มาเลเซีย,อิตาลี
(CR stainless steel)
เหล็กแผ่นเคลือบ 48,623 1,584 37,447 1,230 29.85 28.76 เบลเยียม
(Coated Steel Products)
- เคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อน 1,882 130 7,921 248 -76.25 -47.65 ลาว
(Galv. Sheet (HDG))
- เคลือบสังกะสีด้วยไฟฟ้า 6,006 160 2,619 71 129.32 126.33 จีน,สิงคโปร์
(Galv. Sheet (EG))
- เคลือบดีบุก (Tin plate) 188 8 609 25 -69.22 -66.94 นิวซีแลนด์
- ไม่ได้เคลือบดีบุก (Tin free) 834 31 62 4 1,242.75 747.07 พม่า,ลาว
- อื่นๆ (Others) 39,714 1,254 26,235 882 51.38 42.22 เบลเยียม,อินเดีย
รวม 587,089 13,974 662,184 16,263 -11.34 -14.07 อินเดีย,อินโดนีเซีย
หมายเหตุ(1) : ไม่มีข้อมูลผลิตภัณฑ์ท่อเหล็กเนื่องจากรอการตรวจสอบตัวเลข
2. สรุป
สถานการณ์เหล็กโดยรวมในไตรมาสที่ 3 ปี 2550 ทรงตัวเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน โดยการผลิตลดลง ร้อยละ 5.75
ปริมาณความต้องการใช้ในประเทศเพิ่มขึ้น ร้อยละ 3.58 โดยเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของเหล็กทรงแบน ร้อยละ 23.39 แต่เหล็กทรงยาวซึ่งใช้ใน
อุตสาหกรรมก่อสร้างกลับมีความต้องการใช้ ลดลง ร้อยละ 18.77 ในขณะที่มูลค่าและปริมาณการนำเข้า ลดลง ร้อยละ 7.92 และ 11.88 ตาม
ลำดับ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากราคาเหล็กในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่ความต้องการใช้ในประเทศของบางผลิตภัณฑ์ยังคงชะลอตัวอยู่ จึงทำให้
ผู้ผลิตนำเข้าสินค้าในปริมาณที่ต้องการใช้เท่านั้น สำหรับมูลค่าและปริมาณการส่งออก ลดลง ร้อยละ 14.07 และ 11.34 ตามลำดับ
สำหรับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของราคาผลิตภัณฑ์เหล็กที่สำคัญ(FOB)โดยเฉลี่ยในตลาดโลกจาก CIS ณ ท่า Black Sea ในไตร
มาสที่ 3 ปี 2550 เทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน ผลิตภัณฑ์เหล็กที่สำคัญทุกตัวมีทิศทางในการปรับตัวของราคาที่เพิ่มขึ้นโดยราคาเหล็กเส้นเพิ่มขึ้น
จาก 448 เหรียญสหรัฐต่อตัน เป็น 555 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 23.76 เหล็กแท่งเล็กบิลเล็ต เพิ่มขึ้นจาก 404 เหรียญสหรัฐต่อตัน
เป็น 495 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 22.62 เศษเหล็ก(จาก EU ) เพิ่มขึ้นจาก 257 เหรียญสหรัฐต่อตัน เป็น 285 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่ม
ขึ้น ร้อยละ 10.96 เหล็กแท่งแบน เพิ่มขึ้นจาก 489 เหรียญสหรัฐต่อตัน เป็น 533 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 8.84 เหล็กแผ่นรีดเย็น
เพิ่มขึ้นจาก 601 เหรียญสหรัฐต่อตัน เป็น 638 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 6.25 และเหล็กแผ่นรีดร้อนเพิ่มขึ้นจาก 559 เหรียญสหรัฐต่อ
ตัน เป็น 569 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 1.77 ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ราคาเหล็กสูงขึ้นเนื่องจากผู้ส่งออกของประเทศจีนเริ่มชะลอการส่ง
ออก จึงทำให้ไม่มีสินค้าจากจีนในตลาด ประกอบกับการที่ประเทศมาเลเซียเริ่มจำกัดจำนวนสินค้าที่จะส่งออกเนื่องจากปริมาณสินค้าคงคลังอยู่ในระดับ
ที่ต่ำ นอกจากนี้ยังเป็นผลมาจากราคาแร่เหล็กซึ่งเป็นวัตถุดิบขั้นต้นของอุตสาหกรรมเหล็กปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับค่าระวางเรือก็เพิ่มสูงขึ้นตามไป
ด้วย จึงส่งให้ราคาเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก เช่น เศษเหล็ก เหล็กเส้น และเหล็กแผ่น เป็นต้น ปรับตัวสูงขึ้นตามไป
นักวิเคราะห์ของ CSFB and UBS คาดการณ์ว่าในปี 2007 ราคาของแร่เหล็กจะเพิ่มขึ้น ร้อยละ 25 และ ในปี 2008 จะเพิ่มขึ้น ร้อย
ละ 35 ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ทั้งสองสำนักคาดการณ์จากสมมุติฐานของความต้องการที่ขยายตัวขึ้นของประเทศจีนและการขึ้นราคาเพื่อชดเชยเงินที่ลงทุน
ในเหมืองแร่แห่งใหม่ เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการ นอกจากนี้ ค่าระวางเรือจะมีบทบาทมากขึ้นในการเจรจาครั้งต่อไป และคาดว่าข้อตกลงใดที่
เกิดขึ้นจะครอบคลุมทั้งราคาและปริมาณสินค้าในระยะเวลาที่มากกว่า 1 ปี
กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของประเทศเวียตนามได้เปิดเผยถึงแผนพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็กตั้งแต่ปี 2553-2568 โดยวางแผนที่จะ
ขยายผลผลิตเหล็กและส่งออกภายในปี 2553 เพื่อรองรับความต้องการในประเทศและพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็กของประเทศสู่ระดับโลก ซึ่งแผนดังกล่าว
มีงบประมาณให้ถึง 10-12 พันล้านเหรียญตั้งแต่ปีนี้ถึงปี 2568 โดย 8 พันล้านเหรียญแรกจะใช้ตั้งแต่ปีนี้ถึงปี 2558 โครงการที่อยู่ในแผนมีทั้งหมด 6
โครงการ ได้แก่ โครงการโรงเหล็กครบวงจร Ha Tihn Steel ที่มีกำลังการผลิต 4.5 ล้านตันต่อปี ซึ่งเป็นการลงทุนร่วมกันระหว่าง Tata
Steel และ Vietnam Steel Corp และคาดว่าจะดำเนินการได้ในปี 2554 โครงการโรงเหล็ก Dung Quat ขนาดกำลังการผลิต 5 ล้านตันต่อ
ปี ดำเนินการโดย E-United และ Tycoons และ แผนสร้างโรงรีดร้อน-รีดเย็น และชุบสังกะสีของ Posco ในจังหวัด Ba Ria-Vung Tau นอก
จากนี้ยังมีโครงการของ Vietnam Steel Corp โดยร่วมมือกับ Essar Steel ในการก่อสร้างโรงเหล็กรีดร้อนขนาดกำลังการผลิต 2 ล้านตันต่อ
ปี รวมกับการเพิ่มสายการผลิตเหล็กแท่งเล็กบิลเล็ตขนาดกำลังการผลิต 5 แสนตันต่อปี และโครงการเหมืองแร่ของ Lao Cai Steel และ
โครงการโรงเหล็กของ Kunming Steel จากจีน
3.แนวโน้ม
แนวโน้มสถานการณ์เหล็กโดยรวมในประเทศในไตรมาสที่ 4 ปี 2550 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คาดการณ์ว่าจะทรงตัว โดย
ในส่วนของความต้องการใช้ในประเทศของเหล็กทรงยาวคาดการณ์ว่าจะทรงตัวเนื่องจากโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐยังไม่เริ่มดำเนินการในช่วงไตร
มาสนี้ ในขณะที่โครงการภาคเอกชนยังคงชะลอตัวอยู่ เหล็กทรงแบนคาดการณ์ว่าการผลิตจะขยายตัวตามอุตสาหกรรมต่อเนื่องในประเทศ เช่น ยาน
ยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า สำหรับราคาเหล็กในตลาดโลกคาดการณ์ว่าจะปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้เป็นผลมาจากค่าระวางการขนส่งและค่าน้ำมัน ซึ่งช่วงนี้ปรับ
ราคาสูงขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นผลมาจากราคาวัตถุดิบ เช่น สินแร่เหล็ก ถ่านหิน ที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-
การผลิต
ปริมาณการผลิตเหล็กและเหล็กกล้าที่สำคัญในไตรมาสที่ 3 ปี 2550 มีประมาณ 1,891,466เมตริกตัน ( ไม่รวมผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่ง
สำเร็จรูป เหล็กแผ่นรีดเย็น เหล็กแผ่นเคลือบและท่อเหล็กเพื่อไม่ให้เกิดการนับซ้ำ ) ชะลอตัวลง ร้อยละ 5.75 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี
ก่อน เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว ทำให้ความต้องการใช้เหล็กในประเทศลดลงจากการที่ผู้บริโภคชะลอการใช้จ่ายเนื่องจาก
ความไม่มั่นใจต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นผลมาจากปัจจัยอื่นๆ เช่น ราคาน้ำมันในประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้นและการแข็งตัวของ
ค่าเงินบาท เป็นต้น เมื่อพิจารณาในรายผลิตภัณฑ์ พบว่า ผลิตภัณฑ์ที่ชะลอตัวลงมากที่สุดในช่วงนี้ คือ เหล็กแผ่นเคลือบดีบุก ลดลง ร้อยละ 43.81
รองลงมาคือ เหล็กทรงยาว ลดลง ร้อยละ 20.73 เนื่องจากการชะลอตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศทั้งโครงการของภาครัฐและภาค
เอกชน สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตขยายตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุดในช่วงนี้ คือ เหล็กแผ่นรีดร้อน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 14.36 และเหล็กแผ่นรีดเย็น เพิ่มขึ้น
ร้อยละ 12.04 เนื่องจากความต้องการใช้ที่ยังคงมีอยู่ของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งมียอดการส่งออกเพิ่มมากขึ้น นอก
จากนี้ ในส่วนของผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นรีดเย็นมีการส่งออกไปยังต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นด้วย รายละเอียดตามตารางที่ 1
ตารางที่ 1 : ปริมาณการผลิตเหล็กและเหล็กกล้าที่สำคัญไตรมาสที่ 3 ปี 2550 เทียบกับไตรมาสที่ 3 ปี 2549
ผลิตภัณฑ์ ไตรมาส 3 ไตรมาส 3 อัตราการ
ปี 2550 ปี 2549 เปลี่ยนแปลง
(ร้อยละ)
ผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป 1,442,000 1,350,000 6.81
(Semi-Finished Products)
เหล็กทรงยาว(Long Products) 911,337 1,149,698 -20.73
เหล็กทรงแบน(Flat Products) 1,652,659 1,523,085 8.51
เหล็กแผ่นรีดร้อน(Hot-rolled Flat) 980,129 857,060 14.36
เหล็กแผ่นรีดเย็น(Cold-rolled Flat ) 445,145 397,324 12.04
เหล็กแผ่นเคลือบ (Coated Steel) 227,385 268,701 -15.38
- เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี 70,573 78,013 -9.54
(Galvanized Sheet)
- เหล็กแผ่นเคลือบดีบุก (Tin plate) 48,998 87,207 -43.81
- เหล็กแผ่นไม่ได้เคลือบดีบุก (Tin free) 36,575 39,476 -7.35
- อื่นๆ (other coated steel) 71,239 64,005 11.3
ท่อเหล็ก (Pipes & Tubes) N/A N/A N/A
รวม (1) 1,891,466 2,006,758 -5.75
ที่มา : สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย
หมายเหตุ(1) : ไม่รวมผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป เหล็กแผ่นรีดเย็น เหล็กแผ่นเคลือบ และท่อเหล็กเพื่อไม่ให้เกิดการนับซ้ำ
การใช้ในประเทศ
ปริมาณการใช้เหล็กและเหล็กกล้าในประเทศที่สำคัญในไตรมาสที่ 3 ปี 2550 ประมาณ 2,758,715 เมตริกตัน ขยายตัวขึ้นเล็ก
น้อย ร้อยละ 3.58 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเหล็กทรงแบนมีการขยายตัว ร้อยละ 23.39 เป็นผลมาจากการความต้องการใช้ที่
ยังคงมีอยู่ของอุตสาหกรรมต่อเนื่องในประเทศ ในขณะที่ เหล็กทรงยาวกลับมีความต้องการใช้ในประเทศที่ชะลอตัวลงร้อยละ 18.77 เป็นผลมา
จากการชะลอตัวของอุตสาหกรรมก่อสร้าง
การนำเข้า-การส่งออก
การนำเข้า
มูลค่าและปริมาณการนำเข้าเหล็กและเหล็กกล้าที่สำคัญในไตรมาสที่ 3 ปี 2550 มีจำนวนประมาณ 46,160 ล้านบาท และ
1,937,520 เมตริกตัน (ไม่มีข้อมูลท่อเหล็กเนื่องจากรอการตรวจสอบข้อมูล) โดยมูลค่าและปริมาณการนำเข้าลดลง ร้อยละ 7.92 และ
11.88 ตามลำดับ เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศ ทำให้ความต้องการใช้ในประเทศชะลอตัวลง โดยผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าการนำเข้าลด
ลงมากที่สุดเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ เหล็กแท่งเล็กบิลเล็ต ลดลง ร้อยละ 71.12 เป็นผลมาจากราคาเหล็กในตลาดโลกปรับตัวสูง
ขึ้น ในขณะที่ความต้องการใช้ในประเทศยังคงชะลอตัวอยู่ จึงทำให้ผู้ผลิตลดการนำเข้าลงและนำเข้ามาในปริมาณที่ต้องการใช้เท่านั้น รองลงมา
คือ เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีด้วยไฟฟ้า ลดลง ร้อยละ 26.18 และเหล็กลวด ลดลง ร้อยละ 16.72 สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าการนำเข้าขยายตัวมาก
ที่สุดเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ เหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 104.79 ผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป ชนิดอื่นๆ เพิ่ม
ขึ้น ร้อยละ 73.15 โดยส่วนใหญ่นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น
ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าการนำเข้ามากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ เหล็กแผ่นบางรีดร้อน มีมูลค่า 8,134ล้านบาท รองลงมาคือ เหล็กแผ่นเคลือบ
สังกะสีแบบจุ่มร้อน มีมูลค่า 6,592 ล้านบาท และเหล็กแท่งแบน มีมูลค่า 6,513 ล้านบาท ซึ่งจะเห็นได้ว่าผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่มีมูลค่าการนำเข้ามาก
ในช่วงนี้ เป็นวัตถุดิบของอุตสาหกรรมต่อเนื่องซึ่งยังคงมีความต้องการยังคงขยายตัวอยู่ รายละเอียดตามตารางที่ 2
ตารางที่ 2 : ปริมาณและมูลค่าการนำเข้าเหล็กและเหล็กกล้าที่สำคัญไตรมาสที่ 3 ปี 2550 เทียบกับไตรมาสที่ 3 ปี 2549
หน่วย : ปริมาณ: เมตริกตัน
มูลค่า : ล้านบาท
ผลิตภัณฑ์(1) ไตรมาสที่ 3 ไตรมาสที่ 3 อัตราการ ตลาดนำเข้า
ปี 2550 ปี 2549 เปลี่ยนแปลง ที่สำคัญ
(ร้อยละ)
ปริมาณ มูลค่า ปริมาณ มูลค่า ปริมาณ มูลค่า
ผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป 526,402 9,445 893,011 14,337 -41.1 -34.12 รัสเซีย,บราซิล
(Semi-Finished Products)
- เหล็กแท่งเล็ก (Billet) 90,725 1,683 364,400 5,827 -75.1 -71.12 รัสเซีย,บราซิล
- เหล็กแท่งแบน (Slab) 364,205 6,513 484,247 7,788 -24.8 -16.38 รัสเซีย,บราซิล
- อื่นๆ (Others) 71,471 1,249 44,364 721 61.1 73.15 จีน,รัสเซีย
เหล็กทรงยาว 174,747 3,975 196,816 4,487 -11.2 -11.41 ญี่ปุ่น,จีน
(Long Products )
- เหล็กเส้น (Bar) 60,958 1,526 65,254 1,639 -6.58 -6.89 ญี่ปุ่น,จีน
- เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ 2,929 130 1,710 63 71.35 104.8 ญี่ปุ่น,จีน
รีดร้อน (HR sections )
- เหล็กลวด (Wire rods) 110,859 2,319 129,852 2,785 -14.6 -16.72 จีน,ญี่ปุ่น
เหล็กทรงแบน 1,236,371 32,740 1,108,928 31,305 11.49 4.59 ญี่ปุ่น
(Flat Products )
เหล็กแผ่นรีดร้อน 656,418 13,540 546,668 12,329 20.08 9.82 ญี่ปุ่น
(Hot-Rolled Flat Products)
- เหล็กแผ่นหนารีดร้อน 28,940 948 34,603 1,066 -16.4 -11.11 ญี่ปุ่น
(HR plate)
- เหล็กแผ่นบางรีดร้อน 426,388 8,134 355,531 7,458 19.93 9.06 ญี่ปุ่น,ออสเตรเลีย
(HR sheet)
- เหล็กแผ่นบางรีดร้อนชนิด 201,091 4,458 156,533 3,805 28.47 17.17 ญี่ปุ่น
ผ่านการกัดล้างและชุบน้ำมัน
(HR sheet P&O )
เหล็กแผ่นรีดเย็น 190,724 7,480 207,845 7,368 -8.24 1.52 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
(Cold-Rolled Flat Products)
- เหล็กแผ่นรีดเย็น 154,931 4,204 183,847 5,032 -15.7 -16.45 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
(CR carbon steel)
- เหล็กแผ่นรีดเย็นไร้สนิม 35,793 3,276 23,998 2,336 49.15 40.23 ญี่ปุ่น,รัสเซีย
(CR stainless steel)
เหล็กแผ่นเคลือบ 389,229 11,721 354,416 11,608 9.82 0.97 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
(Coated Steel Products)
- เคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อน 234,409 6,592 207,691 6,277 12.86 5.02 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
(Galv. Sheet (HDG))
- เคลือบสังกะสีด้วยไฟฟ้า 37,004 1,101 44,408 1,491 -16.7 -26.18 ญี่ปุ่น,จีน
(Galv. Sheet (EG))
- เคลือบดีบุก (Tin plate) 30,078 965 19,402 690 55.03 39.96 เกาหลีใต้,จีน
- ไม่ได้เคลือบดีบุก (Tin free) 15,261 510 11,015 367 38.54 38.91 เกาหลีใต้,จีน
- อื่นๆ (Others) 72,477 2,552 71,900 2,783 0.8 -8.28 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
รวม 1,937,520 46,160 2,198,756 50,129 -11.9 -7.92 ญี่ปุ่น
ที่มา : กรมศุลกากร
หมายเหตุ(1) : ไม่มีข้อมูลผลิตภัณฑ์ท่อเหล็กเนื่องจากรอการตรวจสอบตัวเลข
การส่งออก
มูลค่าและปริมาณการส่งออกเหล็กและเหล็กกล้าในไตรมาสที่ 3 ปี 2550 มีจำนวนประมาณ 13,974 ล้านบาท และ 587,089
เมตริกตัน โดยมูลค่าและปริมาณการส่งออกลดลง ร้อยละ 14.07 และ 11.34 ตามลำดับ สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าการส่งออกชะลอตัวลงในช่วงนี้
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ เหล็กแผ่นเคลือบดีบุก ลดลง ร้อยละ 66.94 รองลงมาคือ เหล็กแผ่นบางรีดร้อน ลดลง ร้อยละ
50.55 และเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อน ลดลง ร้อยละ 47.65 สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าการส่งออกขยายตัวมากที่สุดเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน
ของปีก่อน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป ชนิดอื่นๆ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 1,373.91 เหล็กแผ่นไม่ได้เคลือบดีบุก เพิ่มขึ้น ร้อยละ 747.07 โดยส่วน
ใหญ่ส่งออกไปยังอินเดียและมาเลเซีย
ผลิตภัณฑ์ที่มีการมูลค่าการส่งออกมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ เหล็กแผ่นบางรีดร้อน มีมูลค่า 3,528 ล้านบาท รองลงมาคือ เหล็กแผ่น
รีดเย็น มีมูลค่า 1,837 ล้านบาท เนื่องจากความต้องการใช้ในประเทศที่ลดลง ผู้ผลิตไทยจึงต้องปรับกลยุทธ์ทางการตลาดโดยการขยายฐานการ
ตลาดโดยส่งออกไปยังประเทศที่ยังมีความต้องการใช้อยู่ รายละเอียดตามตารางที่ 3
ตารางที่ 3 : ปริมาณและมูลค่าการส่งออกเหล็กและเหล็กกล้าที่สำคัญไตรมาสที่ 3 ปี 2550 เทียบกับไตรมาสที่ 3 ปี 2549
หน่วย : ปริมาณ: เมตริกตัน
มูลค่า : ล้านบาท
ผลิตภัณฑ์(1) ไตรมาสที่ 3 ไตรมาสที่ 3 อัตราการ ตลาดนำเข้า
ปี 2550 ปี 2549 เปลี่ยนแปลง ที่สำคัญ
(ร้อยละ)
ปริมาณ มูลค่า ปริมาณ มูลค่า ปริมาณ มูลค่า
ผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป 43,219 753 6,093 106 609.3 611.75 เวียดนาม
(Semi-Finished Products)
- เหล็กแท่งเล็ก (Billet) 37,145 647 6,075 99 511.41 555.28 เวียดนาม,อิหร่าน
- เหล็กแท่งแบน (Slab) 66 2 - - 100 100 อินโดนีเซีย
- อื่นๆ (Others) 6,008 105 18 7 33,502.72 1,373.91 เวียดนาม
เหล็กทรงยาว 86,045 2,079 115,415 2,559 -25.45 -18.78 มาเลเซีย
(Long Products )
- เหล็กเส้น (Bar) 22,640 427 24,690 472 -8.3 -9.49 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์,ลาว
- เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ 58,923 1,565 87,661 2,029 -32.78 -22.9 มาเลเซีย,ออสเตรเลีย
รีดร้อน (HR sections )
- เหล็กลวด (Wire rods) 4,482 87 3,064 58 46.29 49.73 เวียดนาม
เหล็กทรงแบน 457,824 11,143 540,676 13,598 -15.32 -18.06 อินเดีย,อินโดนีเซีย
(Flat Products )
เหล็กแผ่นรีดร้อน 313,654 6,291 458,790 9,962 -31.63 -36.85 อินเดีย
(Hot-Rolled Flat Products)
- เหล็กแผ่นหนารีดร้อน 54,800 1,159 85,017 1,762 -35.54 -34.24 สหรัฐอเมริกา
(HR plate)
- เหล็กแผ่นบางรีดร้อน 174,504 3,528 318,132 7,135 -45.15 -50.55 อินเดีย,อินโดนีเซีย
(HR sheet)
- เหล็กแผ่นบางรีดร้อนชนิด 84,350 1,604 55,641 1,064 51.6 50.73 อินเดีย,อินโดนีเซีย
ผ่านการกัดล้างและชุบน้ำมัน
(HR sheet P&O )
เหล็กแผ่นรีดเย็น 95,547 3,268 44,439 2,406 115.01 35.82 อินโดนีเซีย
(Cold-Rolled Flat Products)
- เหล็กแผ่นรีดเย็น 82,691 1,837 26,792 647 208.64 183.91 อินโดนีเซีย
(CR carbon steel)
- เหล็กแผ่นรีดเย็นไร้สนิม 12,856 1,432 17,647 1,759 -27.15 -18.63 มาเลเซีย,อิตาลี
(CR stainless steel)
เหล็กแผ่นเคลือบ 48,623 1,584 37,447 1,230 29.85 28.76 เบลเยียม
(Coated Steel Products)
- เคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อน 1,882 130 7,921 248 -76.25 -47.65 ลาว
(Galv. Sheet (HDG))
- เคลือบสังกะสีด้วยไฟฟ้า 6,006 160 2,619 71 129.32 126.33 จีน,สิงคโปร์
(Galv. Sheet (EG))
- เคลือบดีบุก (Tin plate) 188 8 609 25 -69.22 -66.94 นิวซีแลนด์
- ไม่ได้เคลือบดีบุก (Tin free) 834 31 62 4 1,242.75 747.07 พม่า,ลาว
- อื่นๆ (Others) 39,714 1,254 26,235 882 51.38 42.22 เบลเยียม,อินเดีย
รวม 587,089 13,974 662,184 16,263 -11.34 -14.07 อินเดีย,อินโดนีเซีย
หมายเหตุ(1) : ไม่มีข้อมูลผลิตภัณฑ์ท่อเหล็กเนื่องจากรอการตรวจสอบตัวเลข
2. สรุป
สถานการณ์เหล็กโดยรวมในไตรมาสที่ 3 ปี 2550 ทรงตัวเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน โดยการผลิตลดลง ร้อยละ 5.75
ปริมาณความต้องการใช้ในประเทศเพิ่มขึ้น ร้อยละ 3.58 โดยเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของเหล็กทรงแบน ร้อยละ 23.39 แต่เหล็กทรงยาวซึ่งใช้ใน
อุตสาหกรรมก่อสร้างกลับมีความต้องการใช้ ลดลง ร้อยละ 18.77 ในขณะที่มูลค่าและปริมาณการนำเข้า ลดลง ร้อยละ 7.92 และ 11.88 ตาม
ลำดับ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากราคาเหล็กในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่ความต้องการใช้ในประเทศของบางผลิตภัณฑ์ยังคงชะลอตัวอยู่ จึงทำให้
ผู้ผลิตนำเข้าสินค้าในปริมาณที่ต้องการใช้เท่านั้น สำหรับมูลค่าและปริมาณการส่งออก ลดลง ร้อยละ 14.07 และ 11.34 ตามลำดับ
สำหรับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของราคาผลิตภัณฑ์เหล็กที่สำคัญ(FOB)โดยเฉลี่ยในตลาดโลกจาก CIS ณ ท่า Black Sea ในไตร
มาสที่ 3 ปี 2550 เทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน ผลิตภัณฑ์เหล็กที่สำคัญทุกตัวมีทิศทางในการปรับตัวของราคาที่เพิ่มขึ้นโดยราคาเหล็กเส้นเพิ่มขึ้น
จาก 448 เหรียญสหรัฐต่อตัน เป็น 555 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 23.76 เหล็กแท่งเล็กบิลเล็ต เพิ่มขึ้นจาก 404 เหรียญสหรัฐต่อตัน
เป็น 495 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 22.62 เศษเหล็ก(จาก EU ) เพิ่มขึ้นจาก 257 เหรียญสหรัฐต่อตัน เป็น 285 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่ม
ขึ้น ร้อยละ 10.96 เหล็กแท่งแบน เพิ่มขึ้นจาก 489 เหรียญสหรัฐต่อตัน เป็น 533 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 8.84 เหล็กแผ่นรีดเย็น
เพิ่มขึ้นจาก 601 เหรียญสหรัฐต่อตัน เป็น 638 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 6.25 และเหล็กแผ่นรีดร้อนเพิ่มขึ้นจาก 559 เหรียญสหรัฐต่อ
ตัน เป็น 569 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 1.77 ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ราคาเหล็กสูงขึ้นเนื่องจากผู้ส่งออกของประเทศจีนเริ่มชะลอการส่ง
ออก จึงทำให้ไม่มีสินค้าจากจีนในตลาด ประกอบกับการที่ประเทศมาเลเซียเริ่มจำกัดจำนวนสินค้าที่จะส่งออกเนื่องจากปริมาณสินค้าคงคลังอยู่ในระดับ
ที่ต่ำ นอกจากนี้ยังเป็นผลมาจากราคาแร่เหล็กซึ่งเป็นวัตถุดิบขั้นต้นของอุตสาหกรรมเหล็กปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับค่าระวางเรือก็เพิ่มสูงขึ้นตามไป
ด้วย จึงส่งให้ราคาเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก เช่น เศษเหล็ก เหล็กเส้น และเหล็กแผ่น เป็นต้น ปรับตัวสูงขึ้นตามไป
นักวิเคราะห์ของ CSFB and UBS คาดการณ์ว่าในปี 2007 ราคาของแร่เหล็กจะเพิ่มขึ้น ร้อยละ 25 และ ในปี 2008 จะเพิ่มขึ้น ร้อย
ละ 35 ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ทั้งสองสำนักคาดการณ์จากสมมุติฐานของความต้องการที่ขยายตัวขึ้นของประเทศจีนและการขึ้นราคาเพื่อชดเชยเงินที่ลงทุน
ในเหมืองแร่แห่งใหม่ เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการ นอกจากนี้ ค่าระวางเรือจะมีบทบาทมากขึ้นในการเจรจาครั้งต่อไป และคาดว่าข้อตกลงใดที่
เกิดขึ้นจะครอบคลุมทั้งราคาและปริมาณสินค้าในระยะเวลาที่มากกว่า 1 ปี
กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของประเทศเวียตนามได้เปิดเผยถึงแผนพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็กตั้งแต่ปี 2553-2568 โดยวางแผนที่จะ
ขยายผลผลิตเหล็กและส่งออกภายในปี 2553 เพื่อรองรับความต้องการในประเทศและพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็กของประเทศสู่ระดับโลก ซึ่งแผนดังกล่าว
มีงบประมาณให้ถึง 10-12 พันล้านเหรียญตั้งแต่ปีนี้ถึงปี 2568 โดย 8 พันล้านเหรียญแรกจะใช้ตั้งแต่ปีนี้ถึงปี 2558 โครงการที่อยู่ในแผนมีทั้งหมด 6
โครงการ ได้แก่ โครงการโรงเหล็กครบวงจร Ha Tihn Steel ที่มีกำลังการผลิต 4.5 ล้านตันต่อปี ซึ่งเป็นการลงทุนร่วมกันระหว่าง Tata
Steel และ Vietnam Steel Corp และคาดว่าจะดำเนินการได้ในปี 2554 โครงการโรงเหล็ก Dung Quat ขนาดกำลังการผลิต 5 ล้านตันต่อ
ปี ดำเนินการโดย E-United และ Tycoons และ แผนสร้างโรงรีดร้อน-รีดเย็น และชุบสังกะสีของ Posco ในจังหวัด Ba Ria-Vung Tau นอก
จากนี้ยังมีโครงการของ Vietnam Steel Corp โดยร่วมมือกับ Essar Steel ในการก่อสร้างโรงเหล็กรีดร้อนขนาดกำลังการผลิต 2 ล้านตันต่อ
ปี รวมกับการเพิ่มสายการผลิตเหล็กแท่งเล็กบิลเล็ตขนาดกำลังการผลิต 5 แสนตันต่อปี และโครงการเหมืองแร่ของ Lao Cai Steel และ
โครงการโรงเหล็กของ Kunming Steel จากจีน
3.แนวโน้ม
แนวโน้มสถานการณ์เหล็กโดยรวมในประเทศในไตรมาสที่ 4 ปี 2550 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คาดการณ์ว่าจะทรงตัว โดย
ในส่วนของความต้องการใช้ในประเทศของเหล็กทรงยาวคาดการณ์ว่าจะทรงตัวเนื่องจากโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐยังไม่เริ่มดำเนินการในช่วงไตร
มาสนี้ ในขณะที่โครงการภาคเอกชนยังคงชะลอตัวอยู่ เหล็กทรงแบนคาดการณ์ว่าการผลิตจะขยายตัวตามอุตสาหกรรมต่อเนื่องในประเทศ เช่น ยาน
ยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า สำหรับราคาเหล็กในตลาดโลกคาดการณ์ว่าจะปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้เป็นผลมาจากค่าระวางการขนส่งและค่าน้ำมัน ซึ่งช่วงนี้ปรับ
ราคาสูงขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นผลมาจากราคาวัตถุดิบ เช่น สินแร่เหล็ก ถ่านหิน ที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-