1. การผลิตในประเทศ
การผลิตยาและผลิตภัณฑ์เภสัชกรรม ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 มีปริมาณ 6,519.9 ตัน ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ร้อยละ 10.1 และใน 9 เดือนแรกของปี 2550 มีปริมาณการผลิต 19,499.8 ตัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 1.2
ประเภทของยาที่มีปริมาณการผลิตลดลงมาก ได้แก่ ยาน้ำ และยาผง เนื่องจากผู้ผลิตบางรายประสบปัญหาในด้านการผลิต จากเครื่องจักรที่มีปัญหา
ทำให้สินค้าที่ผลิตได้มีคุณภาพลดลง ผู้สั่งซื้อจึงเปลี่ยนไปซื้อจากที่อื่นแทน อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับ ไตรมาสก่อนการผลิตเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ร้อยละ
0.8 ซึ่งยาที่มีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นมาก คือ ยาเม็ด เนื่องจาก ในไตรมาสนี้ผู้ผลิตได้ปรับรายการส่งเสริมการขาย โดยให้ความสำคัญกับยาเม็ด ส่งผล
ให้มี คำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นมาก
2. การจำหน่ายในประเทศ
การจำหน่ายยาและผลิตภัณฑ์เภสัชกรรมในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 มีปริมาณ 6,651.5 ตัน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปี
ก่อน และไตรมาสก่อน ร้อยละ 5.2 และ 9.2 ตามลำดับ สำหรับการจำหน่ายใน 9 เดือนแรกของปี 2550 มีปริมาณ 18,619.2 ตัน เพิ่มขึ้นจากช่วง
เดียวกันของปีก่อนร้อยละ 4.4 ประเภทของยาที่มีการจำหน่ายเพิ่มขึ้นมาก ได้แก่ ยาเม็ด และยาน้ำ โดยปริมาณการจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น เนื่องมาจากการ
จัดรายการส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ผู้สั่งซื้อยังเกรงว่าราคาสินค้าจะปรับตัวสูงขึ้น จึงทำให้มีการสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นปริมาณมาก
3. การนำเข้า
การนำเข้ายารักษาโรค ไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 มีมูลค่า 7,231.5 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และไตร
มาสก่อน ร้อยละ 7.9 และ 5.8 ตามลำดับ โดยตลาดนำเข้ายารักษาโรคที่สำคัญในไตรมาสนี้ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมนี สวิตเซอร์
แลนด์ และสหราชอาณาจักร ซึ่งการนำเข้าจากประเทศดังกล่าวมีมูลค่ารวม 3,370.7 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 46.6 ของมูลค่าการนำเข้ายารักษาโรค
ทั้งหมด สำหรับใน 9 เดือนแรกของปี 2550 มีการนำเข้ายารักษาโรคมูลค่า 20,442.1 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ
5.1 โดยตลาดนำเข้าสำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักร ซึ่งการนำเข้าจากประเทศดังกล่าวมีมูลค่า
รวม 9,421.4 ล้านบาท หรือร้อยละ 46.1 ของมูลค่าการนำเข้ายารักษาโรคทั้งหมด
ยารักษาโรคที่นำเข้า ส่วนใหญ่เป็นยาต้นตำรับ และยาที่มีสิทธิบัตรซึ่งไม่สามารถผลิตเพิ่มขึ้นได้ในประเทศ โดยนำเข้าจากประเทศที่เป็นผู้
ผลิตเวชภัณฑ์ชั้นนำของโลก การนำเข้ามีมูลค่าเพิ่มขึ้น เนื่องมาจากการเติบโตของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน นอกจากนี้คนไทยยังใส่ใจสุขภาพมากขึ้น
ประกอบกับบริษัทยาข้ามชาติได้ให้ความสำคัญกับกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ผ่านช่องทางการจำหน่ายยาของโรงพยาบาล ซึ่งให้แพทย์เป็นผู้พิจารณาเลือก
ใช้ในการรักษาโรค และการทำประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนดูแลสุขภาพ นอกจากนี้ค่านิยม และทัศนคติของการใช้ยาของคนในประเทศ ที่นิยมยานำเข้า
จากต่างประเทศ และการที่ผู้ผลิตยาของไทยยังไม่สามารถแข่งขันกับผู้ผลิตยาต่างชาติได้ ในแง่การตลาดและการบริหารตราสินค้า เป็นสาเหตุที่ส่งผลให้
มูลค่าการนำเข้ายาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
4. การส่งออก
การส่งออกยารักษาโรคในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 มีมูลค่า 1,279.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 10.1
และไตรมาสก่อนร้อยละ 5.8 ตลาดส่งออกสำคัญในไตรมาสนี้ ได้แก่ เวียดนาม เมียนมาร์ กัมพูชา มาเลเซีย และฮ่องกง โดยการส่งออกไปประเทศ
ดังกล่าวมีมูลค่ารวม 865.1 ล้านบาท หรือร้อยละ 67.6 ของมูลค่าการส่งออกยารักษาโรคทั้งหมด สำหรับใน 9 เดือนแรกของปี 2550 มีมูลค่าการส่ง
ออก 3,711 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 15.6 ตลาดส่งออกสำคัญใน 9 เดือนแรกของปีนี้ ได้แก่ เวียดนาม กัมพูชา เมียนมา
ร์ มาเลเซีย และฮ่องกง โดยการส่งออกไปประเทศดังกล่าวมีมูลค่ารวม 2,496.8 ล้านบาท หรือร้อยละ 67.3 ของมูลค่าการส่งออกยารักษาโรคทั้ง
หมด
ยาที่ส่งออกเป็นยาสามัญ ซึ่งการส่งออกไปยังตลาดหลักยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ยาเป็นสินค้าที่มี Royalty สูง ถ้าผู้สั่งซื้อจากต่าง
ประเทศมั่นใจในมาตรฐานของสินค้าแล้ว ตลาดจะยังสามารถเติบโตไปได้เรื่อยๆ ประกอบกับผู้สั่งซื้อมักจะสั่งซื้อสินค้ามากในไตรมาสที่ 2 — 3 เพื่อ
บริหารสินค้าคงคลังไม่ให้เหลือมากในไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้สามารถส่งออกสินค้าได้มากขึ้น
5. นโยบายรัฐ
5.1 ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ....
จากการที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2550 มอบให้กระทรวงการคลังเร่งรัดดำเนินการเกี่ยวกับ เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติ
จัดซื้อจัดจ้าง ในการนี้ กระทรวงการคลังพิจารณาแล้วเห็นว่า การยกร่างกฎหมายจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเป็นพระราชบัญญัติจะต้องใช้ระยะเวลาพอ
สมควร ดังนั้น จึงเห็นควรยกร่างเป็นพระราชกฤษฎีกา ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. …. เพื่อใช้บังคับกับส่วนราชการทั้ง
หมดก่อน และในโอกาสต่อไป หากเห็นสมควรจะมีการปรับปรุงเป็นพระราชบัญญัติจะสามารถกระทำได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งในการประชุมคณะ
รัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2550 คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.
ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน และให้ถอนร่างระเบียบกระทรวงการ
คลังว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. .... ออกจากการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ทั้งนี้ ในส่วนหนึ่งของร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว
กระทรวงการคลังได้มีการเสนอให้ยกเลิกเรื่องการจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยาขององค์การเภสัชกรรม และโรงงานเภสัชกรรมทหาร เพื่อเปิดโอกาส
ให้ผู้ค้าภาคเอกชนได้เข้าร่วมการแข่งขันทางการค้าอย่างเสรีโดยอาศัยกลไกตลาด ซึ่งจะทำให้ทางราชการได้รับประโยชน์มากขึ้น
5.2 ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ พ.ศ. ....
กระทรวงสาธารณสุข เห็นว่ายาเป็นปัจจัยสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหาสุขภาพของคนไทย ซึ่งมีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ
การพัฒนาระบบยาจึงจำเป็นต้องมีนโยบายที่ชัดเจน และมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ คล่องตัว และต่อเนื่อง รวมทั้งสามารถประสานความร่วม
มือของส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน และสามารถประสานการจัดการศึกษาของสถาบันการศึกษาและสภาวิชาชีพให้ผลิตและ
พัฒนาผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพทุกสาขาให้มีความรู้ ความสามารถ ความรับผิดชอบ ทักษะ จริยธรรม และเจตคติที่ดีในการบริหารจัดการการใช้ยา
อย่างคุ้มค่าและสมเหตุผล รวมทั้งการประสานระบบยากับการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตยา และส่งเสริมการใช้วัตถุดิบที่เป็นทรัพยากรในประเทศและ
ภูมิปัญญาไทยให้สอดคล้องกับสถานการณ์ด้านเทคโนโลยี สังคมเศรษฐกิจ การขยายตัวทางการค้าและอุตสาหกรรม ซึ่งการดำเนินการพัฒนาระบบยาที่ผ่าน
มาเป็นไปภายใต้คณะกรรมการแห่งชาติด้านยาที่ตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรี ทำให้มีความไม่ต่อเนื่องในการดำเนินการ และไม่ทันต่อการแก้ปัญหา
กระทรวงสาธารณสุขจึงได้เสนอร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ พ.ศ. .... ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติหลักการ
ร่างระเบียบดังกล่าว เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2550 ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่
เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้
6. สรุปและแนวโน้ม
ปริมาณการผลิตยาและผลิตภัณฑ์เภสัชกรรมในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 ลดลงจาก ไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผู้ผลิตบาง
รายประสบปัญหาในด้านการผลิต อย่างไรก็ตามการจำหน่ายมีปริมาณเพิ่มขึ้น จากการจัดรายการส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง และผู้สั่งซื้อเกรงว่า
ราคาสินค้าจะปรับตัวสูงขึ้น จึงทำให้มีการสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น สำหรับการนำเข้าขยายตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากการเติบโตของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน การ
ที่คนไทยใส่ใจสุขภาพมากขึ้น รวมทั้งบริษัทยาข้ามชาติได้ให้ความสำคัญกับกิจกรรมส่งเสริมการตลาด และการทำประชาสัมพันธ์ นอกจากนี้ค่านิยม และ
ทัศนคติของการใช้ยาของคนในประเทศ ที่นิยมยานำเข้าจากต่างประเทศ และการที่ผู้ผลิตยาของไทยยังไม่สามารถแข่งขันกับผู้ผลิตยาต่างชาติได้ ในแง่
การตลาดและการบริหารตราสินค้า เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้มูลค่าการนำเข้ายาเพิ่มขึ้น ด้านการส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยการส่งออกไปยังตลาดหลักยัง
ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
สำหรับไตรมาสสุดท้ายของปี 2550 คาดว่า การผลิต และการจำหน่ายยาในประเทศ รวมถึงการนำเข้า และการส่งออกยา จะชะลอตัว
จากไตรมาสที่ 3 เล็กน้อยตามวัฏจักรของอุตสาหกรรม ซึ่งขยายตัวดีในช่วงไตรมาสที่ 2 และที่ 3 และชะลอตัวลงในไตรมาสที่ 4 เนื่องจากผู้ผลิต
รวมถึงผู้สั่งซื้อ จะบริหารสินค้าคงคลังไม่ให้เหลือสูงมากในปลายปี
ตารางที่ 1 ปริมาณการผลิตยาและผลิตภัณฑ์เภสัชกรรมในประเทศแยกตามรายผลิตภัณฑ์
หน่วย : ตัน
ประเภท ไตรมาส 2549 2550
Mar-49 Feb-50 Mar-50 (มค.-กย.) (มค.-กย.)
ยาเม็ด 1,474.30 1,308.80 1,581.00 4,093.40 4,318.40
% D เทียบกับไตรมาสก่อน 20.8
% D เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 7.2 5.5
ยาน้ำ 3,785.90 3,240.10 3,218.40 10,060.10 9,507.00
% D เทียบกับไตรมาสก่อน -0.7
% D เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน -15 -5.5
ยาแคปซูล 163.6 152.2 182.7 441.6 483.7
% D เทียบกับไตรมาสก่อน 20
% D เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 11.7 9.5
ยาฉีด 104.4 104.3 113.3 329.2 351.8
% D เทียบกับไตรมาสก่อน 8.6
% D เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 8.5 6.9
ยาแดงทิงเจอร์ไอโอดีน 34.6 26.6 33.9 88.4 87
% D เทียบกับไตรมาสก่อน 27.4
% D เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน -2 -1.6
ยาครีม 583.1 617.6 508.7 1,474.00 1,755.80
% D เทียบกับไตรมาสก่อน -17.6
% D เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน -12.8 19.1
ยาผง 1,108.80 1,021.50 881.9 3,251.70 2,996.10
% D เทียบกับไตรมาสก่อน -13.7
% D เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน -20.5 -7.9
รวม 7,254.70 6,471.10 6,519.90 19,738.40 19,499.80
% D เทียบกับไตรมาสก่อน 0.8
% D เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน -10.1 -1.2
ที่มา : ศูนย์สารสนเทศเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
หมายเหตุ : จำนวนโรงงานที่สำรวจรวมทั้งสิ้น 33 โรงงาน (ยาเม็ด 29 โรงงาน ยาน้ำ 28 โรงงาน ยาแคปซูล 26 โรงงาน
ยาฉีด 9 โรงงาน ยาแดงทิงเจอร์ไอโอดีน 4 โรงงาน ยาครีม 17 โรงงาน และยาผง 16 โรงงาน)
: ไตรมาส 3/2550 เป็นตัวเลขเบื้องต้น
ตารางที่ 2 ปริมาณการจำหน่ายยาและผลิตภัณฑ์เภสัชกรรมในประเทศแยกตามรายผลิตภัณฑ์
หน่วย : ตัน
ประเภท ไตรมาส 2549 2550
Mar-49 Feb-50 Mar-50 (มค.-กย.) (มค.-กย.)
ยาเม็ด 1,387.70 1,322.90 1,464.70 3,935.30 4,107.00
% D เทียบกับไตรมาสก่อน 10.7
% D เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 5.5 4.4
ยาน้ำ 4,021.30 3,727.10 4,178.60 11,048.10 11,522.80
% D เทียบกับไตรมาสก่อน 12.1
% D เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.9 4.3
ยาแคปซูล 169.1 185.4 192 513.9 577.6
% D เทียบกับไตรมาสก่อน 3.6
% D เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 13.5 12.4
ยาฉีด 82.9 81.6 86.4 261.2 261.7
% D เทียบกับไตรมาสก่อน 5.9
% D เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.2 0.2
ยาแดงทิงเจอร์ไอโอดีน 35.7 28.2 33.5 88.5 86.5
% D เทียบกับไตรมาสก่อน 18.8
% D เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน -6.2 -2.3
ยาครีม 473 576.2 530.2 1,429.10 1,576.90
% D เทียบกับไตรมาสก่อน -8
% D เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 12.1 10.3
ยาผง 155.3 168.3 166.1 564.6 486.7
% D เทียบกับไตรมาสก่อน -1.3
% D เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 7 -13.8
รวม 6,325.00 6,089.70 6,651.50 17,840.70 18,619.20
% D เทียบกับไตรมาสก่อน 9.2
% D เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 5.2 4.4
ที่มา : ศูนย์สารสนเทศเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
หมายเหตุ : จำนวนโรงงานที่สำรวจรวมทั้งสิ้น 33 โรงงาน (ยาเม็ด 29 โรงงาน ยาน้ำ 28 โรงงาน ยาแคปซูล 26 โรงงาน
ยาฉีด 9 โรงงาน ยาแดงทิงเจอร์ไอโอดีน 4 โรงงาน ยาครีม 17 โรงงาน และยาผง 16 โรงงาน)
: ปริมาณการจำหน่ายยาผงในประเทศน้อยกว่าปริมาณการผลิตมาก เนื่องจากมีผู้ประกอบการที่ทำการสำรวจ
ผลิตเพื่อการส่งออกมากกว่าการจำหน่ายในประเทศ
: ไตรมาส 3/2550 เป็นตัวเลขเบื้องต้น
ตารางที่ 3 มูลค่าการนำเข้า — ส่งออกยารักษาโรค
มูลค่า (ล้านบาท) ไตรมาส 2549 2550
Mar-49 Feb-50 Mar-50 (มค.-กย.) (มค.-กย.)
มูลค่าการนำเข้า 6,700.30 6,834.80 7,231.50 19,456.60 20,442.10
% D เทียบกับไตรมาสก่อน 5.8
% D เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 7.9 5.1
มูลค่าการส่งออก 1,161.90 1,209.10 1,279.70 3,210.90 3,711.00
% D เทียบกับไตรมาสก่อน 5.8
% D เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 10.1 15.6
ที่มา : กรมศุลกากร
หมายเหตุ : รวบรวมจาก HS 3003 และ 3004
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-
การผลิตยาและผลิตภัณฑ์เภสัชกรรม ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 มีปริมาณ 6,519.9 ตัน ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ร้อยละ 10.1 และใน 9 เดือนแรกของปี 2550 มีปริมาณการผลิต 19,499.8 ตัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 1.2
ประเภทของยาที่มีปริมาณการผลิตลดลงมาก ได้แก่ ยาน้ำ และยาผง เนื่องจากผู้ผลิตบางรายประสบปัญหาในด้านการผลิต จากเครื่องจักรที่มีปัญหา
ทำให้สินค้าที่ผลิตได้มีคุณภาพลดลง ผู้สั่งซื้อจึงเปลี่ยนไปซื้อจากที่อื่นแทน อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับ ไตรมาสก่อนการผลิตเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ร้อยละ
0.8 ซึ่งยาที่มีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นมาก คือ ยาเม็ด เนื่องจาก ในไตรมาสนี้ผู้ผลิตได้ปรับรายการส่งเสริมการขาย โดยให้ความสำคัญกับยาเม็ด ส่งผล
ให้มี คำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นมาก
2. การจำหน่ายในประเทศ
การจำหน่ายยาและผลิตภัณฑ์เภสัชกรรมในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 มีปริมาณ 6,651.5 ตัน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปี
ก่อน และไตรมาสก่อน ร้อยละ 5.2 และ 9.2 ตามลำดับ สำหรับการจำหน่ายใน 9 เดือนแรกของปี 2550 มีปริมาณ 18,619.2 ตัน เพิ่มขึ้นจากช่วง
เดียวกันของปีก่อนร้อยละ 4.4 ประเภทของยาที่มีการจำหน่ายเพิ่มขึ้นมาก ได้แก่ ยาเม็ด และยาน้ำ โดยปริมาณการจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น เนื่องมาจากการ
จัดรายการส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ผู้สั่งซื้อยังเกรงว่าราคาสินค้าจะปรับตัวสูงขึ้น จึงทำให้มีการสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นปริมาณมาก
3. การนำเข้า
การนำเข้ายารักษาโรค ไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 มีมูลค่า 7,231.5 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และไตร
มาสก่อน ร้อยละ 7.9 และ 5.8 ตามลำดับ โดยตลาดนำเข้ายารักษาโรคที่สำคัญในไตรมาสนี้ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมนี สวิตเซอร์
แลนด์ และสหราชอาณาจักร ซึ่งการนำเข้าจากประเทศดังกล่าวมีมูลค่ารวม 3,370.7 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 46.6 ของมูลค่าการนำเข้ายารักษาโรค
ทั้งหมด สำหรับใน 9 เดือนแรกของปี 2550 มีการนำเข้ายารักษาโรคมูลค่า 20,442.1 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ
5.1 โดยตลาดนำเข้าสำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักร ซึ่งการนำเข้าจากประเทศดังกล่าวมีมูลค่า
รวม 9,421.4 ล้านบาท หรือร้อยละ 46.1 ของมูลค่าการนำเข้ายารักษาโรคทั้งหมด
ยารักษาโรคที่นำเข้า ส่วนใหญ่เป็นยาต้นตำรับ และยาที่มีสิทธิบัตรซึ่งไม่สามารถผลิตเพิ่มขึ้นได้ในประเทศ โดยนำเข้าจากประเทศที่เป็นผู้
ผลิตเวชภัณฑ์ชั้นนำของโลก การนำเข้ามีมูลค่าเพิ่มขึ้น เนื่องมาจากการเติบโตของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน นอกจากนี้คนไทยยังใส่ใจสุขภาพมากขึ้น
ประกอบกับบริษัทยาข้ามชาติได้ให้ความสำคัญกับกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ผ่านช่องทางการจำหน่ายยาของโรงพยาบาล ซึ่งให้แพทย์เป็นผู้พิจารณาเลือก
ใช้ในการรักษาโรค และการทำประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนดูแลสุขภาพ นอกจากนี้ค่านิยม และทัศนคติของการใช้ยาของคนในประเทศ ที่นิยมยานำเข้า
จากต่างประเทศ และการที่ผู้ผลิตยาของไทยยังไม่สามารถแข่งขันกับผู้ผลิตยาต่างชาติได้ ในแง่การตลาดและการบริหารตราสินค้า เป็นสาเหตุที่ส่งผลให้
มูลค่าการนำเข้ายาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
4. การส่งออก
การส่งออกยารักษาโรคในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 มีมูลค่า 1,279.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 10.1
และไตรมาสก่อนร้อยละ 5.8 ตลาดส่งออกสำคัญในไตรมาสนี้ ได้แก่ เวียดนาม เมียนมาร์ กัมพูชา มาเลเซีย และฮ่องกง โดยการส่งออกไปประเทศ
ดังกล่าวมีมูลค่ารวม 865.1 ล้านบาท หรือร้อยละ 67.6 ของมูลค่าการส่งออกยารักษาโรคทั้งหมด สำหรับใน 9 เดือนแรกของปี 2550 มีมูลค่าการส่ง
ออก 3,711 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 15.6 ตลาดส่งออกสำคัญใน 9 เดือนแรกของปีนี้ ได้แก่ เวียดนาม กัมพูชา เมียนมา
ร์ มาเลเซีย และฮ่องกง โดยการส่งออกไปประเทศดังกล่าวมีมูลค่ารวม 2,496.8 ล้านบาท หรือร้อยละ 67.3 ของมูลค่าการส่งออกยารักษาโรคทั้ง
หมด
ยาที่ส่งออกเป็นยาสามัญ ซึ่งการส่งออกไปยังตลาดหลักยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ยาเป็นสินค้าที่มี Royalty สูง ถ้าผู้สั่งซื้อจากต่าง
ประเทศมั่นใจในมาตรฐานของสินค้าแล้ว ตลาดจะยังสามารถเติบโตไปได้เรื่อยๆ ประกอบกับผู้สั่งซื้อมักจะสั่งซื้อสินค้ามากในไตรมาสที่ 2 — 3 เพื่อ
บริหารสินค้าคงคลังไม่ให้เหลือมากในไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้สามารถส่งออกสินค้าได้มากขึ้น
5. นโยบายรัฐ
5.1 ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ....
จากการที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2550 มอบให้กระทรวงการคลังเร่งรัดดำเนินการเกี่ยวกับ เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติ
จัดซื้อจัดจ้าง ในการนี้ กระทรวงการคลังพิจารณาแล้วเห็นว่า การยกร่างกฎหมายจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเป็นพระราชบัญญัติจะต้องใช้ระยะเวลาพอ
สมควร ดังนั้น จึงเห็นควรยกร่างเป็นพระราชกฤษฎีกา ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. …. เพื่อใช้บังคับกับส่วนราชการทั้ง
หมดก่อน และในโอกาสต่อไป หากเห็นสมควรจะมีการปรับปรุงเป็นพระราชบัญญัติจะสามารถกระทำได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งในการประชุมคณะ
รัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2550 คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.
ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน และให้ถอนร่างระเบียบกระทรวงการ
คลังว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. .... ออกจากการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ทั้งนี้ ในส่วนหนึ่งของร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว
กระทรวงการคลังได้มีการเสนอให้ยกเลิกเรื่องการจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยาขององค์การเภสัชกรรม และโรงงานเภสัชกรรมทหาร เพื่อเปิดโอกาส
ให้ผู้ค้าภาคเอกชนได้เข้าร่วมการแข่งขันทางการค้าอย่างเสรีโดยอาศัยกลไกตลาด ซึ่งจะทำให้ทางราชการได้รับประโยชน์มากขึ้น
5.2 ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ พ.ศ. ....
กระทรวงสาธารณสุข เห็นว่ายาเป็นปัจจัยสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหาสุขภาพของคนไทย ซึ่งมีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ
การพัฒนาระบบยาจึงจำเป็นต้องมีนโยบายที่ชัดเจน และมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ คล่องตัว และต่อเนื่อง รวมทั้งสามารถประสานความร่วม
มือของส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน และสามารถประสานการจัดการศึกษาของสถาบันการศึกษาและสภาวิชาชีพให้ผลิตและ
พัฒนาผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพทุกสาขาให้มีความรู้ ความสามารถ ความรับผิดชอบ ทักษะ จริยธรรม และเจตคติที่ดีในการบริหารจัดการการใช้ยา
อย่างคุ้มค่าและสมเหตุผล รวมทั้งการประสานระบบยากับการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตยา และส่งเสริมการใช้วัตถุดิบที่เป็นทรัพยากรในประเทศและ
ภูมิปัญญาไทยให้สอดคล้องกับสถานการณ์ด้านเทคโนโลยี สังคมเศรษฐกิจ การขยายตัวทางการค้าและอุตสาหกรรม ซึ่งการดำเนินการพัฒนาระบบยาที่ผ่าน
มาเป็นไปภายใต้คณะกรรมการแห่งชาติด้านยาที่ตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรี ทำให้มีความไม่ต่อเนื่องในการดำเนินการ และไม่ทันต่อการแก้ปัญหา
กระทรวงสาธารณสุขจึงได้เสนอร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ พ.ศ. .... ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติหลักการ
ร่างระเบียบดังกล่าว เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2550 ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่
เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้
6. สรุปและแนวโน้ม
ปริมาณการผลิตยาและผลิตภัณฑ์เภสัชกรรมในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 ลดลงจาก ไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผู้ผลิตบาง
รายประสบปัญหาในด้านการผลิต อย่างไรก็ตามการจำหน่ายมีปริมาณเพิ่มขึ้น จากการจัดรายการส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง และผู้สั่งซื้อเกรงว่า
ราคาสินค้าจะปรับตัวสูงขึ้น จึงทำให้มีการสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น สำหรับการนำเข้าขยายตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากการเติบโตของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน การ
ที่คนไทยใส่ใจสุขภาพมากขึ้น รวมทั้งบริษัทยาข้ามชาติได้ให้ความสำคัญกับกิจกรรมส่งเสริมการตลาด และการทำประชาสัมพันธ์ นอกจากนี้ค่านิยม และ
ทัศนคติของการใช้ยาของคนในประเทศ ที่นิยมยานำเข้าจากต่างประเทศ และการที่ผู้ผลิตยาของไทยยังไม่สามารถแข่งขันกับผู้ผลิตยาต่างชาติได้ ในแง่
การตลาดและการบริหารตราสินค้า เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้มูลค่าการนำเข้ายาเพิ่มขึ้น ด้านการส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยการส่งออกไปยังตลาดหลักยัง
ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
สำหรับไตรมาสสุดท้ายของปี 2550 คาดว่า การผลิต และการจำหน่ายยาในประเทศ รวมถึงการนำเข้า และการส่งออกยา จะชะลอตัว
จากไตรมาสที่ 3 เล็กน้อยตามวัฏจักรของอุตสาหกรรม ซึ่งขยายตัวดีในช่วงไตรมาสที่ 2 และที่ 3 และชะลอตัวลงในไตรมาสที่ 4 เนื่องจากผู้ผลิต
รวมถึงผู้สั่งซื้อ จะบริหารสินค้าคงคลังไม่ให้เหลือสูงมากในปลายปี
ตารางที่ 1 ปริมาณการผลิตยาและผลิตภัณฑ์เภสัชกรรมในประเทศแยกตามรายผลิตภัณฑ์
หน่วย : ตัน
ประเภท ไตรมาส 2549 2550
Mar-49 Feb-50 Mar-50 (มค.-กย.) (มค.-กย.)
ยาเม็ด 1,474.30 1,308.80 1,581.00 4,093.40 4,318.40
% D เทียบกับไตรมาสก่อน 20.8
% D เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 7.2 5.5
ยาน้ำ 3,785.90 3,240.10 3,218.40 10,060.10 9,507.00
% D เทียบกับไตรมาสก่อน -0.7
% D เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน -15 -5.5
ยาแคปซูล 163.6 152.2 182.7 441.6 483.7
% D เทียบกับไตรมาสก่อน 20
% D เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 11.7 9.5
ยาฉีด 104.4 104.3 113.3 329.2 351.8
% D เทียบกับไตรมาสก่อน 8.6
% D เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 8.5 6.9
ยาแดงทิงเจอร์ไอโอดีน 34.6 26.6 33.9 88.4 87
% D เทียบกับไตรมาสก่อน 27.4
% D เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน -2 -1.6
ยาครีม 583.1 617.6 508.7 1,474.00 1,755.80
% D เทียบกับไตรมาสก่อน -17.6
% D เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน -12.8 19.1
ยาผง 1,108.80 1,021.50 881.9 3,251.70 2,996.10
% D เทียบกับไตรมาสก่อน -13.7
% D เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน -20.5 -7.9
รวม 7,254.70 6,471.10 6,519.90 19,738.40 19,499.80
% D เทียบกับไตรมาสก่อน 0.8
% D เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน -10.1 -1.2
ที่มา : ศูนย์สารสนเทศเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
หมายเหตุ : จำนวนโรงงานที่สำรวจรวมทั้งสิ้น 33 โรงงาน (ยาเม็ด 29 โรงงาน ยาน้ำ 28 โรงงาน ยาแคปซูล 26 โรงงาน
ยาฉีด 9 โรงงาน ยาแดงทิงเจอร์ไอโอดีน 4 โรงงาน ยาครีม 17 โรงงาน และยาผง 16 โรงงาน)
: ไตรมาส 3/2550 เป็นตัวเลขเบื้องต้น
ตารางที่ 2 ปริมาณการจำหน่ายยาและผลิตภัณฑ์เภสัชกรรมในประเทศแยกตามรายผลิตภัณฑ์
หน่วย : ตัน
ประเภท ไตรมาส 2549 2550
Mar-49 Feb-50 Mar-50 (มค.-กย.) (มค.-กย.)
ยาเม็ด 1,387.70 1,322.90 1,464.70 3,935.30 4,107.00
% D เทียบกับไตรมาสก่อน 10.7
% D เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 5.5 4.4
ยาน้ำ 4,021.30 3,727.10 4,178.60 11,048.10 11,522.80
% D เทียบกับไตรมาสก่อน 12.1
% D เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.9 4.3
ยาแคปซูล 169.1 185.4 192 513.9 577.6
% D เทียบกับไตรมาสก่อน 3.6
% D เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 13.5 12.4
ยาฉีด 82.9 81.6 86.4 261.2 261.7
% D เทียบกับไตรมาสก่อน 5.9
% D เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.2 0.2
ยาแดงทิงเจอร์ไอโอดีน 35.7 28.2 33.5 88.5 86.5
% D เทียบกับไตรมาสก่อน 18.8
% D เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน -6.2 -2.3
ยาครีม 473 576.2 530.2 1,429.10 1,576.90
% D เทียบกับไตรมาสก่อน -8
% D เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 12.1 10.3
ยาผง 155.3 168.3 166.1 564.6 486.7
% D เทียบกับไตรมาสก่อน -1.3
% D เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 7 -13.8
รวม 6,325.00 6,089.70 6,651.50 17,840.70 18,619.20
% D เทียบกับไตรมาสก่อน 9.2
% D เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 5.2 4.4
ที่มา : ศูนย์สารสนเทศเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
หมายเหตุ : จำนวนโรงงานที่สำรวจรวมทั้งสิ้น 33 โรงงาน (ยาเม็ด 29 โรงงาน ยาน้ำ 28 โรงงาน ยาแคปซูล 26 โรงงาน
ยาฉีด 9 โรงงาน ยาแดงทิงเจอร์ไอโอดีน 4 โรงงาน ยาครีม 17 โรงงาน และยาผง 16 โรงงาน)
: ปริมาณการจำหน่ายยาผงในประเทศน้อยกว่าปริมาณการผลิตมาก เนื่องจากมีผู้ประกอบการที่ทำการสำรวจ
ผลิตเพื่อการส่งออกมากกว่าการจำหน่ายในประเทศ
: ไตรมาส 3/2550 เป็นตัวเลขเบื้องต้น
ตารางที่ 3 มูลค่าการนำเข้า — ส่งออกยารักษาโรค
มูลค่า (ล้านบาท) ไตรมาส 2549 2550
Mar-49 Feb-50 Mar-50 (มค.-กย.) (มค.-กย.)
มูลค่าการนำเข้า 6,700.30 6,834.80 7,231.50 19,456.60 20,442.10
% D เทียบกับไตรมาสก่อน 5.8
% D เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 7.9 5.1
มูลค่าการส่งออก 1,161.90 1,209.10 1,279.70 3,210.90 3,711.00
% D เทียบกับไตรมาสก่อน 5.8
% D เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 10.1 15.6
ที่มา : กรมศุลกากร
หมายเหตุ : รวบรวมจาก HS 3003 และ 3004
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-