สรุปประเด็นสำคัญ
ดัชนีอุตสาหกรรมของเดือนตุลาคม 2549
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม = 169.87 ลดลงจากเดือนกันยายน 2549 (172.09) ร้อยละ 1.29 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (162.28) ร้อยละ 4.68
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนกันยายน 2549 ได้แก่ การผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ การแปรรูปและการถนอมสัตว์น้ำ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ การจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอรวมถึงการทอสิ่งทอ การผลิตมอลต์ลิกเคอและมอลต์ การผลิตอื่นๆ ซึ่งมิได้จัดประเภทไว้ในที่อื่น
- อัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ย = 68.01 ลดลงเล็กน้อยจากเดือนกันยายน 2549 (68.26) ร้อยละ 0.4 และลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (68.75) ร้อยละ 1.1
ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมในเดือนพฤศจิกายน 2549
- อุตสาหกรรมอาหาร คาดว่าการผลิตและการส่งออกจะขยายต่อเนื่องจากปริมาณคำสั่งซื้อสินค้าที่เริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นตามฤดูกาลในช่วงไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็นช่วงส่งท้ายปีที่มีเทศกาลสำคัญๆ อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยเสี่ยงในเรื่องโรคระบาดไก่ และการแข็งค่าเงินบาท นอกจากนี้สถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ทำการเกษตรอาจส่งผลต่อปริมาณวัตถุดิบที่จะเข้าสู่ภาคการผลิตเพื่อการส่งออกและบริโภคในระยะต่อไป
- อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม การผลิตผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูป ในเดือนพฤศจิกายน 2549 คาดว่าจะปรับตัวในทิศทาง
ที่ดีขึ้นต่อเนื่องจนสิ้นปี แต่ ตลาดสิ่งทอฯ ยังต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากประเทศที่มีต้นทุนแรงงานต่ำที่เพิ่มบทบาทขึ้นในตลาดโลก และปัญหาการแข็งค่าของค่า เงินบาท อาจส่งผลให้แข่งขันได้ลำบากมากขึ้นหรือผู้ประกอบการอาจจะต้องแสวงหาตลาดใหม่เพื่อลดผลกระทบจากความเสี่ยงจากตลาดหลักโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักของอุตสาหกรรมสิ่งทอไทย
- อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า สถานการณ์เหล็กในเดือน พ.ย. 2549 คาดว่าทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยการผลิตเหล็กทรงยาวอาจจะขยายตัวเล็กน้อย เพื่อใช้สำหรับการซ่อมแซมบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ตลอดจนถนนต่างๆ หลังจากเกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ของประเทศ สำหรับการผลิตของเหล็กทรงแบนคาดการณ์ว่าจะชะลอตัว ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความต้องการในประเทศที่ชะลอตัวอยู่ ขณะที่การส่งออกมีแนวโน้มที่ลดลง
เนื่องจากประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าที่สำคัญ มีความต้องการที่เริ่มอิ่มตัวและได้วางแผนที่จะลดปริมาณสินค้าคงคลังซึ่งมีอยู่
จำนวนมากให้ลดลงภายในระยะเวลา 6 เดือน จึงทำให้มีการนำเข้ามีแนวโน้มชะลอตัวลง
- อุตสาหกรรมยานยนต์ ภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนพฤศจิกายน 2549 คาดว่าขยายตัวขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนตุลาคม 2549 เนื่องจากเป็นช่วงฤดูการขาย ประกอบกับความชัดเจนของนโยบายทางเศรษฐกิจ กระแสความนิยมรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ของผู้บริโภค และกิจกรรมการส่งเสริมการขาย ตลอดจนข้อเสนอการเช่าซื้อที่น่าสนใจของค่ายรถยนต์ต่างๆ
- อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ในเดือนพฤศจิกายน และเดือนธันวาคม 2549 คาดว่าการผลิตและการจำหน่ายในประเทศจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้องการของตลาดที่เริ่มสูงขึ้นในไตรมาส 4 เพราะอยู่ในช่วงฤดูกาลก่อสร้าง สำหรับการส่งออกคาดว่าจะมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากธุรกิจ
อสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐอเมริกายังอยู่ในภาวะชะลอตัว
- อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ภาวการณ์ผลิตและขายสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในเดือนพฤศจิกายน 2549 และไตรมาส 4 คาดว่า ในกลุ่มภาพและเครื่องเสียง (AV) อาจจะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงปลายปี เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลต่างๆ ส่วนสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในเดือนพฤศจิกายนและช่วงปลายปีคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงเช่นกัน เนื่องจากความต้องการสินค้า Consumer Electronic ของโลกที่ยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง เช่น
Notebook MP3 DVD Player เป็นต้น ซึ่งในสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จะอาศัยการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง
สถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม
ก.ย. 49 = 172.09
ต.ค. 49 = 169.87
โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนี ลดลง ได้แก่
- การผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ
- การแปรรูปและการถนอมสัตว์น้ำ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ
- การจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอ รวมถึงการทอสิ่งทอ
อัตราการใช้กำลังการผลิต
ก.ย. 49 = 68.26
ต.ค. 49 = 68.01
โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตทรงตัวโดยลดลงเล็กน้อย ได้แก่
- การจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอรวมถึงการทอสิ่งทอ
- การแปรรูปและการถนอมสัตว์น้ำ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ
- การผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ
1.อุตสาหกรรมอาหาร
ภาวะการผลิตและการส่งออกปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่เดือนหน้าคาดว่าจะยังขยายตัวต่อเนื่องจากปริมาณคำสั่งซื้อสินค้าที่ปรับตัวตามฤดูกาลสำหรับการจำหน่ายในประเทศอาจชะลอตัวตามสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้น
1. การผลิต
ภาวะการผลิตโดยรวมขยายตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนและเดือนก่อนร้อยละ 8.5 และ 0.2 โดยสินค้าสำคัญที่ผลิตเพื่อส่งออกขยายตัว
เมื่อเทียบกับปีก่อน ได้แก่ แป้งมันสำปะหลังร้อยละ 32.9 สำหรับการผลิตเพื่อใช้ในประเทศ ปาล์มน้ำมัน มีการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.9 และ
อาหารไก่ผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.6 โดยที่การใช้กำลังการผลิตในภาพรวมเพิ่มขึ้นจากปีก่อนและเดือนก่อน ร้อยละ 2.7 และ 0.4
2. การตลาด
1) ตลาดในประเทศ มูลค่าการจำหน่ายสินค้าอาหารเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนและเดือนก่อนร้อยละ 16.1 และ 2.9 เนื่องจากระดับ
ราคาน้ำมันเริ่มชะลอตัวลง และมีการจับจ่ายใช้สอยทั้งในด้านอุปโภคปริมาณการผลิตอุตสาหกรรมอาหารที่สำคัญ บริโภคของภาครัฐและเอกชนเพิ่มขึ้น
2) ตลาดต่างประเทศ ภาวะการส่งออกโดยรวม มีปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 50.2 และ 12.8 เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยสินค้า
ส่งออกหลัก ได้แก่ ทูน่ากระป๋องมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.2 ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ร้อยละ 36.7 สับปะรดกระป๋อง ร้อยละ 19.2 และผลิตภัณฑ์
ข้าวร้อยละ 2.2 เป็นผลจากความเชื่อถือต่อภาพลักษณ์อาหารของไทยและคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาลตัน
3. แนวโน้ม
คาดว่าการผลิตและการส่งออกจะขยายต่อเนื่องจากปริมาณคำสั่งซื้อสินค้าที่เริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นตามฤดูกาลในช่วงไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็น
ช่วงส่งท้ายปีที่มีเทศกาลสำคัญๆ อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยเสี่ยงในเรื่องโรคระบาดไก่ และการแข็งค่าเงินบาท นอกจากนี้สถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ทำการเกษตรอาจส่งผลต่อปริมาณวัตถุดิบที่จะเข้าสู่ภาคการผลิตเพื่อการส่งออกและบริโภคในระยะต่อไป
2.อุตสาหกรรมน้ำตาล (กันยายน)
1. น้ำตาลทราย
1.1 การผลิต
ตั้งแต่มีการปิดหีบอ้อยเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2549 โรงงานน้ำตาลทั้ง 46 โรงงานในประเทศได้หยุดการผลิตน้ำตาลทรายดิบ แต่มีบางโรงงานได้นำน้ำตาลทรายดิบไปละลายเพื่อแปรสภาพเป็นน้ำตาลทรายขาวและน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ โดยมีการผลิตน้ำตาลทรายรวมตั้งแต่เดือนมกราคม-กันยายน2549 (9 เดือน) จำนวนทั้งสิ้น 4,388,073.00 ตัน ในจำนวนนี้เป็นน้ำตาลทรายดิบ จำนวน 1,613,101.69 ตัน หรือ 37% ของผลผลิตน้ำตาลทั้งหมด ส่วนที่เหลือเป็นน้ำตาลทรายขาวและน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์
1.2 การบริโภค
ในเดือนกันยายน 2549 มีการบริโภคน้ำตาลทรายในประเทศจำนวน 186,346.16 ตัน เพิ่มขึ้น 4% จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งมีการบริโภค จำนวน 178,026.52 ตัน สำหรับการบริโภคโดยรวม ตั้งแต่เดือนมกราคม — กันยายน 2549 (9 เดือน) มีจำนวนทั้งสิ้น 1,720,067.09 ตัน เพิ่มขึ้น 3% จากในช่วงเดียวกันของปี 2548
1.3 การส่งออก
ในเดือนกันยายน 2549 ประเทศไทยมีการส่งออกน้ำตาลจำนวน 310,483.57 ตัน เพิ่มขึ้น 37% จากเดือนสิงหาคม 2549 ซึ่งส่งออกได้จำนวน 197,179.60 ตัน และการส่งออกน้ำตาลตั้งแต่เดือนมกราคม — กันยายน 2549 (9 เดือน) มีจำนวนทั้งสิ้น 1,560,722.75 ตัน เป็นการส่งออกน้ำตาลทรายดิบ 884,204.55 ตัน หรือ 57% ของปริมาณการส่งออกทั้งหมด โดยปริมาณการส่งออกในเดือนกันยายนของปีนี้ลดลง 39% จากในช่วงเดียวกันของปี 2548
1.4 การนำเข้า
ในช่วงเดือนมกราคม-สิงหาคม 2549 (8 เดือน) มีการนำเข้าน้ำตาลทราย จำนวนทั้งสิ้น 10,415.63 ตัน ส่วนในเดือนกันยายนไม่มีการนำเข้าน้ำตาลทรายจากต่างประเทศ และปริมาณการนำเข้าน้ำตาลตั้งแต่เดือนมกราคม-กันยายน 2549 ยังคงไม่เกินโควตานำเข้าภายในกรอบ WTO ซึ่งประเทศไทยผูกพันไว้ที่ จำนวน 13,760 ตัน ที่อัตราภาษีนำเข้า 65% ส่วนอัตราภาษีนอกโควตาอยู่ที่ 94%
2. กากน้ำตาล
ในเดือนกันยายน 2549 มีการผลิตกากน้ำตาล จำนวน 354.3 ตัน ลดลง 71% จากในช่วงเดียวกันของปี 2548 ส่วนผลผลิตกากน้ำตาลตั้งแต่เดือนมกราคม — กันยายน 2549 (9 เดือน) มีจำนวนทั้งสิ้น 1,990,064.65 ตัน การส่งออกกากน้ำตาลในเดือนกันยายน 2549 มีจำนวนทั้งสิ้น
26,600.00 ตัน หรือประมาณ 1% ของปริมาณการผลิตทั้งหมด ส่วนการส่งออกตั้งแต่เดือนมกราคม — กันยายน 2549 มีจำนวน 408,303.13 ตัน
3. อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
“...ปัญหาการแข็งค่าของค่าเงินบาทอาจส่งผลให้การแข่งขันได้ลำบากมากขึ้นหรือผู้ประกอบการอาจจะต้องแสวงหาตลาดใหม่เพื่อลดผลกระทบจากความเสี่ยง...”
1. การผลิตและการจำหน่าย
ภาวะการผลิตเมื่อพิจารณาจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนตุลาคม 2549 การผลิตเส้นใยสิ่งทอฯ ลดลงร้อยละ 4.3 เมื่อเทียบกับ
เดือนก่อนและร้อยละ 11.9 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากมีการผลิตสะสมสินค้าในสต๊อกค่อนข้างมากในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา แต่การ
ผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งที่ผลิตจากผ้าถักและผลิตจากผ้าทอเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.9 และ 8.2 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ
6.0 และ 15.6 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน
2. การส่งออกและตลาดส่งออก
มูลค่าการส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มในเดือนตุลาคม 2549 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 6.5 แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนได้แก่เสื้อผ้าสำเร็จรูป (+0.5%) ผ้าผืนที่ทำจากฝ้าย(+20.6%)
เคหะสิ่งทอ(+18.4%) เส้นใยประดิษฐ์ (+15.9%) ผ้าปักและผ้าลูกไม้(+28.7%) และผ้าแบบสำหรับตัดเสื้อฯ (+41.2%) ตลาดส่งออกหลักคือ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป อาเซียนและญี่ปุ่น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30.0, 17.7, 13.3 และ 5.7 ตามลำดับ
3. การนำเข้า
การนำเข้าผลิตภัณฑ์สิ่งทอโดยรวมในเดือนตุลาคม 2549 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนและเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 10.2 และ 6.9
โดยเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนนำเข้าเส้นใยฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.2 ตลาดนำเข้าหลัก คือสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และอินเดีย ด้ายทอ
ผ้าฯ นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.3 ตลาดนำเข้าหลักคือจีน ญี่ปุ่น และไต้หวันผลิตภัณฑ์สิ่งทออื่นๆ นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.0 ตลาดนำเข้าหลักคือ จีน
ญี่ปุ่น และ ฮ่องกง เสื้อผ้าสำเร็จรูปนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.4 ตลาดนำเข้าหลักคือ จีน ฮ่องกง และอิตาลี ขณะที่นำเข้าเครื่องจักรสิ่งทอ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.9 ส่วนใหญ่นำเข้าจากญี่ปุ่น เยอรมนีและไต้หวัน สำหรับผลิตภัณฑ์ที่นำเข้า ลดลงได้แก่ผ้าผืน และวัตถุทออื่นๆ เนื่องจากมีการผลิตและส่งออก
มากขึ้น โดยเฉพาะผ้าผืนที่ผลิตจากฝ้าย
4. แนวโน้ม
การผลิตผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเสื้อผ้าสำ เร็จรูป ในเดือนพฤศจิกายน 2549 คาดว่าจะปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่องจนสิ้นปี แต่
ตลาดสิ่งทอฯ ยังต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากประเทศที่มีต้นทุนแรงงานต่ำที่เพิ่มบทบาทขึ้นในตลาดโลก และปัญหาการแข็งค่าของค่า เงิน
บาท อาจส่งผลให้แข่งขันได้ลำบากมากขึ้นหรือผู้ประกอบการอาจจะต้องแสวงหาตลาดใหม่เพื่อลดผลกระทบจากความเสี่ยงจากตลาดหลักโดยเฉพาะ
สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักของอุตสาหกรรมสิ่งทอไทย
4. อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า
ประเทศจีนได้ประกาศอย่างเป็นทางการเรื่องการจัดเก็บภาษีส่งออกร้อยละ 10 ของผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป ( Bloom Slab Billet และ Ingot ) รวมถึงผลิตภัณฑ์พวก Pig iron และ Ferro-Alloys ซึ่งมาตรการดังกล่าวมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน
2549
1.การผลิต
ภาวะการผลิตเหล็กในช่วงเดือน ต.ค. 49 ชะลอตัวลงเล็กน้อย ร้อยละ 0.11 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนนี้มีค่า 136.46 เป็นผลมาจากการชะลอตัวของเหล็กทรงยาว ร้อยละ 6.17 โดยเหล็กเส้นข้ออ้อย ลดลงมากที่สุด ร้อยละ 11.27 เหล็กเส้นกลมและเหล็กลวด ลดลง ร้อยละ 5.63 และ 4.21 ตามลำดับ เนื่องจากความต้องการใช้ในประเทศที่ทรงตัวอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับผู้ผลิตยังคงมีปริมาณสินค้าคงคลังเหลืออยู่ จึงชะลอการผลิตลง ซึ่งจากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย พบว่าเครื่องชี้ภาวะอสังหาริมทรัพย์ของเดือนกันยายนบางตัวปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนที่แล้วโดยพื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลทั้งประเทศและมูลค่าการซื้อขายที่ดินทั้งประเทศ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 6.3 และ 0.20 ตามลำดับ แต่จำนวนรายการซื้อขายที่ดินทั้งประเทศกลับลดลง ร้อยละ 7.89
สำหรับผลิตภัณฑ์เหล็กทรงแบน การผลิตทรงตัว ร้อยละ 0.08 เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว โดยเหล็กแผ่นรีดเย็นมีการผลิตที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 45.43 สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตลดลง คือ เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีและเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน ลดลง ร้อยละ 14.52 และ 14.47 ตามลำดับ ขณะเดียวกันเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ภาวะการผลิตชะลอตัวลง ร้อยละ 6.03 โดยผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเหล็กทรงยาว ชะลอตัวลงเล็กน้อย ร้อยละ 0.22 โดยเหล็กเส้นกลมมีการผลิตที่ลดลงมากที่สุด ร้อยละ 32.27 สำหรับผลิตภัณฑ์เหล็กทรงแบนลดลง ร้อยละ 9.86 โดยเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน ลดลงมากที่สุด ร้อยละ 41.11
2.ราคาเหล็ก
การเปลี่ยนแปลงของราคาเหล็ก (FOB) โดยเฉลี่ยที่สำคัญในตลาด CIS ณ ท่าทะเลดำ (Black Sea) ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2549 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ราคาโดยเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์เหล็กแทบทุกตัวปรับตัวขึ้นโดยเหล็กแผ่นรีดร้อน เพิ่มขึ้นจาก 500 เป็น 505 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 1.00 เหล็กแผ่นรีดเย็นเพิ่มขึ้นจาก 575 เป็น 580 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 0.87 และเหล็กแท่งแบน เพิ่มขึ้นจาก 425 เป็น 426 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 0.24 แต่ เหล็กแท่งเล็กบิลเล็ต ลดลงจาก 421 เป็น 412 เหรียญสหรัฐต่อตัน ลดลงร้อยละ 2.05 เหล็กเส้นเพิ่มขึ้นจาก 480 เป็น 472 เหรียญสหรัฐต่อตัน ลดลง ร้อยละ 1.67
3. แนวโน้ม
สถานการณ์เหล็กในเดือน พ.ย. 2549 คาดว่าทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยการผลิตเหล็กทรงยาวอาจจะขยายตัวเล็กน้อย เพื่อใช้สำหรับการซ่อมแซมบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ตลอดจนถนนต่างๆ หลังจากเกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ของประเทศ สำหรับการผลิตของเหล็กทรงแบนคาดการณ์ว่าจะชะลอตัวส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความต้องการในประเทศที่ชะลอตัวอยู่ ขณะที่การส่งออกมีแนวโน้มที่ลดลงเนื่องจากประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าที่สำคัญมีความต้องการที่เริ่มอิ่มตัวและได้วางแผนที่จะลดปริมาณสินค้าคงคลังซึ่งมีอยู่จำนวนมากให้ลดลงภายในระยะเวลา 6 เดือน จึงทำให้มีการนำเข้ามีแนวโน้มชะลอตัวลง
5. อุตสาหกรรมยานยนต์
รถยนต์
อุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนตุลาคม 2549 ชะลอตัวลงเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนที่ผ่านมา ทั้งด้านการผลิต และการส่งออก เนื่องจากยังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมหนักในหลายพื้นที่ของประเทศ แต่อย่างไรก็ตามการจำหน่ายภายในประเทศยังคงขยายตัว
ได้หลังจากเดือนที่ผ่านมาชะลอตัวลง โดยมีข้อมูลสภาวะ
อุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนตุลาคม ดังนี้
- การผลิตรถยนต์ จำนวน 101,264 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2548 ซึ่งมีการผลิต 104,629 คัน ร้อยละ 3.22 และลดลงจากเดือนกันยายน 2549 ร้อยละ 1.89
- การจำหน่ายรถยนต์ จำนวน 50,558 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2548 ซึ่งมีการจำหน่าย 57,397 คัน ร้อยละ 11.92 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2549 ร้อยละ 2.38
- การส่งออกรถยนต์ จำนวน 41,776 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2548 ซึ่งมีการส่งออก 49,725 คัน ร้อยละ 15.99 และลดลงจากเดือนกันยายน 2549 ร้อยละ 16.12 ทั้งนี้ เนื่องจากผู้ส่งออกรายใหญ่รายหนึ่งไม่สามารถส่งออกรถยนต์ได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากประสบปัญหาด้านการขนส่งสินค้า
- แนวโน้ม ภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนพฤศจิกายน 2549 คาดว่าขยายตัวขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนตุลาคม 2549 เนื่องจากเป็นช่วงฤดูการขายประกอบกับความชัดเจนของนโยบายทางเศรษฐกิจกระแสความนิยมรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ของผู้บริโภค และกิจกรรมการส่งเสริมการขาย ตลอดจนข้อเสนอการเช่าซื้อที่น่าสนใจของค่ายรถยนต์ต่างๆ
รถจักรยานยนต์
อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนตุลาคม 2549 ชะลอตัวลงเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนที่ผ่านมาเนื่องจากยังได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยก่อให้เกิดน้ำท่วมหนักในหลายพื้นที่ของประเทศ โดยมีข้อมูลสภาวะอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ ในเดือนตุลาคม ดังนี้
- การผลิตรถจักรยานยนต์ จำนวน 148,127 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2548 ซึ่งมีการผลิต 203,856 คัน ร้อยละ 27.34 และลดลงจากเดือนกันยายน 2549 ร้อยละ 7.29
- การจำหน่าย จำนวน 144,203 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2548 ซึ่งมีการจำหน่าย 188,599 คัน ร้อยละ 23.54 และลดลงจากเดือนกันยายน 2549 ร้อยละ8.97
- การส่งออกรถจักรยานยนต์ มีจำนวน 6,019 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2548 ซึ่งมีการส่งออก 12,307 คัน ร้อยละ 51.09 และลดลงจากเดือนกันยายน 2549 ร้อยละ 6.35 ทั้งนี้เนื่องจากผู้ผลิตบางรายได้หยุดการส่งออกรถจักรยานยนต์รุ่นเก่า และเริ่มที่จะส่งออกรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดยุโรป ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงการพัฒนาด้านการตลาด จึงคาดว่าปริมาณการส่งออกจะมากขึ้นในช่วงต้นปี 2550
- แนวโน้ม ภาวะอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนพฤศจิกายน 2549 คาดว่าจะทรงตัวจากเดือนตุลาคม 2549 เนื่องจากปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นทำให้เกิดการชะลอตัวทางเศรษฐกิจต่อเนื่องมาจนถึงเดือนนี้
6.อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์
1.การผลิตและการจำหน่ายในประเทศการผลิตและการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศ เดือนตุลาคม 2549 เทียบกับเดือนก่อน ลดลง
ร้อยละ 9.10 และ 7.09 ตามลำดับ และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การผลิตในประเทศลดลงร้อยละ 4.20 ขณะที่การจำหน่ายในประเทศยังทรงตัวคือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.81 ทั้งนี้การผลิตและการจำหน่ายในประเทศที่ลดลงนี้ เนื่องจากในบางพื้นที่ยังประสบกับปัญหาอุทกภัย “การผลิตและการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศลดลง เนื่องจากในบางพื้นที่ยังประสบกับปัญหาอุทกภัย สำหรับการส่งออกลดลง เนื่องจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในตลาดหลัก ได้แก่สหรัฐอเมริกา และประเทศเทศเพื่อนบ้านในแถบอาเซียนลดลง”
1.การผลิตและการจำหน่ายในประเทศ
การผลิตและการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศ เดือนตุลาคม 2549 เทียบกับเดือนก่อน ลดลงร้อยละ 9.10 และ 7.09 ตามลำดับ และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การผลิตในประเทศลดลงร้อยละ 4.20 ขณะที่การจำหน่ายในประเทศยังทรงตัวคือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.81 ทั้งนี้การผลิตและการจำหน่ายในประเทศที่ลดลงนี้ เนื่องจากในบางพื้นที่ยังประสบกับปัญหาอุทกภัย “การผลิตและการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศลดลง เนื่องจากในบางพื้นที่ยังประสบกับปัญหาอุทกภัย สำหรับการส่งออกลดลง เนื่องจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในตลาดหลัก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา และประเทศเทศเพื่อนบ้านในแถบอาเซียนลดลง”
2.การส่งออก
มูลค่าการส่งออกปูนซีเมนต์เดือนตุลาคม 2549 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนและเดือนเดียวกันของปีก่อนลดลงร้อยละ 31.26 และ 37.40 ตามลำดับ เนื่องจากในเดือนก่อนความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในตลาดหลัก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา และประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนลดลงมาก
3.แนวโน้ม
ในเดือนพฤศจิกายน และเดือนธันวาคม 2549 คาดว่าการผลิตและการจำหน่ายในประเทศจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากความต้องการของตลาดที่เริ่มสูงขึ้นในไตรมาส 4 เพราะอยู่ในช่วงฤดูกาลก่อสร้าง สำหรับการส่งออกคาดว่าจะมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐอเมริกายังอยู่ในภาวะชะลอตัว
7. อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
- ภาวะการผลิตสินค้าไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในเดือนต.ค.49 ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.47 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ HDD และ IC เป็นต้น
- ความต้องการฮาร์ดดิสก์ ไดร์ฟขนาด 2.5 นิ้ว จะได้รับความนิยมในตลาดมากขึ้น จากการคาดการณ์ของไอดีซีภายในปี 2553 ฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟขนาด2.5 นิ้วออกสู่ตลาดจะเพิ่มขึ้น 224 ล้านชิ้น จะมีความจุสูงสุดถึง 750 กิกะไบต์
ตารางที่1 สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์หลักที่มีมูลค่าการส่งออกมากเป็นอันดับต้นๆ ในเดือน ต.ค. 2549
หน่วย : ล้านบาท
เครื่องใช้ไฟฟ้า/อิเล็กทรอนิกส์ มูลค่า CPM CPY
อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ 51,514 4 20
IC 22,693 -5 10
เครื่องรับโทรทัศน์สี 7,207 -7 32
เครื่องปรับอากาศ 4,558 -20 5
รวมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 138,844 -1 12
1.การผลิต
ภาวะการผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของเดือนตุลาคม 2549 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนเล็กน้อย โดยดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 256.55 ลดลงร้อยละ 2.80 เป็นผลจากสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นส่วนใหญ่ เช่น เครื่องปรับอากาศ เป็นต้น ขณะที่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.47 เป็นผลจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์เป็นส่วนใหญ่ เช่น HDD และ IC เป็นต้น
2. การส่งออก
การส่งออกสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์รวม 10 เดือนแรก ปี 2549 มีมูลค่า 1,297,615 ล้านบาทเพิ่มขึ้น ร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับ 10 เดือนแรกของปี 2548 เป็นผลจากการขยายตัวของเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 17 โดยเฉพาะขยายตัวในตลาดสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 และตลาดอียู เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 เช่นกัน ขณะที่เครื่องใช้ไฟฟ้าปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียงร้อยละ 3 เท่านั้น จากการชะลอตัวในสินค้าเครื่องปรับอากาศ ลดลงเล็กน้อยใน 10 เดือนแรก ร้อยละ 1 จากการชะลอตัวในตลาดส่งออกญี่ปุ่น และอียูในช่วง 10 เดือนแรกลดลงร้อยละ 32 และ17 ตามลำดับ อาจเนื่องมาจากไทยมีรุ่นการผลิตค่อนข้างเก่าไม่ตอบสนองความต้องการของตลาด ประกอบกับเผชิญกับการแข่งขันของตลาดจีนที่ส่งออกกลับยังบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นเช่นกัน ซึ่งแต่เดิมตั้งเป้าหมายจะขายในประเทศจีนเองเป็นส่วนใหญ่ขณะที่ ตลาดอียูไทยได้รับผลกระทบบางส่วนจากการกฎระเบียบ EU ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักของสินค้านี้
สำหรับการส่งออกทั้งกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ใในเดือนตุลาคม 2549 มีมูลค่า 138,844 ล้านบาท ปรับตัวลดลงร้อยละ1 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนและเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในส่วมูลค่าส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้ามีมูลค่าส่งออก 48,222 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ11 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นได้แก่เครื่องรับโทรทัศน์สี เนื่องจากการขยายตัวของตลาดญี่ปุ่น และตลาดตะวันออกกลางเนื่องจากการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ที่จัดขึ้นในช่วงต้นเดือนธ.ค.49 นี้ ทำให้ยอดการส่งออกไปยังภูมิภาคตะวันออกกลางเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 36 สำหรับมูลค่าส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ มีมูลค่าส่งออก 90,622 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นได้แก่ ส่วนประกอบของอุปกรณ์เครื่องคอมพิวเตอร์ เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องมาจากขยายตัวในตลาดตะวันออกกลาง ร้อยละ48 ต้อนรับเอเชี่ยนเกมส์ในการวางระบบไอทีในการรายงานผลการแข่งขัน
3. แนวโน้ม
ภาวการณ์ผลิตและขายสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในเดือนพฤศจิกายน 2549 และไตรมาส 4 คาดว่า ในกลุ่มภาพและเครื่องเสียง (AV) อาจจะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงปลายปีเนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลต่างๆ ส่วนสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในเดือนพฤศจิกายนและช่วงปลายปี คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงเช่นกัน เนื่องจากความต้องการสินค้า Consumer Electronic ของโลกที่ยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง เช่น Notebook MP3 DVD Player เป็น
ต้น ซึ่งในสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จะอาศัยการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนตุลาคม 2549 มีค่า 169.87 ลดลงจากเดือนกันยายน 2549 (172.09) ร้อยละ 1.3 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (162.28) ร้อยละ 4.7
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมลดลงจากเดือนกันยายน 2549 ได้แก่อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ อุตสาหกรรมการแปรรูปและการถนอมสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ อุตสาหกรรมการจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอรวมถึงการทอสิ่งทอ อุตสาหกรรมการผลิตมอลต์ลิกเคอและมอลต์อุตสาหกรรมการผลิตอื่นๆ ซึ่งมิได้จัดไว้ในที่อื่น เป็นต้น
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องแต่งกายยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์ อุตสาหกรรมการผลิตน้ำมันจากพืช น้ำมันจากสัตว์ และไขมันจากสัตว์อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์โลหะประดิษฐ์อื่นๆ ซึ่งมิได้จัดประเภทไว้ เป็นต้น
- อัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนตุลาคม 2549 มีค่า 68.01 ทรงตัวโดยลดลงเล็กน้อยจากเดือนกันยายน 2549 (68.26) และทรงตัวโดยลดลงเล็กน้อยจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (68.75)
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตทรงตัวโดยลดลงเล็กน้อยจากเดือนกันยายน 2549 ได้แก่ อุตสาหกรรมการจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอรวมถึงการทอสิ่งทอ อุตสาหกรรมการแปรรูปและการถนอมสัตว์น้ำ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ อุตสาหกรรมการผลิตมอลต์ลิกเคอและมอลต์ อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติก เป็นต้น
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตทรงตัวโดยลดลงเล็กน้อยจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ อุตสาหกรรมการจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอรวมถึงการทอสิ่งทอ อุตสาหกรรมการผลิตเม็ดพลาสติก อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จาก
การกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ รวมทั้งน้ำดื่มบรรจุขวด อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องรับโทรทัศน์และวิทยุ และสินค้าที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น
สถานภาพการประกอบกิจการอุตสาหกรรมเดือนตุลาคม2549
- ภาวะการประกอบกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนตุลาคม 2549 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกันยายน 2549 มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการจำนวน 334 ราย เพิ่มขึ้นในจำนวนที่น้อยกว่าเดือนกันยายน 2549 ซึ่งมีโรงงานเริ่มประกอบกิจการจำนวน 573 รายหรือน้อยกว่าร้อยละ —41.7 ในส่วนของจำนวนเงินลงทุน มียอดเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 8,846.53 ล้านบาทลดลงจากเดือนกันยายน 2549 ซึ่งมีการลงทุนเพิ่ม 20,720.34 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ —57.3 และการจ้างงานรวมมีจำนวน 7,950 คน ลดลงจากเดือนกันยายน 2549 ที่มีจำนวนการจ้างงาน 18,236 คน หรือลดลงร้อยละ —56.4
- ภาวะการประกอบกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนตุลาคม 2549 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการเพิ่มขึ้นในจำนวนที่น้อยกว่าเดือนตุลาคม 2548 ซึ่งมีโรงงานเริ่มประกอบกิจการจำนวน 524 รายหรือคิดเป็นจำนวนน้อยกว่าร้อยละ —36.3 และมีการจ้างงานลดลงจากเดือนตุลาคม 2548 ที่มีจำนวนการจ้างงาน 17,202 คน ร้อยละ —53.8 ในส่วนของจำนวนเงินลงทุนลดลงจากเดือนตุลาคม 2548 ซึ่งมีการลงทุนเพิ่ม 22,474.69 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ —60.6
- อุตสาหกรรมที่มีจำนวนโรงงานเริ่มประกอบกิจการมากที่สุดในเดือนตุลาคม 2549 คืออุตสาหกรรมขุดหรือลอก กรวด ทรายหรือดิน จำนวน 28 ราย รองลงมาคือ อุตสาหกรรมกลึง เจาะ คว้าน กัด ไส เจียน เชื่อมโลหะทั่วไป จำนวน 27 ราย
- อุตสาหกรรมที่เริ่มประกอบกิจการโดยมีการลงทุนสูงสุดในเดือนตุลาคม 2549 คืออุตสาหกรรมซ่อมยานที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์หรือส่วนประกอบ 2,041 ล้านบาทรองลงมาคือ อุตสาหกรรมผลิต ส่ง หรือจำหน่ายพลังงานไฟฟ้า มีเงินทุน 1,015 ล้านบาท
- อุตสาหกรรมที่เริ่มประกอบกิจการและมีการจ้างงานสูงสุดในเดือนตุลาคม 2549 คืออุตสาหกรรมผลิต ซ่อมเครื่องรับวิทยุ เครื่องรับโทรทัศน์ เครื่องเรดาร์ คาปาซิเตอร์ คนงาน 2,190 คน รองลงมาคือ อุตสาหกรรมตัดเย็บเครื่องนุ่งห่ม ผ้าเช็ดหน้า เนกไท ถุงมือ ถุง
เท้าจากผ้า หนังสัตว์ คนงาน 442 คน
- ภาวะการเลิกกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนตุลาคม 2549 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกันยายน 2549 มีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 151 ราย มากกว่าเดือนกันยายน 2549 ซึ่งมีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 128 ราย คิดเป็นร้อยละ 18.0 ในส่วนของเงินทุนมีจำนวน 4,294.29 ล้านบาท มากกว่าเดือนกันยายนที่การเลิกกิจการคิดเป็นเงินทุน 3,207.11 ล้านบาท สำหรับการเลิกจ้างงานมีจำนวน 3,072 คน น้อยกว่าเดือนกันยายน 2549 ซึ่งเลิกจ้างงานจำนวน 3,818 คน
- ภาวะการเลิกกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนตุลาคม 2549 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวนน้อยกว่าเดือนตุลาคม 2548 ซึ่งมีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 168 ราย คิดเป็นร้อยละ —10.1 ในส่วนการเลิกจ้างงานน้อยกว่าเดือนตุลาคม 2548 ที่การเลิกจ้างงานมีจำนวน 13,597 คน แต่ในส่วนของเงินทุนของการเลิกกิจการมากกว่าเดือนตุลาคม 2548 ที่การเลิกกิจการคิดเป็นเงินทุน 2,656.05 ล้านบาท
- อุตสาหกรรมที่มีจำนวนโรงงานเลิกกิจการมากที่สุดในเดือนตุลาคม 2549 คืออุตสาหกรรมขุดหรือลอก กรวด ทรายหรือดินและอุตสาหกรรมทำผลิตภัณฑ์คอนกรีตคอนกรีตผสม ผลิตภัณฑ์ยิมซั่ม ปูนปลาสเตอร์ จำนวน 13 รายเท่ากัน รองลงมาคืออุตสาหกรรมทำเครื่องเรือนจากไม้ ยาง อโลหะอื่น ซึ่งมิได้ทำจากพลาสติกอัดเข้ารูปจำนวน 12 ราย
- อุตสาหกรรมที่เลิกประกอบกิจการโดยที่มีเงินลงทุนสูงสุดในเดือนตุลาคม 2549 คืออุตสาหกรรมทำเคมีภัณฑ์ สารเคมี วัสดุเคมี เงินทุน 1,694 ล้านบาท รองลงมาคืออุตสาหกรรมขุดหรือลอก กรวด ทรายหรือดิน เงินทุน 750 ล้านบาท
- อุตสาหกรรมที่เลิกประกอบกิจการและจำนวนคนงานสูงสุดในเดือนตุลาคม 2549 คือ อุตสาหกรรมตัดเย็บเครื่องนุ่งห่ม ผ้าเช็ดหน้า เนกไท ถุงมือ ถุงเท้าจากผ้า หนังสัตว์คนงาน 524 คน รองลงมาคือ อุตสาหกรรมทำอาหารหรือเครื่องดื่มจากผัก พืช ผลไม้บรรจุในภาชนะผนึกอากาศเข้าไม่ได้ คนงาน 390 คน
- ภาวะการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) ในเดือนตุลาคม 2549 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกันยายน 2549 มีจำนวนโครงการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจากสกท. ทั้งสิ้น 75 โครงการ เท่ากับเดือนกันยายน 2549 ที่มีจำนวน 75 โครงการ และมีเงินลงทุน 3,200 ล้านบาท น้อยกว่าเดือนกันยายน 2549 ที่มีเงินลงทุน 8,900 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ —64.0
- ภาวะการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) ในเดือนตุลาคม 2549 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีจำนวนโครงการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจาก สกท.น้อยกว่าเดือนตุลาคม 2548 ที่มีจำนวน 115 โครงการ ร้อยละ —34.8 และมีเงินลงทุนน้อยกว่าเดือนตุลาคม 2548 ที่มีเงินลงทุน 58,400 ล้านบาท ร้อยละ —94.5
- การกระจายหุ้นของโครงการที่ได้รับการอนุมัติให้การส่งเสริมในช่วงเดือน ม.ค.-ต.ค.2549
การร่วมทุน จำนวน(โครงการ) มูลค่าเงินลงทุน(ล้านบาท)
1.โครงการคนไทย 100% 344 57,900
2.โครงการต่างชาติ 100% 327 92,400
3.โครงการร่วมทุนไทยและต่างชาติ 300 122,600
- ประเภทกิจการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนมากที่สุดในช่วงเดือน ม.ค.- ต.ค.2549 คือ หมวดเคมี กระดาษ และพลาสติกมีมูลค่าเงินลงทุนรวม 107,000 ล้านบาท รองลงมา คือ หมวดอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องไฟฟ้า มีมูลค่าเงินลงทุนรวม
48,400 ล้านบาท
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--
-พห-
ดัชนีอุตสาหกรรมของเดือนตุลาคม 2549
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม = 169.87 ลดลงจากเดือนกันยายน 2549 (172.09) ร้อยละ 1.29 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (162.28) ร้อยละ 4.68
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนกันยายน 2549 ได้แก่ การผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ การแปรรูปและการถนอมสัตว์น้ำ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ การจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอรวมถึงการทอสิ่งทอ การผลิตมอลต์ลิกเคอและมอลต์ การผลิตอื่นๆ ซึ่งมิได้จัดประเภทไว้ในที่อื่น
- อัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ย = 68.01 ลดลงเล็กน้อยจากเดือนกันยายน 2549 (68.26) ร้อยละ 0.4 และลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (68.75) ร้อยละ 1.1
ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมในเดือนพฤศจิกายน 2549
- อุตสาหกรรมอาหาร คาดว่าการผลิตและการส่งออกจะขยายต่อเนื่องจากปริมาณคำสั่งซื้อสินค้าที่เริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นตามฤดูกาลในช่วงไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็นช่วงส่งท้ายปีที่มีเทศกาลสำคัญๆ อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยเสี่ยงในเรื่องโรคระบาดไก่ และการแข็งค่าเงินบาท นอกจากนี้สถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ทำการเกษตรอาจส่งผลต่อปริมาณวัตถุดิบที่จะเข้าสู่ภาคการผลิตเพื่อการส่งออกและบริโภคในระยะต่อไป
- อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม การผลิตผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูป ในเดือนพฤศจิกายน 2549 คาดว่าจะปรับตัวในทิศทาง
ที่ดีขึ้นต่อเนื่องจนสิ้นปี แต่ ตลาดสิ่งทอฯ ยังต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากประเทศที่มีต้นทุนแรงงานต่ำที่เพิ่มบทบาทขึ้นในตลาดโลก และปัญหาการแข็งค่าของค่า เงินบาท อาจส่งผลให้แข่งขันได้ลำบากมากขึ้นหรือผู้ประกอบการอาจจะต้องแสวงหาตลาดใหม่เพื่อลดผลกระทบจากความเสี่ยงจากตลาดหลักโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักของอุตสาหกรรมสิ่งทอไทย
- อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า สถานการณ์เหล็กในเดือน พ.ย. 2549 คาดว่าทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยการผลิตเหล็กทรงยาวอาจจะขยายตัวเล็กน้อย เพื่อใช้สำหรับการซ่อมแซมบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ตลอดจนถนนต่างๆ หลังจากเกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ของประเทศ สำหรับการผลิตของเหล็กทรงแบนคาดการณ์ว่าจะชะลอตัว ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความต้องการในประเทศที่ชะลอตัวอยู่ ขณะที่การส่งออกมีแนวโน้มที่ลดลง
เนื่องจากประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าที่สำคัญ มีความต้องการที่เริ่มอิ่มตัวและได้วางแผนที่จะลดปริมาณสินค้าคงคลังซึ่งมีอยู่
จำนวนมากให้ลดลงภายในระยะเวลา 6 เดือน จึงทำให้มีการนำเข้ามีแนวโน้มชะลอตัวลง
- อุตสาหกรรมยานยนต์ ภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนพฤศจิกายน 2549 คาดว่าขยายตัวขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนตุลาคม 2549 เนื่องจากเป็นช่วงฤดูการขาย ประกอบกับความชัดเจนของนโยบายทางเศรษฐกิจ กระแสความนิยมรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ของผู้บริโภค และกิจกรรมการส่งเสริมการขาย ตลอดจนข้อเสนอการเช่าซื้อที่น่าสนใจของค่ายรถยนต์ต่างๆ
- อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ในเดือนพฤศจิกายน และเดือนธันวาคม 2549 คาดว่าการผลิตและการจำหน่ายในประเทศจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้องการของตลาดที่เริ่มสูงขึ้นในไตรมาส 4 เพราะอยู่ในช่วงฤดูกาลก่อสร้าง สำหรับการส่งออกคาดว่าจะมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากธุรกิจ
อสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐอเมริกายังอยู่ในภาวะชะลอตัว
- อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ภาวการณ์ผลิตและขายสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในเดือนพฤศจิกายน 2549 และไตรมาส 4 คาดว่า ในกลุ่มภาพและเครื่องเสียง (AV) อาจจะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงปลายปี เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลต่างๆ ส่วนสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในเดือนพฤศจิกายนและช่วงปลายปีคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงเช่นกัน เนื่องจากความต้องการสินค้า Consumer Electronic ของโลกที่ยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง เช่น
Notebook MP3 DVD Player เป็นต้น ซึ่งในสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จะอาศัยการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง
สถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม
ก.ย. 49 = 172.09
ต.ค. 49 = 169.87
โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนี ลดลง ได้แก่
- การผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ
- การแปรรูปและการถนอมสัตว์น้ำ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ
- การจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอ รวมถึงการทอสิ่งทอ
อัตราการใช้กำลังการผลิต
ก.ย. 49 = 68.26
ต.ค. 49 = 68.01
โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตทรงตัวโดยลดลงเล็กน้อย ได้แก่
- การจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอรวมถึงการทอสิ่งทอ
- การแปรรูปและการถนอมสัตว์น้ำ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ
- การผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ
1.อุตสาหกรรมอาหาร
ภาวะการผลิตและการส่งออกปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่เดือนหน้าคาดว่าจะยังขยายตัวต่อเนื่องจากปริมาณคำสั่งซื้อสินค้าที่ปรับตัวตามฤดูกาลสำหรับการจำหน่ายในประเทศอาจชะลอตัวตามสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้น
1. การผลิต
ภาวะการผลิตโดยรวมขยายตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนและเดือนก่อนร้อยละ 8.5 และ 0.2 โดยสินค้าสำคัญที่ผลิตเพื่อส่งออกขยายตัว
เมื่อเทียบกับปีก่อน ได้แก่ แป้งมันสำปะหลังร้อยละ 32.9 สำหรับการผลิตเพื่อใช้ในประเทศ ปาล์มน้ำมัน มีการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.9 และ
อาหารไก่ผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.6 โดยที่การใช้กำลังการผลิตในภาพรวมเพิ่มขึ้นจากปีก่อนและเดือนก่อน ร้อยละ 2.7 และ 0.4
2. การตลาด
1) ตลาดในประเทศ มูลค่าการจำหน่ายสินค้าอาหารเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนและเดือนก่อนร้อยละ 16.1 และ 2.9 เนื่องจากระดับ
ราคาน้ำมันเริ่มชะลอตัวลง และมีการจับจ่ายใช้สอยทั้งในด้านอุปโภคปริมาณการผลิตอุตสาหกรรมอาหารที่สำคัญ บริโภคของภาครัฐและเอกชนเพิ่มขึ้น
2) ตลาดต่างประเทศ ภาวะการส่งออกโดยรวม มีปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 50.2 และ 12.8 เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยสินค้า
ส่งออกหลัก ได้แก่ ทูน่ากระป๋องมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.2 ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ร้อยละ 36.7 สับปะรดกระป๋อง ร้อยละ 19.2 และผลิตภัณฑ์
ข้าวร้อยละ 2.2 เป็นผลจากความเชื่อถือต่อภาพลักษณ์อาหารของไทยและคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาลตัน
3. แนวโน้ม
คาดว่าการผลิตและการส่งออกจะขยายต่อเนื่องจากปริมาณคำสั่งซื้อสินค้าที่เริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นตามฤดูกาลในช่วงไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็น
ช่วงส่งท้ายปีที่มีเทศกาลสำคัญๆ อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยเสี่ยงในเรื่องโรคระบาดไก่ และการแข็งค่าเงินบาท นอกจากนี้สถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ทำการเกษตรอาจส่งผลต่อปริมาณวัตถุดิบที่จะเข้าสู่ภาคการผลิตเพื่อการส่งออกและบริโภคในระยะต่อไป
2.อุตสาหกรรมน้ำตาล (กันยายน)
1. น้ำตาลทราย
1.1 การผลิต
ตั้งแต่มีการปิดหีบอ้อยเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2549 โรงงานน้ำตาลทั้ง 46 โรงงานในประเทศได้หยุดการผลิตน้ำตาลทรายดิบ แต่มีบางโรงงานได้นำน้ำตาลทรายดิบไปละลายเพื่อแปรสภาพเป็นน้ำตาลทรายขาวและน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ โดยมีการผลิตน้ำตาลทรายรวมตั้งแต่เดือนมกราคม-กันยายน2549 (9 เดือน) จำนวนทั้งสิ้น 4,388,073.00 ตัน ในจำนวนนี้เป็นน้ำตาลทรายดิบ จำนวน 1,613,101.69 ตัน หรือ 37% ของผลผลิตน้ำตาลทั้งหมด ส่วนที่เหลือเป็นน้ำตาลทรายขาวและน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์
1.2 การบริโภค
ในเดือนกันยายน 2549 มีการบริโภคน้ำตาลทรายในประเทศจำนวน 186,346.16 ตัน เพิ่มขึ้น 4% จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งมีการบริโภค จำนวน 178,026.52 ตัน สำหรับการบริโภคโดยรวม ตั้งแต่เดือนมกราคม — กันยายน 2549 (9 เดือน) มีจำนวนทั้งสิ้น 1,720,067.09 ตัน เพิ่มขึ้น 3% จากในช่วงเดียวกันของปี 2548
1.3 การส่งออก
ในเดือนกันยายน 2549 ประเทศไทยมีการส่งออกน้ำตาลจำนวน 310,483.57 ตัน เพิ่มขึ้น 37% จากเดือนสิงหาคม 2549 ซึ่งส่งออกได้จำนวน 197,179.60 ตัน และการส่งออกน้ำตาลตั้งแต่เดือนมกราคม — กันยายน 2549 (9 เดือน) มีจำนวนทั้งสิ้น 1,560,722.75 ตัน เป็นการส่งออกน้ำตาลทรายดิบ 884,204.55 ตัน หรือ 57% ของปริมาณการส่งออกทั้งหมด โดยปริมาณการส่งออกในเดือนกันยายนของปีนี้ลดลง 39% จากในช่วงเดียวกันของปี 2548
1.4 การนำเข้า
ในช่วงเดือนมกราคม-สิงหาคม 2549 (8 เดือน) มีการนำเข้าน้ำตาลทราย จำนวนทั้งสิ้น 10,415.63 ตัน ส่วนในเดือนกันยายนไม่มีการนำเข้าน้ำตาลทรายจากต่างประเทศ และปริมาณการนำเข้าน้ำตาลตั้งแต่เดือนมกราคม-กันยายน 2549 ยังคงไม่เกินโควตานำเข้าภายในกรอบ WTO ซึ่งประเทศไทยผูกพันไว้ที่ จำนวน 13,760 ตัน ที่อัตราภาษีนำเข้า 65% ส่วนอัตราภาษีนอกโควตาอยู่ที่ 94%
2. กากน้ำตาล
ในเดือนกันยายน 2549 มีการผลิตกากน้ำตาล จำนวน 354.3 ตัน ลดลง 71% จากในช่วงเดียวกันของปี 2548 ส่วนผลผลิตกากน้ำตาลตั้งแต่เดือนมกราคม — กันยายน 2549 (9 เดือน) มีจำนวนทั้งสิ้น 1,990,064.65 ตัน การส่งออกกากน้ำตาลในเดือนกันยายน 2549 มีจำนวนทั้งสิ้น
26,600.00 ตัน หรือประมาณ 1% ของปริมาณการผลิตทั้งหมด ส่วนการส่งออกตั้งแต่เดือนมกราคม — กันยายน 2549 มีจำนวน 408,303.13 ตัน
3. อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
“...ปัญหาการแข็งค่าของค่าเงินบาทอาจส่งผลให้การแข่งขันได้ลำบากมากขึ้นหรือผู้ประกอบการอาจจะต้องแสวงหาตลาดใหม่เพื่อลดผลกระทบจากความเสี่ยง...”
1. การผลิตและการจำหน่าย
ภาวะการผลิตเมื่อพิจารณาจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนตุลาคม 2549 การผลิตเส้นใยสิ่งทอฯ ลดลงร้อยละ 4.3 เมื่อเทียบกับ
เดือนก่อนและร้อยละ 11.9 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากมีการผลิตสะสมสินค้าในสต๊อกค่อนข้างมากในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา แต่การ
ผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งที่ผลิตจากผ้าถักและผลิตจากผ้าทอเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.9 และ 8.2 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ
6.0 และ 15.6 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน
2. การส่งออกและตลาดส่งออก
มูลค่าการส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มในเดือนตุลาคม 2549 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 6.5 แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนได้แก่เสื้อผ้าสำเร็จรูป (+0.5%) ผ้าผืนที่ทำจากฝ้าย(+20.6%)
เคหะสิ่งทอ(+18.4%) เส้นใยประดิษฐ์ (+15.9%) ผ้าปักและผ้าลูกไม้(+28.7%) และผ้าแบบสำหรับตัดเสื้อฯ (+41.2%) ตลาดส่งออกหลักคือ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป อาเซียนและญี่ปุ่น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30.0, 17.7, 13.3 และ 5.7 ตามลำดับ
3. การนำเข้า
การนำเข้าผลิตภัณฑ์สิ่งทอโดยรวมในเดือนตุลาคม 2549 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนและเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 10.2 และ 6.9
โดยเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนนำเข้าเส้นใยฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.2 ตลาดนำเข้าหลัก คือสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และอินเดีย ด้ายทอ
ผ้าฯ นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.3 ตลาดนำเข้าหลักคือจีน ญี่ปุ่น และไต้หวันผลิตภัณฑ์สิ่งทออื่นๆ นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.0 ตลาดนำเข้าหลักคือ จีน
ญี่ปุ่น และ ฮ่องกง เสื้อผ้าสำเร็จรูปนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.4 ตลาดนำเข้าหลักคือ จีน ฮ่องกง และอิตาลี ขณะที่นำเข้าเครื่องจักรสิ่งทอ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.9 ส่วนใหญ่นำเข้าจากญี่ปุ่น เยอรมนีและไต้หวัน สำหรับผลิตภัณฑ์ที่นำเข้า ลดลงได้แก่ผ้าผืน และวัตถุทออื่นๆ เนื่องจากมีการผลิตและส่งออก
มากขึ้น โดยเฉพาะผ้าผืนที่ผลิตจากฝ้าย
4. แนวโน้ม
การผลิตผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเสื้อผ้าสำ เร็จรูป ในเดือนพฤศจิกายน 2549 คาดว่าจะปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่องจนสิ้นปี แต่
ตลาดสิ่งทอฯ ยังต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากประเทศที่มีต้นทุนแรงงานต่ำที่เพิ่มบทบาทขึ้นในตลาดโลก และปัญหาการแข็งค่าของค่า เงิน
บาท อาจส่งผลให้แข่งขันได้ลำบากมากขึ้นหรือผู้ประกอบการอาจจะต้องแสวงหาตลาดใหม่เพื่อลดผลกระทบจากความเสี่ยงจากตลาดหลักโดยเฉพาะ
สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักของอุตสาหกรรมสิ่งทอไทย
4. อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า
ประเทศจีนได้ประกาศอย่างเป็นทางการเรื่องการจัดเก็บภาษีส่งออกร้อยละ 10 ของผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป ( Bloom Slab Billet และ Ingot ) รวมถึงผลิตภัณฑ์พวก Pig iron และ Ferro-Alloys ซึ่งมาตรการดังกล่าวมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน
2549
1.การผลิต
ภาวะการผลิตเหล็กในช่วงเดือน ต.ค. 49 ชะลอตัวลงเล็กน้อย ร้อยละ 0.11 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนนี้มีค่า 136.46 เป็นผลมาจากการชะลอตัวของเหล็กทรงยาว ร้อยละ 6.17 โดยเหล็กเส้นข้ออ้อย ลดลงมากที่สุด ร้อยละ 11.27 เหล็กเส้นกลมและเหล็กลวด ลดลง ร้อยละ 5.63 และ 4.21 ตามลำดับ เนื่องจากความต้องการใช้ในประเทศที่ทรงตัวอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับผู้ผลิตยังคงมีปริมาณสินค้าคงคลังเหลืออยู่ จึงชะลอการผลิตลง ซึ่งจากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย พบว่าเครื่องชี้ภาวะอสังหาริมทรัพย์ของเดือนกันยายนบางตัวปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนที่แล้วโดยพื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลทั้งประเทศและมูลค่าการซื้อขายที่ดินทั้งประเทศ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 6.3 และ 0.20 ตามลำดับ แต่จำนวนรายการซื้อขายที่ดินทั้งประเทศกลับลดลง ร้อยละ 7.89
สำหรับผลิตภัณฑ์เหล็กทรงแบน การผลิตทรงตัว ร้อยละ 0.08 เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว โดยเหล็กแผ่นรีดเย็นมีการผลิตที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 45.43 สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตลดลง คือ เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีและเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน ลดลง ร้อยละ 14.52 และ 14.47 ตามลำดับ ขณะเดียวกันเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ภาวะการผลิตชะลอตัวลง ร้อยละ 6.03 โดยผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเหล็กทรงยาว ชะลอตัวลงเล็กน้อย ร้อยละ 0.22 โดยเหล็กเส้นกลมมีการผลิตที่ลดลงมากที่สุด ร้อยละ 32.27 สำหรับผลิตภัณฑ์เหล็กทรงแบนลดลง ร้อยละ 9.86 โดยเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน ลดลงมากที่สุด ร้อยละ 41.11
2.ราคาเหล็ก
การเปลี่ยนแปลงของราคาเหล็ก (FOB) โดยเฉลี่ยที่สำคัญในตลาด CIS ณ ท่าทะเลดำ (Black Sea) ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2549 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ราคาโดยเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์เหล็กแทบทุกตัวปรับตัวขึ้นโดยเหล็กแผ่นรีดร้อน เพิ่มขึ้นจาก 500 เป็น 505 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 1.00 เหล็กแผ่นรีดเย็นเพิ่มขึ้นจาก 575 เป็น 580 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 0.87 และเหล็กแท่งแบน เพิ่มขึ้นจาก 425 เป็น 426 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 0.24 แต่ เหล็กแท่งเล็กบิลเล็ต ลดลงจาก 421 เป็น 412 เหรียญสหรัฐต่อตัน ลดลงร้อยละ 2.05 เหล็กเส้นเพิ่มขึ้นจาก 480 เป็น 472 เหรียญสหรัฐต่อตัน ลดลง ร้อยละ 1.67
3. แนวโน้ม
สถานการณ์เหล็กในเดือน พ.ย. 2549 คาดว่าทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยการผลิตเหล็กทรงยาวอาจจะขยายตัวเล็กน้อย เพื่อใช้สำหรับการซ่อมแซมบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ตลอดจนถนนต่างๆ หลังจากเกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ของประเทศ สำหรับการผลิตของเหล็กทรงแบนคาดการณ์ว่าจะชะลอตัวส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความต้องการในประเทศที่ชะลอตัวอยู่ ขณะที่การส่งออกมีแนวโน้มที่ลดลงเนื่องจากประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าที่สำคัญมีความต้องการที่เริ่มอิ่มตัวและได้วางแผนที่จะลดปริมาณสินค้าคงคลังซึ่งมีอยู่จำนวนมากให้ลดลงภายในระยะเวลา 6 เดือน จึงทำให้มีการนำเข้ามีแนวโน้มชะลอตัวลง
5. อุตสาหกรรมยานยนต์
รถยนต์
อุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนตุลาคม 2549 ชะลอตัวลงเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนที่ผ่านมา ทั้งด้านการผลิต และการส่งออก เนื่องจากยังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมหนักในหลายพื้นที่ของประเทศ แต่อย่างไรก็ตามการจำหน่ายภายในประเทศยังคงขยายตัว
ได้หลังจากเดือนที่ผ่านมาชะลอตัวลง โดยมีข้อมูลสภาวะ
อุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนตุลาคม ดังนี้
- การผลิตรถยนต์ จำนวน 101,264 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2548 ซึ่งมีการผลิต 104,629 คัน ร้อยละ 3.22 และลดลงจากเดือนกันยายน 2549 ร้อยละ 1.89
- การจำหน่ายรถยนต์ จำนวน 50,558 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2548 ซึ่งมีการจำหน่าย 57,397 คัน ร้อยละ 11.92 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายน 2549 ร้อยละ 2.38
- การส่งออกรถยนต์ จำนวน 41,776 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2548 ซึ่งมีการส่งออก 49,725 คัน ร้อยละ 15.99 และลดลงจากเดือนกันยายน 2549 ร้อยละ 16.12 ทั้งนี้ เนื่องจากผู้ส่งออกรายใหญ่รายหนึ่งไม่สามารถส่งออกรถยนต์ได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากประสบปัญหาด้านการขนส่งสินค้า
- แนวโน้ม ภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนพฤศจิกายน 2549 คาดว่าขยายตัวขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนตุลาคม 2549 เนื่องจากเป็นช่วงฤดูการขายประกอบกับความชัดเจนของนโยบายทางเศรษฐกิจกระแสความนิยมรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ของผู้บริโภค และกิจกรรมการส่งเสริมการขาย ตลอดจนข้อเสนอการเช่าซื้อที่น่าสนใจของค่ายรถยนต์ต่างๆ
รถจักรยานยนต์
อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนตุลาคม 2549 ชะลอตัวลงเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนที่ผ่านมาเนื่องจากยังได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยก่อให้เกิดน้ำท่วมหนักในหลายพื้นที่ของประเทศ โดยมีข้อมูลสภาวะอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ ในเดือนตุลาคม ดังนี้
- การผลิตรถจักรยานยนต์ จำนวน 148,127 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2548 ซึ่งมีการผลิต 203,856 คัน ร้อยละ 27.34 และลดลงจากเดือนกันยายน 2549 ร้อยละ 7.29
- การจำหน่าย จำนวน 144,203 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2548 ซึ่งมีการจำหน่าย 188,599 คัน ร้อยละ 23.54 และลดลงจากเดือนกันยายน 2549 ร้อยละ8.97
- การส่งออกรถจักรยานยนต์ มีจำนวน 6,019 คัน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2548 ซึ่งมีการส่งออก 12,307 คัน ร้อยละ 51.09 และลดลงจากเดือนกันยายน 2549 ร้อยละ 6.35 ทั้งนี้เนื่องจากผู้ผลิตบางรายได้หยุดการส่งออกรถจักรยานยนต์รุ่นเก่า และเริ่มที่จะส่งออกรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดยุโรป ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงการพัฒนาด้านการตลาด จึงคาดว่าปริมาณการส่งออกจะมากขึ้นในช่วงต้นปี 2550
- แนวโน้ม ภาวะอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนพฤศจิกายน 2549 คาดว่าจะทรงตัวจากเดือนตุลาคม 2549 เนื่องจากปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นทำให้เกิดการชะลอตัวทางเศรษฐกิจต่อเนื่องมาจนถึงเดือนนี้
6.อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์
1.การผลิตและการจำหน่ายในประเทศการผลิตและการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศ เดือนตุลาคม 2549 เทียบกับเดือนก่อน ลดลง
ร้อยละ 9.10 และ 7.09 ตามลำดับ และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การผลิตในประเทศลดลงร้อยละ 4.20 ขณะที่การจำหน่ายในประเทศยังทรงตัวคือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.81 ทั้งนี้การผลิตและการจำหน่ายในประเทศที่ลดลงนี้ เนื่องจากในบางพื้นที่ยังประสบกับปัญหาอุทกภัย “การผลิตและการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศลดลง เนื่องจากในบางพื้นที่ยังประสบกับปัญหาอุทกภัย สำหรับการส่งออกลดลง เนื่องจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในตลาดหลัก ได้แก่สหรัฐอเมริกา และประเทศเทศเพื่อนบ้านในแถบอาเซียนลดลง”
1.การผลิตและการจำหน่ายในประเทศ
การผลิตและการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศ เดือนตุลาคม 2549 เทียบกับเดือนก่อน ลดลงร้อยละ 9.10 และ 7.09 ตามลำดับ และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การผลิตในประเทศลดลงร้อยละ 4.20 ขณะที่การจำหน่ายในประเทศยังทรงตัวคือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.81 ทั้งนี้การผลิตและการจำหน่ายในประเทศที่ลดลงนี้ เนื่องจากในบางพื้นที่ยังประสบกับปัญหาอุทกภัย “การผลิตและการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศลดลง เนื่องจากในบางพื้นที่ยังประสบกับปัญหาอุทกภัย สำหรับการส่งออกลดลง เนื่องจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในตลาดหลัก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา และประเทศเทศเพื่อนบ้านในแถบอาเซียนลดลง”
2.การส่งออก
มูลค่าการส่งออกปูนซีเมนต์เดือนตุลาคม 2549 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนและเดือนเดียวกันของปีก่อนลดลงร้อยละ 31.26 และ 37.40 ตามลำดับ เนื่องจากในเดือนก่อนความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในตลาดหลัก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา และประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนลดลงมาก
3.แนวโน้ม
ในเดือนพฤศจิกายน และเดือนธันวาคม 2549 คาดว่าการผลิตและการจำหน่ายในประเทศจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากความต้องการของตลาดที่เริ่มสูงขึ้นในไตรมาส 4 เพราะอยู่ในช่วงฤดูกาลก่อสร้าง สำหรับการส่งออกคาดว่าจะมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐอเมริกายังอยู่ในภาวะชะลอตัว
7. อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
- ภาวะการผลิตสินค้าไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในเดือนต.ค.49 ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.47 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ HDD และ IC เป็นต้น
- ความต้องการฮาร์ดดิสก์ ไดร์ฟขนาด 2.5 นิ้ว จะได้รับความนิยมในตลาดมากขึ้น จากการคาดการณ์ของไอดีซีภายในปี 2553 ฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟขนาด2.5 นิ้วออกสู่ตลาดจะเพิ่มขึ้น 224 ล้านชิ้น จะมีความจุสูงสุดถึง 750 กิกะไบต์
ตารางที่1 สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์หลักที่มีมูลค่าการส่งออกมากเป็นอันดับต้นๆ ในเดือน ต.ค. 2549
หน่วย : ล้านบาท
เครื่องใช้ไฟฟ้า/อิเล็กทรอนิกส์ มูลค่า CPM CPY
อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ 51,514 4 20
IC 22,693 -5 10
เครื่องรับโทรทัศน์สี 7,207 -7 32
เครื่องปรับอากาศ 4,558 -20 5
รวมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 138,844 -1 12
1.การผลิต
ภาวะการผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของเดือนตุลาคม 2549 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนเล็กน้อย โดยดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 256.55 ลดลงร้อยละ 2.80 เป็นผลจากสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นส่วนใหญ่ เช่น เครื่องปรับอากาศ เป็นต้น ขณะที่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.47 เป็นผลจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์เป็นส่วนใหญ่ เช่น HDD และ IC เป็นต้น
2. การส่งออก
การส่งออกสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์รวม 10 เดือนแรก ปี 2549 มีมูลค่า 1,297,615 ล้านบาทเพิ่มขึ้น ร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับ 10 เดือนแรกของปี 2548 เป็นผลจากการขยายตัวของเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 17 โดยเฉพาะขยายตัวในตลาดสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 และตลาดอียู เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 เช่นกัน ขณะที่เครื่องใช้ไฟฟ้าปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียงร้อยละ 3 เท่านั้น จากการชะลอตัวในสินค้าเครื่องปรับอากาศ ลดลงเล็กน้อยใน 10 เดือนแรก ร้อยละ 1 จากการชะลอตัวในตลาดส่งออกญี่ปุ่น และอียูในช่วง 10 เดือนแรกลดลงร้อยละ 32 และ17 ตามลำดับ อาจเนื่องมาจากไทยมีรุ่นการผลิตค่อนข้างเก่าไม่ตอบสนองความต้องการของตลาด ประกอบกับเผชิญกับการแข่งขันของตลาดจีนที่ส่งออกกลับยังบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นเช่นกัน ซึ่งแต่เดิมตั้งเป้าหมายจะขายในประเทศจีนเองเป็นส่วนใหญ่ขณะที่ ตลาดอียูไทยได้รับผลกระทบบางส่วนจากการกฎระเบียบ EU ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักของสินค้านี้
สำหรับการส่งออกทั้งกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ใในเดือนตุลาคม 2549 มีมูลค่า 138,844 ล้านบาท ปรับตัวลดลงร้อยละ1 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนและเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในส่วมูลค่าส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้ามีมูลค่าส่งออก 48,222 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ11 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นได้แก่เครื่องรับโทรทัศน์สี เนื่องจากการขยายตัวของตลาดญี่ปุ่น และตลาดตะวันออกกลางเนื่องจากการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ที่จัดขึ้นในช่วงต้นเดือนธ.ค.49 นี้ ทำให้ยอดการส่งออกไปยังภูมิภาคตะวันออกกลางเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 36 สำหรับมูลค่าส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ มีมูลค่าส่งออก 90,622 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นได้แก่ ส่วนประกอบของอุปกรณ์เครื่องคอมพิวเตอร์ เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องมาจากขยายตัวในตลาดตะวันออกกลาง ร้อยละ48 ต้อนรับเอเชี่ยนเกมส์ในการวางระบบไอทีในการรายงานผลการแข่งขัน
3. แนวโน้ม
ภาวการณ์ผลิตและขายสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในเดือนพฤศจิกายน 2549 และไตรมาส 4 คาดว่า ในกลุ่มภาพและเครื่องเสียง (AV) อาจจะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงปลายปีเนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลต่างๆ ส่วนสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในเดือนพฤศจิกายนและช่วงปลายปี คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงเช่นกัน เนื่องจากความต้องการสินค้า Consumer Electronic ของโลกที่ยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง เช่น Notebook MP3 DVD Player เป็น
ต้น ซึ่งในสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จะอาศัยการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนตุลาคม 2549 มีค่า 169.87 ลดลงจากเดือนกันยายน 2549 (172.09) ร้อยละ 1.3 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (162.28) ร้อยละ 4.7
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมลดลงจากเดือนกันยายน 2549 ได้แก่อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ อุตสาหกรรมการแปรรูปและการถนอมสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ อุตสาหกรรมการจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอรวมถึงการทอสิ่งทอ อุตสาหกรรมการผลิตมอลต์ลิกเคอและมอลต์อุตสาหกรรมการผลิตอื่นๆ ซึ่งมิได้จัดไว้ในที่อื่น เป็นต้น
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องแต่งกายยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์ อุตสาหกรรมการผลิตน้ำมันจากพืช น้ำมันจากสัตว์ และไขมันจากสัตว์อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์โลหะประดิษฐ์อื่นๆ ซึ่งมิได้จัดประเภทไว้ เป็นต้น
- อัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนตุลาคม 2549 มีค่า 68.01 ทรงตัวโดยลดลงเล็กน้อยจากเดือนกันยายน 2549 (68.26) และทรงตัวโดยลดลงเล็กน้อยจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (68.75)
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตทรงตัวโดยลดลงเล็กน้อยจากเดือนกันยายน 2549 ได้แก่ อุตสาหกรรมการจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอรวมถึงการทอสิ่งทอ อุตสาหกรรมการแปรรูปและการถนอมสัตว์น้ำ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ อุตสาหกรรมการผลิตมอลต์ลิกเคอและมอลต์ อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติก เป็นต้น
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตทรงตัวโดยลดลงเล็กน้อยจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ อุตสาหกรรมการจัดเตรียมและการปั่นเส้นใยสิ่งทอรวมถึงการทอสิ่งทอ อุตสาหกรรมการผลิตเม็ดพลาสติก อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จาก
การกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ รวมทั้งน้ำดื่มบรรจุขวด อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องรับโทรทัศน์และวิทยุ และสินค้าที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น
สถานภาพการประกอบกิจการอุตสาหกรรมเดือนตุลาคม2549
- ภาวะการประกอบกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนตุลาคม 2549 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกันยายน 2549 มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการจำนวน 334 ราย เพิ่มขึ้นในจำนวนที่น้อยกว่าเดือนกันยายน 2549 ซึ่งมีโรงงานเริ่มประกอบกิจการจำนวน 573 รายหรือน้อยกว่าร้อยละ —41.7 ในส่วนของจำนวนเงินลงทุน มียอดเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 8,846.53 ล้านบาทลดลงจากเดือนกันยายน 2549 ซึ่งมีการลงทุนเพิ่ม 20,720.34 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ —57.3 และการจ้างงานรวมมีจำนวน 7,950 คน ลดลงจากเดือนกันยายน 2549 ที่มีจำนวนการจ้างงาน 18,236 คน หรือลดลงร้อยละ —56.4
- ภาวะการประกอบกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนตุลาคม 2549 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการเพิ่มขึ้นในจำนวนที่น้อยกว่าเดือนตุลาคม 2548 ซึ่งมีโรงงานเริ่มประกอบกิจการจำนวน 524 รายหรือคิดเป็นจำนวนน้อยกว่าร้อยละ —36.3 และมีการจ้างงานลดลงจากเดือนตุลาคม 2548 ที่มีจำนวนการจ้างงาน 17,202 คน ร้อยละ —53.8 ในส่วนของจำนวนเงินลงทุนลดลงจากเดือนตุลาคม 2548 ซึ่งมีการลงทุนเพิ่ม 22,474.69 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ —60.6
- อุตสาหกรรมที่มีจำนวนโรงงานเริ่มประกอบกิจการมากที่สุดในเดือนตุลาคม 2549 คืออุตสาหกรรมขุดหรือลอก กรวด ทรายหรือดิน จำนวน 28 ราย รองลงมาคือ อุตสาหกรรมกลึง เจาะ คว้าน กัด ไส เจียน เชื่อมโลหะทั่วไป จำนวน 27 ราย
- อุตสาหกรรมที่เริ่มประกอบกิจการโดยมีการลงทุนสูงสุดในเดือนตุลาคม 2549 คืออุตสาหกรรมซ่อมยานที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์หรือส่วนประกอบ 2,041 ล้านบาทรองลงมาคือ อุตสาหกรรมผลิต ส่ง หรือจำหน่ายพลังงานไฟฟ้า มีเงินทุน 1,015 ล้านบาท
- อุตสาหกรรมที่เริ่มประกอบกิจการและมีการจ้างงานสูงสุดในเดือนตุลาคม 2549 คืออุตสาหกรรมผลิต ซ่อมเครื่องรับวิทยุ เครื่องรับโทรทัศน์ เครื่องเรดาร์ คาปาซิเตอร์ คนงาน 2,190 คน รองลงมาคือ อุตสาหกรรมตัดเย็บเครื่องนุ่งห่ม ผ้าเช็ดหน้า เนกไท ถุงมือ ถุง
เท้าจากผ้า หนังสัตว์ คนงาน 442 คน
- ภาวะการเลิกกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนตุลาคม 2549 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกันยายน 2549 มีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 151 ราย มากกว่าเดือนกันยายน 2549 ซึ่งมีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 128 ราย คิดเป็นร้อยละ 18.0 ในส่วนของเงินทุนมีจำนวน 4,294.29 ล้านบาท มากกว่าเดือนกันยายนที่การเลิกกิจการคิดเป็นเงินทุน 3,207.11 ล้านบาท สำหรับการเลิกจ้างงานมีจำนวน 3,072 คน น้อยกว่าเดือนกันยายน 2549 ซึ่งเลิกจ้างงานจำนวน 3,818 คน
- ภาวะการเลิกกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนตุลาคม 2549 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวนน้อยกว่าเดือนตุลาคม 2548 ซึ่งมีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 168 ราย คิดเป็นร้อยละ —10.1 ในส่วนการเลิกจ้างงานน้อยกว่าเดือนตุลาคม 2548 ที่การเลิกจ้างงานมีจำนวน 13,597 คน แต่ในส่วนของเงินทุนของการเลิกกิจการมากกว่าเดือนตุลาคม 2548 ที่การเลิกกิจการคิดเป็นเงินทุน 2,656.05 ล้านบาท
- อุตสาหกรรมที่มีจำนวนโรงงานเลิกกิจการมากที่สุดในเดือนตุลาคม 2549 คืออุตสาหกรรมขุดหรือลอก กรวด ทรายหรือดินและอุตสาหกรรมทำผลิตภัณฑ์คอนกรีตคอนกรีตผสม ผลิตภัณฑ์ยิมซั่ม ปูนปลาสเตอร์ จำนวน 13 รายเท่ากัน รองลงมาคืออุตสาหกรรมทำเครื่องเรือนจากไม้ ยาง อโลหะอื่น ซึ่งมิได้ทำจากพลาสติกอัดเข้ารูปจำนวน 12 ราย
- อุตสาหกรรมที่เลิกประกอบกิจการโดยที่มีเงินลงทุนสูงสุดในเดือนตุลาคม 2549 คืออุตสาหกรรมทำเคมีภัณฑ์ สารเคมี วัสดุเคมี เงินทุน 1,694 ล้านบาท รองลงมาคืออุตสาหกรรมขุดหรือลอก กรวด ทรายหรือดิน เงินทุน 750 ล้านบาท
- อุตสาหกรรมที่เลิกประกอบกิจการและจำนวนคนงานสูงสุดในเดือนตุลาคม 2549 คือ อุตสาหกรรมตัดเย็บเครื่องนุ่งห่ม ผ้าเช็ดหน้า เนกไท ถุงมือ ถุงเท้าจากผ้า หนังสัตว์คนงาน 524 คน รองลงมาคือ อุตสาหกรรมทำอาหารหรือเครื่องดื่มจากผัก พืช ผลไม้บรรจุในภาชนะผนึกอากาศเข้าไม่ได้ คนงาน 390 คน
- ภาวะการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) ในเดือนตุลาคม 2549 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกันยายน 2549 มีจำนวนโครงการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจากสกท. ทั้งสิ้น 75 โครงการ เท่ากับเดือนกันยายน 2549 ที่มีจำนวน 75 โครงการ และมีเงินลงทุน 3,200 ล้านบาท น้อยกว่าเดือนกันยายน 2549 ที่มีเงินลงทุน 8,900 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ —64.0
- ภาวะการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) ในเดือนตุลาคม 2549 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีจำนวนโครงการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจาก สกท.น้อยกว่าเดือนตุลาคม 2548 ที่มีจำนวน 115 โครงการ ร้อยละ —34.8 และมีเงินลงทุนน้อยกว่าเดือนตุลาคม 2548 ที่มีเงินลงทุน 58,400 ล้านบาท ร้อยละ —94.5
- การกระจายหุ้นของโครงการที่ได้รับการอนุมัติให้การส่งเสริมในช่วงเดือน ม.ค.-ต.ค.2549
การร่วมทุน จำนวน(โครงการ) มูลค่าเงินลงทุน(ล้านบาท)
1.โครงการคนไทย 100% 344 57,900
2.โครงการต่างชาติ 100% 327 92,400
3.โครงการร่วมทุนไทยและต่างชาติ 300 122,600
- ประเภทกิจการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนมากที่สุดในช่วงเดือน ม.ค.- ต.ค.2549 คือ หมวดเคมี กระดาษ และพลาสติกมีมูลค่าเงินลงทุนรวม 107,000 ล้านบาท รองลงมา คือ หมวดอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องไฟฟ้า มีมูลค่าเงินลงทุนรวม
48,400 ล้านบาท
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--
-พห-