1. สถานการณ์ปัจจุบัน
การผลิต
ปริมาณการผลิตเหล็กและเหล็กกล้าที่สำคัญใน ปี 2550 มีประมาณ 7,957,600 เมตริกตัน ( ไม่รวมผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป เหล็ก
แผ่นรีดเย็น เหล็กแผ่นเคลือบและท่อเหล็กเพื่อไม่ให้เกิดการนับซ้ำ ) ชะลอตัวลง ร้อยละ 9.31 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมา
จากสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว ทำให้ความต้องการใช้เหล็กในประเทศลดลงจากการที่ผู้บริโภคชะลอการใช้จ่ายเนื่องจากความไม่มั่น
ใจต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นผลมาจาก ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นและการแข็งตัวของค่าเงินบาท เป็นต้น เมื่อพิจารณาใน
รายผลิตภัณฑ์ พบว่า ผลิตภัณฑ์ที่ชะลอตัวลงมากที่สุดในช่วงนี้ คือ เหล็กแผ่นเคลือบดีบุก ลดลง ร้อยละ 26.64 รองลงมาคือ เหล็กทรงยาว ลดลง ร้อย
ละ 15.18 เนื่องจากการชะลอตัวของอุตสาหกรรมก่อสร้างในประเทศทั้งโครงการของภาครัฐและภาคเอกชน ประกอบกับราคาผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่ง
สำเร็จรูป เช่น เหล็กแท่งเล็กบิลเล็ต เหล็กแท่งแบน ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ราคาผลิตภัณฑ์เหล็กในประเทศยังไม่สามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
เนื่องจากความต้องการใช้ที่ยังชะลอตัวอยู่ จึงมีผลทำให้ผู้ผลิตผลิตเท่าที่มีคำสั่งซื้อเท่านั้นและจะไม่เก็บเป็นสินค้าคงคลังในปริมาณมาก สำหรับผลิตภัณฑ์ที่
มีการผลิตขยายตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุดในช่วงนี้ คือ เหล็กแผ่นเคลือบ ชนิดอื่นๆ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 16.29 และเหล็กแผ่นรีดเย็น เพิ่มขึ้น ร้อยละ 6.85
เนื่องจากความต้องการใช้ที่ยังคงมีอยู่ของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ ประกอบกับมีการส่งออกไปยังต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น
ด้วย รายละเอียดตามตารางที่ 1
ตารางที่ 1 : ปริมาณการผลิตเหล็กและเหล็กกล้าที่สำคัญปี 2550 เทียบกับ ปี 2549
หน่วย : เมตริกตัน
ผลิตภัณฑ์(1) ปี 2550(2) ปี 2549 อัตราการ
เปลี่ยนแปลง
(ร้อยละ)
ผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป 5,514,135 5,211,200 5.81
(Semi-Finished Products)
เหล็กทรงยาว(Long Products) 3,942,220 4,648,015 -15.18
เหล็กทรงแบน(Flat Products) 6,910,218 6,962,849 -0.76
เหล็กแผ่นรีดร้อน(Hot-rolled Flat) 4,015,380 4,126,453 -2.69
เหล็กแผ่นรีดเย็น(Cold-rolled Flat ) 1,910,473 1,788,073 6.85
เหล็กแผ่นเคลือบ (Coated Steel) 984,364 1,048,323 -6.1
- เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี 303,628 340,729 -10.89
(Galvanized Sheet)
- เหล็กแผ่นเคลือบดีบุก (Tin plate) 215,925 294,325 -26.64
- เหล็กแผ่นเคลือบโครเมียม (Tin free) 157,631 149,116 5.71
- อื่นๆ (other coated steel) 307,181 264,153 16.29
ท่อเหล็ก (Pipes & Tubes) N/A N/A N/A
รวม 1 7,957,600 8,774,468 -9.31
ที่มา : สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย
หมายเหตุ 1 : ไม่รวมผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป เหล็กแผ่นรีดเย็น เหล็กแผ่นเคลือบ และท่อเหล็กเพื่อไม่ให้เกิดการนับซ้ำ
2 : ประมาณการณ์ตัวเลขของเดือน พ.ย.- ธ.ค.
การใช้ในประเทศ
ปริมาณการใช้เหล็กและเหล็กกล้าในประเทศที่สำคัญใน ปี 2550 ประมาณ 11,627,751 เมตริกตัน ชะลอตัวลง ร้อยละ 2.73
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเหล็กทรงยาวมีความต้องการใช้ในประเทศ ลดลง ร้อยละ 12.31 เป็นผลมาจากการชะลอตัวของ
อุตสาหกรรมก่อสร้าง ในขณะที่เหล็กทรงแบน กลับมีความต้องการใช้ในประเทศที่เพิ่มขึ้น ร้อยละ 4.15 เป็นผลมาจากความต้องการใช้ของ
อุตสาหกรรมต่อเนื่องที่ยังคงมีอยู่
การนำเข้า-การส่งออก
การนำเข้า
มูลค่าและปริมาณการนำเข้าเหล็กและเหล็กกล้าที่สำคัญในปี 2550 มีจำนวนประมาณ 190,375 ล้านบาท และ 8,205,300
เมตริกตัน โดยมูลค่าและปริมาณการนำเข้าลดลง ร้อยละ 0.79 และ 6.49 ตามลำดับ เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศ ทำให้ความ
ต้องการใช้ในประเทศชะลอตัวลง โดยผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าการนำเข้าลดลงมากที่สุดเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ ท่อเหล็กไร้ตะเข็บ ลด
ลง ร้อยละ 57.49 รองลงมาคือ เหล็กแท่งเล็กบิลเล็ต ลดลง ร้อยละ 35.83 และเหล็กแท่งแบน ลดลง ร้อยละ 27.63 เป็นผลมาจากราคา
เหล็กในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ( ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากประเทศจีนที่มีนโยบายลดการส่งออกผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป จึงทำให้แทบจะไม่มีสินค้า
จากประเทศจีนในตลาดเหล็ก) ในขณะที่ความต้องการใช้ในประเทศยังคงชะลอตัวอยู่ จึงทำให้ผู้ผลิตลดการนำเข้าลงและนำเข้ามาในปริมาณที่ต้อง
การใช้เท่านั้น สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าการนำเข้าขยายตัวมากที่สุดเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ ท่อเหล็กมีตะเข็บ เพิ่มขึ้น ร้อยละ
81.58 เหล็กแผ่นเคลือบโครเมียม เพิ่มขึ้น ร้อยละ 64.84 และ เหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น ร้อยละ 55.04 โดยประเทศที่มี
การนำเข้ามากที่สุด ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น จีน และรัสเซีย
ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าการนำเข้ามากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ เหล็กแผ่นบางรีดร้อน มีมูลค่า 32,085 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่จะเป็นการนำ
เข้าเหล็กชนิดคุณภาพสูงเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น ยานยนต์ รองลงมาคือ เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อน มีมูลค่า 26,339
ล้านบาท และเหล็กแท่งแบน มีมูลค่า 21,917 ล้านบาท รายละเอียดตามตารางที่ 2
ตารางที่ 2 : ปริมาณและมูลค่าการนำเข้าเหล็กและเหล็กกล้าที่สำคัญ ปี 2550 เทียบกับ ปี 2549
หน่วย : ปริมาณ: เมตริกตัน
มูลค่า : ล้านบาท
ผลิตภัณฑ์ ปี 2550 ปี 2549 อัตราการ ตลาดนำเข้า
เปลี่ยนแปลง ที่สำคัญ
(ร้อยละ)
ปริมาณ มูลค่า ปริมาณ มูลค่า ปริมาณ มูลค่า
ผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป 2,431,474 40,736 3,924,295 57,614 -38.04 -29.3 รัสเซีย,จีน
(Semi-Finished Products)
- เหล็กแท่งเล็ก (Billet) 869,133 14,540 1,525,704 22,660 -43.03 -35.8 จีน,รัสเซีย
- เหล็กแท่งแบน (Slab) 1,307,867 21,917 2,083,935 30,283 -37.24 -27.6 รัสเซีย,จีน
- อื่นๆ (Others) 254,474 4,279 314,657 4,671 -19.13 -8.38 จีน
เหล็กทรงยาว 818,728 17,722 703,383 16,102 16.4 10.06 จีน,ญี่ปุ่น
(Long Products )
- เหล็กเส้น (Bar) 257,175 6,173 242,093 6,215 6.23 -0.68 ญี่ปุ่น,จีน
- เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ 15,309 673 11,561 434 32.41 55.04 ญี่ปุ่น
รีดร้อน (HR sections )
- เหล็กลวด (Wire rods) 546,244 10,876 449,728 9,453 21.46 15.05 จีน
เหล็กทรงแบน 5,013,196 132,509 4,147,114 118,183 20.88 12.12 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
(Flat Products )
เหล็กแผ่นรีดร้อน (Hot-Rolled Flat Products) 2,645,824 53,484 2,031,836 44,810 30.22 19.36 ญี่ปุ่น
- เหล็กแผ่นหนารีดร้อน 183,322 4,420 141,995 4,432 29.1 -0.28 ญี่ปุ่น,จีน
(HR plate)
- เหล็กแผ่นบางรีดร้อน 1,702,823 32,085 1,272,320 25,057 33.84 28.05 ญี่ปุ่น,ออสเตรเลีย
(HR sheet)
- เหล็กแผ่นบางรีดร้อนชนิดผ่านการกัดล้างและชุบน้ำมัน 759,679 16,980 617,521 15,321 23.02 10.83 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
(HR sheet P&O )
เหล็กแผ่นรีดเย็น (Cold-Rolled Flat Products) 771,116 30,147 735,912 27,252 4.78 10.63 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
- เหล็กแผ่นรีดเย็น 647,385 17,364 636,729 17,813 1.67 -2.52 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
(CR carbon steel)
- เหล็กแผ่นรีดเย็นไร้สนิม 123,731 12,783 99,183 9,439 24.75 35.43 ญี่ปุ่น,จีน
(CR stainless steel)
เหล็กแผ่นเคลือบ 1,596,256 48,878 1,379,366 46,121 15.72 5.98 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
(Coated Steel Products)
- เคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อน 927,662 26,339 804,205 24,860 15.35 5.95 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
(Galv. Sheet (HDG))
- เคลือบสังกะสีด้วยไฟฟ้า 164,982 4,990 153,402 5,244 7.55 -4.84 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
(Galv. Sheet (EG))
- เคลือบดีบุก (Tin plate) 141,225 4,684 100,506 3,627 40.51 29.15 เกาหลีใต้,จีน
- เคลือบดีบุกโครเมียม 60,110 2,077 37,170 1,260 61.71 64.84 เกาหลีใต้,ไต้หวัน
(Tin free)
- อื่นๆ (Others) 302,277 10,787 284,083 11,130 6.4 -3.09 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
ท่อเหล็ก (Pipe) 689,079 25,604 1,049,586 38,514 -34.35 -33.5 จีน,เยอรมนี
- ท่อเหล็กไร้ตะเข็บ 429,919 13,552 946,974 31,877 -54.6 -57.5 จีน,เยอรมนี
(Pipe-Seamless)
- ท่อเหล็กมีตะเข็บ (Pipe-Welded) 259,160 12,051 102,611 6,637 152.6 81.58 มาเลเซีย,เกาหลีใต้
รวม 8,205,300 190,375 8,774,792 191,899 -6.49 -0.79 ญี่ปุ่น,จีน,รัสเซีย
การส่งออก
มูลค่าและปริมาณการส่งออกเหล็กและเหล็กกล้าในปี 2550 มีจำนวนประมาณ 60,714 ล้านบาท และ 2,246,832 เมตริกตัน
โดยมูลค่าและปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้น ร้อยละ 43.21 และ 33.00 ตามลำดับ โดยประเทศที่มีการส่งออกไปมากที่สุด คือ อินเดียและสหรัฐ
อเมริกา สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าการส่งออกขยายตัวมากที่สุดในช่วงนี้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ เหล็กแผ่นแบน เพิ่มขึ้น ร้อยละ
7,286.59 รองลงมาคือ เหล็กแผ่นเคลือบโครเมียม เพิ่มขึ้น ร้อยละ 1,081.61 และ เหล็กแท่งเล็กบิลเล็ต เพิ่มขึ้น ร้อยละ 425.64 สำหรับ
ผลิตภัณฑ์ที่มีการลดลงของมูลค่าการส่งออกมากที่สุด ได้แก่ เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อน ลดลง ร้อยละ 7.24 และ ท่อเหล็กมีตะเข็บ ลดลง
4.24
ผลิตภัณฑ์ที่มีการมูลค่าการส่งออกมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ เหล็กแผ่นบางรีดร้อน มีมูลค่า 12,531 ล้านบาท รองลงมาคือ เหล็ก
แผ่นรีดเย็นไร้สนิม มีมูลค่า 11,682 ล้านบาท และเหล็กแผ่นรีดเย็น มีมูลค่า 8,618 ล้านบาท เนื่องจากความต้องการใช้ในประเทศที่ลดลง ผู้ผลิต
ไทยจึงต้องปรับกลยุทธ์ทางการตลาดโดยการขยายฐานการตลาดโดยส่งออกไปยังประเทศที่ยังมีความต้องการใช้อยู่ รายละเอียดตามตารางที่ 3
ตารางที่ 3 : ปริมาณและมูลค่าการส่งออกเหล็กและเหล็กกล้าที่สำคัญ ปี 2550 เทียบกับปี 2549
หน่วย : ปริมาณ: เมตริกตัน
มูลค่า : ล้านบาท
ผลิตภัณฑ์ ปี 2550 ปี 2549 อัตราการ ตลาดนำเข้า
เปลี่ยนแปลง ที่สำคัญ
(ร้อยละ)
ปริมาณ มูลค่า ปริมาณ มูลค่า ปริมาณ มูลค่า
ผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป 85,059 1,522 18,172 289 368.09 426.58 เวียดนาม
(Semi-Finished Products)
- เหล็กแท่งเล็ก (Billet) 78,217 1,403 18,101 267 332.12 425.64 เวียดนาม
- เหล็กแท่งแบน (Slab) 66 2 2 0 3196.4 7286.6 อินโดนีเซีย,ลาว
- อื่นๆ (Others) 6,775 117 69 22 9771.7 431.49 เวียดนาม
เหล็กทรงยาว (Long Products ) 380,999 9,180 356,788 7,486 6.79 22.63 มาเลเซีย
- เหล็กเส้น (Bar) 91,841 1,865 77,638 1,379 18.29 35.21 ลาว,สหรัฐอเมริกา
- เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ 270,411 6,961 270,914 5,949 -0.19 17.02 มาเลเซีย,ออสเตรเลีย
รีดร้อน (HR sections )
- เหล็กลวด (Wire rods) 18,747 354 8,235 158 127.66 124.08 เวียดนาม,ไต้หวัน
เหล็กทรงแบน 1,780,774 50,012 1,314,330 34,620 35.49 44.46 อินเดียสหรัฐอเมริกา
(Flat Products )
เหล็กแผ่นรีดร้อน 1,081,359 21,854 907,890 18,703 19.11 16.84 อินเดีย,สหรัฐอเมริกา
(Hot-Rolled Flat Products)
- เหล็กแผ่นหนารีดร้อน 247,144 5,337 213,490 4,327 15.76 23.34 สหรัฐอเมริกา,กาตาร์
(HR plate)
- เหล็กแผ่นบางรีดร้อน 625,107 12,531 593,324 12,537 5.36 -0.05 อินเดีย,เวียดนาม
(HR sheet)
- เหล็กแผ่นบางรีดร้อนชนิด 209,107 3,985 101,076 1,839 106.88 116.69 อินเดีย,เวียดนาม
ผ่านการกัดล้างและชุบน้ำมัน
(HR sheet P&O )
เหล็กแผ่นรีดเย็น 450,127 20,300 247,513 10,734 81.86 89.11 อินโดนีเซีย
(Cold-Rolled Flat Products)
- เหล็กแผ่นรีดเย็น 361,646 8,618 165,281 3,559 118.81 142.12 อินโดนีเซีย
(CR carbon steel)
- เหล็กแผ่นรีดเย็นไร้สนิม 88,481 11,682 82,232 7,175 7.6 62.82 อิตาลี,เกาหลีใต้
(CR stainless steel)
เหล็กแผ่นเคลือบ 249,288 7,859 158,928 5,182 56.86 51.64 เบลเยียม,สิงคโปร์
(Coated Steel Products)
- เคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อน 45,372 1,444 45,565 1,557 -0.42 -7.24 เบลเยียม,อิตาลี
(Galv. Sheet (HDG))
- เคลือบสังกะสีด้วยไฟฟ้า 30,700 832 20,804 532 47.57 56.42 สิงคโปร์,จีน
(Galv. Sheet (EG))
- เคลือบดีบุก (Tin plate) 3,482 116 3,830 116 -9.09 0.62 เวียดนาม
- เคลือบโครเมียม (Tin free) 4,486 214 184 18 2341.7 1081.6 ลาว
- อื่นๆ (Others) 165,248 5,252 88,545 2,960 86.63 77.43 อินเดีย,เบลเยียม
ท่อเหล็ก (Pipe) 222,811 10,422 213,868 10,590 4.18 -1.59 มาเลเซีย
- ท่อเหล็กไร้ตะเข็บ 18,520 1,869 20,932 1,659 -11.53 12.67 ซาอุดิอาระเบีย,มาเลเซีย
(Pipe-Seamless)
- ท่อเหล็กมีตะเข็บ (Pipe-Welded) 204,291 8,554 192,935 8,932 5.89 -4.24 มาเลเซีย,สหรัฐอเมริกา
รวม 2,246,832 60,714 1,689,289 42,395 33 43.21 อินเดีย,สหรัฐอเมริกา
ที่มา : กรมศุลกากร
หมายเหตุ 1 : ประมาณการณ์ตัวเลขของเดือน พ.ย.- ธ.ค.
2. สรุป
สถานการณ์เหล็กโดยรวมในปี 2550 ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน โดยการผลิตลดลง ร้อยละ 9.31 ปริมาณความ
ต้องการใช้ในประเทศ ลดลง ร้อยละ 2.73 เป็นผลมาจากการลดลง ของเหล็กทรงยาว ร้อยละ 12.31 แต่เหล็กทรงแบนกลับมีความต้องการใช้ที่
ขยายตัวขึ้น ร้อยละ 4.15 ในขณะที่มูลค่าและปริมาณการนำเข้าลดลง ร้อยละ 0.79 และ 6.49 ตามลำดับ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากราคาเหล็ก
ในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น (ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่ประเทศจีนมีนโยบายลดการส่งออกจึงทำให้ไม่มีสินค้าเหล็กจากประเทศจีนเข้าสู่ตลาดเหล็ก)
ในขณะที่ความต้องการใช้ในประเทศของบางผลิตภัณฑ์ยังคงชะลอตัวอยู่ จึงทำให้ผู้ผลิตนำเข้าสินค้าในปริมาณที่ต้องการใช้เท่านั้นและจะไม่สต๊อกสินค้าไว้
ในปริมาณมาก สำหรับมูลค่าและปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้น ร้อยละ 43.21 และ 33.00 ตามลำดับ เนื่องจากความต้องการใช้ในประเทศที่ชะลอตัว
ลงทำให้ผู้ผลิตต้องขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศที่ยังคงมีความต้องการใช้เหล็กอยู่
สำหรับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของราคาผลิตภัณฑ์เหล็กที่สำคัญ(FOB)โดยเฉลี่ยในตลาดโลกจาก CIS ณ ท่า Black Sea ในช่วง
11 เดือนแรกของปี 2550 เทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน ผลิตภัณฑ์เหล็กที่สำคัญทุกตัวมีทิศทางในการปรับตัวของราคาที่เพิ่มขึ้นโดยราคาเหล็กแท่ง
เล็กบิลเล็ต เพิ่มขึ้นจาก 380 เหรียญสหรัฐต่อตัน เป็น 489 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 28.67 เหล็กเส้นเพิ่มขึ้นจาก 429 เหรียญสหรัฐต่อ
ตัน เป็น 538 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 25.44 เหล็กแท่งแบน เพิ่มขึ้นจาก 406 เหรียญสหรัฐต่อตัน เป็น 500 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่ม
ขึ้น ร้อยละ 23.13 เศษเหล็ก(จาก EU ) เพิ่มขึ้นจาก 245 เหรียญสหรัฐต่อตัน เป็น 292 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 13.26 เหล็กแผ่นรีด
ร้อนเพิ่มขึ้นจาก 497 เหรียญสหรัฐต่อตัน เป็น 554 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 11.46 และเหล็กแผ่นรีดเย็น เพิ่มขึ้นจาก 567 เหรียญสหรัฐ
ต่อตัน เป็น 621 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 9.62 ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ราคาเหล็กสูงขึ้นเนื่องจากผู้ส่งออกของประเทศจีนเริ่มชะลอการส่ง
ออก จึงทำให้ในตลาดเหล็กไม่มีสินค้าจากประเทศจีน นอกจากนี้ยังเป็นผลมาจากราคาแร่เหล็กซึ่งเป็นวัตถุดิบขั้นต้นของอุตสาหกรรมเหล็กปรับตัวสูงขึ้น
ประกอบกับราคาน้ำมันและค่าระวางเรือก็เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย จึงส่งให้ราคาเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก เช่น เศษเหล็ก เหล็กเส้น และเหล็กแผ่น เป็น
ต้น ปรับตัวสูงขึ้น
ประเทศเกาหลีใต้เตรียมที่จะเจรจากับประเทศจีนในเรื่องการส่งออกเหล็กจากประเทศจีนไปยังประเทศเกาหลีใต้เพิ่มมากขึ้น โดย
เฉพาะอย่างยิ่งเหล็ก H-beam ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2550 มีปริมาณนำเข้า 656,000 ตัน เพิ่มขึ้นถึง ร้อย 15 เช่นเดียวกับประเทศญี่ปุ่นที่
กำลังเผชิญกับปัญหาสินค้าเหล็กที่นำเข้าจากประเทศจีนที่เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ในทางตรงกันข้ามประเทศจีนกลับคิดว่าการค้าเหล็กของตนกำลังขาดดุลญี่ปุ่น
อยู่ โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2550 ญี่ปุ่นได้ส่งสินค้ามายังจีน 4.75 ล้านตัน ในขณะที่จีนส่งสินค้าไปยังญี่ปุ่นเพียง 1.56 ล้านตัน
บริษัท BHPB ซึ่งเป็นบริษัทแร่รายใหญ่ของโลกยื่นข้อเสนอขอเข้าควบรวมกิจการ บริษัท Rio Tinto โดยเมื่อเร็วๆนี้ บริษัท BHPB ได้
ยื่นความจำนงเพื่อขอควบรวมกิจการกับ บริษัท Rio Tinto แต่บริษัท Rio Tinto กลับปฏิเสธ ขณะที่ BHPB ไม่ยอมแพ้พยายามหาโอกาสที่เข้าเข้า
พบและพูดคุยกับผู้บริหารของบริษัท พร้อมยื่นข้อเสนอและผลประโยชน์ให้แก่ผู้ถือหุ้นของทั้งสองบริษัท โดยที่ผู้ถือหุ้นของ Rio Tinto จะมีสิทธิถือหุ้นของ
BHPB ได้อีก 3 หุ้น หากมีการรวมกิจการกัน
รัฐบาลฟิลิปปินส์ได้ขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กแผ่นรีดร้อนและเหล็กแผ่นรีดเย็นจาก ร้อยละ 3 เป็น ร้อยละ 7 โดยสาเหตุที่รัฐบาลฟิลิปปินส์ขึ้น
ภาษี เนื่องจากปัจจุบันผู้ผลิตท้องถิ่นในประเทศมีปริมาณการผลิตในเชิงพาณิชย์เพียงแค่ ร้อยละ 50 ของกำลังการผลิต โดยผู้ค้ารายหนึ่งแจ้งว่า การ
ปรับขึ้นภาษีนำเข้าจะไม่เป็นปัญหาใหญ่เมื่อราคาภายในประเทศสามารถแข่งขันได้ ในขณะที่แหล่งข่าวในประเทศได้ตั้งข้อสังเกตว่า สมดุลของอุปสงค์/อุป
ทานจะต้องถูกติดตามอย่างใกล้ชิด และการตั้งราคาเหล็กจะต้องอยู่บนพื้นฐานที่ลูกค้าสามารถจ่ายได้
สมาคมอุตสาหกรรมถ่านโค้ก Shaxi ประกาศขึ้นราคาของถ่านโค้กอีก 10.7 เหรียญต่อตันในเดือนพฤศจิกายนเนื่องจากราคาถ่านหินและ
ความต้องการในประเทศที่สูงขึ้น ราคาถ่านโค้กเกรดสองหน้าโรงงานอยู่ที่ 202.2 เหรียญต่อตัน ซึ่งยังไม่รวมภาษีอีกร้อยละ 17 อย่างไรก็ตามผู้ผลิต
ถ่านโค้กบางรายได้ขึ้นราคาของตนไปล่วงหน้าก่อนที่สมาคมจะประกาศแล้ว ในขณะที่ราคาส่งออกของถ่านโค้กเกรดหนึ่งอยู่ที่ 360-380 เหรียญต่อตัน
กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนามเปิดเผยถึงแผนพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็กตั้งแต่ปี 2553-2568 ว่าประเทศเวียดนามได้วางแผน
ขยายผลผลิตเหล็กและส่งออกเหล็กภายในปี 2553 เพื่อรองรับความต้องการในประเทศและพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็กของประเทศสู่ระดับโลก โดยแผน
การดังกล่าวมีงบประมาณถึง 10-12 พันล้านเหรียญตั้งแต่ปีนี้ถึงปี 2568 โดย 8 พันล้านเหรียญแรกจะใช้ตั้งแต่ปีนี้ถึงปี 2558 ซึ่งโครงการที่อยู่ในแผนมี
ทั้งหมด 6 โครงการ ได้แก่ โครงการโรงเหล็กครบวงจร Ha Tihn Steel ที่มีกำลังการผลิต 4.5 ล้านตันต่อปี ซึ่งเป็นการลงทุนร่วมกันระหว่าง
Tata Steel และ Vietnam Steel Corp และคาดว่าจะดำเนินการได้ในปี 2554 โครงการโรงเหล็ก Dung Quat ขนาดกำลังการผลิต 5
ล้านตันต่อปี ดำเนินการโดย E-United และ Tycoons และ แผนสร้างโรงรีดร้อน-รีดเย็น และชุบสังกะสีของ Posco ในจังหวัด Ba Ria-Vung
Tau นอกจากนี้ยังมีโครงการของ Vietnam Steel Corp โดยร่วมมือกับ Essar Steel ในการก่อสร้างโรงเหล็กรีดร้อนขนาดกำลังการผลิต 2
ล้านตันต่อปี บวกกับการเพิ่มสายการผลิตบิลเล็ตขนาดกำลังการผลิต 5 แสนตันต่อปี และโครงการเหมืองแร่ของ Lao Cai Steel และ โครงการโรง
เหล็กของ Kunming Steel จากจีน
3.แนวโน้ม
แนวโน้มสถานการณ์เหล็กโดยรวมในประเทศใน ปี 2551 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คาดการณ์ว่าจะขยายตัวขึ้น ส่วนหนึ่งเป็น
ผลมาจากความมั่นใจในสถานการณ์ทางการเมืองที่เพิ่มมากขึ้นหลังการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธันวาคม 2550 และคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมก่อสร้างจะมี
การขยายตัวเพิ่มมากขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2551 จากการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ ส่งผลให้ปริมาณการใช้เหล็กทรงยาวและ
เหล็กทรงแบนบางชนิดเพิ่มมากขึ้น ขณะที่สถานการณ์เหล็กทรงแบนที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องคาดการณ์ว่าจะขยายตัวตามอุตสาหกรรมต่อเนื่อง
สำหรับราคาเหล็กในตลาดโลกคาดการณ์ว่าจะปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้เป็นผลมาจากค่าระวางการขนส่งและค่าน้ำมัน ซึ่งช่วงนี้ปรับราคาสูงขึ้น นอกจาก
นี้ ยังเป็นผลมาจากราคาวัตถุดิบ เช่น สินแร่เหล็ก ถ่านหิน ที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-
การผลิต
ปริมาณการผลิตเหล็กและเหล็กกล้าที่สำคัญใน ปี 2550 มีประมาณ 7,957,600 เมตริกตัน ( ไม่รวมผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป เหล็ก
แผ่นรีดเย็น เหล็กแผ่นเคลือบและท่อเหล็กเพื่อไม่ให้เกิดการนับซ้ำ ) ชะลอตัวลง ร้อยละ 9.31 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมา
จากสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว ทำให้ความต้องการใช้เหล็กในประเทศลดลงจากการที่ผู้บริโภคชะลอการใช้จ่ายเนื่องจากความไม่มั่น
ใจต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นผลมาจาก ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นและการแข็งตัวของค่าเงินบาท เป็นต้น เมื่อพิจารณาใน
รายผลิตภัณฑ์ พบว่า ผลิตภัณฑ์ที่ชะลอตัวลงมากที่สุดในช่วงนี้ คือ เหล็กแผ่นเคลือบดีบุก ลดลง ร้อยละ 26.64 รองลงมาคือ เหล็กทรงยาว ลดลง ร้อย
ละ 15.18 เนื่องจากการชะลอตัวของอุตสาหกรรมก่อสร้างในประเทศทั้งโครงการของภาครัฐและภาคเอกชน ประกอบกับราคาผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่ง
สำเร็จรูป เช่น เหล็กแท่งเล็กบิลเล็ต เหล็กแท่งแบน ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ราคาผลิตภัณฑ์เหล็กในประเทศยังไม่สามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
เนื่องจากความต้องการใช้ที่ยังชะลอตัวอยู่ จึงมีผลทำให้ผู้ผลิตผลิตเท่าที่มีคำสั่งซื้อเท่านั้นและจะไม่เก็บเป็นสินค้าคงคลังในปริมาณมาก สำหรับผลิตภัณฑ์ที่
มีการผลิตขยายตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุดในช่วงนี้ คือ เหล็กแผ่นเคลือบ ชนิดอื่นๆ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 16.29 และเหล็กแผ่นรีดเย็น เพิ่มขึ้น ร้อยละ 6.85
เนื่องจากความต้องการใช้ที่ยังคงมีอยู่ของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ ประกอบกับมีการส่งออกไปยังต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น
ด้วย รายละเอียดตามตารางที่ 1
ตารางที่ 1 : ปริมาณการผลิตเหล็กและเหล็กกล้าที่สำคัญปี 2550 เทียบกับ ปี 2549
หน่วย : เมตริกตัน
ผลิตภัณฑ์(1) ปี 2550(2) ปี 2549 อัตราการ
เปลี่ยนแปลง
(ร้อยละ)
ผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป 5,514,135 5,211,200 5.81
(Semi-Finished Products)
เหล็กทรงยาว(Long Products) 3,942,220 4,648,015 -15.18
เหล็กทรงแบน(Flat Products) 6,910,218 6,962,849 -0.76
เหล็กแผ่นรีดร้อน(Hot-rolled Flat) 4,015,380 4,126,453 -2.69
เหล็กแผ่นรีดเย็น(Cold-rolled Flat ) 1,910,473 1,788,073 6.85
เหล็กแผ่นเคลือบ (Coated Steel) 984,364 1,048,323 -6.1
- เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี 303,628 340,729 -10.89
(Galvanized Sheet)
- เหล็กแผ่นเคลือบดีบุก (Tin plate) 215,925 294,325 -26.64
- เหล็กแผ่นเคลือบโครเมียม (Tin free) 157,631 149,116 5.71
- อื่นๆ (other coated steel) 307,181 264,153 16.29
ท่อเหล็ก (Pipes & Tubes) N/A N/A N/A
รวม 1 7,957,600 8,774,468 -9.31
ที่มา : สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย
หมายเหตุ 1 : ไม่รวมผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป เหล็กแผ่นรีดเย็น เหล็กแผ่นเคลือบ และท่อเหล็กเพื่อไม่ให้เกิดการนับซ้ำ
2 : ประมาณการณ์ตัวเลขของเดือน พ.ย.- ธ.ค.
การใช้ในประเทศ
ปริมาณการใช้เหล็กและเหล็กกล้าในประเทศที่สำคัญใน ปี 2550 ประมาณ 11,627,751 เมตริกตัน ชะลอตัวลง ร้อยละ 2.73
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเหล็กทรงยาวมีความต้องการใช้ในประเทศ ลดลง ร้อยละ 12.31 เป็นผลมาจากการชะลอตัวของ
อุตสาหกรรมก่อสร้าง ในขณะที่เหล็กทรงแบน กลับมีความต้องการใช้ในประเทศที่เพิ่มขึ้น ร้อยละ 4.15 เป็นผลมาจากความต้องการใช้ของ
อุตสาหกรรมต่อเนื่องที่ยังคงมีอยู่
การนำเข้า-การส่งออก
การนำเข้า
มูลค่าและปริมาณการนำเข้าเหล็กและเหล็กกล้าที่สำคัญในปี 2550 มีจำนวนประมาณ 190,375 ล้านบาท และ 8,205,300
เมตริกตัน โดยมูลค่าและปริมาณการนำเข้าลดลง ร้อยละ 0.79 และ 6.49 ตามลำดับ เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศ ทำให้ความ
ต้องการใช้ในประเทศชะลอตัวลง โดยผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าการนำเข้าลดลงมากที่สุดเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ ท่อเหล็กไร้ตะเข็บ ลด
ลง ร้อยละ 57.49 รองลงมาคือ เหล็กแท่งเล็กบิลเล็ต ลดลง ร้อยละ 35.83 และเหล็กแท่งแบน ลดลง ร้อยละ 27.63 เป็นผลมาจากราคา
เหล็กในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ( ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากประเทศจีนที่มีนโยบายลดการส่งออกผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป จึงทำให้แทบจะไม่มีสินค้า
จากประเทศจีนในตลาดเหล็ก) ในขณะที่ความต้องการใช้ในประเทศยังคงชะลอตัวอยู่ จึงทำให้ผู้ผลิตลดการนำเข้าลงและนำเข้ามาในปริมาณที่ต้อง
การใช้เท่านั้น สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าการนำเข้าขยายตัวมากที่สุดเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ ท่อเหล็กมีตะเข็บ เพิ่มขึ้น ร้อยละ
81.58 เหล็กแผ่นเคลือบโครเมียม เพิ่มขึ้น ร้อยละ 64.84 และ เหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น ร้อยละ 55.04 โดยประเทศที่มี
การนำเข้ามากที่สุด ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น จีน และรัสเซีย
ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าการนำเข้ามากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ เหล็กแผ่นบางรีดร้อน มีมูลค่า 32,085 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่จะเป็นการนำ
เข้าเหล็กชนิดคุณภาพสูงเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น ยานยนต์ รองลงมาคือ เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อน มีมูลค่า 26,339
ล้านบาท และเหล็กแท่งแบน มีมูลค่า 21,917 ล้านบาท รายละเอียดตามตารางที่ 2
ตารางที่ 2 : ปริมาณและมูลค่าการนำเข้าเหล็กและเหล็กกล้าที่สำคัญ ปี 2550 เทียบกับ ปี 2549
หน่วย : ปริมาณ: เมตริกตัน
มูลค่า : ล้านบาท
ผลิตภัณฑ์ ปี 2550 ปี 2549 อัตราการ ตลาดนำเข้า
เปลี่ยนแปลง ที่สำคัญ
(ร้อยละ)
ปริมาณ มูลค่า ปริมาณ มูลค่า ปริมาณ มูลค่า
ผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป 2,431,474 40,736 3,924,295 57,614 -38.04 -29.3 รัสเซีย,จีน
(Semi-Finished Products)
- เหล็กแท่งเล็ก (Billet) 869,133 14,540 1,525,704 22,660 -43.03 -35.8 จีน,รัสเซีย
- เหล็กแท่งแบน (Slab) 1,307,867 21,917 2,083,935 30,283 -37.24 -27.6 รัสเซีย,จีน
- อื่นๆ (Others) 254,474 4,279 314,657 4,671 -19.13 -8.38 จีน
เหล็กทรงยาว 818,728 17,722 703,383 16,102 16.4 10.06 จีน,ญี่ปุ่น
(Long Products )
- เหล็กเส้น (Bar) 257,175 6,173 242,093 6,215 6.23 -0.68 ญี่ปุ่น,จีน
- เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ 15,309 673 11,561 434 32.41 55.04 ญี่ปุ่น
รีดร้อน (HR sections )
- เหล็กลวด (Wire rods) 546,244 10,876 449,728 9,453 21.46 15.05 จีน
เหล็กทรงแบน 5,013,196 132,509 4,147,114 118,183 20.88 12.12 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
(Flat Products )
เหล็กแผ่นรีดร้อน (Hot-Rolled Flat Products) 2,645,824 53,484 2,031,836 44,810 30.22 19.36 ญี่ปุ่น
- เหล็กแผ่นหนารีดร้อน 183,322 4,420 141,995 4,432 29.1 -0.28 ญี่ปุ่น,จีน
(HR plate)
- เหล็กแผ่นบางรีดร้อน 1,702,823 32,085 1,272,320 25,057 33.84 28.05 ญี่ปุ่น,ออสเตรเลีย
(HR sheet)
- เหล็กแผ่นบางรีดร้อนชนิดผ่านการกัดล้างและชุบน้ำมัน 759,679 16,980 617,521 15,321 23.02 10.83 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
(HR sheet P&O )
เหล็กแผ่นรีดเย็น (Cold-Rolled Flat Products) 771,116 30,147 735,912 27,252 4.78 10.63 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
- เหล็กแผ่นรีดเย็น 647,385 17,364 636,729 17,813 1.67 -2.52 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
(CR carbon steel)
- เหล็กแผ่นรีดเย็นไร้สนิม 123,731 12,783 99,183 9,439 24.75 35.43 ญี่ปุ่น,จีน
(CR stainless steel)
เหล็กแผ่นเคลือบ 1,596,256 48,878 1,379,366 46,121 15.72 5.98 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
(Coated Steel Products)
- เคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อน 927,662 26,339 804,205 24,860 15.35 5.95 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
(Galv. Sheet (HDG))
- เคลือบสังกะสีด้วยไฟฟ้า 164,982 4,990 153,402 5,244 7.55 -4.84 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
(Galv. Sheet (EG))
- เคลือบดีบุก (Tin plate) 141,225 4,684 100,506 3,627 40.51 29.15 เกาหลีใต้,จีน
- เคลือบดีบุกโครเมียม 60,110 2,077 37,170 1,260 61.71 64.84 เกาหลีใต้,ไต้หวัน
(Tin free)
- อื่นๆ (Others) 302,277 10,787 284,083 11,130 6.4 -3.09 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
ท่อเหล็ก (Pipe) 689,079 25,604 1,049,586 38,514 -34.35 -33.5 จีน,เยอรมนี
- ท่อเหล็กไร้ตะเข็บ 429,919 13,552 946,974 31,877 -54.6 -57.5 จีน,เยอรมนี
(Pipe-Seamless)
- ท่อเหล็กมีตะเข็บ (Pipe-Welded) 259,160 12,051 102,611 6,637 152.6 81.58 มาเลเซีย,เกาหลีใต้
รวม 8,205,300 190,375 8,774,792 191,899 -6.49 -0.79 ญี่ปุ่น,จีน,รัสเซีย
การส่งออก
มูลค่าและปริมาณการส่งออกเหล็กและเหล็กกล้าในปี 2550 มีจำนวนประมาณ 60,714 ล้านบาท และ 2,246,832 เมตริกตัน
โดยมูลค่าและปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้น ร้อยละ 43.21 และ 33.00 ตามลำดับ โดยประเทศที่มีการส่งออกไปมากที่สุด คือ อินเดียและสหรัฐ
อเมริกา สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าการส่งออกขยายตัวมากที่สุดในช่วงนี้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ เหล็กแผ่นแบน เพิ่มขึ้น ร้อยละ
7,286.59 รองลงมาคือ เหล็กแผ่นเคลือบโครเมียม เพิ่มขึ้น ร้อยละ 1,081.61 และ เหล็กแท่งเล็กบิลเล็ต เพิ่มขึ้น ร้อยละ 425.64 สำหรับ
ผลิตภัณฑ์ที่มีการลดลงของมูลค่าการส่งออกมากที่สุด ได้แก่ เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อน ลดลง ร้อยละ 7.24 และ ท่อเหล็กมีตะเข็บ ลดลง
4.24
ผลิตภัณฑ์ที่มีการมูลค่าการส่งออกมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ เหล็กแผ่นบางรีดร้อน มีมูลค่า 12,531 ล้านบาท รองลงมาคือ เหล็ก
แผ่นรีดเย็นไร้สนิม มีมูลค่า 11,682 ล้านบาท และเหล็กแผ่นรีดเย็น มีมูลค่า 8,618 ล้านบาท เนื่องจากความต้องการใช้ในประเทศที่ลดลง ผู้ผลิต
ไทยจึงต้องปรับกลยุทธ์ทางการตลาดโดยการขยายฐานการตลาดโดยส่งออกไปยังประเทศที่ยังมีความต้องการใช้อยู่ รายละเอียดตามตารางที่ 3
ตารางที่ 3 : ปริมาณและมูลค่าการส่งออกเหล็กและเหล็กกล้าที่สำคัญ ปี 2550 เทียบกับปี 2549
หน่วย : ปริมาณ: เมตริกตัน
มูลค่า : ล้านบาท
ผลิตภัณฑ์ ปี 2550 ปี 2549 อัตราการ ตลาดนำเข้า
เปลี่ยนแปลง ที่สำคัญ
(ร้อยละ)
ปริมาณ มูลค่า ปริมาณ มูลค่า ปริมาณ มูลค่า
ผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป 85,059 1,522 18,172 289 368.09 426.58 เวียดนาม
(Semi-Finished Products)
- เหล็กแท่งเล็ก (Billet) 78,217 1,403 18,101 267 332.12 425.64 เวียดนาม
- เหล็กแท่งแบน (Slab) 66 2 2 0 3196.4 7286.6 อินโดนีเซีย,ลาว
- อื่นๆ (Others) 6,775 117 69 22 9771.7 431.49 เวียดนาม
เหล็กทรงยาว (Long Products ) 380,999 9,180 356,788 7,486 6.79 22.63 มาเลเซีย
- เหล็กเส้น (Bar) 91,841 1,865 77,638 1,379 18.29 35.21 ลาว,สหรัฐอเมริกา
- เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ 270,411 6,961 270,914 5,949 -0.19 17.02 มาเลเซีย,ออสเตรเลีย
รีดร้อน (HR sections )
- เหล็กลวด (Wire rods) 18,747 354 8,235 158 127.66 124.08 เวียดนาม,ไต้หวัน
เหล็กทรงแบน 1,780,774 50,012 1,314,330 34,620 35.49 44.46 อินเดียสหรัฐอเมริกา
(Flat Products )
เหล็กแผ่นรีดร้อน 1,081,359 21,854 907,890 18,703 19.11 16.84 อินเดีย,สหรัฐอเมริกา
(Hot-Rolled Flat Products)
- เหล็กแผ่นหนารีดร้อน 247,144 5,337 213,490 4,327 15.76 23.34 สหรัฐอเมริกา,กาตาร์
(HR plate)
- เหล็กแผ่นบางรีดร้อน 625,107 12,531 593,324 12,537 5.36 -0.05 อินเดีย,เวียดนาม
(HR sheet)
- เหล็กแผ่นบางรีดร้อนชนิด 209,107 3,985 101,076 1,839 106.88 116.69 อินเดีย,เวียดนาม
ผ่านการกัดล้างและชุบน้ำมัน
(HR sheet P&O )
เหล็กแผ่นรีดเย็น 450,127 20,300 247,513 10,734 81.86 89.11 อินโดนีเซีย
(Cold-Rolled Flat Products)
- เหล็กแผ่นรีดเย็น 361,646 8,618 165,281 3,559 118.81 142.12 อินโดนีเซีย
(CR carbon steel)
- เหล็กแผ่นรีดเย็นไร้สนิม 88,481 11,682 82,232 7,175 7.6 62.82 อิตาลี,เกาหลีใต้
(CR stainless steel)
เหล็กแผ่นเคลือบ 249,288 7,859 158,928 5,182 56.86 51.64 เบลเยียม,สิงคโปร์
(Coated Steel Products)
- เคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อน 45,372 1,444 45,565 1,557 -0.42 -7.24 เบลเยียม,อิตาลี
(Galv. Sheet (HDG))
- เคลือบสังกะสีด้วยไฟฟ้า 30,700 832 20,804 532 47.57 56.42 สิงคโปร์,จีน
(Galv. Sheet (EG))
- เคลือบดีบุก (Tin plate) 3,482 116 3,830 116 -9.09 0.62 เวียดนาม
- เคลือบโครเมียม (Tin free) 4,486 214 184 18 2341.7 1081.6 ลาว
- อื่นๆ (Others) 165,248 5,252 88,545 2,960 86.63 77.43 อินเดีย,เบลเยียม
ท่อเหล็ก (Pipe) 222,811 10,422 213,868 10,590 4.18 -1.59 มาเลเซีย
- ท่อเหล็กไร้ตะเข็บ 18,520 1,869 20,932 1,659 -11.53 12.67 ซาอุดิอาระเบีย,มาเลเซีย
(Pipe-Seamless)
- ท่อเหล็กมีตะเข็บ (Pipe-Welded) 204,291 8,554 192,935 8,932 5.89 -4.24 มาเลเซีย,สหรัฐอเมริกา
รวม 2,246,832 60,714 1,689,289 42,395 33 43.21 อินเดีย,สหรัฐอเมริกา
ที่มา : กรมศุลกากร
หมายเหตุ 1 : ประมาณการณ์ตัวเลขของเดือน พ.ย.- ธ.ค.
2. สรุป
สถานการณ์เหล็กโดยรวมในปี 2550 ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน โดยการผลิตลดลง ร้อยละ 9.31 ปริมาณความ
ต้องการใช้ในประเทศ ลดลง ร้อยละ 2.73 เป็นผลมาจากการลดลง ของเหล็กทรงยาว ร้อยละ 12.31 แต่เหล็กทรงแบนกลับมีความต้องการใช้ที่
ขยายตัวขึ้น ร้อยละ 4.15 ในขณะที่มูลค่าและปริมาณการนำเข้าลดลง ร้อยละ 0.79 และ 6.49 ตามลำดับ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากราคาเหล็ก
ในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น (ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่ประเทศจีนมีนโยบายลดการส่งออกจึงทำให้ไม่มีสินค้าเหล็กจากประเทศจีนเข้าสู่ตลาดเหล็ก)
ในขณะที่ความต้องการใช้ในประเทศของบางผลิตภัณฑ์ยังคงชะลอตัวอยู่ จึงทำให้ผู้ผลิตนำเข้าสินค้าในปริมาณที่ต้องการใช้เท่านั้นและจะไม่สต๊อกสินค้าไว้
ในปริมาณมาก สำหรับมูลค่าและปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้น ร้อยละ 43.21 และ 33.00 ตามลำดับ เนื่องจากความต้องการใช้ในประเทศที่ชะลอตัว
ลงทำให้ผู้ผลิตต้องขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศที่ยังคงมีความต้องการใช้เหล็กอยู่
สำหรับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของราคาผลิตภัณฑ์เหล็กที่สำคัญ(FOB)โดยเฉลี่ยในตลาดโลกจาก CIS ณ ท่า Black Sea ในช่วง
11 เดือนแรกของปี 2550 เทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน ผลิตภัณฑ์เหล็กที่สำคัญทุกตัวมีทิศทางในการปรับตัวของราคาที่เพิ่มขึ้นโดยราคาเหล็กแท่ง
เล็กบิลเล็ต เพิ่มขึ้นจาก 380 เหรียญสหรัฐต่อตัน เป็น 489 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 28.67 เหล็กเส้นเพิ่มขึ้นจาก 429 เหรียญสหรัฐต่อ
ตัน เป็น 538 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 25.44 เหล็กแท่งแบน เพิ่มขึ้นจาก 406 เหรียญสหรัฐต่อตัน เป็น 500 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่ม
ขึ้น ร้อยละ 23.13 เศษเหล็ก(จาก EU ) เพิ่มขึ้นจาก 245 เหรียญสหรัฐต่อตัน เป็น 292 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 13.26 เหล็กแผ่นรีด
ร้อนเพิ่มขึ้นจาก 497 เหรียญสหรัฐต่อตัน เป็น 554 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 11.46 และเหล็กแผ่นรีดเย็น เพิ่มขึ้นจาก 567 เหรียญสหรัฐ
ต่อตัน เป็น 621 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 9.62 ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ราคาเหล็กสูงขึ้นเนื่องจากผู้ส่งออกของประเทศจีนเริ่มชะลอการส่ง
ออก จึงทำให้ในตลาดเหล็กไม่มีสินค้าจากประเทศจีน นอกจากนี้ยังเป็นผลมาจากราคาแร่เหล็กซึ่งเป็นวัตถุดิบขั้นต้นของอุตสาหกรรมเหล็กปรับตัวสูงขึ้น
ประกอบกับราคาน้ำมันและค่าระวางเรือก็เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย จึงส่งให้ราคาเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก เช่น เศษเหล็ก เหล็กเส้น และเหล็กแผ่น เป็น
ต้น ปรับตัวสูงขึ้น
ประเทศเกาหลีใต้เตรียมที่จะเจรจากับประเทศจีนในเรื่องการส่งออกเหล็กจากประเทศจีนไปยังประเทศเกาหลีใต้เพิ่มมากขึ้น โดย
เฉพาะอย่างยิ่งเหล็ก H-beam ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2550 มีปริมาณนำเข้า 656,000 ตัน เพิ่มขึ้นถึง ร้อย 15 เช่นเดียวกับประเทศญี่ปุ่นที่
กำลังเผชิญกับปัญหาสินค้าเหล็กที่นำเข้าจากประเทศจีนที่เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ในทางตรงกันข้ามประเทศจีนกลับคิดว่าการค้าเหล็กของตนกำลังขาดดุลญี่ปุ่น
อยู่ โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2550 ญี่ปุ่นได้ส่งสินค้ามายังจีน 4.75 ล้านตัน ในขณะที่จีนส่งสินค้าไปยังญี่ปุ่นเพียง 1.56 ล้านตัน
บริษัท BHPB ซึ่งเป็นบริษัทแร่รายใหญ่ของโลกยื่นข้อเสนอขอเข้าควบรวมกิจการ บริษัท Rio Tinto โดยเมื่อเร็วๆนี้ บริษัท BHPB ได้
ยื่นความจำนงเพื่อขอควบรวมกิจการกับ บริษัท Rio Tinto แต่บริษัท Rio Tinto กลับปฏิเสธ ขณะที่ BHPB ไม่ยอมแพ้พยายามหาโอกาสที่เข้าเข้า
พบและพูดคุยกับผู้บริหารของบริษัท พร้อมยื่นข้อเสนอและผลประโยชน์ให้แก่ผู้ถือหุ้นของทั้งสองบริษัท โดยที่ผู้ถือหุ้นของ Rio Tinto จะมีสิทธิถือหุ้นของ
BHPB ได้อีก 3 หุ้น หากมีการรวมกิจการกัน
รัฐบาลฟิลิปปินส์ได้ขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กแผ่นรีดร้อนและเหล็กแผ่นรีดเย็นจาก ร้อยละ 3 เป็น ร้อยละ 7 โดยสาเหตุที่รัฐบาลฟิลิปปินส์ขึ้น
ภาษี เนื่องจากปัจจุบันผู้ผลิตท้องถิ่นในประเทศมีปริมาณการผลิตในเชิงพาณิชย์เพียงแค่ ร้อยละ 50 ของกำลังการผลิต โดยผู้ค้ารายหนึ่งแจ้งว่า การ
ปรับขึ้นภาษีนำเข้าจะไม่เป็นปัญหาใหญ่เมื่อราคาภายในประเทศสามารถแข่งขันได้ ในขณะที่แหล่งข่าวในประเทศได้ตั้งข้อสังเกตว่า สมดุลของอุปสงค์/อุป
ทานจะต้องถูกติดตามอย่างใกล้ชิด และการตั้งราคาเหล็กจะต้องอยู่บนพื้นฐานที่ลูกค้าสามารถจ่ายได้
สมาคมอุตสาหกรรมถ่านโค้ก Shaxi ประกาศขึ้นราคาของถ่านโค้กอีก 10.7 เหรียญต่อตันในเดือนพฤศจิกายนเนื่องจากราคาถ่านหินและ
ความต้องการในประเทศที่สูงขึ้น ราคาถ่านโค้กเกรดสองหน้าโรงงานอยู่ที่ 202.2 เหรียญต่อตัน ซึ่งยังไม่รวมภาษีอีกร้อยละ 17 อย่างไรก็ตามผู้ผลิต
ถ่านโค้กบางรายได้ขึ้นราคาของตนไปล่วงหน้าก่อนที่สมาคมจะประกาศแล้ว ในขณะที่ราคาส่งออกของถ่านโค้กเกรดหนึ่งอยู่ที่ 360-380 เหรียญต่อตัน
กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนามเปิดเผยถึงแผนพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็กตั้งแต่ปี 2553-2568 ว่าประเทศเวียดนามได้วางแผน
ขยายผลผลิตเหล็กและส่งออกเหล็กภายในปี 2553 เพื่อรองรับความต้องการในประเทศและพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็กของประเทศสู่ระดับโลก โดยแผน
การดังกล่าวมีงบประมาณถึง 10-12 พันล้านเหรียญตั้งแต่ปีนี้ถึงปี 2568 โดย 8 พันล้านเหรียญแรกจะใช้ตั้งแต่ปีนี้ถึงปี 2558 ซึ่งโครงการที่อยู่ในแผนมี
ทั้งหมด 6 โครงการ ได้แก่ โครงการโรงเหล็กครบวงจร Ha Tihn Steel ที่มีกำลังการผลิต 4.5 ล้านตันต่อปี ซึ่งเป็นการลงทุนร่วมกันระหว่าง
Tata Steel และ Vietnam Steel Corp และคาดว่าจะดำเนินการได้ในปี 2554 โครงการโรงเหล็ก Dung Quat ขนาดกำลังการผลิต 5
ล้านตันต่อปี ดำเนินการโดย E-United และ Tycoons และ แผนสร้างโรงรีดร้อน-รีดเย็น และชุบสังกะสีของ Posco ในจังหวัด Ba Ria-Vung
Tau นอกจากนี้ยังมีโครงการของ Vietnam Steel Corp โดยร่วมมือกับ Essar Steel ในการก่อสร้างโรงเหล็กรีดร้อนขนาดกำลังการผลิต 2
ล้านตันต่อปี บวกกับการเพิ่มสายการผลิตบิลเล็ตขนาดกำลังการผลิต 5 แสนตันต่อปี และโครงการเหมืองแร่ของ Lao Cai Steel และ โครงการโรง
เหล็กของ Kunming Steel จากจีน
3.แนวโน้ม
แนวโน้มสถานการณ์เหล็กโดยรวมในประเทศใน ปี 2551 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คาดการณ์ว่าจะขยายตัวขึ้น ส่วนหนึ่งเป็น
ผลมาจากความมั่นใจในสถานการณ์ทางการเมืองที่เพิ่มมากขึ้นหลังการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธันวาคม 2550 และคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมก่อสร้างจะมี
การขยายตัวเพิ่มมากขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2551 จากการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ ส่งผลให้ปริมาณการใช้เหล็กทรงยาวและ
เหล็กทรงแบนบางชนิดเพิ่มมากขึ้น ขณะที่สถานการณ์เหล็กทรงแบนที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องคาดการณ์ว่าจะขยายตัวตามอุตสาหกรรมต่อเนื่อง
สำหรับราคาเหล็กในตลาดโลกคาดการณ์ว่าจะปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้เป็นผลมาจากค่าระวางการขนส่งและค่าน้ำมัน ซึ่งช่วงนี้ปรับราคาสูงขึ้น นอกจาก
นี้ ยังเป็นผลมาจากราคาวัตถุดิบ เช่น สินแร่เหล็ก ถ่านหิน ที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-