เศรษฐกิจโลก(1)
ภาพรวมเศรษฐกิจโลกในไตรมาส 4 ปี 2550 ชะลอตัวลง ขณะที่ปัญหาสินเชื่อตึงตัวยังคงทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
เศรษฐกิจของกลุ่ม Euro Zone ขยายตัวลดลง เนื่องจากความผันผวนในตลาดการเงิน และอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น สืบเนื่องมาจากราคาน้ำมันในตลาดโลกและราคาสินค้าอุปโภคบริโภคหลายชนิดปรับตัวสูงขึ้นมาก ประกอบกับหลายประเทศในกลุ่ม Euro Zone ได้ปรับเพิ่มอัตราค่าจ้างแรงงานสูงขึ้น อีกทั้งผู้บริโภคชะลอการใช้จ่าย ส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัวชะลอลง
เศรษฐกิจจีนในปี 2550 ขยายตัวสูงสุดในรอบ 13 ปี ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 11.4 โดยในไตรมาส 4 ปี 2550 GDP ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 11.4 อันเป็นผลมาจากภาคการส่งออกขยายตัวสูง ขณะที่มูลค่าการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศขยายตัวร้อยละ 13.6 ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2550 จีนมีทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 43.3 นอกจากนี้การใช้จ่ายเพื่อการบริโภคในประเทศยังขยายตัวต่อเนื่อง ดังจะเห็นได้จากมูลค่าการค้าปลีกที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 16.8 ขณะที่การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรยังคงขยายตัวร้อยละ 24.8
สถานการณ์น้ำมันในตลาดโลกราคาน้ำมันยังคงผันผวนและแกว่งตัวขึ้นลงตามปัจจัยทางความรู้สึก ข่าวรายวันที่ส่งผลกระทบต่ออุปสงค์และอุปทานน้ำมัน และจากความต้องการการใช้น้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ การที่กลุ่ม OPEC ตัดสินใจไม่เพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในการประชุมเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2551 และสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันที่เกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ ส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมัน ปัจจัยเหล่านี้อาจส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นได้ ราคาน้ำมันดิบดูไบในไตรมาส 4 ปี 2550 อยู่ที่ 82.88 USD/Barrel
เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา(2)
ภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในไตรมาส 4 ปี 2550 GDP ขยายตัวร้อยละ 2.5 ขยายตัวลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2549 ซึ่งขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 2.6 เนื่องจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคชะลอตัวลง ขณะที่การลงทุนของภาคธุรกิจก็ลดลงด้วย การใช้จ่ายเพื่อการบริโภคภาคเอกชนในไตรมาส 4 ปี 2550 ขยายตัวร้อยละ 2.48 ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2549 ซึ่งขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 3.36 การลงทุน (Fixed investment) ในไตรมาส 4 ปี 2550 หดตัวอยู่ที่ร้อยละ -1.17 และการส่งออกในไตรมาส 4 ปี 2550 ขยายตัวร้อยละ 7.71 ขยายตัวลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2549 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 9.26 อัตราเงินเฟ้อไตรมาส 4 ปี 2550 อยู่ที่ร้อยละ 4.0 สูงกว่าไตรมาส 4 ปี 2549 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 1.9 อันเนื่องมาจากราคาสินค้าในหมวดพลังงานที่สูงขึ้น อัตราการว่างงานโดยเฉลี่ยไตรมาส 4 ปี 2550 อยู่ที่ร้อยละ 4.8 สูงกว่าไตรมาส 4 ปี 2549 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 4.4 เป็นผลมาจากการลดลงของการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรม ภาคก่อสร้างและภาคการเงิน ในขณะที่การจ้างงานภาคบริการยังคงเพิ่มขึ้น
หมายเหตุ (1)ข้อมูลบางส่วนของบางประเทศล่าสุดยังเป็นข้อมูลในไตรมาส 3 ปี 2550
(2) - ข้อมูลบางส่วน ล่าสุดยังเป็นข้อมูลในไตรมาส 3 ปี 2550
- ที่มา www.worldbank.org www.imf.org www.bot.or.th
ทางด้านสถานการณ์การเงิน มติที่ประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2551 ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากร้อยละ 3.50 เหลือร้อยละ 3.0 เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยับยั้งความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเขาสู่ภาวะถดถอย
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 4 ปี 2550 ชะลอตัวลงอย่างชัดเจน จะเห็นได้จากภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงอยู่ในภาวะซบเซา เนื่องจากราคาบ้านที่ลดลง และส่งผลต่อความสามารถในการใช้จ่ายของผู้บริโภคชาวอเมริกันลดลงด้วย เนื่องจากความมั่นคั่งของผู้บริโภคที่ถือครองอสังหาริมทรัพย์ลดลง
เศรษฐกิจจีน(3)
เศรษฐกิจประเทศจีนในไตรมาส 4 ปี 2550 ขยายตัวร้อยละ 11.4 ขยายตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2549 ซึ่งขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 10.4 เนื่องมาจากภาคการส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคในประเทศขยายตัวต่อเนื่อง ดังจะเห็นได้จากมูลค่าการค้าปลีกที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยมูลค่าการค้าปลีกในเดือนพฤศจิกายน 2550 ขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 18.8 อันเป็นผลจากการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคในประเทศขยายตัวตามภาวะเศรษฐกิจและนโยบายกระตุ้นการใช้จ่ายของจีน เพื่อลดการพึ่งพาการส่งออกและการลงทุน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในไตรมาส 4 ปี 2550 อยู่ที่ร้อยละ 96.5 ขณะที่การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรและการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศยังคงขยายตัวสูง
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปไตรมาส 4 ปี 2550 อยู่ที่ร้อยละ 6.6 อันเป็นผลจากราคาสินค้าหมวดอาหารที่ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะราคาเนื้อหมู ราคาวัตถุดิบ และพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น
การส่งออกในไตรมาส 4 ปี 2550 ขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 22.2 ขยายตัวลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2549 ที่ขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 27.5
ทางด้านสถานการณ์การเงิน ธนาคารกลางจีน (People’s Bank of China) ประกาศปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากร้อยละ 7.29 เป็นร้อยละ 7.47 โดยเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 21 ธันวาคม 2550 เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ทั้งนี้ธนาคารกลางจีนได้ปรับเพิ่มอัตราเงินสำรองตามกฎหมายของธนาคารพาณิชย์ในจีนเป็นร้อยละ 13.5 เพื่อควบคุมการขยายสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ และควบคุมปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจ เพื่อลดการเก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง
หมายเหตุ (3) - ข้อมูลบางส่วน ข้อมูลล่าสุดยังเป็นข้อมูลในไตรมาส 3 ปี 2550
- ที่มา www.stats.gov.cn, www.pbc.gov.cn, www.bot.or.th
เศรษฐกิจประเทศญี่ปุ่น(4)
เศรษฐกิจประเทศญี่ปุ่นในไตรมาส 3 ปี 2550 GDP ขยายตัวร้อยละ 1.9 ขยายตัวเท่ากับไตรมาส 3 ปี 2549 การบริโภคภาคเอกชนในไตรมาส 3 ปี 2550 อยู่ที่ร้อยละ 2.4 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2549 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 1.1 การใช้จ่ายเพื่อการบริโภคภาคครัวเรือนในไตรมาส 3 ปี 2550 อยู่ที่ร้อยละ 2.3 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2549 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 1.1 การลงทุนในภาคก่อสร้างไตรมาส 2 ปี 2550 อยู่ที่ร้อยละ -0.1 ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2549 อยู่ที่ร้อยละ 0 การส่งออกไตรมาส 3 ปี 2550 อยู่ที่ร้อยละ 8 ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2549 ซึ่งขยายตัวอยู่ที่ 9.3 สินค้าส่งออกประเภทรถยนต์ เหล็ก และชิ้นส่วนโทรคมนาคมขยายตัวดี โดยประเทศจีนกลายเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับ 1 ของประเทศญี่ปุ่นแทนที่สหรัฐฯ
ภาวะเงินเฟ้อของประเทศญี่ปุ่นในไตรมาส 3 ปี 2550 มีอัตราเงินเฟ้อโดยทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ -0.1 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนตุลาคมอยู่ที่ร้อยละ 0.3 เป็นผลมาจากราคาสินค้าในหมวดอาหาร และพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น อัตราการว่างงานในไตรมาส 3 ปี 2550 อยู่ที่ร้อยละ 3.8
ทางด้านสถานการณ์การเงิน มติที่ประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ของธนาคารกลางญี่ปุ่น (Bank of Japan) เมื่อวันที่ 21-22 มกราคม 2551 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ไว้ที่ร้อยละ 0.5 เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อาจเข้าสู่ภาวะถดถอย ประกอบกับยังไม่มีแรงกดดันด้านราคาภายในประเทศ
เศรษฐกิจสหภาพยุโรป(5)
เศรษฐกิจกลุ่มประเทศยุโรปในไตรมาส 3 ปี 2550 GDP ขยายตัวร้อยละ 2.7 ขยายตัวลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2549 GDP อยู่ที่ร้อยละ 2.9 เนื่องจากความผันผวนในตลาดการเงิน และค่าเงินยูโรที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ส่งผลให้ความสามารถในการแข่งขันด้านการส่งออกในตลาดโลกลดลง ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนพฤศจิกายน 2550 อยู่ที่ร้อยละ 2.9
ระดับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของกลุ่มประเทศยุโรป ไตรมาส 4 ปี 2550 ร้อยละ 2.9 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2550 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 1.9 สาเหตุที่อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นเป็นผลจากราคาน้ำมันในตลาดโลกและราคาอาหารที่อยู่ในระดับสูง
ภาวะการจ้างงานมีแนวโน้มดีขึ้น โดยอัตราการว่างงานในเดือนตุลาคม 2550 ลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 7.2 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ 7.3 แสดงให้เห็นว่าภาวะตลาดแรงงานมีแนวโน้มที่ดีขึ้น การจ้างงานขยายตัวดีขึ้น โดยอัตราการว่างงานในเดือนตุลาคม อยู่ที่ร้อยละ 7.2 อีกทั้งค่าแรงในไตรมาส 3 ปี 2550 ขยายตัวสูงขึ้นจากร้อยละ 2.4 ในไตรมาส 2 ปี 2550 เป็นร้อยละ 2.5 ซึ่งคาดว่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการบริโภคของภาคครัวเรือนในระยะต่อไป
ค่าเงินยูโรในไตรมาส 4 ปี 2550 อยู่ที่ 1.4486 (1 Euro:USD) ซึ่งแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2550 อยู่ที่ 1.3676 (1 Euro:USD)
ทางด้านสถานการณ์การเงิน ธนาคารกลางยุโรป (European Central Bank : ECB) ได้ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 4.0% (เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2551) เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อของกลุ่มยูโรโซน ที่อยู่ในระดับสูงเกินอัตราเงินเฟ้อเป้าหมายที่ร้อยละ 2
หมายเหตุ (4) - ข้อมูลบางส่วนล่าสุดยังเป็นข้อมูลในไตรมาสที่ 3 ปี 2550
- www.cao.go.jp www.boj.or.jp
(5) - ข้อมูลบางส่วนล่าสุดยังเป็นข้อมูลในไตรมาสที่ 3 ปี 2550
- ที่มา eurostat, www.ecb.int www.bot.or.th
เศรษฐกิจของประเทศอุตสาหกรรมใหม่ในเอเซีย
ฮ่องกง(6)
เศรษฐกิจฮ่องกงในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 ขยายตัวที่ร้อยละ 6.2 ซึ่งลดลงจาก ร้อยละ 6.6 ในไตรมาสที่ผ่านมา โดยมีการบริโภคของภาคเอกชนร้อยละ 9.7 ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากร้อยละ 5.7 ในไตรมาที่ 2 ของปี 2550 ทางด้านการใช้จ่ายของภาครัฐบาลเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 โดยในไตรมาสที่ 2 ขยายตัวที่ร้อยละ 2.7
ด้านการส่งออกของฮ่องกงในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 มูลค่าการส่งออกในกลุ่มอุตสาหกรรมหลักได้แก่ อุตสาหกรรมสิ่งทอ อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมเครื่องจักรกล อุตสาหกรรมเกี่ยวกับเครื่องมือส่วนประกอบสำเร็จ และอุตสาหกรรมทางด้านเคมีภัณฑ์ต่างๆ มีการส่งออกถึงร้อยละ 74 ของการส่งออกทั้งหมด โดยมูลค่าการส่งออกของอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์อยู่ที่ 3.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 3.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2549 ส่วนอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลและอุตสาหกรรมเครื่องมือส่วนประกอบสำเร็จมีมูลค่าการส่งออกรวม 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยลดลงจาก 2.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปีก่อน ทางด้านอุตสาหกรรมเครื่องนุ่มห่มส่งออกทั้งหมด 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจาก 3.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปีก่อน อุตสาหกรรมสิ่งทอส่งออกมูลค่า 1.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และอุตสาหกรรมเกี่ยวกับเคมีภัณฑ์มีมูลค่าการส่งออก 0.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ การส่งออกทั้งหมดในเดือนสิงหาคมขยายตัวร้อยละ 7.3 จากร้อยละ 8.5 ในเดือนกรกฎาคม โดย 9 เดือนแรกของปีส่งผลให้การส่งออกขยายตัวที่ร้อยละ 9.6 โดยในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 การส่งออกขยายตัวที่ร้อยละ 6.4
หมายเหตุ (6) - ข้อมูลบางส่วนล่าสุดยังเป็นข้อมูลในไตรมาสที่ 3 ปี 2550
เกาหลีใต้(7)
เศรษฐกิจโดยรวมของเกาหลีใต้ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 ขยายตัวร้อยละ 5.1 และขยายตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ของปี 2550 ที่ขยายตัวร้อยละ 4.9 เนื่องจากการส่งออกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการกระจายสินค้าออกไปเพิ่มขึ้นร้อยละ 36 และในไตรมาสที่ 4 ของปี 2550 เศรษฐกิจโดยรวมของเกาหลีใต้ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปี 2549 และขยายตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 3 ที่ขยายตัวร้อยละ 5.1 โดยภาคอุตสาหกรรมการผลิตเติบโตขึ้นร้อยละ 3.4 ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอุตสาหกรรมประเภท semiconductors, video & audio & communication equipment และ machinery โดยขยายตัวเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 1.0 ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2549 และขยายตัวเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 2.7 ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 ส่วนอุตสาหกรรมการก่อสร้างมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 ซึ่งขยายตัวลดลงจากร้อยละ 0.6 ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2549 ในขณะที่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 หดตัวลงร้อยละ 0.2 ซึ่งมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นในส่วนของ civil engineering including roads ทางด้านอุตสาหกรรมเกษตร ป่าไม้และประมง ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2550 หดตัวลงร้อยละ 1.1 โดยในไตรมาสที่ 3 หดตัวลงเช่นกันที่ร้อยละ 2.1 ในส่วนของอุตสาหกรรมทางด้านพลังงาน(ไฟฟ้า,แก๊สและน้ำ) ในไตรมาสที่ 4 ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 ในขณะที่ไตรมาสที่ 3 ขยายตัวที่ร้อยละ 1.6
ด้านการส่งออกในไตรมาสที่ 4 ของปี 2550 ขยายตัวร้อยละ 17.5 โดยขยายตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 4 ของปี 2549 ที่หดตัวลงร้อยละ 0.5 และขยายตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 ที่ขยายตัวร้อยละ 1.5 โดยอุตสาหกรรมที่มีการขยายตัวคือ Machinery and wireless communication equipment
หมายเหตุ (7) - ข้อมูลบางส่วนล่าสุดยังเป็นข้อมูลในไตรมาสที่ 3 ปี 2550
เศรษฐกิจอาเซียน
สิงค์โปร์(8)
เศรษฐกิจประเทศสิงค์โปร์ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2550 ค่อนข้างชะลอตัวโดยมีการขยายตัวของ GDP ร้อยละ 6.0 ในขณะที่ไตรมาสที่ 3 ซึ่งขยายตัวร้อยละ 9.0 แต่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหดตัวลงจากที่ขยายตัวร้อยละ 6.6 โดยการขยายตัวทั้งปี 2550 อยู่ที่ร้อยละ 7.5 ทางด้านภาคการผลิตในไตรมาสที่ 4 ของปี 2550 หดตัวลงจากร้อยละ 10.3 ในไตรมาสที่ 3 มาเป็นร้อยละ 0.5 ในไตรมาสที่ 4 โดยมีการหดตัวลงจากอุตสาหกรรมหลักๆอย่าง อุตสาหกรรมการแพทย์ชีวภาพ (Biomedical) ในขณะที่อุตสาหกรรมการขนส่งยังคงเติบโตได้ในไตรมาสนี้ ทางด้านอุตสาหกรรมการก่อสร้างเติบโตเพิ่มขึ้นโดยขยายตัวร้อยละ 24.4 ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2550 ซึ่งในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 ขยายตัวร้อยละ 19.2 ในส่วนของภาคบริการมีการขยายตัวร้อยละ 8.3 ซึ่งเท่ากับไตรมาสที่ผ่านมา
ด้านการส่งออกในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 การส่งออกสินค้าที่ไม่ใช่น้ำมัน (NODX) เติบโตร้อยละ 2.2 ส่วนการส่งออกทั้งหมด(รวมน้ำมัน) มีการขยายตัวสูงขึ้นร้อยละ 2.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน ขยายตัวลดลงจากไตรมาสที่แล้วซึ่งขยายตัวที่ร้อยละ 2.9 โดยประเทศคู่ค้าอันดับหนึ่งคือ มาเลเซีย รองลงมา ได้แก่ จีน สหรัฐฯ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลีใต้ และไทยเป็นอันดับ 9 โดยมีมูลค่าการค้ารวม 11,901.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.9 มีสัดส่วนตลาดร้อยละ 3.8 ของมูลค่าการค้ารวมของสิงคโปร์(ม.ค.-ก.ค.) การส่งออกของสินค้าที่ยังคงขยายตัวดีมาจากสินค้าที่มิใช่อิเล็กทรอนิกส์ ในขณะที่การส่งออกของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ยังคงหดตัวอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกันกับไตรมาสที่ผ่านมาที่ร้อยละ 11 ซึ่งการส่งออกที่ลดลงของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่จะเป็นการส่งออกที่ลดลงของสินค้าประเภท Disk drives, Parts of PCs, ICs, Diodes and Transistors, Telecommunications Equipments, Electrical Power Machinery, Civil Engineering Equipment Parts และ Electrical Machinery ส่วนดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมของสิงค์โปร์ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 ขยายตัวลดลงร้อยละ 2.8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้วมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.3
อินโดนีเซีย(9)
เศรษฐกิจอินโดนีเซียในปี 2550 ในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2550 เศรษฐกิจขยายตัวร้อยละ 6.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เทียบกับที่ขยายตัวร้อยละ 6.34 ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2550 ซึ่งสูงกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ เนื่องจากภาคเกษตรกรรมขยายตัวดีร้อยละ 8.9 ขณะที่การลงทุนและการส่งออกขยายตัวร้อยละ 8.8 และ 7.8 ตามลำดับ โดยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2550 เศรษฐกิจอินโดนีเซียขยายตัวสูงราวร้อยละ 6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อันเป็นผลจากภาคกสิกรรมขยายตัวดี เนื่องจากเป็นช่วงฤดูเก็บเกี่ยว ขณะที่รายได้จากการส่งออกและการลงทุนขยายตัวราวร้อยละ 8.9 และ 7.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ ทั้งนี้คาดว่าทั้งปี 2550 เศรษฐกิจอินโดนีเซียจะขยายตัวสูงกว่าที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ที่ร้อยละ 6.3 โดยมีรายได้จากการส่งออก และการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคในประเทศเป็นปัจจัยเกื้อหนุนทางด้านการเงิน ธนาคารกลางอินโดนีเซียประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากร้อยละ 8.25 เหลือร้อยละ 8 เพื่อกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนในประเทศ ประกอบกับอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่ควบคุมได้แล้ว โดยในเดือนพฤศจิกายน 2550 อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ร้อยละ 6.7 ซึ่งอยู่ในระดับที่ธนาคารกลางตั้งเป้าควบคุมไว้ไม่เกินร้อยละ 5-7
หมายเหตุ (8),(9) - ข้อมูลบางส่วนล่าสุดยังเป็นข้อมูลในไตรมาสที่ 3 ปี 2550
มาเลเซีย(10)
เศรษฐกิจของประเทศมาเลเซียในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 ขยายตัวร้อยละ 6.7 โดยในไตรมาสก่อนขยายตัวร้อยละ 5.8 ซึ่งส่งผลให้ใน 3 ไตรมาสแรก ขยายตัวร้อยละ 6.0 ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวเพิ่มขึ้นของภาคการผลิตและภาคบริการ สำหรับจีดีพี(GDP at purchasers’ prices) ขยายตัวร้อยละ 11.0 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 2 ของปี 2550 ที่เติบโตร้อยละ 9.7 และเติบโตขึ้นจากร้อยละ 9.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน ในส่วนของภาคการเกษตร ป่าไม้และการประมง ขยายตัวที่ร้อยละ 25.2 ซึ่งลดลงเล็กน้อยจากร้อยละ 25.3 ในไตรมาสที่ 2 ในขณะที่ไตรมาสเดียวกันของปี 2549 ขยายตัวร้อยละ 17.5 ทางด้านอุตสาหกรรมเหมืองแร่ที่ขยายตัวได้ดีในไตรมาสที่ผ่านมามีการชะลอตัวลงโดยเติบโตที่ร้อยละ 2.4 จากร้อยละ 9.6 ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2550 ในขณะที่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2549 ขยายตัวที่ร้อยละ 10 ในส่วนของภาคการผลิตในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 ขยายตัวร้อยละ 5.3 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.5 ในไตรมาสที่ 2 แต่ลดลงจากไตรมาสเดียวกันเมื่อปีที่แล้วที่ขยายตัวร้อยละ 11.1
ด้านการส่งออกของมาเลเซียในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 การส่งออกขยายตัวร้อยละ 1.2 ลดลงจากไตรมาสที่ผ่านมาที่ขยายตัวร้อยละ 3.0 การส่งออกของสินค้าที่ชะลอตัวลงนี้เป็นสินค้าประเภทอุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงาน
ฟิลิปปินส์(11)
เศรษฐกิจของประเทศฟิลิปปินส์ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 มีการขยายตัวร้อยละ 6.6 ลดลงจากไตรมาสที่ 2 ที่ขยายตัวร้อยละ 7.5 แต่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 3 ของปี 2549 ที่ขยายตัวร้อยละ 5.1 โดยการอุปโภคบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชนยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจ ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อของไตรมาสที่ 3 อยู่ที่ร้อยละ 2.6 โดยในปี 2549 ทั้งปีมีอัตราเงินเฟ้อร้อยละ 6.3 โดยในไตรมาสที่ 4 ของปี 2550 ขยายตัวร้อยละ 7.4 จากร้อยละ 5.5 ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2549 เนื่องจากการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคในประเทศขยายตัวดี ประกอบกับการลงทุนจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น
ภาคการผลิตในไตรมาสที่ 4 ของปี 2550 การขยายตัวยังไปได้ดีโดยขยายตัวร้อยละ 9.0 จากร้อยละ 8.4 ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2549 โดยในภาคอุตสาหกรรมมีการขยายตัวค่อนข้างมากถึงร้อยละ 5.8 ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2550 จากร้อยละ 3.6 ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2549 ถึงแม้ว่าจะขยายตัวช้ากว่า 3 ไตรมาสแรกที่ผ่านมา โดยทางด้านเกษตรกรรม ป่าไม้และการประมง มีการหดตัวลงเพียงเล็กน้อยร้อยละ 0.1 ในขณะที่สาขาอุตสาหกรรมที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นคืออุตสาหกรรมเหมืองแร่และอุตสาหกรรมไฟฟ้า แก๊สและน้ำ ส่วนทางภาคบริการยังคงขยายตัวได้แข็งแกร่งโดยในไตรมาสที่ 4 ของปี 2550 ขยายตัวร้อยละ 3.3
ด้านการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนในไตรมาสที่ 4 ของปี 2550 ขยายตัวขึ้นร้อยละ 6.3 จากร้อยละ 5.8 ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2549 ในขณะที่การใช้จ่ายของภาครัฐบาลขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.8 จากร้อยละ 9.9 ของปีที่ผ่านมา
ด้านการส่งออกเนื่องจากปัญหาด้านเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ส่งผลให้การส่งออกของประเทศฟิลิปปินส์ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2550 หดตัวลงร้อยละ 3.7 จากการขยายตัวร้อยละ 2.2 ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2549 โดยสินค้าที่ส่งออกมากที่สุดคือสินค้าประเภท Finished Electrical Machinery, Crude Coconut Oil, Semiconductors and Electric Microcircuits, Canned Pineapple และ Prepared Tuna
หมายเหตุ (10) - ข้อมูลบางส่วนล่าสุดยังเป็นข้อมูลในไตรมาสที่ 3 ปี 2550
(11) - ข้อมูลบางส่วนล่าสุดยังเป็นข้อมูลในไตรมาสที่ 3 ปี 2550
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-
ภาพรวมเศรษฐกิจโลกในไตรมาส 4 ปี 2550 ชะลอตัวลง ขณะที่ปัญหาสินเชื่อตึงตัวยังคงทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
เศรษฐกิจของกลุ่ม Euro Zone ขยายตัวลดลง เนื่องจากความผันผวนในตลาดการเงิน และอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น สืบเนื่องมาจากราคาน้ำมันในตลาดโลกและราคาสินค้าอุปโภคบริโภคหลายชนิดปรับตัวสูงขึ้นมาก ประกอบกับหลายประเทศในกลุ่ม Euro Zone ได้ปรับเพิ่มอัตราค่าจ้างแรงงานสูงขึ้น อีกทั้งผู้บริโภคชะลอการใช้จ่าย ส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัวชะลอลง
เศรษฐกิจจีนในปี 2550 ขยายตัวสูงสุดในรอบ 13 ปี ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 11.4 โดยในไตรมาส 4 ปี 2550 GDP ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 11.4 อันเป็นผลมาจากภาคการส่งออกขยายตัวสูง ขณะที่มูลค่าการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศขยายตัวร้อยละ 13.6 ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2550 จีนมีทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 43.3 นอกจากนี้การใช้จ่ายเพื่อการบริโภคในประเทศยังขยายตัวต่อเนื่อง ดังจะเห็นได้จากมูลค่าการค้าปลีกที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 16.8 ขณะที่การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรยังคงขยายตัวร้อยละ 24.8
สถานการณ์น้ำมันในตลาดโลกราคาน้ำมันยังคงผันผวนและแกว่งตัวขึ้นลงตามปัจจัยทางความรู้สึก ข่าวรายวันที่ส่งผลกระทบต่ออุปสงค์และอุปทานน้ำมัน และจากความต้องการการใช้น้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ การที่กลุ่ม OPEC ตัดสินใจไม่เพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในการประชุมเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2551 และสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันที่เกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ ส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมัน ปัจจัยเหล่านี้อาจส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นได้ ราคาน้ำมันดิบดูไบในไตรมาส 4 ปี 2550 อยู่ที่ 82.88 USD/Barrel
เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา(2)
ภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในไตรมาส 4 ปี 2550 GDP ขยายตัวร้อยละ 2.5 ขยายตัวลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2549 ซึ่งขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 2.6 เนื่องจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคชะลอตัวลง ขณะที่การลงทุนของภาคธุรกิจก็ลดลงด้วย การใช้จ่ายเพื่อการบริโภคภาคเอกชนในไตรมาส 4 ปี 2550 ขยายตัวร้อยละ 2.48 ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2549 ซึ่งขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 3.36 การลงทุน (Fixed investment) ในไตรมาส 4 ปี 2550 หดตัวอยู่ที่ร้อยละ -1.17 และการส่งออกในไตรมาส 4 ปี 2550 ขยายตัวร้อยละ 7.71 ขยายตัวลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2549 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 9.26 อัตราเงินเฟ้อไตรมาส 4 ปี 2550 อยู่ที่ร้อยละ 4.0 สูงกว่าไตรมาส 4 ปี 2549 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 1.9 อันเนื่องมาจากราคาสินค้าในหมวดพลังงานที่สูงขึ้น อัตราการว่างงานโดยเฉลี่ยไตรมาส 4 ปี 2550 อยู่ที่ร้อยละ 4.8 สูงกว่าไตรมาส 4 ปี 2549 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 4.4 เป็นผลมาจากการลดลงของการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรม ภาคก่อสร้างและภาคการเงิน ในขณะที่การจ้างงานภาคบริการยังคงเพิ่มขึ้น
หมายเหตุ (1)ข้อมูลบางส่วนของบางประเทศล่าสุดยังเป็นข้อมูลในไตรมาส 3 ปี 2550
(2) - ข้อมูลบางส่วน ล่าสุดยังเป็นข้อมูลในไตรมาส 3 ปี 2550
- ที่มา www.worldbank.org www.imf.org www.bot.or.th
ทางด้านสถานการณ์การเงิน มติที่ประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2551 ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากร้อยละ 3.50 เหลือร้อยละ 3.0 เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยับยั้งความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเขาสู่ภาวะถดถอย
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 4 ปี 2550 ชะลอตัวลงอย่างชัดเจน จะเห็นได้จากภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงอยู่ในภาวะซบเซา เนื่องจากราคาบ้านที่ลดลง และส่งผลต่อความสามารถในการใช้จ่ายของผู้บริโภคชาวอเมริกันลดลงด้วย เนื่องจากความมั่นคั่งของผู้บริโภคที่ถือครองอสังหาริมทรัพย์ลดลง
เศรษฐกิจจีน(3)
เศรษฐกิจประเทศจีนในไตรมาส 4 ปี 2550 ขยายตัวร้อยละ 11.4 ขยายตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2549 ซึ่งขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 10.4 เนื่องมาจากภาคการส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคในประเทศขยายตัวต่อเนื่อง ดังจะเห็นได้จากมูลค่าการค้าปลีกที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยมูลค่าการค้าปลีกในเดือนพฤศจิกายน 2550 ขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 18.8 อันเป็นผลจากการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคในประเทศขยายตัวตามภาวะเศรษฐกิจและนโยบายกระตุ้นการใช้จ่ายของจีน เพื่อลดการพึ่งพาการส่งออกและการลงทุน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในไตรมาส 4 ปี 2550 อยู่ที่ร้อยละ 96.5 ขณะที่การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรและการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศยังคงขยายตัวสูง
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปไตรมาส 4 ปี 2550 อยู่ที่ร้อยละ 6.6 อันเป็นผลจากราคาสินค้าหมวดอาหารที่ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะราคาเนื้อหมู ราคาวัตถุดิบ และพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น
การส่งออกในไตรมาส 4 ปี 2550 ขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 22.2 ขยายตัวลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2549 ที่ขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 27.5
ทางด้านสถานการณ์การเงิน ธนาคารกลางจีน (People’s Bank of China) ประกาศปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากร้อยละ 7.29 เป็นร้อยละ 7.47 โดยเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 21 ธันวาคม 2550 เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ทั้งนี้ธนาคารกลางจีนได้ปรับเพิ่มอัตราเงินสำรองตามกฎหมายของธนาคารพาณิชย์ในจีนเป็นร้อยละ 13.5 เพื่อควบคุมการขยายสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ และควบคุมปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจ เพื่อลดการเก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง
หมายเหตุ (3) - ข้อมูลบางส่วน ข้อมูลล่าสุดยังเป็นข้อมูลในไตรมาส 3 ปี 2550
- ที่มา www.stats.gov.cn, www.pbc.gov.cn, www.bot.or.th
เศรษฐกิจประเทศญี่ปุ่น(4)
เศรษฐกิจประเทศญี่ปุ่นในไตรมาส 3 ปี 2550 GDP ขยายตัวร้อยละ 1.9 ขยายตัวเท่ากับไตรมาส 3 ปี 2549 การบริโภคภาคเอกชนในไตรมาส 3 ปี 2550 อยู่ที่ร้อยละ 2.4 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2549 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 1.1 การใช้จ่ายเพื่อการบริโภคภาคครัวเรือนในไตรมาส 3 ปี 2550 อยู่ที่ร้อยละ 2.3 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2549 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 1.1 การลงทุนในภาคก่อสร้างไตรมาส 2 ปี 2550 อยู่ที่ร้อยละ -0.1 ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2549 อยู่ที่ร้อยละ 0 การส่งออกไตรมาส 3 ปี 2550 อยู่ที่ร้อยละ 8 ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2549 ซึ่งขยายตัวอยู่ที่ 9.3 สินค้าส่งออกประเภทรถยนต์ เหล็ก และชิ้นส่วนโทรคมนาคมขยายตัวดี โดยประเทศจีนกลายเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับ 1 ของประเทศญี่ปุ่นแทนที่สหรัฐฯ
ภาวะเงินเฟ้อของประเทศญี่ปุ่นในไตรมาส 3 ปี 2550 มีอัตราเงินเฟ้อโดยทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ -0.1 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนตุลาคมอยู่ที่ร้อยละ 0.3 เป็นผลมาจากราคาสินค้าในหมวดอาหาร และพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น อัตราการว่างงานในไตรมาส 3 ปี 2550 อยู่ที่ร้อยละ 3.8
ทางด้านสถานการณ์การเงิน มติที่ประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ของธนาคารกลางญี่ปุ่น (Bank of Japan) เมื่อวันที่ 21-22 มกราคม 2551 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ไว้ที่ร้อยละ 0.5 เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อาจเข้าสู่ภาวะถดถอย ประกอบกับยังไม่มีแรงกดดันด้านราคาภายในประเทศ
เศรษฐกิจสหภาพยุโรป(5)
เศรษฐกิจกลุ่มประเทศยุโรปในไตรมาส 3 ปี 2550 GDP ขยายตัวร้อยละ 2.7 ขยายตัวลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2549 GDP อยู่ที่ร้อยละ 2.9 เนื่องจากความผันผวนในตลาดการเงิน และค่าเงินยูโรที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ส่งผลให้ความสามารถในการแข่งขันด้านการส่งออกในตลาดโลกลดลง ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนพฤศจิกายน 2550 อยู่ที่ร้อยละ 2.9
ระดับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของกลุ่มประเทศยุโรป ไตรมาส 4 ปี 2550 ร้อยละ 2.9 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2550 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 1.9 สาเหตุที่อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นเป็นผลจากราคาน้ำมันในตลาดโลกและราคาอาหารที่อยู่ในระดับสูง
ภาวะการจ้างงานมีแนวโน้มดีขึ้น โดยอัตราการว่างงานในเดือนตุลาคม 2550 ลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 7.2 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ 7.3 แสดงให้เห็นว่าภาวะตลาดแรงงานมีแนวโน้มที่ดีขึ้น การจ้างงานขยายตัวดีขึ้น โดยอัตราการว่างงานในเดือนตุลาคม อยู่ที่ร้อยละ 7.2 อีกทั้งค่าแรงในไตรมาส 3 ปี 2550 ขยายตัวสูงขึ้นจากร้อยละ 2.4 ในไตรมาส 2 ปี 2550 เป็นร้อยละ 2.5 ซึ่งคาดว่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการบริโภคของภาคครัวเรือนในระยะต่อไป
ค่าเงินยูโรในไตรมาส 4 ปี 2550 อยู่ที่ 1.4486 (1 Euro:USD) ซึ่งแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2550 อยู่ที่ 1.3676 (1 Euro:USD)
ทางด้านสถานการณ์การเงิน ธนาคารกลางยุโรป (European Central Bank : ECB) ได้ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 4.0% (เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2551) เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อของกลุ่มยูโรโซน ที่อยู่ในระดับสูงเกินอัตราเงินเฟ้อเป้าหมายที่ร้อยละ 2
หมายเหตุ (4) - ข้อมูลบางส่วนล่าสุดยังเป็นข้อมูลในไตรมาสที่ 3 ปี 2550
- www.cao.go.jp www.boj.or.jp
(5) - ข้อมูลบางส่วนล่าสุดยังเป็นข้อมูลในไตรมาสที่ 3 ปี 2550
- ที่มา eurostat, www.ecb.int www.bot.or.th
เศรษฐกิจของประเทศอุตสาหกรรมใหม่ในเอเซีย
ฮ่องกง(6)
เศรษฐกิจฮ่องกงในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 ขยายตัวที่ร้อยละ 6.2 ซึ่งลดลงจาก ร้อยละ 6.6 ในไตรมาสที่ผ่านมา โดยมีการบริโภคของภาคเอกชนร้อยละ 9.7 ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากร้อยละ 5.7 ในไตรมาที่ 2 ของปี 2550 ทางด้านการใช้จ่ายของภาครัฐบาลเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 โดยในไตรมาสที่ 2 ขยายตัวที่ร้อยละ 2.7
ด้านการส่งออกของฮ่องกงในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 มูลค่าการส่งออกในกลุ่มอุตสาหกรรมหลักได้แก่ อุตสาหกรรมสิ่งทอ อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมเครื่องจักรกล อุตสาหกรรมเกี่ยวกับเครื่องมือส่วนประกอบสำเร็จ และอุตสาหกรรมทางด้านเคมีภัณฑ์ต่างๆ มีการส่งออกถึงร้อยละ 74 ของการส่งออกทั้งหมด โดยมูลค่าการส่งออกของอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์อยู่ที่ 3.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 3.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2549 ส่วนอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลและอุตสาหกรรมเครื่องมือส่วนประกอบสำเร็จมีมูลค่าการส่งออกรวม 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยลดลงจาก 2.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปีก่อน ทางด้านอุตสาหกรรมเครื่องนุ่มห่มส่งออกทั้งหมด 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจาก 3.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปีก่อน อุตสาหกรรมสิ่งทอส่งออกมูลค่า 1.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และอุตสาหกรรมเกี่ยวกับเคมีภัณฑ์มีมูลค่าการส่งออก 0.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ การส่งออกทั้งหมดในเดือนสิงหาคมขยายตัวร้อยละ 7.3 จากร้อยละ 8.5 ในเดือนกรกฎาคม โดย 9 เดือนแรกของปีส่งผลให้การส่งออกขยายตัวที่ร้อยละ 9.6 โดยในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 การส่งออกขยายตัวที่ร้อยละ 6.4
หมายเหตุ (6) - ข้อมูลบางส่วนล่าสุดยังเป็นข้อมูลในไตรมาสที่ 3 ปี 2550
เกาหลีใต้(7)
เศรษฐกิจโดยรวมของเกาหลีใต้ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 ขยายตัวร้อยละ 5.1 และขยายตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ของปี 2550 ที่ขยายตัวร้อยละ 4.9 เนื่องจากการส่งออกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการกระจายสินค้าออกไปเพิ่มขึ้นร้อยละ 36 และในไตรมาสที่ 4 ของปี 2550 เศรษฐกิจโดยรวมของเกาหลีใต้ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปี 2549 และขยายตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 3 ที่ขยายตัวร้อยละ 5.1 โดยภาคอุตสาหกรรมการผลิตเติบโตขึ้นร้อยละ 3.4 ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอุตสาหกรรมประเภท semiconductors, video & audio & communication equipment และ machinery โดยขยายตัวเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 1.0 ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2549 และขยายตัวเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 2.7 ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 ส่วนอุตสาหกรรมการก่อสร้างมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 ซึ่งขยายตัวลดลงจากร้อยละ 0.6 ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2549 ในขณะที่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 หดตัวลงร้อยละ 0.2 ซึ่งมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นในส่วนของ civil engineering including roads ทางด้านอุตสาหกรรมเกษตร ป่าไม้และประมง ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2550 หดตัวลงร้อยละ 1.1 โดยในไตรมาสที่ 3 หดตัวลงเช่นกันที่ร้อยละ 2.1 ในส่วนของอุตสาหกรรมทางด้านพลังงาน(ไฟฟ้า,แก๊สและน้ำ) ในไตรมาสที่ 4 ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 ในขณะที่ไตรมาสที่ 3 ขยายตัวที่ร้อยละ 1.6
ด้านการส่งออกในไตรมาสที่ 4 ของปี 2550 ขยายตัวร้อยละ 17.5 โดยขยายตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 4 ของปี 2549 ที่หดตัวลงร้อยละ 0.5 และขยายตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 ที่ขยายตัวร้อยละ 1.5 โดยอุตสาหกรรมที่มีการขยายตัวคือ Machinery and wireless communication equipment
หมายเหตุ (7) - ข้อมูลบางส่วนล่าสุดยังเป็นข้อมูลในไตรมาสที่ 3 ปี 2550
เศรษฐกิจอาเซียน
สิงค์โปร์(8)
เศรษฐกิจประเทศสิงค์โปร์ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2550 ค่อนข้างชะลอตัวโดยมีการขยายตัวของ GDP ร้อยละ 6.0 ในขณะที่ไตรมาสที่ 3 ซึ่งขยายตัวร้อยละ 9.0 แต่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหดตัวลงจากที่ขยายตัวร้อยละ 6.6 โดยการขยายตัวทั้งปี 2550 อยู่ที่ร้อยละ 7.5 ทางด้านภาคการผลิตในไตรมาสที่ 4 ของปี 2550 หดตัวลงจากร้อยละ 10.3 ในไตรมาสที่ 3 มาเป็นร้อยละ 0.5 ในไตรมาสที่ 4 โดยมีการหดตัวลงจากอุตสาหกรรมหลักๆอย่าง อุตสาหกรรมการแพทย์ชีวภาพ (Biomedical) ในขณะที่อุตสาหกรรมการขนส่งยังคงเติบโตได้ในไตรมาสนี้ ทางด้านอุตสาหกรรมการก่อสร้างเติบโตเพิ่มขึ้นโดยขยายตัวร้อยละ 24.4 ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2550 ซึ่งในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 ขยายตัวร้อยละ 19.2 ในส่วนของภาคบริการมีการขยายตัวร้อยละ 8.3 ซึ่งเท่ากับไตรมาสที่ผ่านมา
ด้านการส่งออกในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 การส่งออกสินค้าที่ไม่ใช่น้ำมัน (NODX) เติบโตร้อยละ 2.2 ส่วนการส่งออกทั้งหมด(รวมน้ำมัน) มีการขยายตัวสูงขึ้นร้อยละ 2.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน ขยายตัวลดลงจากไตรมาสที่แล้วซึ่งขยายตัวที่ร้อยละ 2.9 โดยประเทศคู่ค้าอันดับหนึ่งคือ มาเลเซีย รองลงมา ได้แก่ จีน สหรัฐฯ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลีใต้ และไทยเป็นอันดับ 9 โดยมีมูลค่าการค้ารวม 11,901.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.9 มีสัดส่วนตลาดร้อยละ 3.8 ของมูลค่าการค้ารวมของสิงคโปร์(ม.ค.-ก.ค.) การส่งออกของสินค้าที่ยังคงขยายตัวดีมาจากสินค้าที่มิใช่อิเล็กทรอนิกส์ ในขณะที่การส่งออกของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ยังคงหดตัวอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกันกับไตรมาสที่ผ่านมาที่ร้อยละ 11 ซึ่งการส่งออกที่ลดลงของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่จะเป็นการส่งออกที่ลดลงของสินค้าประเภท Disk drives, Parts of PCs, ICs, Diodes and Transistors, Telecommunications Equipments, Electrical Power Machinery, Civil Engineering Equipment Parts และ Electrical Machinery ส่วนดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมของสิงค์โปร์ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 ขยายตัวลดลงร้อยละ 2.8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้วมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.3
อินโดนีเซีย(9)
เศรษฐกิจอินโดนีเซียในปี 2550 ในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2550 เศรษฐกิจขยายตัวร้อยละ 6.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เทียบกับที่ขยายตัวร้อยละ 6.34 ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2550 ซึ่งสูงกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ เนื่องจากภาคเกษตรกรรมขยายตัวดีร้อยละ 8.9 ขณะที่การลงทุนและการส่งออกขยายตัวร้อยละ 8.8 และ 7.8 ตามลำดับ โดยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2550 เศรษฐกิจอินโดนีเซียขยายตัวสูงราวร้อยละ 6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อันเป็นผลจากภาคกสิกรรมขยายตัวดี เนื่องจากเป็นช่วงฤดูเก็บเกี่ยว ขณะที่รายได้จากการส่งออกและการลงทุนขยายตัวราวร้อยละ 8.9 และ 7.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ ทั้งนี้คาดว่าทั้งปี 2550 เศรษฐกิจอินโดนีเซียจะขยายตัวสูงกว่าที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ที่ร้อยละ 6.3 โดยมีรายได้จากการส่งออก และการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคในประเทศเป็นปัจจัยเกื้อหนุนทางด้านการเงิน ธนาคารกลางอินโดนีเซียประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากร้อยละ 8.25 เหลือร้อยละ 8 เพื่อกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนในประเทศ ประกอบกับอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่ควบคุมได้แล้ว โดยในเดือนพฤศจิกายน 2550 อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ร้อยละ 6.7 ซึ่งอยู่ในระดับที่ธนาคารกลางตั้งเป้าควบคุมไว้ไม่เกินร้อยละ 5-7
หมายเหตุ (8),(9) - ข้อมูลบางส่วนล่าสุดยังเป็นข้อมูลในไตรมาสที่ 3 ปี 2550
มาเลเซีย(10)
เศรษฐกิจของประเทศมาเลเซียในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 ขยายตัวร้อยละ 6.7 โดยในไตรมาสก่อนขยายตัวร้อยละ 5.8 ซึ่งส่งผลให้ใน 3 ไตรมาสแรก ขยายตัวร้อยละ 6.0 ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวเพิ่มขึ้นของภาคการผลิตและภาคบริการ สำหรับจีดีพี(GDP at purchasers’ prices) ขยายตัวร้อยละ 11.0 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 2 ของปี 2550 ที่เติบโตร้อยละ 9.7 และเติบโตขึ้นจากร้อยละ 9.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน ในส่วนของภาคการเกษตร ป่าไม้และการประมง ขยายตัวที่ร้อยละ 25.2 ซึ่งลดลงเล็กน้อยจากร้อยละ 25.3 ในไตรมาสที่ 2 ในขณะที่ไตรมาสเดียวกันของปี 2549 ขยายตัวร้อยละ 17.5 ทางด้านอุตสาหกรรมเหมืองแร่ที่ขยายตัวได้ดีในไตรมาสที่ผ่านมามีการชะลอตัวลงโดยเติบโตที่ร้อยละ 2.4 จากร้อยละ 9.6 ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2550 ในขณะที่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2549 ขยายตัวที่ร้อยละ 10 ในส่วนของภาคการผลิตในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 ขยายตัวร้อยละ 5.3 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.5 ในไตรมาสที่ 2 แต่ลดลงจากไตรมาสเดียวกันเมื่อปีที่แล้วที่ขยายตัวร้อยละ 11.1
ด้านการส่งออกของมาเลเซียในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 การส่งออกขยายตัวร้อยละ 1.2 ลดลงจากไตรมาสที่ผ่านมาที่ขยายตัวร้อยละ 3.0 การส่งออกของสินค้าที่ชะลอตัวลงนี้เป็นสินค้าประเภทอุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงาน
ฟิลิปปินส์(11)
เศรษฐกิจของประเทศฟิลิปปินส์ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 มีการขยายตัวร้อยละ 6.6 ลดลงจากไตรมาสที่ 2 ที่ขยายตัวร้อยละ 7.5 แต่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 3 ของปี 2549 ที่ขยายตัวร้อยละ 5.1 โดยการอุปโภคบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชนยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจ ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อของไตรมาสที่ 3 อยู่ที่ร้อยละ 2.6 โดยในปี 2549 ทั้งปีมีอัตราเงินเฟ้อร้อยละ 6.3 โดยในไตรมาสที่ 4 ของปี 2550 ขยายตัวร้อยละ 7.4 จากร้อยละ 5.5 ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2549 เนื่องจากการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคในประเทศขยายตัวดี ประกอบกับการลงทุนจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น
ภาคการผลิตในไตรมาสที่ 4 ของปี 2550 การขยายตัวยังไปได้ดีโดยขยายตัวร้อยละ 9.0 จากร้อยละ 8.4 ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2549 โดยในภาคอุตสาหกรรมมีการขยายตัวค่อนข้างมากถึงร้อยละ 5.8 ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2550 จากร้อยละ 3.6 ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2549 ถึงแม้ว่าจะขยายตัวช้ากว่า 3 ไตรมาสแรกที่ผ่านมา โดยทางด้านเกษตรกรรม ป่าไม้และการประมง มีการหดตัวลงเพียงเล็กน้อยร้อยละ 0.1 ในขณะที่สาขาอุตสาหกรรมที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นคืออุตสาหกรรมเหมืองแร่และอุตสาหกรรมไฟฟ้า แก๊สและน้ำ ส่วนทางภาคบริการยังคงขยายตัวได้แข็งแกร่งโดยในไตรมาสที่ 4 ของปี 2550 ขยายตัวร้อยละ 3.3
ด้านการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนในไตรมาสที่ 4 ของปี 2550 ขยายตัวขึ้นร้อยละ 6.3 จากร้อยละ 5.8 ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2549 ในขณะที่การใช้จ่ายของภาครัฐบาลขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.8 จากร้อยละ 9.9 ของปีที่ผ่านมา
ด้านการส่งออกเนื่องจากปัญหาด้านเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ส่งผลให้การส่งออกของประเทศฟิลิปปินส์ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2550 หดตัวลงร้อยละ 3.7 จากการขยายตัวร้อยละ 2.2 ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2549 โดยสินค้าที่ส่งออกมากที่สุดคือสินค้าประเภท Finished Electrical Machinery, Crude Coconut Oil, Semiconductors and Electric Microcircuits, Canned Pineapple และ Prepared Tuna
หมายเหตุ (10) - ข้อมูลบางส่วนล่าสุดยังเป็นข้อมูลในไตรมาสที่ 3 ปี 2550
(11) - ข้อมูลบางส่วนล่าสุดยังเป็นข้อมูลในไตรมาสที่ 3 ปี 2550
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-