1. สถานการณ์ปัจจุบัน
การผลิต
ปริมาณการผลิตเหล็กและเหล็กกล้าที่สำคัญในไตรมาสที่ 4 ปี 2550 มีประมาณ 1,915,233 เมตริกตัน ( ไม่รวมผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่ง
สำเร็จรูป เหล็กแผ่นรีดเย็น เหล็กแผ่นเคลือบและท่อเหล็กเพื่อไม่ให้เกิดการนับซ้ำ ) ชะลอตัวลง ร้อยละ 8.28 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี
ก่อนเนื่องจากความต้องการใช้เหล็กในประเทศลดลงอันเป็นผลมาจากสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว ทำให้ผู้บริโภคชะลอการใช้จ่าย
เนื่องจากความไม่มั่นใจต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นผลมาจาก ราคาน้ำมันและอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น เมื่อพิจารณาใน
รายผลิตภัณฑ์ พบว่า ผลิตภัณฑ์ที่ชะลอตัวลงมากที่สุดในช่วงนี้ คือ เหล็กทรงยาว ลดลง ร้อยละ 11.71 เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัวลง
ประกอบกับราคาเหล็กในตลาดโลกโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูปเช่น เหล็กแท่งเล็กบิลเล็ต และเหล็กแท่งแบนปรับตัวสูงขึ้นจึงทำให้ผู้ผลิตใน
ประเทศผลิตตามคำสั่งซื้อเท่านั้นและจะไม่สต๊อกสินค้าไว้ในปริมาณที่มาก รองลงมาคือ เหล็กแผ่นเคลือบดีบุก ลดลง ร้อยละ 9.92 สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มี
การผลิตขยายตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุดในช่วงนี้ คือ เหล็กแผ่นเคลือบ ชนิดอื่นๆ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 41.35 และเหล็กแผ่นรีดเย็น เพิ่มขึ้น ร้อยละ 31.91
เนื่องจากมีการขยายตลาดส่งออกไปยังต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น รายละเอียดตามตารางที่ 1
ตารางที่ 1 : ปริมาณการผลิตเหล็กและเหล็กกล้าที่สำคัญไตรมาสที่ 4 ปี 2550 เทียบกับไตรมาสที่ 4 ปี 2549
หน่วย : เมตริกตัน
ผลิตภัณฑ์(1) ไตรมาสที่ 4 ไตรมาสที่ 4 อัตราการ
ปี 2550 ปี 2549 เปลี่ยนแปลง
(ร้อยละ)
ผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป 1,488,000 1,250,200 19.02
(Semi-Finished Products)
เหล็กทรงยาว(Long Products) 931,827 1,055,459 -11.71
เหล็กทรงแบน(Flat Products) 1,764,136 1,675,243 5.31
เหล็กแผ่นรีดร้อน(Hot-rolled Flat) 983,406 1,032,633 -4.77
เหล็กแผ่นรีดเย็น(Cold-rolled Flat) 536,007 406,350 31.91
เหล็กแผ่นเคลือบ (Coated Steel) 244,723 236,260 3.58
- เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี 69,931 77,514 -9.78
(Galvanized Sheet)
- เหล็กแผ่นเคลือบดีบุก (Tin plate) 56,471 62,692 -9.92
- เหล็กแผ่นเคลือบโครเมียม (Tin free) 33,221 35,848 -7.33
- อื่นๆ (other coated steel) 85,100 60,206 41.35
ท่อเหล็ก (Pipes & Tubes) N/A N/A N/A
รวม 1 1,915,233 2,088,092 -8.28
ที่มา : สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย
หมายเหตุ(1) : ไม่รวมผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป เหล็กแผ่นรีดเย็น เหล็กแผ่นเคลือบ และท่อเหล็กเพื่อไม่ให้เกิดการนับซ้ำ
การใช้ในประเทศ
ปริมาณการใช้เหล็กและเหล็กกล้าในประเทศที่สำคัญในไตรมาสที่ 4 ปี 2550 ประมาณ 2,825,654 เมตริกตัน ชะลอตัวลง ร้อย
ละ 5.20 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เมื่อพิจารณารายผลิตภัณฑ์พบว่าความต้องการใช้ในประเทศลดลงทั้งผลิตภัณฑ์เหล็กทรงยาวและเหล็ก
ทรงแบน โดยเหล็กทรงยาว ลดลง ร้อยละ 10.35 เป็นผลมาจากการชะลอตัวของอุตสาหกรรมก่อสร้าง และเหล็กทรงแบน ลดลง ร้อยละ 1.91
การนำเข้า-การส่งออก
การนำเข้า
มูลค่าและปริมาณการนำเข้าเหล็กและเหล็กกล้าที่สำคัญในไตรมาสที่ 4 ปี 2550 มีจำนวนประมาณ 48,104 ล้านบาท และ
1,741,083 เมตริกตัน โดยมูลค่าและปริมาณการนำเข้าลดลง ร้อยละ 13.62 และ 21.09 ตามลำดับ เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจใน
ประเทศ ทำให้ความต้องการใช้ในประเทศชะลอตัวลง โดยผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าการนำเข้าลดลงมากที่สุดเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่
เหล็กแท่งแบน ลดลง ร้อยละ 65.97 รองลงมาคือ เหล็กแท่งเล็กบิลเล็ต ลดลง ร้อยละ 55.35เป็นผลมาจากความต้องการใช้ในประเทศของ
อุตสาหกรรมก่อสร้างและอุตสาหกรรมต่อเนื่องลดลง ประกอบกับราคาเหล็กในตลาดโลกโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูปปรับตัวสูงขึ้น ( ส่วน
หนึ่งเป็นผลมาจากประเทศจีนที่มีนโยบายลดการส่งออกผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป จึงทำให้แทบจะไม่มีสินค้าจากประเทศจีนในตลาดเหล็ก ) จึงทำให้ผู้
ผลิตลดการนำเข้าลงและจะนำเข้ามาในปริมาณที่ต้องการใช้เท่านั้น สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าการนำเข้าขยายตัวมากที่สุดเมื่อเทียบกับช่วงเดียว
กันของปีก่อน ได้แก่ เหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 364.08 เหล็กแผ่นเคลือบโครเมียม เพิ่มขึ้น ร้อยละ 50.35 และ เหล็กแผ่น
บางรีดร้อนชนิดผ่านการกัดล้างและชุบน้ำมัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 30.59 โดยประเทศที่มีการนำเข้ามากที่สุด ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่นและรัสเซีย
ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าการนำเข้ามากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อน มีมูลค่า 7,301 ล้านบาท รองลงมาคือ
เหล็กแผ่นบางรีดร้อน มีมูลค่า 6,632 ล้านบาท และท่อเหล็กไร้ตะเข็บ มีมูลค่า 3,898 ล้านบาท รายละเอียดตามตารางที่ 2
ตารางที่ 2 : ปริมาณและมูลค่าการนำเข้าเหล็กและเหล็กกล้าที่สำคัญไตรมาสที่ 4 ปี 2550 เทียบกับไตรมาสที่ 4 ปี 2549
หน่วย : ปริมาณ: เมตริกตัน
มูลค่า : ล้านบาท
ผลิตภัณฑ์ ไตรมาสที่ 4 ไตรมาสที่ 4 อัตราการ ตลาดนำเข้า
ปี 2550 ปี 2549 เปลี่ยนแปลง ที่สำคัญ
(ร้อยละ)
ปริมาณ มูลค่า ปริมาณ มูลค่า ปริมาณ มูลค่า
ผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป 302,321 5,623 803,751 12,764 -62.39 -55.95 จีน,บราซิล
(Semi-Finished Products)
- เหล็กแท่งเล็ก (Billet) 140,072 2,729 397,738 6,111 -64.78 -55.35 จีน,บราซิล
- เหล็กแท่งแบน (Slab) 111,418 1,972 352,387 5,795 -68.38 -65.97 รัสเซีย,จีน
- อื่นๆ (Others) 50,830 922 53,627 858 -5.22 7.45 จีน,บราซิล
เหล็กทรงยาว 203,424 4,997 185,429 4,175 9.7 19.69 จีน,ญี่ปุ่น
(Long Products )
- เหล็กเส้น (Bar) 53,430 1,456 61,396 1,545 -12.97 -5.78 ญี่ปุ่น,จีน
- เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ 13,777 496 2,275 107 505.68 364.1 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
รีดร้อน (HR sections )
- เหล็กลวด (Wire rods) 136,217 3,045 121,759 2,523 11.87 20.7 จีน,ญี่ปุ่น
เหล็กทรงแบน 1,167,063 31,525 1,088,146 31,100 7.25 1.37 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
(Flat Products )
เหล็กแผ่นรีดร้อน 597,192 12,581 535,736 11,777 11.47 6.82 ญี่ปุ่น
(Hot-Rolled Flat Products)
- เหล็กแผ่นหนารีดร้อน 40,495 1,274 42,202 1,371 -4.05 -7.07 ญี่ปุ่น,สิงคโปร์
(HR plate)
- เหล็กแผ่นบางรีดร้อน 346,293 6,632 344,036 6,827 0.66 -2.85 ญี่ปุ่น,ออสเตรเลีย
(HR sheet)
- เหล็กแผ่นบางรีดร้อนชนิด 210,404 4,674 149,498 3,579 40.74 30.59 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
ผ่านการกัดล้างและชุบน้ำมัน
(HR sheet P&O )
เหล็กแผ่นรีดเย็น 151,105 6,256 197,499 7,589 -23.49 -17.57 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
(Cold-Rolled Flat Products)
- เหล็กแผ่นรีดเย็น 119,214 3,190 170,603 4,753 -30.12 -32.9 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
(CR carbon steel)
- เหล็กแผ่นรีดเย็นไร้สนิม 31,891 3,066 26,895 2,836 18.58 8.11 ญี่ปุ่น,จีน
(CR stainless steel)
เหล็กแผ่นเคลือบ 418,767 12,689 354,912 11,733 17.99 8.14 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
(Coated Steel Products)
- เคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อน 256,739 7,301 204,637 6,142 25.46 18.87 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
(Galv. Sheet (HDG))
- เคลือบสังกะสีด้วยไฟฟ้า 42,036 1,238 40,796 1,383 3.04 -10.5 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
(Galv. Sheet (EG))
- เคลือบดีบุก (Tin plate) 24,424 792 28,169 997 -13.29 -20.59 เกาหลีใต้,บราซิล
- เคลือบโครเมียม 12,708 471 9,342 313 36.03 50.35 เกาหลีใต้,ไต้หวัน
(Tin free)
- อื่นๆ (Others) 82,859 2,887 71,967 2,898 15.13 -0.36 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
ท่อเหล็ก (Pipe) 68,275 5,959 129,171 7,647 -47.14 -22.07 จีน
- ท่อเหล็กไร้ตะเข็บ 42,500 3,898 106,193 6,060 -59.98 -35.67 จีน,เยอรมนี
(Pipe-Seamless)
- ท่อเหล็กมีตะเข็บ (Pipe-Welded) 25,775 2,061 22,978 1,587 12.17 29.83 มาเลเซีย,ญี่ปุ่น
รวม 1,741,083 48,104 2,206,498 55,686 -21.09 -13.62 ญี่ปุ่น,รัสเซีย,
การส่งออก
มูลค่าและปริมาณการส่งออกเหล็กและเหล็กกล้าในไตรมาสที่ 4 ปี 2550 มีจำนวนประมาณ 17,639 ล้านบาท และ 577,759
เมตริกตัน โดยมูลค่าและปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้น ร้อยละ 35.40 และ 32.07 ตามลำดับ โดยประเทศที่มีการส่งออกไปมากที่สุด คือ อินเดีย
และเวียดนาม สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าการส่งออกขยายตัวมากที่สุดในช่วงนี้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูปชนิด
อื่นๆ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 29,635.11 รองลงมาคือ เหล็กแท่งเล็ก เพิ่มขึ้น ร้อยละ 18,217.46 และ เหล็กแผ่นบางรีดร้อนชนิดผ่านการกัดล้างและชุบ
น้ำมัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 1,362.67 สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีการลดลงของมูลค่าการส่งออกมากที่สุด ได้แก่ เหล็กแผ่นเคลือบดีบุก ลดลง ร้อยละ 78.67
เหล็กแผ่นบางรีดร้อน ลดลง ร้อยละ 76.46 และ เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีด้วยไฟฟ้า ลดลง 71.28
ผลิตภัณฑ์ที่มีการมูลค่าการส่งออกมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ เหล็กแผ่นรีดเย็นไร้สนิม มีมูลค่า 2,906 ล้านบาท รองลงมาคือ ท่อ
เหล็กมีตะเข็บ มีมูลค่า 2,828 ล้านบาท และเหล็กแผ่นรีดเย็น มีมูลค่า 2,548 ล้านบาท ตามลำดับ เนื่องจากความต้องการใช้ในประเทศที่ลด
ลง ผู้ผลิตไทยจึงต้องขยายฐานการตลาดโดยส่งออกไปยังประเทศที่ยังมีความต้องการใช้อยู่ เช่น ประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นผลมาจากต่างชาติได้
เข้ามาลงทุนในประเทศ ประกอบกับการขยายตัวของโครงการก่อสร้างพื้นฐานต่างๆ ของประเทศ รายละเอียดตามตารางที่ 3
ตารางที่ 3 : ปริมาณและมูลค่าการส่งออกเหล็กและเหล็กกล้าที่สำคัญไตรมาสที่ 4 ปี 2550 เทียบกับไตรมาสที่ 4 ปี 2549
หน่วย : ปริมาณ: เมตริกตัน
มูลค่า : ล้านบาท
ผลิตภัณฑ์ ไตรมาสที่ 4 ไตรมาสที่ 4 อัตราการ ตลาดนำเข้า
ปี 2550 ปี 2549 เปลี่ยนแปลง ที่สำคัญ
(ร้อยละ)
ผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป 63,060 1,172 125 5 50,283.24 21,499.35 เวียดนาม
(Semi-Finished Products)
- เหล็กแท่งเล็ก (Billet) 37,990 709 111 4 33,973.46 18,217.46 เวียดนาม,อิหร่าน
- เหล็กแท่งแบน (Slab) 12 0.35 0 0 100 100 ลาว,อินโดนีเซีย
- อื่นๆ (Others) 25,057 463 14 2 183,269.51 29,635.11 เวียดนาม,ลาว
เหล็กทรงยาว (Long Products ) 93,713 2,339 79,152 1,806 18.4 29.51 มาเลเซีย
- เหล็กเส้น (Bar) 21,041 422 14,614 270 43.97 56.2 อาหรับ,อเมริกา
- เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ 60,928 1,661 62,313 1,495 -2.22 11.09 มาเลเซีย,ออสเตรเลีย
รีดร้อน (HR sections )
- เหล็กลวด (Wire rods) 11,745 256 2,225 41 427.93 528.94 เวียดนาม,ไต้หวัน
เหล็กทรงแบน 366,353 10,513 301,961 8,861 21.32 18.64 อินเดีย,เวียดนาม
(Flat Products )
เหล็กแผ่นรีดร้อน 186,804 3,823 205,524 4,418 -9.11 -13.47 อินเดีย,เวียดนาม
(Hot-Rolled Flat Products)
- เหล็กแผ่นหนารีดร้อน 46,212 1,037 47,668 1,064 -3.05 -2.58 อเมริกา,เวียดนาม
(HR plate)
- เหล็กแผ่นบางรีดร้อน 34,499 757 152,185 3,215 -77.33 -76.46 อินเดีย,เวียดนาม
(HR sheet)
- เหล็กแผ่นบางรีดร้อนชนิด 106,092 2,030 5,671 139 1,770.89 1,362.67 อินเดีย,เวียดนาม
ผ่านการกัดล้างและชุบน้ำมัน
(HR sheet P&O )
เหล็กแผ่นรีดเย็น 142,841 5,454 56,693 3,181 151.95 71.46 อินโดนีเซีย
(Cold-Rolled Flat Products)
- เหล็กแผ่นรีดเย็น 114,265 2,548 36,212 887 215.54 187.21 อินโดนีเซีย
(CR carbon steel)
- เหล็กแผ่นรีดเย็นไร้สนิม 28,577 2,906 20,481 2,294 39.53 26.69 อิตาลี
(CR stainless steel)
เหล็กแผ่นเคลือบ 36,708 1,235 39,744 1,261 -7.64 -2.09 อินเดีย
(Coated Steel Products)
- เคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อน 5,953 199 4,771 179 24.79 11.09 เบลเยียม
(Galv. Sheet (HDG))
- เคลือบสังกะสีด้วยไฟฟ้า 2,207 60 7,575 208 -70.86 -71.28 สิงคโปร์,จีน
(Galv. Sheet (EG))
- เคลือบดีบุก (Tin plate) 180 5 673 26 -73.21 -78.67 เวียดนาม,อินเดีย
- เคลือบโครเมียม (Tin free) 819 30 59 5 1,298.44 463.25 ลาว,พม่า
- อื่นๆ (Others) 27,548 941 26,667 843 3.31 11.57 อินเดีย,อิตาลี
ท่อเหล็ก (Pipe) 54,633 3,615 56,239 2,355 -2.86 53.51 มาเลเซีย
- ท่อเหล็กไร้ตะเข็บ 4,709 787 4,535 350 3.83 124.56 ซาอุดิอาระเบีย
(Pipe-Seamless)
- ท่อเหล็กมีตะเข็บ (Pipe-Welded) 49,924 2,828 51,704 2,004 -3.44 41.08 มาเลเซีย
รวม 577,759 17,639 437,478 13,027 32.07 35.4 อินเดีย,เวียดนาม
ที่มา : กรมศุลกากร
2. สรุป
สถานการณ์เหล็กโดยรวมในไตรมาสที่ 4 ปี 2550 ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน โดยการผลิตลดลง ร้อยละ
8.28 ปริมาณความต้องการใช้ในประเทศ ลดลง ร้อยละ 5.20 เป็นผลมาจากการลดลง ของเหล็กทรงยาว ร้อยละ 10.35 และเหล็กทรงแบน
ลดลง ร้อยละ 1.91 มูลค่าและปริมาณการนำเข้าลดลง ร้อยละ 13.62 และ 21.09 ตามลำดับ เป็นผลมาจากความต้องการใช้ในประเทศของ
อุตสาหกรรมก่อสร้างและอุตสาหกรรมต่อเนื่องลดลง ประกอบกับราคาเหล็กในตลาดโลกโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูปปรับตัวสูงขึ้น ( ส่วน
หนึ่งเป็นผลมาจากประเทศจีนที่มีนโยบายลดการส่งออกผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป จึงทำให้แทบจะไม่มีสินค้าจากประเทศจีนในตลาดเหล็ก ) จึงทำให้ผู้
ผลิตลดการนำเข้าลงและจะนำเข้ามาในปริมาณที่ต้องการใช้เท่านั้น สำหรับมูลค่าและปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้น ร้อยละ 35.40 และ 32.07 ตาม
ลำดับ เนื่องจากความต้องการใช้ในประเทศที่ชะลอตัวลงทำให้ผู้ผลิตต้องขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศที่ยังคงมีความต้องการใช้เหล็กอยู่
สำหรับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของราคาผลิตภัณฑ์เหล็กที่สำคัญ(FOB)โดยเฉลี่ยในตลาดโลกจาก CIS ณ ท่า Black Sea ในช่วง
ไตรมาสที่ 4 ของปี 2550 เทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน ผลิตภัณฑ์เหล็กที่สำคัญทุกตัวมีทิศทางในการปรับตัวของราคาที่เพิ่มขึ้นโดยราคาเหล็กแท่ง
แบน เพิ่มขึ้นจาก 427 เหรียญสหรัฐต่อตัน เป็น 531 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 24.44 เหล็กแท่งเล็กบิลเล็ต เพิ่มขึ้นจาก 413 เหรียญ
สหรัฐต่อตัน เป็น 511 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 23.67 เหล็กเส้นเพิ่มขึ้นจาก 467 เหรียญสหรัฐต่อตัน เป็น 557 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่ม
ขึ้น ร้อยละ 19.22 เหล็กแผ่นรีดร้อนเพิ่มขึ้นจาก 503 เหรียญสหรัฐต่อตัน เป็น 589 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 17.02 เศษเหล็ก(จาก
EU ) เพิ่มขึ้นจาก 254 เหรียญสหรัฐต่อตัน เป็น 289 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 13.49 และเหล็กแผ่นรีดเย็น เพิ่มขึ้นจาก 578 เหรียญ
สหรัฐต่อตัน เป็น 635 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 9.70 อย่างไรก็ตาม พบว่าราคาที่มาถึงปลายทางมีราคาสูงขึ้นโดยราคาซื้อ-ขายของเหล็ก
แท่งเล็กบิลเล็ตเมื่อมาถึงปลายทางตลาดอาเซียน พบว่า ราคาอยู่ที่ 705-710 เหรียญต่อตัน ซึ่งสาเหตุที่ราคาเหล็กแท่งเล็กบิลเล็ตได้ปรับตัวสูงขึ้นมาก
เป็นผลมาจากการที่สินค้าขาดแคลน เนื่องจากปริมาณสินค้าจากกลุ่ม CIS มีจำกัด จึงทำให้ผู้ซื้อที่มีความต้องการใช้มาก เช่น ประเทศเวียดนามยอมซื้อ
ในราคาที่สูง ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ราคาเหล็กสูงขึ้นเนื่องจากผู้ส่งออกของประเทศจีนเริ่มชะลอการส่งออก จึงทำให้ในตลาดเหล็กไม่มีสินค้าจากประเทศ
จีน นอกจากนี้ยังเป็นผลมาจากราคาแร่เหล็กซึ่งเป็นวัตถุดิบขั้นต้นของอุตสาหกรรมเหล็กปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับราคาน้ำมันและค่าระวางเรือก็เพิ่มสูงขึ้น
ตามไปด้วย จึงส่งให้ราคาเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก เช่น เศษเหล็ก เหล็กเส้น และเหล็กแผ่น เป็นต้น ปรับตัวสูงขึ้น
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้รับจดหมายแสดงเจตจำนงจาก 4 บริษัทผู้ผลิตเหล็กยักษ์ใหญ่ของโลก ประกอบด้วย
ArcelorMittal, Baosteel, Nippon Steel และ JFE Steel เพื่อแสดงถึงความสนใจที่จะตั้งโรงงานเหล็กครบวงจรในไทย ซึ่งสิทธิ
ประโยชน์ที่จะได้รับนั้นจะให้ผู้สนใจลงทุนเสนอแผนงานและความต้องการเพื่อให้ BOI พิจารณา ซึ่งสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับนอกจากยกเว้นภาษีแล้วอาจ
จะมีสิทธิประโยชน์โดยรัฐบาลจะสนับสนุนการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ไฟฟ้า น้ำและถนน เพื่ออำนวยความสะดวกในการลงทุน ทั้งนี้ การลงทุน
จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขหลัก 4 ประการ คือ 1. เป็นโครงการผลิตเหล็กขั้นต้นเพื่อผลิตเหล็กคุณภาพสูงที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยในทุกขั้นตอนการผลิต มี
ความบริสุทธิ์ มีธาตุมลทินต่ำ ปริมาณการผลิตไม่น้อยกว่าปีละ 2 ล้านตัน 2.ต้องมีการลงทุนทางด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และ
สามารถพัฒนางานวิจัยร่วมกับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่อเนื่องหรือหน่วยงานวิจัยและสถาบันการศึกษา 3.ต้องมีระบบควบคุมและการจัดการด้านสิ่ง
แวดล้อมที่มีมาตรฐานสูง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสามารถอยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างยั่งยืน 4. เป็นองค์กรที่มีการกำกับดูแลและเป็นบรรษัทภิบาลที่ดีและ
ต้องเสนอแผนงานที่แสดงความรับผิดชอบต่อชุมชน/ท้องถิ่นและสังคมได้
เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2550 กระทรวงพาณิชย์ของประเทศจีนได้ประกาศขึ้นภาษีส่งออกเหล็กและสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเหล็ก โดยสรุปการขึ้น
ภาษีส่งออกได้ดังนี้
- ผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป จาก ร้อยละ 15 เป็น ร้อยละ 25
- เหล็กลวดและเหล็กเส้นขึ้น จาก ร้อยละ 10 เป็น ร้อยละ 15
- ท่อเชื่อม จากเดิมที่ไม่มีการเก็บภาษีส่งออกปรับเป็น ร้อยละ 15
- เหล็กแผ่นรีดร้อนหน้าแคบ (ภายใต้พิกัด 7211 1900) รวมถึง เหล็กแผ่นรีดเย็นหน้าแคบและเหล็กแผ่นชุบสังกะสีและเคลือบหน้า
แคบ จาก ร้อยละ 5 เป็น ร้อยละ 15
- เหล็กรูปพรรณขึ้นรูปเย็น จาก ร้อยละ 10 เป็น ร้อยละ 15
- เหล็กโค้ก เพล็กพิก และ DRI จาก ร้อยละ 15 เป็น ร้อยละ 25
- Ferroalloy, High carbon ferro-chome, ferro-nickle และ ferro-vanasium จากร้อยละ 10-15 เป็น
ร้อยละ 20
จากการคาดการณ์ถึงราคาถ่านหินที่สูงขึ้น ทำให้บริษัท Raspadskaya ของประเทศรัสเซียวางแผนลงทุน 323 ล้านเหรียญ เพื่อขยาย
กำลังการผลิตของเหมืองแร่ถ่านหินที่มีอยู่เดิมโดยจะพัฒนาเหมืองใหม่ให้ผลิตได้ และพัฒนาเฟสที่สองของโรงแต่งแร่ ซึ่งคาดว่าราคาถ่านหินในปี
2008 น่าจะเพิ่มขึ้น โดยราคาถ่านหินเข้มข้นในรัสเซียน่าจะอยู่ที่ 140 เหรียญต่อตัน และราคาส่งออกน่าจะอยู่ที่ 118 เหรียญต่อตัน ในปี 2007
บริษัท Raspadskaya ได้ขุดถ่านหินดิบมาทั้งสิ้น 13.6 ล้านตัน โดยขายเป็นถ่านหินดิบ 1.8 ล้านตันและถ่านหินเข้มข้น 8.8 ล้านตัน และในปี 2008
วางแผนที่จะเพิ่มการผลิตถ่านหินเข้มข้นเป็น 11.8 ล้านตัน โดยจะรักษาระดับกำลังการผลิตของเหมืองไว้
3.แนวโน้ม
แนวโน้มสถานการณ์เหล็กโดยรวมในประเทศใน ปี 2551 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คาดการณ์ว่าจะขยายตัวขึ้น ส่วนหนึ่งเป็น
ผลมาจากความชัดเจนทางการเมืองหลังจากรัฐบาลได้จัดตั้งรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะส่งผลให้นักลงทุนมีความมั่นใจ
ในการลงทุนเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ จากการที่รัฐบาลได้ประกาศนโยบายเมกะโปรเจ็คส์ เช่นการสร้างรถไฟฟ้า 9 สาย ภายในเวลา 3 ปี โดยใช้
เงินลงทุน 5 แสนล้านบาท จะเป็นปัจจัยสนับสนุนทำให้ความต้องการใช้เหล็กเพิ่มมากขึ้น
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-
การผลิต
ปริมาณการผลิตเหล็กและเหล็กกล้าที่สำคัญในไตรมาสที่ 4 ปี 2550 มีประมาณ 1,915,233 เมตริกตัน ( ไม่รวมผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่ง
สำเร็จรูป เหล็กแผ่นรีดเย็น เหล็กแผ่นเคลือบและท่อเหล็กเพื่อไม่ให้เกิดการนับซ้ำ ) ชะลอตัวลง ร้อยละ 8.28 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี
ก่อนเนื่องจากความต้องการใช้เหล็กในประเทศลดลงอันเป็นผลมาจากสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว ทำให้ผู้บริโภคชะลอการใช้จ่าย
เนื่องจากความไม่มั่นใจต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นผลมาจาก ราคาน้ำมันและอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น เมื่อพิจารณาใน
รายผลิตภัณฑ์ พบว่า ผลิตภัณฑ์ที่ชะลอตัวลงมากที่สุดในช่วงนี้ คือ เหล็กทรงยาว ลดลง ร้อยละ 11.71 เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัวลง
ประกอบกับราคาเหล็กในตลาดโลกโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูปเช่น เหล็กแท่งเล็กบิลเล็ต และเหล็กแท่งแบนปรับตัวสูงขึ้นจึงทำให้ผู้ผลิตใน
ประเทศผลิตตามคำสั่งซื้อเท่านั้นและจะไม่สต๊อกสินค้าไว้ในปริมาณที่มาก รองลงมาคือ เหล็กแผ่นเคลือบดีบุก ลดลง ร้อยละ 9.92 สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มี
การผลิตขยายตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุดในช่วงนี้ คือ เหล็กแผ่นเคลือบ ชนิดอื่นๆ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 41.35 และเหล็กแผ่นรีดเย็น เพิ่มขึ้น ร้อยละ 31.91
เนื่องจากมีการขยายตลาดส่งออกไปยังต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น รายละเอียดตามตารางที่ 1
ตารางที่ 1 : ปริมาณการผลิตเหล็กและเหล็กกล้าที่สำคัญไตรมาสที่ 4 ปี 2550 เทียบกับไตรมาสที่ 4 ปี 2549
หน่วย : เมตริกตัน
ผลิตภัณฑ์(1) ไตรมาสที่ 4 ไตรมาสที่ 4 อัตราการ
ปี 2550 ปี 2549 เปลี่ยนแปลง
(ร้อยละ)
ผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป 1,488,000 1,250,200 19.02
(Semi-Finished Products)
เหล็กทรงยาว(Long Products) 931,827 1,055,459 -11.71
เหล็กทรงแบน(Flat Products) 1,764,136 1,675,243 5.31
เหล็กแผ่นรีดร้อน(Hot-rolled Flat) 983,406 1,032,633 -4.77
เหล็กแผ่นรีดเย็น(Cold-rolled Flat) 536,007 406,350 31.91
เหล็กแผ่นเคลือบ (Coated Steel) 244,723 236,260 3.58
- เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี 69,931 77,514 -9.78
(Galvanized Sheet)
- เหล็กแผ่นเคลือบดีบุก (Tin plate) 56,471 62,692 -9.92
- เหล็กแผ่นเคลือบโครเมียม (Tin free) 33,221 35,848 -7.33
- อื่นๆ (other coated steel) 85,100 60,206 41.35
ท่อเหล็ก (Pipes & Tubes) N/A N/A N/A
รวม 1 1,915,233 2,088,092 -8.28
ที่มา : สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย
หมายเหตุ(1) : ไม่รวมผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป เหล็กแผ่นรีดเย็น เหล็กแผ่นเคลือบ และท่อเหล็กเพื่อไม่ให้เกิดการนับซ้ำ
การใช้ในประเทศ
ปริมาณการใช้เหล็กและเหล็กกล้าในประเทศที่สำคัญในไตรมาสที่ 4 ปี 2550 ประมาณ 2,825,654 เมตริกตัน ชะลอตัวลง ร้อย
ละ 5.20 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เมื่อพิจารณารายผลิตภัณฑ์พบว่าความต้องการใช้ในประเทศลดลงทั้งผลิตภัณฑ์เหล็กทรงยาวและเหล็ก
ทรงแบน โดยเหล็กทรงยาว ลดลง ร้อยละ 10.35 เป็นผลมาจากการชะลอตัวของอุตสาหกรรมก่อสร้าง และเหล็กทรงแบน ลดลง ร้อยละ 1.91
การนำเข้า-การส่งออก
การนำเข้า
มูลค่าและปริมาณการนำเข้าเหล็กและเหล็กกล้าที่สำคัญในไตรมาสที่ 4 ปี 2550 มีจำนวนประมาณ 48,104 ล้านบาท และ
1,741,083 เมตริกตัน โดยมูลค่าและปริมาณการนำเข้าลดลง ร้อยละ 13.62 และ 21.09 ตามลำดับ เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจใน
ประเทศ ทำให้ความต้องการใช้ในประเทศชะลอตัวลง โดยผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าการนำเข้าลดลงมากที่สุดเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่
เหล็กแท่งแบน ลดลง ร้อยละ 65.97 รองลงมาคือ เหล็กแท่งเล็กบิลเล็ต ลดลง ร้อยละ 55.35เป็นผลมาจากความต้องการใช้ในประเทศของ
อุตสาหกรรมก่อสร้างและอุตสาหกรรมต่อเนื่องลดลง ประกอบกับราคาเหล็กในตลาดโลกโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูปปรับตัวสูงขึ้น ( ส่วน
หนึ่งเป็นผลมาจากประเทศจีนที่มีนโยบายลดการส่งออกผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป จึงทำให้แทบจะไม่มีสินค้าจากประเทศจีนในตลาดเหล็ก ) จึงทำให้ผู้
ผลิตลดการนำเข้าลงและจะนำเข้ามาในปริมาณที่ต้องการใช้เท่านั้น สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าการนำเข้าขยายตัวมากที่สุดเมื่อเทียบกับช่วงเดียว
กันของปีก่อน ได้แก่ เหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 364.08 เหล็กแผ่นเคลือบโครเมียม เพิ่มขึ้น ร้อยละ 50.35 และ เหล็กแผ่น
บางรีดร้อนชนิดผ่านการกัดล้างและชุบน้ำมัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 30.59 โดยประเทศที่มีการนำเข้ามากที่สุด ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่นและรัสเซีย
ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าการนำเข้ามากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อน มีมูลค่า 7,301 ล้านบาท รองลงมาคือ
เหล็กแผ่นบางรีดร้อน มีมูลค่า 6,632 ล้านบาท และท่อเหล็กไร้ตะเข็บ มีมูลค่า 3,898 ล้านบาท รายละเอียดตามตารางที่ 2
ตารางที่ 2 : ปริมาณและมูลค่าการนำเข้าเหล็กและเหล็กกล้าที่สำคัญไตรมาสที่ 4 ปี 2550 เทียบกับไตรมาสที่ 4 ปี 2549
หน่วย : ปริมาณ: เมตริกตัน
มูลค่า : ล้านบาท
ผลิตภัณฑ์ ไตรมาสที่ 4 ไตรมาสที่ 4 อัตราการ ตลาดนำเข้า
ปี 2550 ปี 2549 เปลี่ยนแปลง ที่สำคัญ
(ร้อยละ)
ปริมาณ มูลค่า ปริมาณ มูลค่า ปริมาณ มูลค่า
ผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป 302,321 5,623 803,751 12,764 -62.39 -55.95 จีน,บราซิล
(Semi-Finished Products)
- เหล็กแท่งเล็ก (Billet) 140,072 2,729 397,738 6,111 -64.78 -55.35 จีน,บราซิล
- เหล็กแท่งแบน (Slab) 111,418 1,972 352,387 5,795 -68.38 -65.97 รัสเซีย,จีน
- อื่นๆ (Others) 50,830 922 53,627 858 -5.22 7.45 จีน,บราซิล
เหล็กทรงยาว 203,424 4,997 185,429 4,175 9.7 19.69 จีน,ญี่ปุ่น
(Long Products )
- เหล็กเส้น (Bar) 53,430 1,456 61,396 1,545 -12.97 -5.78 ญี่ปุ่น,จีน
- เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ 13,777 496 2,275 107 505.68 364.1 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
รีดร้อน (HR sections )
- เหล็กลวด (Wire rods) 136,217 3,045 121,759 2,523 11.87 20.7 จีน,ญี่ปุ่น
เหล็กทรงแบน 1,167,063 31,525 1,088,146 31,100 7.25 1.37 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
(Flat Products )
เหล็กแผ่นรีดร้อน 597,192 12,581 535,736 11,777 11.47 6.82 ญี่ปุ่น
(Hot-Rolled Flat Products)
- เหล็กแผ่นหนารีดร้อน 40,495 1,274 42,202 1,371 -4.05 -7.07 ญี่ปุ่น,สิงคโปร์
(HR plate)
- เหล็กแผ่นบางรีดร้อน 346,293 6,632 344,036 6,827 0.66 -2.85 ญี่ปุ่น,ออสเตรเลีย
(HR sheet)
- เหล็กแผ่นบางรีดร้อนชนิด 210,404 4,674 149,498 3,579 40.74 30.59 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
ผ่านการกัดล้างและชุบน้ำมัน
(HR sheet P&O )
เหล็กแผ่นรีดเย็น 151,105 6,256 197,499 7,589 -23.49 -17.57 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
(Cold-Rolled Flat Products)
- เหล็กแผ่นรีดเย็น 119,214 3,190 170,603 4,753 -30.12 -32.9 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
(CR carbon steel)
- เหล็กแผ่นรีดเย็นไร้สนิม 31,891 3,066 26,895 2,836 18.58 8.11 ญี่ปุ่น,จีน
(CR stainless steel)
เหล็กแผ่นเคลือบ 418,767 12,689 354,912 11,733 17.99 8.14 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
(Coated Steel Products)
- เคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อน 256,739 7,301 204,637 6,142 25.46 18.87 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
(Galv. Sheet (HDG))
- เคลือบสังกะสีด้วยไฟฟ้า 42,036 1,238 40,796 1,383 3.04 -10.5 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
(Galv. Sheet (EG))
- เคลือบดีบุก (Tin plate) 24,424 792 28,169 997 -13.29 -20.59 เกาหลีใต้,บราซิล
- เคลือบโครเมียม 12,708 471 9,342 313 36.03 50.35 เกาหลีใต้,ไต้หวัน
(Tin free)
- อื่นๆ (Others) 82,859 2,887 71,967 2,898 15.13 -0.36 ญี่ปุ่น,เกาหลีใต้
ท่อเหล็ก (Pipe) 68,275 5,959 129,171 7,647 -47.14 -22.07 จีน
- ท่อเหล็กไร้ตะเข็บ 42,500 3,898 106,193 6,060 -59.98 -35.67 จีน,เยอรมนี
(Pipe-Seamless)
- ท่อเหล็กมีตะเข็บ (Pipe-Welded) 25,775 2,061 22,978 1,587 12.17 29.83 มาเลเซีย,ญี่ปุ่น
รวม 1,741,083 48,104 2,206,498 55,686 -21.09 -13.62 ญี่ปุ่น,รัสเซีย,
การส่งออก
มูลค่าและปริมาณการส่งออกเหล็กและเหล็กกล้าในไตรมาสที่ 4 ปี 2550 มีจำนวนประมาณ 17,639 ล้านบาท และ 577,759
เมตริกตัน โดยมูลค่าและปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้น ร้อยละ 35.40 และ 32.07 ตามลำดับ โดยประเทศที่มีการส่งออกไปมากที่สุด คือ อินเดีย
และเวียดนาม สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าการส่งออกขยายตัวมากที่สุดในช่วงนี้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูปชนิด
อื่นๆ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 29,635.11 รองลงมาคือ เหล็กแท่งเล็ก เพิ่มขึ้น ร้อยละ 18,217.46 และ เหล็กแผ่นบางรีดร้อนชนิดผ่านการกัดล้างและชุบ
น้ำมัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 1,362.67 สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีการลดลงของมูลค่าการส่งออกมากที่สุด ได้แก่ เหล็กแผ่นเคลือบดีบุก ลดลง ร้อยละ 78.67
เหล็กแผ่นบางรีดร้อน ลดลง ร้อยละ 76.46 และ เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีด้วยไฟฟ้า ลดลง 71.28
ผลิตภัณฑ์ที่มีการมูลค่าการส่งออกมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ เหล็กแผ่นรีดเย็นไร้สนิม มีมูลค่า 2,906 ล้านบาท รองลงมาคือ ท่อ
เหล็กมีตะเข็บ มีมูลค่า 2,828 ล้านบาท และเหล็กแผ่นรีดเย็น มีมูลค่า 2,548 ล้านบาท ตามลำดับ เนื่องจากความต้องการใช้ในประเทศที่ลด
ลง ผู้ผลิตไทยจึงต้องขยายฐานการตลาดโดยส่งออกไปยังประเทศที่ยังมีความต้องการใช้อยู่ เช่น ประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นผลมาจากต่างชาติได้
เข้ามาลงทุนในประเทศ ประกอบกับการขยายตัวของโครงการก่อสร้างพื้นฐานต่างๆ ของประเทศ รายละเอียดตามตารางที่ 3
ตารางที่ 3 : ปริมาณและมูลค่าการส่งออกเหล็กและเหล็กกล้าที่สำคัญไตรมาสที่ 4 ปี 2550 เทียบกับไตรมาสที่ 4 ปี 2549
หน่วย : ปริมาณ: เมตริกตัน
มูลค่า : ล้านบาท
ผลิตภัณฑ์ ไตรมาสที่ 4 ไตรมาสที่ 4 อัตราการ ตลาดนำเข้า
ปี 2550 ปี 2549 เปลี่ยนแปลง ที่สำคัญ
(ร้อยละ)
ผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป 63,060 1,172 125 5 50,283.24 21,499.35 เวียดนาม
(Semi-Finished Products)
- เหล็กแท่งเล็ก (Billet) 37,990 709 111 4 33,973.46 18,217.46 เวียดนาม,อิหร่าน
- เหล็กแท่งแบน (Slab) 12 0.35 0 0 100 100 ลาว,อินโดนีเซีย
- อื่นๆ (Others) 25,057 463 14 2 183,269.51 29,635.11 เวียดนาม,ลาว
เหล็กทรงยาว (Long Products ) 93,713 2,339 79,152 1,806 18.4 29.51 มาเลเซีย
- เหล็กเส้น (Bar) 21,041 422 14,614 270 43.97 56.2 อาหรับ,อเมริกา
- เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ 60,928 1,661 62,313 1,495 -2.22 11.09 มาเลเซีย,ออสเตรเลีย
รีดร้อน (HR sections )
- เหล็กลวด (Wire rods) 11,745 256 2,225 41 427.93 528.94 เวียดนาม,ไต้หวัน
เหล็กทรงแบน 366,353 10,513 301,961 8,861 21.32 18.64 อินเดีย,เวียดนาม
(Flat Products )
เหล็กแผ่นรีดร้อน 186,804 3,823 205,524 4,418 -9.11 -13.47 อินเดีย,เวียดนาม
(Hot-Rolled Flat Products)
- เหล็กแผ่นหนารีดร้อน 46,212 1,037 47,668 1,064 -3.05 -2.58 อเมริกา,เวียดนาม
(HR plate)
- เหล็กแผ่นบางรีดร้อน 34,499 757 152,185 3,215 -77.33 -76.46 อินเดีย,เวียดนาม
(HR sheet)
- เหล็กแผ่นบางรีดร้อนชนิด 106,092 2,030 5,671 139 1,770.89 1,362.67 อินเดีย,เวียดนาม
ผ่านการกัดล้างและชุบน้ำมัน
(HR sheet P&O )
เหล็กแผ่นรีดเย็น 142,841 5,454 56,693 3,181 151.95 71.46 อินโดนีเซีย
(Cold-Rolled Flat Products)
- เหล็กแผ่นรีดเย็น 114,265 2,548 36,212 887 215.54 187.21 อินโดนีเซีย
(CR carbon steel)
- เหล็กแผ่นรีดเย็นไร้สนิม 28,577 2,906 20,481 2,294 39.53 26.69 อิตาลี
(CR stainless steel)
เหล็กแผ่นเคลือบ 36,708 1,235 39,744 1,261 -7.64 -2.09 อินเดีย
(Coated Steel Products)
- เคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อน 5,953 199 4,771 179 24.79 11.09 เบลเยียม
(Galv. Sheet (HDG))
- เคลือบสังกะสีด้วยไฟฟ้า 2,207 60 7,575 208 -70.86 -71.28 สิงคโปร์,จีน
(Galv. Sheet (EG))
- เคลือบดีบุก (Tin plate) 180 5 673 26 -73.21 -78.67 เวียดนาม,อินเดีย
- เคลือบโครเมียม (Tin free) 819 30 59 5 1,298.44 463.25 ลาว,พม่า
- อื่นๆ (Others) 27,548 941 26,667 843 3.31 11.57 อินเดีย,อิตาลี
ท่อเหล็ก (Pipe) 54,633 3,615 56,239 2,355 -2.86 53.51 มาเลเซีย
- ท่อเหล็กไร้ตะเข็บ 4,709 787 4,535 350 3.83 124.56 ซาอุดิอาระเบีย
(Pipe-Seamless)
- ท่อเหล็กมีตะเข็บ (Pipe-Welded) 49,924 2,828 51,704 2,004 -3.44 41.08 มาเลเซีย
รวม 577,759 17,639 437,478 13,027 32.07 35.4 อินเดีย,เวียดนาม
ที่มา : กรมศุลกากร
2. สรุป
สถานการณ์เหล็กโดยรวมในไตรมาสที่ 4 ปี 2550 ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน โดยการผลิตลดลง ร้อยละ
8.28 ปริมาณความต้องการใช้ในประเทศ ลดลง ร้อยละ 5.20 เป็นผลมาจากการลดลง ของเหล็กทรงยาว ร้อยละ 10.35 และเหล็กทรงแบน
ลดลง ร้อยละ 1.91 มูลค่าและปริมาณการนำเข้าลดลง ร้อยละ 13.62 และ 21.09 ตามลำดับ เป็นผลมาจากความต้องการใช้ในประเทศของ
อุตสาหกรรมก่อสร้างและอุตสาหกรรมต่อเนื่องลดลง ประกอบกับราคาเหล็กในตลาดโลกโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูปปรับตัวสูงขึ้น ( ส่วน
หนึ่งเป็นผลมาจากประเทศจีนที่มีนโยบายลดการส่งออกผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป จึงทำให้แทบจะไม่มีสินค้าจากประเทศจีนในตลาดเหล็ก ) จึงทำให้ผู้
ผลิตลดการนำเข้าลงและจะนำเข้ามาในปริมาณที่ต้องการใช้เท่านั้น สำหรับมูลค่าและปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้น ร้อยละ 35.40 และ 32.07 ตาม
ลำดับ เนื่องจากความต้องการใช้ในประเทศที่ชะลอตัวลงทำให้ผู้ผลิตต้องขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศที่ยังคงมีความต้องการใช้เหล็กอยู่
สำหรับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของราคาผลิตภัณฑ์เหล็กที่สำคัญ(FOB)โดยเฉลี่ยในตลาดโลกจาก CIS ณ ท่า Black Sea ในช่วง
ไตรมาสที่ 4 ของปี 2550 เทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน ผลิตภัณฑ์เหล็กที่สำคัญทุกตัวมีทิศทางในการปรับตัวของราคาที่เพิ่มขึ้นโดยราคาเหล็กแท่ง
แบน เพิ่มขึ้นจาก 427 เหรียญสหรัฐต่อตัน เป็น 531 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 24.44 เหล็กแท่งเล็กบิลเล็ต เพิ่มขึ้นจาก 413 เหรียญ
สหรัฐต่อตัน เป็น 511 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 23.67 เหล็กเส้นเพิ่มขึ้นจาก 467 เหรียญสหรัฐต่อตัน เป็น 557 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่ม
ขึ้น ร้อยละ 19.22 เหล็กแผ่นรีดร้อนเพิ่มขึ้นจาก 503 เหรียญสหรัฐต่อตัน เป็น 589 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 17.02 เศษเหล็ก(จาก
EU ) เพิ่มขึ้นจาก 254 เหรียญสหรัฐต่อตัน เป็น 289 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 13.49 และเหล็กแผ่นรีดเย็น เพิ่มขึ้นจาก 578 เหรียญ
สหรัฐต่อตัน เป็น 635 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 9.70 อย่างไรก็ตาม พบว่าราคาที่มาถึงปลายทางมีราคาสูงขึ้นโดยราคาซื้อ-ขายของเหล็ก
แท่งเล็กบิลเล็ตเมื่อมาถึงปลายทางตลาดอาเซียน พบว่า ราคาอยู่ที่ 705-710 เหรียญต่อตัน ซึ่งสาเหตุที่ราคาเหล็กแท่งเล็กบิลเล็ตได้ปรับตัวสูงขึ้นมาก
เป็นผลมาจากการที่สินค้าขาดแคลน เนื่องจากปริมาณสินค้าจากกลุ่ม CIS มีจำกัด จึงทำให้ผู้ซื้อที่มีความต้องการใช้มาก เช่น ประเทศเวียดนามยอมซื้อ
ในราคาที่สูง ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ราคาเหล็กสูงขึ้นเนื่องจากผู้ส่งออกของประเทศจีนเริ่มชะลอการส่งออก จึงทำให้ในตลาดเหล็กไม่มีสินค้าจากประเทศ
จีน นอกจากนี้ยังเป็นผลมาจากราคาแร่เหล็กซึ่งเป็นวัตถุดิบขั้นต้นของอุตสาหกรรมเหล็กปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับราคาน้ำมันและค่าระวางเรือก็เพิ่มสูงขึ้น
ตามไปด้วย จึงส่งให้ราคาเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก เช่น เศษเหล็ก เหล็กเส้น และเหล็กแผ่น เป็นต้น ปรับตัวสูงขึ้น
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้รับจดหมายแสดงเจตจำนงจาก 4 บริษัทผู้ผลิตเหล็กยักษ์ใหญ่ของโลก ประกอบด้วย
ArcelorMittal, Baosteel, Nippon Steel และ JFE Steel เพื่อแสดงถึงความสนใจที่จะตั้งโรงงานเหล็กครบวงจรในไทย ซึ่งสิทธิ
ประโยชน์ที่จะได้รับนั้นจะให้ผู้สนใจลงทุนเสนอแผนงานและความต้องการเพื่อให้ BOI พิจารณา ซึ่งสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับนอกจากยกเว้นภาษีแล้วอาจ
จะมีสิทธิประโยชน์โดยรัฐบาลจะสนับสนุนการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ไฟฟ้า น้ำและถนน เพื่ออำนวยความสะดวกในการลงทุน ทั้งนี้ การลงทุน
จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขหลัก 4 ประการ คือ 1. เป็นโครงการผลิตเหล็กขั้นต้นเพื่อผลิตเหล็กคุณภาพสูงที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยในทุกขั้นตอนการผลิต มี
ความบริสุทธิ์ มีธาตุมลทินต่ำ ปริมาณการผลิตไม่น้อยกว่าปีละ 2 ล้านตัน 2.ต้องมีการลงทุนทางด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และ
สามารถพัฒนางานวิจัยร่วมกับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่อเนื่องหรือหน่วยงานวิจัยและสถาบันการศึกษา 3.ต้องมีระบบควบคุมและการจัดการด้านสิ่ง
แวดล้อมที่มีมาตรฐานสูง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสามารถอยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างยั่งยืน 4. เป็นองค์กรที่มีการกำกับดูแลและเป็นบรรษัทภิบาลที่ดีและ
ต้องเสนอแผนงานที่แสดงความรับผิดชอบต่อชุมชน/ท้องถิ่นและสังคมได้
เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2550 กระทรวงพาณิชย์ของประเทศจีนได้ประกาศขึ้นภาษีส่งออกเหล็กและสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเหล็ก โดยสรุปการขึ้น
ภาษีส่งออกได้ดังนี้
- ผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูป จาก ร้อยละ 15 เป็น ร้อยละ 25
- เหล็กลวดและเหล็กเส้นขึ้น จาก ร้อยละ 10 เป็น ร้อยละ 15
- ท่อเชื่อม จากเดิมที่ไม่มีการเก็บภาษีส่งออกปรับเป็น ร้อยละ 15
- เหล็กแผ่นรีดร้อนหน้าแคบ (ภายใต้พิกัด 7211 1900) รวมถึง เหล็กแผ่นรีดเย็นหน้าแคบและเหล็กแผ่นชุบสังกะสีและเคลือบหน้า
แคบ จาก ร้อยละ 5 เป็น ร้อยละ 15
- เหล็กรูปพรรณขึ้นรูปเย็น จาก ร้อยละ 10 เป็น ร้อยละ 15
- เหล็กโค้ก เพล็กพิก และ DRI จาก ร้อยละ 15 เป็น ร้อยละ 25
- Ferroalloy, High carbon ferro-chome, ferro-nickle และ ferro-vanasium จากร้อยละ 10-15 เป็น
ร้อยละ 20
จากการคาดการณ์ถึงราคาถ่านหินที่สูงขึ้น ทำให้บริษัท Raspadskaya ของประเทศรัสเซียวางแผนลงทุน 323 ล้านเหรียญ เพื่อขยาย
กำลังการผลิตของเหมืองแร่ถ่านหินที่มีอยู่เดิมโดยจะพัฒนาเหมืองใหม่ให้ผลิตได้ และพัฒนาเฟสที่สองของโรงแต่งแร่ ซึ่งคาดว่าราคาถ่านหินในปี
2008 น่าจะเพิ่มขึ้น โดยราคาถ่านหินเข้มข้นในรัสเซียน่าจะอยู่ที่ 140 เหรียญต่อตัน และราคาส่งออกน่าจะอยู่ที่ 118 เหรียญต่อตัน ในปี 2007
บริษัท Raspadskaya ได้ขุดถ่านหินดิบมาทั้งสิ้น 13.6 ล้านตัน โดยขายเป็นถ่านหินดิบ 1.8 ล้านตันและถ่านหินเข้มข้น 8.8 ล้านตัน และในปี 2008
วางแผนที่จะเพิ่มการผลิตถ่านหินเข้มข้นเป็น 11.8 ล้านตัน โดยจะรักษาระดับกำลังการผลิตของเหมืองไว้
3.แนวโน้ม
แนวโน้มสถานการณ์เหล็กโดยรวมในประเทศใน ปี 2551 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คาดการณ์ว่าจะขยายตัวขึ้น ส่วนหนึ่งเป็น
ผลมาจากความชัดเจนทางการเมืองหลังจากรัฐบาลได้จัดตั้งรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะส่งผลให้นักลงทุนมีความมั่นใจ
ในการลงทุนเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ จากการที่รัฐบาลได้ประกาศนโยบายเมกะโปรเจ็คส์ เช่นการสร้างรถไฟฟ้า 9 สาย ภายในเวลา 3 ปี โดยใช้
เงินลงทุน 5 แสนล้านบาท จะเป็นปัจจัยสนับสนุนทำให้ความต้องการใช้เหล็กเพิ่มมากขึ้น
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-