ในเดือนสิงหาคม 2563 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทองคำ) หดตัวร้อยละ 14.01 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตามการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทองคำ อาวุธ รถถัง และอากาศยานรบ) หดตัวร้อยละ 13.87 โดยสินค้าอุตสาหกรรมที่การส่งออกหดตัว ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ โดยเฉพาะรถยนต์นั่ง เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และสิ่งทอ ด้านตลาดส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมที่ยังคงขยายตัวมีเพียงประเทศสหรัฐอเมริกาและจีน ขณะที่การส่งออกไปยังตลาดอาเซียน (5) ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป (27) และ CLMV หดตัวลง
ในเดือนสิงหาคม 2563 การส่งออกรวมมีมูลค่า 20,212.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 7.94 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เมื่อพิจารณาการส่งออกในหมวดสินค้าสำคัญพบว่า สินค้าอุตสาหกรรมมีมูลค่า 16,600.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 6.18 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทองคำ อาวุธ รถถัง และอากาศยานรบ) มีมูลค่า 13,765.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 13.87 โดยหดตัวจากรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ โดยเฉพาะรถยนต์นั่ง เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และสิ่งทอ เป็นต้น ในส่วนสินค้าเกษตรกรรม มีมูลค่า 1,618.66 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 19.39 สินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร มีมูลค่า 1,521.72 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 5.42
การนำเข้ามีมูลค่ารวม 15,862.98 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 19.68 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าเชื้อเพลิงมีมูลค่า 2,189.57 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 34.20 สินค้าทุนมีมูลค่า 4,509.98 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 10.77 โดยหดตัวจากเครื่องจักรใช้ในอุตสาหกรรม มอเตอร์ไฟฟ้า อุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับตัดต่อและป้องกันวงจรไฟฟ้า ด้านสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำ) มีมูลค่า 5,917.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 17.29 จากการนำเข้าเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์
ด้านตลาดส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมที่ยังคงขยายตัวมีเพียงประเทศสหรัฐอเมริกาและจีน ขณะที่การส่งออกไปยังตลาดอาเซียน (5) สหภาพยุโรป (27) ญี่ปุ่น และ CLMV หดตัวลง
การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมที่สำคัญ
ในเดือน ส.ค. 2563 มีมูลค่าการส่งออก 2,983.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 2.6 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากการส่งออกแผงวงจรไฟฟ้าเป็นสำคัญโดยหดตัวร้อยละ 12.9 จากการส่งออกไปยังประเทศฮ่องกง จีน มาเลเซีย ญี่ปุ่นและ สหรัฐอเมริกา แต่การส่งออกไปยังประเทศสิงคโปร์ ไต้หวัน และฟิลิปปินส์ ยังคงขยายตัว
ในเดือน ส.ค. 2563 มีมูลค่าการส่งออก 2,015.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 3.4 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากการส่งออกเตาอบไมโครเวฟขยายตัวร้อยละ 117.6 ไปยังประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา และออสเตรเลีย เครื่องซักผ้า ซักแห้งและส่วนประกอบขยายตัวร้อยละ 31.3 ไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ตู้เย็นตู้แช่แข็งและส่วนประกอบขยายตัวร้อยละ 16.1 จากการส่งออกไปประเทศสหรัฐอเมริกา
ในเดือน ส.ค. 2563 มีมูลค่าการส่งออก 659.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 14.7 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนจากการส่งออกไปยังประเทศจีน CLMV อาเซียน (5) อินเดีย และญี่ปุ่น ทั้งนี้การส่งออกเม็ดพลาสติกในเดือน ส.ค. 2563 เป็นการปรับลดลงทั้งด้านราคาและปริมาณการส่งออก โดยดัชนีราคาส่งออกเม็ดพลาสติกหดตัวร้อยละ 3.1 และปริมาณการส่งออกเม็ดพลาสติกหดตัวร้อยละ 4.3 ทั้งนี้ปริมาณการส่งออกในเดือน ส.ค. มีจำนวน 577.6 ล้านกิโลกรัม
ในเดือน ส.ค. 2563 มีมูลค่าการส่งออก 2,183.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 26.9 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ตามการส่งออกรถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบเป็นสำคัญ โดยหดตัวร้อยละ 28.7 จากการส่งออกไปตลาดสำคัญ เช่น ออสเตรเลีย จีน อาเซียน(5) ซาอุดิอาระเบียและเม็กซิโก ส่วนการส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น และเวียดนามยังคงขยายตัว
ในเดือน ส.ค. 2563 มีมูลค่าการส่งออก 474.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 21.7 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนเป็นการหดตัวตลอดห่วงโซ่อุปทาน โดยสินค้าต้นน้ำอย่างด้ายและด้ายเส้นใยประดิษฐ์หดตัวร้อยละ 32.1 เส้นใยประดิษฐ์หดตัวร้อยละ 18.3 จากการส่งออกไปประเทศจีน ญี่ปุ่น สินค้ากลางน้ำอย่างผ้าผืนหดตัวร้อยละ 20.4 จากการส่งออกไปประเทศ CLMV สินค้าปลายน้ำอย่างเสื้อผ้าสำเร็จรูปหดตัวร้อยละ 25.4 จากการส่งไปสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น
ในเดือน ส.ค. 2563 มีมูลค่าการส่งออก 358.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 55.6 จากการส่งออกอัญมณีประเภท เครื่องประดับแท้ที่ทำด้วยทองไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา ฮ่องกง ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป(27) การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับมีมูลค่าการส่งออก 3,136.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 29.2 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากการส่งออกทองคำแท่งที่ยังไม่ได้ขึ้นรูปมูลค่า 2,778.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 71.5 ไปยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สิงคโปร์ ฮ่องกง และอินเดีย
ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม