สถานการณ์การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมเดือนตุลาคม ปี 2563

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday December 29, 2020 15:06 —สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

ในเดือนตุลาคม ปี 2563 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทองคำ) หดตัวร้อยละ 4.23 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยหดตัวจากสินค้ารถยนต์ ประเภทรถปิคอัพ รถบัส และรถบรรทุก สิ่งทอ อัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น สำหรับการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมเมื่อไม่รวมทองคำ อาวุธ รถถัง และอากาศยาน หดตัวร้อยละ 3.58 ด้านตลาดส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทองคำ) ขยายตัวอย่างชัดเจนในตลาด สหรัฐอเมริกา ขณะที่ตลาดอาเซียน (5) CLMV จีน ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป (27) ยังคงหดตัว

ในเดือนตุลาคม 2563 การส่งออกรวมมีมูลค่า 19,376.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 6.71 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เมื่อพิจารณาการส่งออกในหมวดสินค้าสำคัญพบว่า สินค้าอุตสาหกรรม มีมูลค่า 15,806.56 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 4.66 สินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทองคำ) มีมูลค่า 15,579.40 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 4.23 โดยหดตัวจากสินค้ารถยนต์ ประเภทรถปิคอัพ รถบัส และรถบรรทุก สิ่งทอ อัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น ด้านสินค้าเกษตรกรรม มีมูลค่า 1,634.10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 3.30 สินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร มีมูลค่า 1,510.98 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 14.15

การนำเข้ามีมูลค่ารวม 17,330.15 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 14.32 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าเชื้อเพลิงมีมูลค่า 2,165.36 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 16.53 สินค้าทุนมีมูลค่า 4,769.30 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 16.29 โดยสินค้าทุนหดตัวจากเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ด้านสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำ) มีมูลค่า 7,053.52 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 1.63 จากการนำเข้าทองแดงและอลูมิเนียม เหล็กแผ่น ผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูปทำด้วยเหล็กและเหล็กแผ่นรีดทำด้วยเหล็กกล้า ผลิตภัณฑ์ทำจากพลาสติกหดตัวลง

ด้านตลาดส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทองคำ) ขยายตัวอย่างชัดเจนในตลาดสหรัฐอเมริกา ในขณะที่ตลาดอาเซียน (5) CLMV จีน ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป (27) ยังคงหดตัว

การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมที่สำคัญ

เครื่องอิเล็กทรอนิกส์

ในเดือน ต.ค. 2563 มีมูลค่าการส่งออก 3,367.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 5.5 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนจากการส่งออกเครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบอุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์และไดโอด โดยขยายตัวร้อยละ 4.2 และ 25.7 จากการส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา จีน สิงคโปร์ มาเลเซีย อินเดีย และเยอรมนี

เครื่องใช้ไฟฟ้า

ในเดือน ต.ค. 2563 มีมูลค่าการส่งออก 2,197.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 10.0 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนจากการส่งออกสินค้าแผงสวิทซ์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า เครื่องซักผ้า เครื่องซักแห้งและส่วนประกอบ ตู้เย็น ตู้แช่แข็ง และส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 15.6 40.3 และ 20.5 ตามลำดับ จากการส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา จีน ออสเตรเลีย และมาเลเซีย เป็นต้น

เม็ดพลาสติก

ในเดือน ต.ค. 2563 มีมูลค่าการส่งออก 726.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 5.3 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนจากการส่งออกไปยังประเทศจีน CLMV อาเซียน (5) และญี่ปุ่น ทั้งนี้การส่งออกเม็ดพลาสติกในเดือน ต.ค. 2563 เป็นการปรับลดลงทั้งด้านปริมาณและราคา โดยปริมาณการส่งออกเม็ดพลาสติกมีปริมาณ 606.4 ล้านกิโลกรัม หดตัวร้อยละ 0.8 และดัชนีราคาส่งออกเม็ดพลาสติกหดตัวร้อยละ 3.2

ยานยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ

ในเดือน ต.ค. 2563 มีมูลค่าการส่งออก 2,693.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 11.8 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนตามการส่งออกรถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบหดตัวร้อยละ 12.6 จากการส่งออกไปตลาดสำคัญ เช่น ฟิลิปปินส์ จีน ซาอุดิอาระเบีย เป็นต้น

สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม

ในเดือน ต.ค. 2563 มีมูลค่าการส่งออก 502.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 16.7 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนจากการส่งออกสินค้าต้นน้ำอย่างด้ายและเส้นใยประดิษฐ์หดตัวร้อยละ 19.2 จากการส่งออกไปประเทศญี่ปุ่น จีน และเวียดนาม ส่วนสินค้ากลางน้ำอย่างผ้าผืนหดตัวร้อยละ 24.7 จากการส่งออกไปประเทศ CLMV บังคลาเทศ และสินค้าปลายน้ำอย่างเสื้อผ้าสำเร็จรูปหดตัว ร้อยละ 21.3 จากการส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น

อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำแท่ง)

ในเดือน ต.ค. 2563 มีมูลค่าการส่งออก 541.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 13.3 จากการส่งออกอัญมณีประเภทพลอยไปยังประเทศสหภาพยุโรป(27) สหรัฐอเมริกา เยอรมนี และอินเดีย การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับมีมูลค่าการส่งออก 769.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 17.9 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากการส่งออกทองคำแท่งที่ยังไม่ได้ขึ้นรูปมูลค่า 227.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 27.1 ไปยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี เป็นต้น

ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ