ก.อุตฯ เผยผลกระทบค่าเงินบาทอ่อนส่งผลบวกต่อ ศก. อุตฯไทยพร้อมแนะผู้ประกอบการบริหารความเสี่ยง ใช้วัตถุดิบทดแทนการนาเข้า

ข่าวเศรษฐกิจ Monday June 13, 2022 14:20 —สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

ก.อุตฯ เผยผลกระทบค่าเงินบาทอ่อนส่งผลบวกต่อ ศก. อุตฯไทย

พร้อมแนะผู้ประกอบการบริหารความเสี่ยง ใช้วัตถุดิบทดแทนการนาเข้า

กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสานักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เผยผลการศึกษาผลกระทบค่าเงินบาทอ่อนต่อการผลิตภาคอุตสาหกรรมไทย ชี้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงส่งให้เศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมไทยขยายตัว เป็นผลบวกต่อการส่งออกและผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่แท้จริง (RGDP) แม้ภาคอุตสาหกรรมจะได้รับผลกระทบจากราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น พร้อมแนะนาผู้ประกอบการให้ความสาคัญในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน บริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงใช้วัตถุดิบทางเลือกอื่นเพื่อทดแทนการนาเข้าวัตถุดิบหลัก

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า สานักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมได้ศึกษาผลกระทบค่าเงินบาทอ่อนต่อการผลิตภาคอุตสาหกรรมไทย โดยพบว่าสถานการณ์ค่าเงินบาทอ่อนค่าในปัจจุบัน (ณ วันที่ 7 มิ.ย. 2565 อยู่ที่ระดับ 34.46 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับวันที่ 30 ธ.ค. 2564 อยู่ที่ระดับ 33.38 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ) ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมโดยรวม เนื่องจากสถานการณ์ค่าเงินบาทอ่อนค่าเป็นบวกต่อการส่งออก ทาให้สินค้าไทยมีราคาถูกลงและสามารถส่งออกได้มากขึ้น แม้ว่าในภาคอุตสาหกรรมที่ต้องนาเข้าวัตถุดิบจะได้รับผลกระทบจากราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น แต่เมื่อพิจารณาโครงสร้างการผลิตอุตสาหกรรมพบว่า การอ่อนค่าของเงินบาทจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมต่าง ๆ แตกต่างกันตามสัดส่วนการนาเข้าวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลาง และสัดส่วนการส่งออกสินค้า โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนการนาเข้าวัตถุดิบน้อยและมีสัดส่วนการส่งออกมากจะเป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์

นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อานวยการสานักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า จากการวิเคราะห์ผลกระทบของการอ่อนค่าของเงินบาทโดยใช้แบบจาลองเศรษฐมิติมหภาค กรณีถ้าหากเงินบาท อ่อนค่าลงร้อยละ 5 ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่แท้จริง (RGDP) จะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.40 ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่แท้จริงภาคอุตสาหกรรมขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.35 มูลค่าการส่งออกเมื่อคิดเป็นสกุลเงินบาทจะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.14 มูลค่าการนาเข้าเมื่อคิดเป็นสกุลเงินบาทจะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.94 ด้านการบริโภคภาคเอกชนจะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.21 เนื่องจากผู้ประกอบการมีรายได้เพิ่มมากขึ้น การลงทุนภาคเอกชนจะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.31 และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะขยายตัวที่ร้อยละ 0.57

ทั้งนี้ จากการศึกษาข้อมูลปัจจัยการผลิตและผลผลิตสามารถแบ่งกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากการอ่อนค่าของเงินบาทแบ่งเป็น 4 กลุ่ม

กลุ่ม 1 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนการนาเข้าวัตถุดิบน้อยและมีสัดส่วนการส่งออกมาก เป็นกลุ่มที่มีการใช้วัตถุดิบในประเทศในการผลิตเป็นหลักและมีการส่งออกมาก ทาให้ได้รับประโยชน์จากรายรับที่สูงขึ้นมากกว่าผลเสียจากต้นทุนการนาเข้าสินค้าที่สูงขึ้น ได้แก่ ปลากระป๋อง ผลไม้กระป๋อง เม็ดพลาสติก ยางแผ่น ยางแท่ง ยางนอกและยางใน น้าตาล และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน (ไมโครเวฟ เตารีด และพัดลม)

กลุ่ม 2 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนการนาเข้าวัตถุดิบมากและมีสัดส่วนการส่งออกมาก เป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากรายรับที่สูงขึ้นจากการอ่อนค่าของเงินบาท แต่ก็ได้รับผลกระทบจากต้นทุนการนาเข้าวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน ได้แก่ แผงวงจรไฟฟ้า เคมีภัณฑ์อุปกรณ์การแพทย์ และเครื่องสาอาง

กลุ่ม 3 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนการนาเข้าวัตถุดิบน้อยและมีสัดส่วนการส่งออกน้อย เป็นกลุ่มที่มีการผลิตเพื่อจาหน่ายในประเทศเป็นส่วนใหญ่หรือไม่ได้พึ่งพิงตลาดส่งออกเป็นหลัก ประกอบกับการใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นส่วนใหญ่ จึงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ได้แก่ ยานยนต์ จักรยานยนต์ ยาสูบ เครื่องมือเครื่องใช้ในสานักงาน (เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า และคอมพิวเตอร์) ทอผ้า เครื่องแต่งกาย และเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์

กลุ่ม 4 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนการนาเข้ามากและสัดส่วนการส่งออกน้อย เป็นกลุ่มผู้นาเข้าหลักที่มีสัดส่วนการนาเข้าวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางเพื่อใช้ในการผลิตเป็นจานวนมาก จึงได้รับผลกระทบจากต้นทุนการนาเข้าสินค้าวัตถุดิบที่สูงขึ้นมากกว่าประโยชน์จากรายรับจากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ เหล็กแผ่น เหล็กเส้น ยารักษาโรค น้ามันดิบ และน้ามันสัตว์

?จากการวิเคราะห์ผลกระทบต่อการผลิตภาคอุตสาหกรรมรายสาขา พบว่ากลุ่มอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนการนาเข้าวัตถุดิบมากและมีสัดส่วนการส่งออกน้อยเป็นกลุ่มที่รับผลกระทบจากต้นทุนการนาเข้าสินค้าวัตถุดิบที่สูงมากกว่าจะได้รับประโยชน์จากรายรับของการส่งออกที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น ผู้ประกอบการในกลุ่มนี้ควรมีการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เหมาะสม เช่น การทาสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (Forward) การประกันค่าเงิน (Option) การซื้อขายเงินตราต่างประเทศผ่านตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) เป็นต้น รวมถึงควรมีการบริหารจัดการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ หาแหล่งทดแทนการนาเข้าพลังงานและการใช้วัตถุดิบอื่นที่เป็นทางเลือกเพื่อทดแทนการนาเข้าวัตถุดิบหลัก? นายทองชัย กล่าว

ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ