แท็ก
อุตสาหกรรม
สรุปประเด็นสำคัญ
ดัชนีอุตสาหกรรมของเดือนมกราคม 2551
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (มูลค่าเพิ่ม) = 184.39 ลดลงจากเดือนธันวาคม 2550 (185.52) ร้อยละ 0.6 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (164.53) ร้อยละ 0.6
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมที่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม 2550 ได้แก่ การผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ (Hard Disk Drive) การผลิตเครื่องเพชรพลอยและรูปพรรณ และของที่เกี่ยวข้อง การแปรรูปและการถนอมสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ การผลิตมอลต์ลิกเคอและมอลต์(เบียร์) การผลิตผลิตภัณฑ์ทางเภสัชกรรมเคมีภัณฑ์ที่ใช้รักษาโรค
- อัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ย = 68.15 เพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2550 (65.97) และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (65.12) ประเด็นเศรษฐกิจอุตสาหกรรมสำคัญในเดือนกุมภาพันธ์ 2551
- อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
- การผลิตและการส่งออกในเดือนกุมภาพันธ์ จะขยายตัวในทิศทางที่ดีขึ้นจากเดือนที่ผ่านมา
- ในตลาดสหภาพยุโรปคาดว่าสิ่งทอไทยจะส่งออกได้มากขึ้นเนื่องจากเครื่องนุ่งห่มจีนมีปัญหาสารเคมีปนเปื้อนสูง
- อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า
- สถานการณ์เหล็กในเดือนกุมภาพันธ์ จะขยายตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือนก่อน
- โดยในส่วนของการผลิตเหล็กทรงยาวคาดการณ์ว่าจะขยายตัวหลังจากคณะรัฐมนตรีอนุมัติมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เนื่องจากมาตรการดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นแรงซื้อและการลงทุนของประชาชนและภาคเอกชนให้เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจคส์ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
- ขณะที่เหล็กทรงแบน คาดการณ์ว่าจะขยายตัวขึ้นเล็กน้อยจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและความต้องการของตลาดโลกที่ยังคงมีอยู่
- อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
- ภาวะอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ประมาณการว่าจะปรับเพิ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 อันเนื่องมาจากสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งประมาณการจากแบบจำลองดัชนีชี้นำภาวะอุตสาหกรรมรายสาขาของสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.32
- เช่นเดียวกับภาวะอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า ประมาณการว่าจะปรับตัวสูงขึ้น ร้อยละ 9.99 เนื่องจากการปรับเพิ่มขึ้นของสินค้าหลักที่ส่งไปยังภูมิภาคอียู เช่น เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น ที่ประมาณการว่าจะปรับตัวขึ้นสูงร้อยละ 15 และ 2 ตามลำดับ
- อย่างไรก็ตาม สินค้าบางชนิด เช่น เครื่องรับโทรทัศน์สี ปรับตัวลดลง เนื่องจากสินค้าดังกล่าวไทยส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดหลัก ประกอบกับการถูกตัดจีเอสพีจนถึงเดือนมิถุนายน 2551 ทำให้คำสั่งซื้อในตลาดนี้ลดลง
สถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม(มูลค่าเพิ่ม)
ธ.ค. 50 = 185.52
ม.ค. 51 = 184.39
โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีลดลงได้แก่
- การผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ (Hard Disk Drive)
- การผลิตเครื่องเพชรพลอยและรูปพรรณและของที่เกี่ยวข้อง
- การแปรรูปและการถนอมสัตว์น้ำ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ
- อัตราการใช้กำลังการผลิต
ธ.ค. 50 = 65.97
ม.ค. 51 = 68.15
โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ได้แก่
- การผลิตยานยนต์
- การผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม
- การผลิตน้ำตาล
1.อุตสาหกรรมอาหาร
ภาวะการผลิตและการส่งออกของอุตสาหกรรมอาหารเดือนกุมภาพันธ์คาดว่าจะชะลอตัวลงจากเดือนก่อน สำหรับการจำหน่ายในประเทศมีแนวโน้มชะลอตัวลงจากระดับราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น
1. การผลิต
ภาวะการผลิตโดยรวม (ไม่รวมน้ำตาล) ชะลอตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ (-2.3) แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 1 แบ่งเป็น
กลุ่มสินค้าสำคัญที่อิงตลาดส่งออกเป็นหลัก เช่น สับปะรดกระป๋องมีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนร้อยละ 37 แต่ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 5.3 เนื่องจากค่าเงินบาทแข็งค่า ส่งผลต่อการชะลอรับคำสั่งซื้อ
กลุ่มสินค้าสำคัญที่อิงตลาดภายในประเทศ เช่น น้ำมันถั่วเหลืองและน้ำมันปาล์มมีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ร้อยละ 60.9 และ 4.4 เนื่องจากผลผลิตเพิ่มขึ้นและความต้องการใช้เพิ่มขึ้นสำหรับสินค้าน้ำตาลเป็นช่วงเปิดฤดูกาลหีบอ้อย ทำให้มีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและเดือนก่อนร้อยละ 8.1 และ80 ตามลำดับ
2. การตลาด
1) ตลาดในประเทศ สินค้าอาหารและเกษตร มีปริมาณจำหน่ายชะลอตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและเดือนก่อนร้อยละ 0.7 และ 2.2 เนื่องจากราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการจับจ่ายใช้สอย
2) ตลาดต่างประเทศ มูลค่าการส่งออกโดยรวมของอุตสาหกรรมอาหาร (ไม่รวมน้ำตาล) เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนร้อยละ 18.5 เนื่องจากเป็นช่วงที่ปริมาณคำสั่งซื้อจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่น สับปะรดกระป๋อง ปลาทูน่ากระป๋อง และไก่แปรรูปเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 46.2 46.3 และ 74.0 ตามลำดับ อย่างไรก็ตามผลจากการแข็งค่าของเงินบาทและมาตรการกีดกันทางการค้า ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกสินค้าอื่นๆ ของไทย เช่น กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งลดลงจากปีก่อนถึงร้อยละ 10.5
3. แนวโน้ม
คาดว่าการผลิตและการส่งออกจะชะลอจากเดือนก่อนเป็นผลจากปริมาณคำสั่งซื้อจากต่างประเทศที่ลดลง สำหรับการจำหน่ายสินค้าในประเทศจะมีแนวโน้มชะลอตัวจากแนวโน้มราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น
2. อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
...คาดว่าสิ่งทอไทยจะส่งออกได้มากขึ้นเนื่องจากเครื่องนุ่งห่มจีนมีปัญหาสารเคมีปนเปื้อนสูง...
1. การผลิต
การผลิตเส้นใยสิ่งทอฯ และเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ผลิตจากผ้าทอเดือนมกราคม ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 และ 6.9 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ขณะที่เสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ผลิตจากผ้าถักลดลงร้อยละ 2.2 แต่เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนการผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปทั้งที่ผลิตจากผ้าทอและผ้าถักเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.1 และ 7.4 ตามลำดับ ในขณะที่เส้นใยฯ มีการผลิตลดลง เนื่องจากมีการนำเข้าค่อนข้างมากผลสืบเนื่องจากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น โดยนำเข้าด้ายและเส้นใยฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 43.2
2. การตลาด
การจำหน่ายในประเทศผลิตภัณฑ์สิ่งทอเดือนมกราคมเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ได้แก่ เส้นใยฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5 เสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ผลิตจากผ้าทอ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.0 และ เสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ผลิตจากผ้าถัก เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.9 เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น การส่งออกผลิตภัณฑ์สิ่งทอเดือนมกราคม ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนร้อยละ 2.5 ผลิตภัณฑ์ที่ลดลง ได้แก่ เสื้อผ้าสำเร็จรูป ผ้าผืน เคหะสิ่งทอ เส้นใยประดิษฐ์ และผลิตภัณฑ์ผ้าอื่นๆ ลดลงร้อยละ 0.5, 4.3, 0.5 และ 21.2 แต่เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนผลิตภัณฑ์สิ่งทอส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.8 ซึ่งเพิ่มขึ้นในตลาดส่งออกหลัก ได้แก่สหรัฐอเมริกา อาเซียน สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น ร้อยละ 2.1, 16.0, 15.8 และ 47.4 ตามลำดับ
3. แนวโน้ม
คาดว่าการผลิตและการส่งออกจะขยายตัวในทิศทางที่ดีขึ้นจากเดือนที่ผ่านมา ทั้งตลาดสหภาพยุโรปที่คาดว่าสิ่งทอไทยจะส่งออกได้มากขึ้นเนื่องจากเครื่องนุ่งห่มจีนมีปัญหาสารเคมีปนเปื้อนสูง ตลาดญี่ปุ่น ได้รับผลดีจากความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น และตลาดอาเซียน ซึ่งสิ่งทอไทยมีขีดความสามารถที่จะตอบสนองได้ รวมทั้งตลาดใหม่อื่นๆ เช่น ตะวันออกกลาง และตลาดแอฟริกา เป็นต้น
3. อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า
ประเทศจีนประกาศมาตรการห้ามการส่งออกถ่านหินตั้งแต่ 21 มกราคม 2551 เนื่องจากภาวะขาดแคลนพลังงาน จึงจำเป็นต้องรักษาปริมาณถ่านหินไว้ให้เพียงพอกับความต้องการภายในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นโดยมาตรการดังกล่าวมีผลบังคับมากกว่า 6 สัปดาห์
1.การผลิต
ภาวะการผลิตของอุตสาหกรรมเหล็กในเดือนมกราคม 2551 มีอัตราการเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.61 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนนี้มีค่า 152.65 เมื่อพิจารณารายผลิตภัณฑ์ พบว่า เหล็กโครงสร้างรูปพรรณชนิดรีดร้อนมีการผลิตที่เพิ่มขึ้นมากที่สุด ร้อยละ 96.05 รองลงมาคือ เหล็กโครงสร้างรูปพรรณชนิดรีดเย็นเพิ่มขึ้น ร้อยละ 54.40 ผลิตภัณฑ์เหล็กทรงยาว ได้แก่ เหล็กเส้นข้ออ้อย เพิ่มขึ้น ร้อยละ 29.69 และ ลวดเหล็ก เพิ่มขึ้น ร้อยละ 25.03 เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูแล้งซึ่งเป็นช่วงที่ก่อสร้างได้สะดวก จึงทำให้มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้ผลิตขยายการผลิตขึ้น สำหรับผลิตภัณฑ์เหล็กทรงแบน ได้แก่ เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 31.69 และเหล็กแผ่นเคลือบโครเมียม เพิ่มขึ้น ร้อยละ 16.88 เนื่องจากมีคำสั่งซื้อเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับเมื่อเดือนที่แล้วผู้ผลิตลดการผลิตลงเพื่อรักษาระดับสินค้าคงคลังไม่ให้มีมากในช่วงปลายปี จึงทำให้การผลิตในเดือนนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การผลิตเพิ่มขึ้น ร้อยละ 5.81 โดยเหล็กทรงยาว ได้แก่ เหล็กเส้นข้ออ้อยและเหล็กลวด มีการผลิตที่เพิ่มขึ้น ร้อยละ 28.63 และ 17.80 สำหรับเหล็กทรงแบนมีการผลิตที่เพิ่มขึ้น ร้อยละ 2.80 โดยเหล็กแผ่นรีดเย็น เพิ่มขึ้น ร้อยละ19.21 แต่เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี ลดลง ร้อยละ 29.40
2.ราคาเหล็ก
การเปลี่ยนแปลงของราคาเหล็ก (FOB) โดยเฉลี่ยที่สำคัญในตลาด CIS ณ ท่าทะเลดำ(Black Sea) ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2551 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ราคาโดยเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์เหล็กที่สำคัญปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดย เหล็กแผ่นรีดร้อนเพิ่มขึ้น จาก 590 เป็น 711 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 20.55 เหล็กแผ่นรีดเย็นเพิ่มขึ้นจาก 665 เป็น 750 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 12.78 เหล็กเส้น เพิ่มขึ้นจาก 649 เป็น 726 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 11.90 เหล็กแท่งแบน เพิ่มขึ้นจาก 554 เป็น 615 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 11.01 เหล็กแท่งเล็กบิลเล็ตเพิ่มขึ้นจาก 608 เป็น 672 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 10.51 อย่างไรก็ตาม ราคาที่แสดงเป็นราคาที่ท่าเรือต้นทางยังไม่รวมค่าระวางเรือและค่าประกันภัย ซึ่งเมื่อมาถึงปลายทางราคาจะเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น ราคาเหล็กแท่งเล็กบิลเล็ตเมื่อมาถึงปลายทาง เช่นประเทศเวียดนาม ราคาอยู่ที่ 745-750 เหรียญต่อตัน ประเทศไทย ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย ราคาอยู่ที่ 730-735 เหรียญต่อตัน ราคาเหล็กม้วนรีดร้อนเกรดทั่วไปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่ที่ 810-820 เหรียญต่อตัน
3. แนวโน้ม
สถานการณ์เหล็กในเดือน ก.พ.2551 คาดว่าขยายตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือนก่อนโดยในส่วนของการผลิตเหล็กทรงยาวคาดการณ์ว่าจะขยายตัวหลังจากคณะรัฐมนตรีอนุมัติมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เนื่องจากมาตรการดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นแรงซื้อและการลงทุนของประชาชนและภาคเอกชนให้เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจคส์ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่เหล็กทรงแบน คาดการณ์ว่าจะขยายตัวขึ้นเล็กน้อยจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและความต้องการของตลาดโลกที่ยังคงมีอยู่
4. อุตสาหกรรมยานยนต์
รถยนต์
อุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนมกราคม 2551 ขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2550 ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของความต้องการทั้งจากตลาดในประเทศและตลาดส่งออก โดยมีข้อมูลสภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนมกราคมดังนี้
- การผลิตรถยนต์ จำนวน 108,129 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2550 ที่มีการผลิต 86,458 คัน ร้อยละ 25.07 โดยเป็นการผลิต เพิ่มขึ้นของรถยนต์นั่ง และรถยนต์กระบะ 1 ตัน และมีปริมาณการผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2550 ร้อยละ 2.96
- การจำหน่ายรถยนต์ จำนวน 45,431 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2550 ที่มีการจำหน่าย 38,643 คัน ร้อยละ 17.57 เนื่องจากมีการจำหน่ายรถยนต์นั่งโดยเฉพาะรถยนต์นั่งที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงประเภทเอทานอลไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 เป็นส่วนผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิง(E 20) เพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม ปริมาณการจำหน่ายเมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม 2550 ลดลงร้อยละ 29.40 ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ปิกอัพ 1 ตันและรถยนต์เพื่อการพาณิชย์อื่นๆ ลดลง
- การส่งออกรถยนต์ จำนวน 58,502 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2550 ที่มีการส่งออก 40,708 คัน ร้อยละ 43.71 โดยมี การส่งออกเพิ่มขึ้นทั้งรถยนต์นั่งและรถยนต์ปิกอัพ 1 ตัน โดยเฉพาะรถปิกอัพ 1 ตัน มีการส่งออกเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 32.62 ซึ่งมีการส่งออกไปทั่วโลกทั้งประเทศในยุโรป โอเชียเนีย ตะวันออกกลาง แต่ปริมาณการส่งออกเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนธันวาคม 2550 ลดลงร้อยละ 14.36
- แนวโน้ม ภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 คาดว่าจะขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมกราคม 2551 สำหรับการจำหน่ายในเดือนกุมภาพันธ์ประมาณการว่าจะมีการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศร้อยละ 42 และส่งออกร้อยละ 58
รถจักรยานยนต์
อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนมกราคม 2551 ชะลอตัวเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2550 โดยมีข้อมูลสภาวะอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนมกราคม ดังนี้
- การผลิตรถจักรยานยนต์ การผลิตรถจักรยานยนต์จำนวน 138,832 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม 2550 ซึ่งมีการผลิต 160,630 คัน ร้อยละ 13.57 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2550 ร้อยละ 4.35
- การจำหน่ายรถจักรยานยนต์ จำนวน 143,207 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม 2550 ซึ่งมีการจำหน่าย 150,685 คัน ร้อยละ 4.96 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2550 ร้อยละ 38.74
- การส่งออกรถจักรยานยนต์ (CBU) มีจำนวน 9,423 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2550 ซึ่งมีการส่งออก 3,653 คัน ร้อยละ 157.95 เนื่องจากมีปริมาณความต้องการจากต่างประเทศซึ่งเป็นตลาดเดิมเพิ่มขึ้น ประกอบกับช่วงปีที่แล้วมีการชะลอการส่งออกรถจักรยานยนต์รุ่นเดิม เพื่อเตรียมการส่งออกรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ที่มีคุณภาพสอดคล้องกับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ใหม่ของยุโรป แต่ปริมาณการส่งออกเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนธันวาคม 2550 ลดลงร้อยละ 3.32
- แนวโน้ม ภาวะอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 คาดว่าจะทรงตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมกราคม 2551
5.อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์
“การจำหน่ายปูนซีเมนต์เริ่มฟื้นตัวขึ้น เป็นผลมาจากอยู่ในช่วงฤดูกาลก่อสร้าง ประกอบกับความเชื่อมั่นในการบริโภคและการลงทุนเพิ่มขึ้นหลังการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ สำหรับการส่งออกชะลอตัวลงเนื่องจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นตลาดหลักยังคงชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องตามธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในภาวะถดถอย”
1.การผลิตและการจำหน่ายในประเทศ
ปริมาณการผลิตปูนซีเมนต์ เดือนมกราคม 2551 ลดลงร้อยละ 1.40 ในขณะที่ปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.09 และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ปริมาณการผลิตและปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศลดลงร้อยละ 5.23 และ 5.41 ปริมาณการจำหน่ายในประเทศที่เริ่มฟื้นตัวขึ้น เป็นผลมาจากอยู่ในช่วงฤดูกาลก่อสร้าง ประกอบกับความเชื่อมั่นในการบริโภคและการลงทุนเพิ่มขึ้นหลังการจัดตั้งรัฐบาลใหม่
2.การส่งออก
มูลค่าการส่งออกปูนซีเมนต์เดือนมกราคม 2551 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ลดลงร้อยละ 5.43 เนื่องจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นตลาดหลักยังคงชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ตามธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในภาวะถดถอย แต่เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 34.03
3.แนวโน้ม
การผลิตและการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศในเดือนกุมภาพันธ์ และเดือนมีนาคม 2551 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากอยู่ในช่วงฤดูกาลก่อสร้าง ประกอบกับความเชื่อมั่นในการบริโภคและการลงทุนฟื้นตัวขึ้นหลังการจัดตั้งรัฐบาลใหม่แต่ปัจจัยเสี่ยงในด้านราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นยังเป็นตัวแปรสำคัญที่จะมีผลต่อการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ สำหรับการส่งออกคาดว่าจะยังขยายตัวได้ดี เนื่องจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ของประเทศเพื่อนบ้านในแถบอาเซียนและเอเชียใต้รวมทั้งในตลาดใหม่ เช่น ตะวันออกกลาง ยุโรป ละตินอเมริกา และแอฟริกายังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
6. อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
- ภาวะอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ประมาณการว่าจะปรับเพิ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 อันเนื่องมาจากสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งประมาณการจากแบบจำลองดัชนีชี้นำภาวะอุตสาหกรรมรายสาขาของสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.32
- เช่นเดียวกับภาวะอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า ประมาณการว่าจะปรับตัวสูงขึ้น ร้อยละ 9.99 เนื่องจากการปรับเพิ่มขึ้นของสินค้าหลักที่ส่งไปยังภูมิภาคอียู เช่น เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น ที่ประมาณการว่าจะปรับตัวขึ้นสูงร้อยละ 15 และ 2 ตามลำดับ
ตารางที่1 สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์หลักที่มีมูลค่าการส่งออกมากเป็นอันดับต้นๆ ในเดือน ม.ค. 2551
เครื่องใช้ไฟฟ้า/อิเล็กทรอนิกส์ มูลค่า CPM CPY
อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ 1,505.00 -1.75 60.13
IC 608.85 -11.51 3.28
เครื่องปรับอากาศ 268.13 43.15 19.29
เครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้า 128.27 -9.29 20.21
รวมเครื่องใช้ไฟฟ้า
และอิเล็กทรอนิกส์ 3,886.06 -5.09 28.02
1.การผลิต
ภาพรวม ภาวะการผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของเดือนมกราคม 2551 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อน โดยดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 326.06 ลดลงร้อยละ 8.15 และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 31.80 เป็นผลจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 38.82 โดยสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้แก่ HDD/Other IC เป็นต้น
สำหรับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยมีดัชนีอยู่ที่ระดับ 457.78 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 10.74 และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 38.82 เป็นผลจากการเพิ่ม HDD และ Other IC เพิ่มขึ้น 43.46% และ 33.44% เนื่องจากภาวะความต้องการของตลาดโลกของสินค้าเทคโนโลยีค่อนข้างสูงแต่ภาวะการแข่งขันของชิ้นส่วนค่อนข้างสูงเช่นกัน จึงทำให้ราคาลดลงอย่างรวดเร็ว ประกอบกับเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปควบคู่กันไปด้วย สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลาย และผสมผสานฟังก์ชันต่างๆในเครื่อง เดียวกันทำให้ราคาสินค้าสำเร็จรูปปรับตัวสูงขึ้น
2. การตลาด
มูลค่าการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เดือนมกราคม 2551 มีมูลค่าส่งออก 3,886.06 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ร้อยละ 5.09 ขณะที่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 28.02
สำหรับมูลค่าการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เดือนมกราคม 2551 มีมูลค่า 2,514.70 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนร้อยละ 6.22 ขณะที่เมื่อเทียบกับชว่ งเวลาเดียวกันของปกี อนปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.37 เนื่องจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของมูลค่าการส่งออกอุปกรณ์ประกอบของเครื่องคอมพิวเตอร์และ IC ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1,505.00 และ 608.85 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามลำดับ
3. แนวโน้ม
ภาวะอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ประมาณการว่าจะปรับเพิ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 อันเนื่องมาจากสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งประมาณการจากแบบจำลองดัชนีชี้นำภาวะอุตสาหกรรมรายสาขาของสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 32 โดยชิ้นส่วนที่สำคัญในกลุ่มผลิตภัณฑ์นี้ ได้แก่ การปรับตัวเพิ่มขึ้นของ HDD ร้อยละ 41 และ IC ที่ประมาณการว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 10
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (มูลค่าเพิ่ม) ในเดือนมกราคม 2551 มีค่า 184.39 ลดลงจากเดือนธันวาคม 2550 (185.52) ร้อยละ 0.6 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (164.53) ร้อยละ 12.1
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมลดลงจากเดือนธันวาคม 2550 ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ (Hard Disk Drive) อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องเพชรพลอยและรูปพรรณ และของที่เกี่ยวข้องอุตสาหกรรมการแปรรูปและการถนอมสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ อุตสาหกรรมการผลิตมอลต์ลิกเคอและมอลต์(เบียร์) อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ทางเภสัชกรรมเคมีภัณฑ์ที่ใช้รักษาโรค เป็นต้น
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ(Hard Disk Drive) อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องแต่งกายยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์ อุตสาหกรรมการผลิตหลอดอิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมการผลิตมอลต์ลิกเคอและมอลต์ (เบียร์) เป็นต้น
- อัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนมกราคม 2551 มีค่า 68.15 เพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2550 (67.99) และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (65.12)
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2550 ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม อุตสาหกรรมการผลิตน้ำตาล อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ รวมทั้งน้ำดื่มบรรจุขวด อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ยางอื่นๆ เป็นต้น
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ (Hard Disk Drive) อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องแต่งกาย ยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์ อุตสาหกรรมการผลิตเม็ดพลาสติก อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องรับโทรทัศน์และวิทยุ และสินค้าที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น
สถานภาพการประกอบกิจการอุตสาหกรรมเดือนมกราคม 2551
- ภาวะการประกอบกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนมกราคม 2551 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนธันวาคม 2550 มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการจำนวน 314 ราย เพิ่มขึ้นในจำนวนที่มากกว่าเดือนธันวาคม 2550 ซึ่งมีโรงงานเริ่มประกอบกิจการจำนวน 277 รายหรือมากกว่าร้อยละ 13.36 และการจ้างงานรวม มีจำนวน 8,749 คน เพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2550 ที่มีจำนวนการจ้างงาน 6,859 คน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.56 แต่ในส่วนของจำนวนเงินลงทุน มียอดเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 7,507.36 ล้านบาท ลดลงจากเดือนธันวาคม 2550 ซึ่งมีการลงทุน 9,391.94 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ -20.07
- ภาวะการประกอบกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนมกราคม 2551 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการเพิ่มขึ้นในจำนวนที่น้อยกว่าเดือนมกราคม 2550 ซึ่งมีโรงงานเริ่มประกอบกิจการจำนวน 337 ราย หรือคิดเป็นจำนวนน้อยกว่าร้อยละ -6.82 แต่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2550 ที่มีจำนวนการจ้างงาน 7,881 คน ร้อยละ 11.01 และใน ส่วนของจำนวนเงินลงทุนเพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2550 ซึ่งมีการลงทุน 7,066.93 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.23
- อุตสาหกรรมที่มีจำนวนโรงงานเริ่มประกอบกิจการมากที่สุดในเดือนมกราคม 2551 คืออุตสาหกรรมคัดแยกหรือฝังกลบสิ่งปฎิกูล หรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว จำนวน 26 ราย รองลงมาคือ อุตสาหกรรมขุดหรือลอก กรวด ทรายหรือดิน จำนวน 25 ราย
- อุตสาหกรรมที่เริ่มประกอบกิจการโดยมีการลงทุนสูงสุดในเดือนมกราคม 2551 คือ อุตสาหกรรมผลิต ส่ง หรือจำหน่ายพลังงานไฟฟ้า มีเงินทุน 1,689.09 ล้านบาท รองลงมาคือ อุตสาหกรรมผลิตกระเบื้องเคลือบ เครื่องปั้นดินเผา เครื่องดินเผา มีเงินทุน 573.38 ล้านบาท
- อุตสาหกรรมที่เริ่มประกอบกิจการและมีการจ้างงานสูงสุดในเดือนมกราคม 2551 คืออุตสาหกรรมตัดเย็บเครื่องนุ่งห่ม ผ้าเช็ดหน้า เนกไท ถุงมือ ถุงเท้าจากผ้า หนังสัตว์คนงาน 1,547 คน รองลงมาคือ อุตสาหกรรมผลิตกระเบื้องเคลือบ เครื่องปั้นดินเผาเครื่องดินเผา คนงาน 630 คน
- ภาวะการเลิกกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนมกราคม 2551 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนธันวาคม 2550 มีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 175 ราย มากกว่าเดือนธันวาคม 2550 ซึ่งมีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 87 ราย คิดเป็นร้อยละ 101.15 แต่ในส่วนของเงินทุนมีจำนวน 1,518.05 ล้านบาท น้อยกว่าเดือนธันวาคม 2550 ที่การเลิกกิจการคิดเป็นเงินทุน 2,029.97 ล้านบาท และการเลิกจ้างงานมีจำนวน 4,000 คน น้อยกว่าเดือนธันวาคม 2550 ซึ่งเลิกจ้างงานจำนวน 4,707 คน
- ภาวะการเลิกกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนมกราคม 2550 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการมากกว่าเดือนมกราคม 2550 ซึ่งมีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 157 รายคิดเป็นร้อยละ 11.46 และมีการเลิกจ้างงานมากกว่าเดือนมกราคม 2550 ที่การเลิกจ้างงานมีจำนวน 2,652 คน แต่ในส่วนของเงินทุนของการเลิกกิจการน้อยกว่าเดือนมกราคม 2550 ที่การเลิกกิจการคิดเป็นเงินทุน 1,817.53 ล้านบาท
- อุตสาหกรรมที่มีจำนวนโรงงานเลิกกิจการมากที่สุดในเดือนมกราคม 2551 คืออุตสาหกรรมทำผลิตภัณฑ์คอนกรีต คอนกรีตผสม ผลิตภัณฑ์ยิมซั่ม ปูนปลาสเตอร์จำนวน 18 ราย รองลงมาคือ อุตสาหกรรมกลึง เจาะ คว้าน กัด ไส เจียน เชื่อมโลหะทั่วไป จำนวน 14 ราย
- อุตสาหกรรมที่เลิกประกอบกิจการโดยที่มีเงินลงทุนสูงสุดในเดือนมกราคม 2551 คืออุตสาหกรรมกลึง เจาะ คว้าน กัด ไส เจียน เชื่อมโลหะทั่วไป เงินทุน 200.66 ล้านบาท รองลงมาคือ อุตสาหกรรมทำผลิตภัณฑ์คอนกรีต คอนกรีตผสม ผลิตภัณฑ์ยิมซั่ม ปูนปลาสเตอร์ เงินทุน 196.71 ล้านบาท
- อุตสาหกรรมที่เลิกประกอบกิจการและจำนวนคนงานสูงสุดในเดือนมกราคม 2551 คือ อุตสาหกรรมตัดเย็บเครื่องนุ่งห่ม ผ้าเช็ดหน้า เนกไท ถุงมือ ถุงเท้าจากผ้า หนังสัตว์ คนงาน 1,037 คน รองลงมาคือ อุตสาหกรรมทำเครื่องมือเครื่องใช้ เครื่องเรือนเครื่องประดับจากพลาสติก คนงาน 373 คน
- ภาวะการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) ในเดือนมกราคม 2551 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนธันวาคม 2550 มีจำนวนโครงการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจาก สกท. ทั้งสิ้น 122 โครงการ มากกว่าเดือนธันวาคม 2550 ที่มีจำนวน 101 โครงการ ร้อยละ 20.79 แต่มีเงินลงทุน 35,000 ล้านบาท น้อยกว่าเดือนธันวาคม 2550 ที่มีเงินลงทุน 78,300 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ -55.30
- ภาวะการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) ในเดือนมกราคม 2551 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีจำนวนโครงการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจาก สกท.น้อยกว่าเดือนมกราคม 2550 ที่มีจำนวน 129 โครงการ ร้อยละ -5.43 และมีเงินลงทุนน้อยกว่าเดือนมกราคม 2550 ที่มีเงินลงทุน 39,900 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ -12.28
- การกระจายหุ้นของโครงการที่ได้รับการอนุมัติให้การส่งเสริมในเดือนมกราคม 2551
การร่วมทุน จำนวน(โครงการ) มูลค่าเงินลงทุน(ล้านบาท)
1.โครงการคนไทย 100% 43 9,700
2.โครงการต่างชาติ 100% 53 21,200
3.โครงการร่วมทุนไทยและต่างชาติ 26 4,100
- ประเภทกิจการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนมากที่สุดในเดือนมกราคม 2551 คือ หมวดเคมี กระดาษ และพลาสติก มีมูลค่าเงินลงทุนรวม 14,100 ล้านบาท รองลงมา คือ หมวดผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง มีมูลค่าเงินลงทุนรวม 8,300 ล้านบาท
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--
-พห-
ดัชนีอุตสาหกรรมของเดือนมกราคม 2551
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (มูลค่าเพิ่ม) = 184.39 ลดลงจากเดือนธันวาคม 2550 (185.52) ร้อยละ 0.6 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (164.53) ร้อยละ 0.6
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมที่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม 2550 ได้แก่ การผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ (Hard Disk Drive) การผลิตเครื่องเพชรพลอยและรูปพรรณ และของที่เกี่ยวข้อง การแปรรูปและการถนอมสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ การผลิตมอลต์ลิกเคอและมอลต์(เบียร์) การผลิตผลิตภัณฑ์ทางเภสัชกรรมเคมีภัณฑ์ที่ใช้รักษาโรค
- อัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ย = 68.15 เพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2550 (65.97) และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (65.12) ประเด็นเศรษฐกิจอุตสาหกรรมสำคัญในเดือนกุมภาพันธ์ 2551
- อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
- การผลิตและการส่งออกในเดือนกุมภาพันธ์ จะขยายตัวในทิศทางที่ดีขึ้นจากเดือนที่ผ่านมา
- ในตลาดสหภาพยุโรปคาดว่าสิ่งทอไทยจะส่งออกได้มากขึ้นเนื่องจากเครื่องนุ่งห่มจีนมีปัญหาสารเคมีปนเปื้อนสูง
- อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า
- สถานการณ์เหล็กในเดือนกุมภาพันธ์ จะขยายตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือนก่อน
- โดยในส่วนของการผลิตเหล็กทรงยาวคาดการณ์ว่าจะขยายตัวหลังจากคณะรัฐมนตรีอนุมัติมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เนื่องจากมาตรการดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นแรงซื้อและการลงทุนของประชาชนและภาคเอกชนให้เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจคส์ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
- ขณะที่เหล็กทรงแบน คาดการณ์ว่าจะขยายตัวขึ้นเล็กน้อยจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและความต้องการของตลาดโลกที่ยังคงมีอยู่
- อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
- ภาวะอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ประมาณการว่าจะปรับเพิ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 อันเนื่องมาจากสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งประมาณการจากแบบจำลองดัชนีชี้นำภาวะอุตสาหกรรมรายสาขาของสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.32
- เช่นเดียวกับภาวะอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า ประมาณการว่าจะปรับตัวสูงขึ้น ร้อยละ 9.99 เนื่องจากการปรับเพิ่มขึ้นของสินค้าหลักที่ส่งไปยังภูมิภาคอียู เช่น เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น ที่ประมาณการว่าจะปรับตัวขึ้นสูงร้อยละ 15 และ 2 ตามลำดับ
- อย่างไรก็ตาม สินค้าบางชนิด เช่น เครื่องรับโทรทัศน์สี ปรับตัวลดลง เนื่องจากสินค้าดังกล่าวไทยส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดหลัก ประกอบกับการถูกตัดจีเอสพีจนถึงเดือนมิถุนายน 2551 ทำให้คำสั่งซื้อในตลาดนี้ลดลง
สถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม(มูลค่าเพิ่ม)
ธ.ค. 50 = 185.52
ม.ค. 51 = 184.39
โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีลดลงได้แก่
- การผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ (Hard Disk Drive)
- การผลิตเครื่องเพชรพลอยและรูปพรรณและของที่เกี่ยวข้อง
- การแปรรูปและการถนอมสัตว์น้ำ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ
- อัตราการใช้กำลังการผลิต
ธ.ค. 50 = 65.97
ม.ค. 51 = 68.15
โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ได้แก่
- การผลิตยานยนต์
- การผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม
- การผลิตน้ำตาล
1.อุตสาหกรรมอาหาร
ภาวะการผลิตและการส่งออกของอุตสาหกรรมอาหารเดือนกุมภาพันธ์คาดว่าจะชะลอตัวลงจากเดือนก่อน สำหรับการจำหน่ายในประเทศมีแนวโน้มชะลอตัวลงจากระดับราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น
1. การผลิต
ภาวะการผลิตโดยรวม (ไม่รวมน้ำตาล) ชะลอตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ (-2.3) แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 1 แบ่งเป็น
กลุ่มสินค้าสำคัญที่อิงตลาดส่งออกเป็นหลัก เช่น สับปะรดกระป๋องมีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนร้อยละ 37 แต่ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 5.3 เนื่องจากค่าเงินบาทแข็งค่า ส่งผลต่อการชะลอรับคำสั่งซื้อ
กลุ่มสินค้าสำคัญที่อิงตลาดภายในประเทศ เช่น น้ำมันถั่วเหลืองและน้ำมันปาล์มมีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ร้อยละ 60.9 และ 4.4 เนื่องจากผลผลิตเพิ่มขึ้นและความต้องการใช้เพิ่มขึ้นสำหรับสินค้าน้ำตาลเป็นช่วงเปิดฤดูกาลหีบอ้อย ทำให้มีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและเดือนก่อนร้อยละ 8.1 และ80 ตามลำดับ
2. การตลาด
1) ตลาดในประเทศ สินค้าอาหารและเกษตร มีปริมาณจำหน่ายชะลอตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและเดือนก่อนร้อยละ 0.7 และ 2.2 เนื่องจากราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการจับจ่ายใช้สอย
2) ตลาดต่างประเทศ มูลค่าการส่งออกโดยรวมของอุตสาหกรรมอาหาร (ไม่รวมน้ำตาล) เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนร้อยละ 18.5 เนื่องจากเป็นช่วงที่ปริมาณคำสั่งซื้อจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่น สับปะรดกระป๋อง ปลาทูน่ากระป๋อง และไก่แปรรูปเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 46.2 46.3 และ 74.0 ตามลำดับ อย่างไรก็ตามผลจากการแข็งค่าของเงินบาทและมาตรการกีดกันทางการค้า ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกสินค้าอื่นๆ ของไทย เช่น กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งลดลงจากปีก่อนถึงร้อยละ 10.5
3. แนวโน้ม
คาดว่าการผลิตและการส่งออกจะชะลอจากเดือนก่อนเป็นผลจากปริมาณคำสั่งซื้อจากต่างประเทศที่ลดลง สำหรับการจำหน่ายสินค้าในประเทศจะมีแนวโน้มชะลอตัวจากแนวโน้มราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น
2. อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
...คาดว่าสิ่งทอไทยจะส่งออกได้มากขึ้นเนื่องจากเครื่องนุ่งห่มจีนมีปัญหาสารเคมีปนเปื้อนสูง...
1. การผลิต
การผลิตเส้นใยสิ่งทอฯ และเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ผลิตจากผ้าทอเดือนมกราคม ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 และ 6.9 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ขณะที่เสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ผลิตจากผ้าถักลดลงร้อยละ 2.2 แต่เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนการผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปทั้งที่ผลิตจากผ้าทอและผ้าถักเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.1 และ 7.4 ตามลำดับ ในขณะที่เส้นใยฯ มีการผลิตลดลง เนื่องจากมีการนำเข้าค่อนข้างมากผลสืบเนื่องจากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น โดยนำเข้าด้ายและเส้นใยฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 43.2
2. การตลาด
การจำหน่ายในประเทศผลิตภัณฑ์สิ่งทอเดือนมกราคมเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ได้แก่ เส้นใยฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5 เสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ผลิตจากผ้าทอ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.0 และ เสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ผลิตจากผ้าถัก เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.9 เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น การส่งออกผลิตภัณฑ์สิ่งทอเดือนมกราคม ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนร้อยละ 2.5 ผลิตภัณฑ์ที่ลดลง ได้แก่ เสื้อผ้าสำเร็จรูป ผ้าผืน เคหะสิ่งทอ เส้นใยประดิษฐ์ และผลิตภัณฑ์ผ้าอื่นๆ ลดลงร้อยละ 0.5, 4.3, 0.5 และ 21.2 แต่เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนผลิตภัณฑ์สิ่งทอส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.8 ซึ่งเพิ่มขึ้นในตลาดส่งออกหลัก ได้แก่สหรัฐอเมริกา อาเซียน สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น ร้อยละ 2.1, 16.0, 15.8 และ 47.4 ตามลำดับ
3. แนวโน้ม
คาดว่าการผลิตและการส่งออกจะขยายตัวในทิศทางที่ดีขึ้นจากเดือนที่ผ่านมา ทั้งตลาดสหภาพยุโรปที่คาดว่าสิ่งทอไทยจะส่งออกได้มากขึ้นเนื่องจากเครื่องนุ่งห่มจีนมีปัญหาสารเคมีปนเปื้อนสูง ตลาดญี่ปุ่น ได้รับผลดีจากความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น และตลาดอาเซียน ซึ่งสิ่งทอไทยมีขีดความสามารถที่จะตอบสนองได้ รวมทั้งตลาดใหม่อื่นๆ เช่น ตะวันออกกลาง และตลาดแอฟริกา เป็นต้น
3. อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า
ประเทศจีนประกาศมาตรการห้ามการส่งออกถ่านหินตั้งแต่ 21 มกราคม 2551 เนื่องจากภาวะขาดแคลนพลังงาน จึงจำเป็นต้องรักษาปริมาณถ่านหินไว้ให้เพียงพอกับความต้องการภายในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นโดยมาตรการดังกล่าวมีผลบังคับมากกว่า 6 สัปดาห์
1.การผลิต
ภาวะการผลิตของอุตสาหกรรมเหล็กในเดือนมกราคม 2551 มีอัตราการเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.61 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนนี้มีค่า 152.65 เมื่อพิจารณารายผลิตภัณฑ์ พบว่า เหล็กโครงสร้างรูปพรรณชนิดรีดร้อนมีการผลิตที่เพิ่มขึ้นมากที่สุด ร้อยละ 96.05 รองลงมาคือ เหล็กโครงสร้างรูปพรรณชนิดรีดเย็นเพิ่มขึ้น ร้อยละ 54.40 ผลิตภัณฑ์เหล็กทรงยาว ได้แก่ เหล็กเส้นข้ออ้อย เพิ่มขึ้น ร้อยละ 29.69 และ ลวดเหล็ก เพิ่มขึ้น ร้อยละ 25.03 เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูแล้งซึ่งเป็นช่วงที่ก่อสร้างได้สะดวก จึงทำให้มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้ผลิตขยายการผลิตขึ้น สำหรับผลิตภัณฑ์เหล็กทรงแบน ได้แก่ เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 31.69 และเหล็กแผ่นเคลือบโครเมียม เพิ่มขึ้น ร้อยละ 16.88 เนื่องจากมีคำสั่งซื้อเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับเมื่อเดือนที่แล้วผู้ผลิตลดการผลิตลงเพื่อรักษาระดับสินค้าคงคลังไม่ให้มีมากในช่วงปลายปี จึงทำให้การผลิตในเดือนนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การผลิตเพิ่มขึ้น ร้อยละ 5.81 โดยเหล็กทรงยาว ได้แก่ เหล็กเส้นข้ออ้อยและเหล็กลวด มีการผลิตที่เพิ่มขึ้น ร้อยละ 28.63 และ 17.80 สำหรับเหล็กทรงแบนมีการผลิตที่เพิ่มขึ้น ร้อยละ 2.80 โดยเหล็กแผ่นรีดเย็น เพิ่มขึ้น ร้อยละ19.21 แต่เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี ลดลง ร้อยละ 29.40
2.ราคาเหล็ก
การเปลี่ยนแปลงของราคาเหล็ก (FOB) โดยเฉลี่ยที่สำคัญในตลาด CIS ณ ท่าทะเลดำ(Black Sea) ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2551 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ราคาโดยเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์เหล็กที่สำคัญปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดย เหล็กแผ่นรีดร้อนเพิ่มขึ้น จาก 590 เป็น 711 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 20.55 เหล็กแผ่นรีดเย็นเพิ่มขึ้นจาก 665 เป็น 750 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 12.78 เหล็กเส้น เพิ่มขึ้นจาก 649 เป็น 726 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 11.90 เหล็กแท่งแบน เพิ่มขึ้นจาก 554 เป็น 615 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 11.01 เหล็กแท่งเล็กบิลเล็ตเพิ่มขึ้นจาก 608 เป็น 672 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 10.51 อย่างไรก็ตาม ราคาที่แสดงเป็นราคาที่ท่าเรือต้นทางยังไม่รวมค่าระวางเรือและค่าประกันภัย ซึ่งเมื่อมาถึงปลายทางราคาจะเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น ราคาเหล็กแท่งเล็กบิลเล็ตเมื่อมาถึงปลายทาง เช่นประเทศเวียดนาม ราคาอยู่ที่ 745-750 เหรียญต่อตัน ประเทศไทย ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย ราคาอยู่ที่ 730-735 เหรียญต่อตัน ราคาเหล็กม้วนรีดร้อนเกรดทั่วไปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่ที่ 810-820 เหรียญต่อตัน
3. แนวโน้ม
สถานการณ์เหล็กในเดือน ก.พ.2551 คาดว่าขยายตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือนก่อนโดยในส่วนของการผลิตเหล็กทรงยาวคาดการณ์ว่าจะขยายตัวหลังจากคณะรัฐมนตรีอนุมัติมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เนื่องจากมาตรการดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นแรงซื้อและการลงทุนของประชาชนและภาคเอกชนให้เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจคส์ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่เหล็กทรงแบน คาดการณ์ว่าจะขยายตัวขึ้นเล็กน้อยจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและความต้องการของตลาดโลกที่ยังคงมีอยู่
4. อุตสาหกรรมยานยนต์
รถยนต์
อุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนมกราคม 2551 ขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2550 ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของความต้องการทั้งจากตลาดในประเทศและตลาดส่งออก โดยมีข้อมูลสภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนมกราคมดังนี้
- การผลิตรถยนต์ จำนวน 108,129 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2550 ที่มีการผลิต 86,458 คัน ร้อยละ 25.07 โดยเป็นการผลิต เพิ่มขึ้นของรถยนต์นั่ง และรถยนต์กระบะ 1 ตัน และมีปริมาณการผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2550 ร้อยละ 2.96
- การจำหน่ายรถยนต์ จำนวน 45,431 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2550 ที่มีการจำหน่าย 38,643 คัน ร้อยละ 17.57 เนื่องจากมีการจำหน่ายรถยนต์นั่งโดยเฉพาะรถยนต์นั่งที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงประเภทเอทานอลไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 เป็นส่วนผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิง(E 20) เพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม ปริมาณการจำหน่ายเมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม 2550 ลดลงร้อยละ 29.40 ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ปิกอัพ 1 ตันและรถยนต์เพื่อการพาณิชย์อื่นๆ ลดลง
- การส่งออกรถยนต์ จำนวน 58,502 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2550 ที่มีการส่งออก 40,708 คัน ร้อยละ 43.71 โดยมี การส่งออกเพิ่มขึ้นทั้งรถยนต์นั่งและรถยนต์ปิกอัพ 1 ตัน โดยเฉพาะรถปิกอัพ 1 ตัน มีการส่งออกเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 32.62 ซึ่งมีการส่งออกไปทั่วโลกทั้งประเทศในยุโรป โอเชียเนีย ตะวันออกกลาง แต่ปริมาณการส่งออกเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนธันวาคม 2550 ลดลงร้อยละ 14.36
- แนวโน้ม ภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 คาดว่าจะขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมกราคม 2551 สำหรับการจำหน่ายในเดือนกุมภาพันธ์ประมาณการว่าจะมีการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศร้อยละ 42 และส่งออกร้อยละ 58
รถจักรยานยนต์
อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนมกราคม 2551 ชะลอตัวเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2550 โดยมีข้อมูลสภาวะอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนมกราคม ดังนี้
- การผลิตรถจักรยานยนต์ การผลิตรถจักรยานยนต์จำนวน 138,832 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม 2550 ซึ่งมีการผลิต 160,630 คัน ร้อยละ 13.57 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2550 ร้อยละ 4.35
- การจำหน่ายรถจักรยานยนต์ จำนวน 143,207 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม 2550 ซึ่งมีการจำหน่าย 150,685 คัน ร้อยละ 4.96 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2550 ร้อยละ 38.74
- การส่งออกรถจักรยานยนต์ (CBU) มีจำนวน 9,423 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2550 ซึ่งมีการส่งออก 3,653 คัน ร้อยละ 157.95 เนื่องจากมีปริมาณความต้องการจากต่างประเทศซึ่งเป็นตลาดเดิมเพิ่มขึ้น ประกอบกับช่วงปีที่แล้วมีการชะลอการส่งออกรถจักรยานยนต์รุ่นเดิม เพื่อเตรียมการส่งออกรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ที่มีคุณภาพสอดคล้องกับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ใหม่ของยุโรป แต่ปริมาณการส่งออกเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนธันวาคม 2550 ลดลงร้อยละ 3.32
- แนวโน้ม ภาวะอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 คาดว่าจะทรงตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมกราคม 2551
5.อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์
“การจำหน่ายปูนซีเมนต์เริ่มฟื้นตัวขึ้น เป็นผลมาจากอยู่ในช่วงฤดูกาลก่อสร้าง ประกอบกับความเชื่อมั่นในการบริโภคและการลงทุนเพิ่มขึ้นหลังการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ สำหรับการส่งออกชะลอตัวลงเนื่องจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นตลาดหลักยังคงชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องตามธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในภาวะถดถอย”
1.การผลิตและการจำหน่ายในประเทศ
ปริมาณการผลิตปูนซีเมนต์ เดือนมกราคม 2551 ลดลงร้อยละ 1.40 ในขณะที่ปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.09 และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ปริมาณการผลิตและปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศลดลงร้อยละ 5.23 และ 5.41 ปริมาณการจำหน่ายในประเทศที่เริ่มฟื้นตัวขึ้น เป็นผลมาจากอยู่ในช่วงฤดูกาลก่อสร้าง ประกอบกับความเชื่อมั่นในการบริโภคและการลงทุนเพิ่มขึ้นหลังการจัดตั้งรัฐบาลใหม่
2.การส่งออก
มูลค่าการส่งออกปูนซีเมนต์เดือนมกราคม 2551 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ลดลงร้อยละ 5.43 เนื่องจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นตลาดหลักยังคงชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ตามธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในภาวะถดถอย แต่เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 34.03
3.แนวโน้ม
การผลิตและการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศในเดือนกุมภาพันธ์ และเดือนมีนาคม 2551 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากอยู่ในช่วงฤดูกาลก่อสร้าง ประกอบกับความเชื่อมั่นในการบริโภคและการลงทุนฟื้นตัวขึ้นหลังการจัดตั้งรัฐบาลใหม่แต่ปัจจัยเสี่ยงในด้านราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นยังเป็นตัวแปรสำคัญที่จะมีผลต่อการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ สำหรับการส่งออกคาดว่าจะยังขยายตัวได้ดี เนื่องจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ของประเทศเพื่อนบ้านในแถบอาเซียนและเอเชียใต้รวมทั้งในตลาดใหม่ เช่น ตะวันออกกลาง ยุโรป ละตินอเมริกา และแอฟริกายังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
6. อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
- ภาวะอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ประมาณการว่าจะปรับเพิ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 อันเนื่องมาจากสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งประมาณการจากแบบจำลองดัชนีชี้นำภาวะอุตสาหกรรมรายสาขาของสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.32
- เช่นเดียวกับภาวะอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า ประมาณการว่าจะปรับตัวสูงขึ้น ร้อยละ 9.99 เนื่องจากการปรับเพิ่มขึ้นของสินค้าหลักที่ส่งไปยังภูมิภาคอียู เช่น เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น ที่ประมาณการว่าจะปรับตัวขึ้นสูงร้อยละ 15 และ 2 ตามลำดับ
ตารางที่1 สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์หลักที่มีมูลค่าการส่งออกมากเป็นอันดับต้นๆ ในเดือน ม.ค. 2551
เครื่องใช้ไฟฟ้า/อิเล็กทรอนิกส์ มูลค่า CPM CPY
อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ 1,505.00 -1.75 60.13
IC 608.85 -11.51 3.28
เครื่องปรับอากาศ 268.13 43.15 19.29
เครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้า 128.27 -9.29 20.21
รวมเครื่องใช้ไฟฟ้า
และอิเล็กทรอนิกส์ 3,886.06 -5.09 28.02
1.การผลิต
ภาพรวม ภาวะการผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของเดือนมกราคม 2551 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อน โดยดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 326.06 ลดลงร้อยละ 8.15 และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 31.80 เป็นผลจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 38.82 โดยสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้แก่ HDD/Other IC เป็นต้น
สำหรับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยมีดัชนีอยู่ที่ระดับ 457.78 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 10.74 และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 38.82 เป็นผลจากการเพิ่ม HDD และ Other IC เพิ่มขึ้น 43.46% และ 33.44% เนื่องจากภาวะความต้องการของตลาดโลกของสินค้าเทคโนโลยีค่อนข้างสูงแต่ภาวะการแข่งขันของชิ้นส่วนค่อนข้างสูงเช่นกัน จึงทำให้ราคาลดลงอย่างรวดเร็ว ประกอบกับเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปควบคู่กันไปด้วย สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลาย และผสมผสานฟังก์ชันต่างๆในเครื่อง เดียวกันทำให้ราคาสินค้าสำเร็จรูปปรับตัวสูงขึ้น
2. การตลาด
มูลค่าการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เดือนมกราคม 2551 มีมูลค่าส่งออก 3,886.06 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ร้อยละ 5.09 ขณะที่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 28.02
สำหรับมูลค่าการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เดือนมกราคม 2551 มีมูลค่า 2,514.70 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนร้อยละ 6.22 ขณะที่เมื่อเทียบกับชว่ งเวลาเดียวกันของปกี อนปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.37 เนื่องจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของมูลค่าการส่งออกอุปกรณ์ประกอบของเครื่องคอมพิวเตอร์และ IC ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1,505.00 และ 608.85 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามลำดับ
3. แนวโน้ม
ภาวะอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ประมาณการว่าจะปรับเพิ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 อันเนื่องมาจากสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งประมาณการจากแบบจำลองดัชนีชี้นำภาวะอุตสาหกรรมรายสาขาของสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 32 โดยชิ้นส่วนที่สำคัญในกลุ่มผลิตภัณฑ์นี้ ได้แก่ การปรับตัวเพิ่มขึ้นของ HDD ร้อยละ 41 และ IC ที่ประมาณการว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 10
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (มูลค่าเพิ่ม) ในเดือนมกราคม 2551 มีค่า 184.39 ลดลงจากเดือนธันวาคม 2550 (185.52) ร้อยละ 0.6 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (164.53) ร้อยละ 12.1
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมลดลงจากเดือนธันวาคม 2550 ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ (Hard Disk Drive) อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องเพชรพลอยและรูปพรรณ และของที่เกี่ยวข้องอุตสาหกรรมการแปรรูปและการถนอมสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ อุตสาหกรรมการผลิตมอลต์ลิกเคอและมอลต์(เบียร์) อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ทางเภสัชกรรมเคมีภัณฑ์ที่ใช้รักษาโรค เป็นต้น
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ(Hard Disk Drive) อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องแต่งกายยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์ อุตสาหกรรมการผลิตหลอดอิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมการผลิตมอลต์ลิกเคอและมอลต์ (เบียร์) เป็นต้น
- อัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนมกราคม 2551 มีค่า 68.15 เพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2550 (67.99) และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (65.12)
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2550 ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม อุตสาหกรรมการผลิตน้ำตาล อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ รวมทั้งน้ำดื่มบรรจุขวด อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ยางอื่นๆ เป็นต้น
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ (Hard Disk Drive) อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องแต่งกาย ยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์ อุตสาหกรรมการผลิตเม็ดพลาสติก อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องรับโทรทัศน์และวิทยุ และสินค้าที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น
สถานภาพการประกอบกิจการอุตสาหกรรมเดือนมกราคม 2551
- ภาวะการประกอบกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนมกราคม 2551 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนธันวาคม 2550 มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการจำนวน 314 ราย เพิ่มขึ้นในจำนวนที่มากกว่าเดือนธันวาคม 2550 ซึ่งมีโรงงานเริ่มประกอบกิจการจำนวน 277 รายหรือมากกว่าร้อยละ 13.36 และการจ้างงานรวม มีจำนวน 8,749 คน เพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2550 ที่มีจำนวนการจ้างงาน 6,859 คน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.56 แต่ในส่วนของจำนวนเงินลงทุน มียอดเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 7,507.36 ล้านบาท ลดลงจากเดือนธันวาคม 2550 ซึ่งมีการลงทุน 9,391.94 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ -20.07
- ภาวะการประกอบกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนมกราคม 2551 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการเพิ่มขึ้นในจำนวนที่น้อยกว่าเดือนมกราคม 2550 ซึ่งมีโรงงานเริ่มประกอบกิจการจำนวน 337 ราย หรือคิดเป็นจำนวนน้อยกว่าร้อยละ -6.82 แต่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2550 ที่มีจำนวนการจ้างงาน 7,881 คน ร้อยละ 11.01 และใน ส่วนของจำนวนเงินลงทุนเพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2550 ซึ่งมีการลงทุน 7,066.93 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.23
- อุตสาหกรรมที่มีจำนวนโรงงานเริ่มประกอบกิจการมากที่สุดในเดือนมกราคม 2551 คืออุตสาหกรรมคัดแยกหรือฝังกลบสิ่งปฎิกูล หรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว จำนวน 26 ราย รองลงมาคือ อุตสาหกรรมขุดหรือลอก กรวด ทรายหรือดิน จำนวน 25 ราย
- อุตสาหกรรมที่เริ่มประกอบกิจการโดยมีการลงทุนสูงสุดในเดือนมกราคม 2551 คือ อุตสาหกรรมผลิต ส่ง หรือจำหน่ายพลังงานไฟฟ้า มีเงินทุน 1,689.09 ล้านบาท รองลงมาคือ อุตสาหกรรมผลิตกระเบื้องเคลือบ เครื่องปั้นดินเผา เครื่องดินเผา มีเงินทุน 573.38 ล้านบาท
- อุตสาหกรรมที่เริ่มประกอบกิจการและมีการจ้างงานสูงสุดในเดือนมกราคม 2551 คืออุตสาหกรรมตัดเย็บเครื่องนุ่งห่ม ผ้าเช็ดหน้า เนกไท ถุงมือ ถุงเท้าจากผ้า หนังสัตว์คนงาน 1,547 คน รองลงมาคือ อุตสาหกรรมผลิตกระเบื้องเคลือบ เครื่องปั้นดินเผาเครื่องดินเผา คนงาน 630 คน
- ภาวะการเลิกกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนมกราคม 2551 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนธันวาคม 2550 มีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 175 ราย มากกว่าเดือนธันวาคม 2550 ซึ่งมีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 87 ราย คิดเป็นร้อยละ 101.15 แต่ในส่วนของเงินทุนมีจำนวน 1,518.05 ล้านบาท น้อยกว่าเดือนธันวาคม 2550 ที่การเลิกกิจการคิดเป็นเงินทุน 2,029.97 ล้านบาท และการเลิกจ้างงานมีจำนวน 4,000 คน น้อยกว่าเดือนธันวาคม 2550 ซึ่งเลิกจ้างงานจำนวน 4,707 คน
- ภาวะการเลิกกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนมกราคม 2550 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการมากกว่าเดือนมกราคม 2550 ซึ่งมีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 157 รายคิดเป็นร้อยละ 11.46 และมีการเลิกจ้างงานมากกว่าเดือนมกราคม 2550 ที่การเลิกจ้างงานมีจำนวน 2,652 คน แต่ในส่วนของเงินทุนของการเลิกกิจการน้อยกว่าเดือนมกราคม 2550 ที่การเลิกกิจการคิดเป็นเงินทุน 1,817.53 ล้านบาท
- อุตสาหกรรมที่มีจำนวนโรงงานเลิกกิจการมากที่สุดในเดือนมกราคม 2551 คืออุตสาหกรรมทำผลิตภัณฑ์คอนกรีต คอนกรีตผสม ผลิตภัณฑ์ยิมซั่ม ปูนปลาสเตอร์จำนวน 18 ราย รองลงมาคือ อุตสาหกรรมกลึง เจาะ คว้าน กัด ไส เจียน เชื่อมโลหะทั่วไป จำนวน 14 ราย
- อุตสาหกรรมที่เลิกประกอบกิจการโดยที่มีเงินลงทุนสูงสุดในเดือนมกราคม 2551 คืออุตสาหกรรมกลึง เจาะ คว้าน กัด ไส เจียน เชื่อมโลหะทั่วไป เงินทุน 200.66 ล้านบาท รองลงมาคือ อุตสาหกรรมทำผลิตภัณฑ์คอนกรีต คอนกรีตผสม ผลิตภัณฑ์ยิมซั่ม ปูนปลาสเตอร์ เงินทุน 196.71 ล้านบาท
- อุตสาหกรรมที่เลิกประกอบกิจการและจำนวนคนงานสูงสุดในเดือนมกราคม 2551 คือ อุตสาหกรรมตัดเย็บเครื่องนุ่งห่ม ผ้าเช็ดหน้า เนกไท ถุงมือ ถุงเท้าจากผ้า หนังสัตว์ คนงาน 1,037 คน รองลงมาคือ อุตสาหกรรมทำเครื่องมือเครื่องใช้ เครื่องเรือนเครื่องประดับจากพลาสติก คนงาน 373 คน
- ภาวะการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) ในเดือนมกราคม 2551 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนธันวาคม 2550 มีจำนวนโครงการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจาก สกท. ทั้งสิ้น 122 โครงการ มากกว่าเดือนธันวาคม 2550 ที่มีจำนวน 101 โครงการ ร้อยละ 20.79 แต่มีเงินลงทุน 35,000 ล้านบาท น้อยกว่าเดือนธันวาคม 2550 ที่มีเงินลงทุน 78,300 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ -55.30
- ภาวะการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) ในเดือนมกราคม 2551 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีจำนวนโครงการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจาก สกท.น้อยกว่าเดือนมกราคม 2550 ที่มีจำนวน 129 โครงการ ร้อยละ -5.43 และมีเงินลงทุนน้อยกว่าเดือนมกราคม 2550 ที่มีเงินลงทุน 39,900 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ -12.28
- การกระจายหุ้นของโครงการที่ได้รับการอนุมัติให้การส่งเสริมในเดือนมกราคม 2551
การร่วมทุน จำนวน(โครงการ) มูลค่าเงินลงทุน(ล้านบาท)
1.โครงการคนไทย 100% 43 9,700
2.โครงการต่างชาติ 100% 53 21,200
3.โครงการร่วมทุนไทยและต่างชาติ 26 4,100
- ประเภทกิจการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนมากที่สุดในเดือนมกราคม 2551 คือ หมวดเคมี กระดาษ และพลาสติก มีมูลค่าเงินลงทุนรวม 14,100 ล้านบาท รองลงมา คือ หมวดผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง มีมูลค่าเงินลงทุนรวม 8,300 ล้านบาท
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--
-พห-