รายงาน
ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
1
ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนพฤศจิกายน 2566
สถานการณ์การผลิตภาคอุตสาหกรรม Indicators 2564 2565 2565 2566 %YoY Year Year พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย.
MPI
5.8
0.4
-5.3
-8.5
-4.8
-2.4
-3.9
-8.7
-3.1
-5.0
-4.7
-7.8
-6.3
-4.3
-4.7
ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนพฤศจิกายน 2566 เมื่อพิจารณาจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) หดตัว ร้อยละ 4.7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยหลักมาจากปัญหาหนี้ครัวเรือนและดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้การบริโภคภายในประเทศโดยเฉพาะสินค้ากึ่งคงทนและสินค้าคงทนปรับตัวลดลง เช่น รถยนต์ เหล็กและเหล็กกล้าขั้นมูลฐานผลิตภัณฑ์คอนกรีต ปูนซีเมนต์ และปูนปลาสเตอร์ เป็นต้น ประกอบกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลัก เช่น จีน ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ส่งผลให้การส่งออกชะลอตัวในกลุ่มชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องปรับอากาศ เป็นต้น
เมื่อพิจารณาข้อมูล MPI ย้อนหลัง 3 เดือน เทียบกับปีก่อน (%YoY) เดือนสิงหาคม หดตัวร้อยละ 7.8 เดือนกันยายน หดตัวร้อยละ 6.3 และเดือนตุลาคม หดตัวร้อยละ 4.3
สำหรับ 3 เดือนที่ผ่านมา เดือนสิงหาคม เดือนกันยายน และเดือนตุลาคม 2566 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมหรือ MPI เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา (%MoM) มีอัตราการเปลี่ยนแปลง ดังนี้ กล่าวคือ ในเดือนสิงหาคม ขยายตัวร้อยละ 0.8 เดือนกันยายน หดตัวร้อยละ 0.3 และเดือนตุลาคม หดตัวร้อยละ 2.2
อุตสาหกรรมสำคัญที่ส่งผลให้ MPI เดือนพฤศจิกายน 2566 หดตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คือ
?
รถยนต์ หดตัวร้อยละ 14.13 จากรถบรรทุกปิกอัพเป็นหลัก ตามการชะลอตัวของตลาดรถยนต์ในประเทศ ผลจากความเปราะบางด้านรายได้และหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง ทำให้สถาบันการเงินเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อ
?
ชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ หดตัวร้อยละ 16.38 จากทิศทางของตลาดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์โลกที่ชะลอตัว รวมทั้งอุตสาหกรรมมีการเปลี่ยนประเภทสินค้าที่ผลิตจากสินค้าในกลุ่ม home-use (ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในครัวเรือน) เพื่อจำหน่ายในช่วงโควิด มาผลิตในสินค้ากลุ่มอุตสาหกรรมแทน เช่น ยานยนต์ IOT เป็นต้น ทำให้มีจำนวนผลิตลดลงแต่ราคาต่อหน่วยเพิ่มขึ้น
?
เหล็กและเหล็กกล้าขั้นมูลฐาน หดตัวร้อยละ 14.19 จากการหยุดซ่อมบำรุงของผู้ผลิตบางราย และลูกค้าไม่มีคำสั่งซื้อ โดยลูกค้าส่วนหนึ่งเลือกซื้อเหล็กนำเข้าซึ่งมีราคาถูกจากต่างประเทศทดแทน
อุตสาหกรรมสำคัญที่ยังขยายตัวในเดือนพฤศจิกายน 2566 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน
?
ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม ขยายตัวร้อยละ 29.91 จากน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 แก๊สโซฮอล์ 95 น้ำมันหล่อลื่น น้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซลหมุนเร็วเป็นหลัก เนื่องจากในปีก่อนมีการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่น แต่ปีนี้มีการผลิตตามปกติ และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง
?
เครื่องประดับเพชรพลอย ขยายตัวร้อยละ 12.91 จากสินค้าสร้อยและแหวนเป็นหลัก เนื่องจากผู้ผลิตรายใหญ่ได้รับคำสั่งจากบริษัทแม่ให้ผลิตสินค้า 2 ชนิดนี้เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับปีนี้ผู้ผลิตมีวัตถุดิบในการผลิตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
Indicators 2565 2566 %MoM พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย.
MPI
2.1
-1.8
6.1
-0.1
6.3
-21.3
14.3
-2.2
-2.0
0.8
-0.3
-2.2
1.6
2
ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนพฤศจิกายน 2566
เครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมอื่น ๆ
เดือนพฤศจิกายน 2566
3
ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนพฤศจิกายน 2566
เครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมอื่น ๆ เดือนพฤศจิกายน 2566
?
การนำเข้าของภาคอุตสาหกรรมไทย
ที่มา : กระทรวงพาณิชย์ ที่มา : กระทรวงพาณิชย์
การนำเข้าเครื่องจักรที่ใช้ในอุตสาหกรรมและส่วนประกอบ ในเดือนพฤศจิกายน 2566 มีมูลค่า 1,604.31 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 9.29 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยขยายตัวจากการนำเข้าในสินค้าประเภทเครื่องกังหันไอพ่นและส่วนประกอบ เครื่องจักรใช้ในการก่อสร้างและส่วนประกอบ เครื่องจักรใช้ในการแปรรูปโลหะและส่วนประกอบ เป็นต้น
การนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำ) ในเดือนพฤศจิกายน 2566 มีมูลค่า 8,469.70 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 1.75 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยการนำเข้าหดตัวในสินค้าประเภทเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น
4
ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนพฤศจิกายน 2566
สถานภาพการประกอบกิจการอุตสาหกรรม
ที่มา : กรมโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานที่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการในเดือนพฤศจิกายน 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 157 โรงงาน ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 22.66 (%MoM) แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 17.16 (%YoY)
มูลค่าเงินลงทุนรวมจากโรงงานที่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการในเดือนพฤศจิกายน 2566 มีมูลค่ารวม 17,850 ล้านบาท ลดลงจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 78.04 (%MoM) และลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 63.48 (%YoY)
?อุตสาหกรรมที่มีจำนวนโรงงานเริ่มประกอบกิจการมากที่สุด ในเดือนพฤศจิกายน 2566 คือ อุตสาหกรรมการทำผลิตภัณฑ์คอนกรีต ผลิตภัณฑ์คอนกรีตผสมผลิตภัณฑ์ยิปซั่ม จำนวน 13 โรงงาน รองลงมาคือ อุตสาหกรรมการขุดหรือลอกกรวด ทราย หรือดิน จำนวน 12 โรงงาน?
?อุตสาหกรรมที่มีมูลค่าการลงทุนสูงสุดในเดือนพฤศจิกายน 2566 คือ การผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานความร้อน จำนวนเงินทุน 5,196 ล้านบาท รองลงมาคือ โรงงานผลิต ประกอบหรือดัดแปลง เครื่องมือหรือเครื่องใช้ไฟฟ้า จำนวนเงินทุน 1,863 ล้านบาท?
5
ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนพฤศจิกายน 2566
?
สถานภาพการประกอบกิจการอุตสาหกรรม (ต่อ)
ที่มา : กรมโรงงานอุตสาหกรรม
จำนวนโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการในเดือนพฤศจิกายน 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 105 ราย เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 22.09 (%MoM) และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 87.50 (%YoY)
เงินทุนของการเลิกกิจการในเดือนพฤศจิกายน 2566 มีมูลค่ารวม 3,444 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2566 ร้อยละ 163.76 (%MoM) และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 72.11 (%YoY)
?อุตสาหกรรมที่มีจำนวนโรงงานเลิกประกอบกิจการมากที่สุด ในเดือนพฤศจิกายน 2566 คือ การขุดหรือลอก กรวด ทราย หรือดิน จำนวน 26 โรงงาน รองลงมาคือ การทำผลิตภัณฑ์คอนกรีต ผลิตภัณฑ์คอนกรีตผสมผลิตภัณฑ์ยิบซัม จำนวน 8 โรงงาน?
?อุตสาหกรรมที่มีการเลิกประกอบกิจการโดยมีเงินลงทุนสูงสุด ในเดือนพฤศจิกายน 2566 คือ การทำเคมีภัณฑ์ สารเคมี หรือวัสดุเคมี มูลค่าเงินลงทุน 902 ล้านบาท รองลงมาคือ โรงงานประกอบกิจการเกี่ยวกับการคัดแยกหรือฝังกลบสิ่งปฏิกูล มูลค่าเงินลงทุน 659 ล้านบาท?
6
ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนพฤศจิกายน 2566
ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมรายสาขา เดือนพฤศจิกายน 2566
1.
อุตสาหกรรมอาหาร
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอาหาร เดือนพฤศจิกายน 2566 ชะลอตัว (%YoY) ร้อยละ 5.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มสินค้าอาหารที่มีดัชนีผลผลิตชะลอตัว มีดังนี้ 1) น้ำตาล หดตัวร้อยละ 45.7 จากน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ หดตัวร้อยละ 46.3 และน้ำตาลทรายขาว หดตัวร้อยละ 45.3 เนื่องจากผู้ประกอบการและผู้บริโภคเร่งสต๊อกน้ำตาลทรายในช่วงก่อนหน้า เพื่อเตรียมสำหรับการปรับขึ้นราคาน้ำตาลในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน 2) มันสำปะหลัง หดตัวร้อยละ 21.0 จากสินค้าสำคัญ คือ แป้งมันสำปะหลัง หดตัวร้อยละ 22.8 เนื่องจากภาวะภัยแล้งและการระบาดของโรคใบด่างมันสำปะหลังในช่วงก่อนหน้า ทำให้เกษตรกรหันไปปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แทน ส่งผลให้พื้นที่เพาะปลูกและปริมาณผลผลิตมันสำปะหลังลดลง 3) ประมง หดตัวร้อยละ 13.2 จากสินค้าสำคัญ ได้แก่ ปลาทูน่ากระป๋อง หดตัวร้อยละ 19.6 และกุ้งแช่แข็ง หดตัวร้อยละ 14.2 เนื่องจากความต้องการบริโภคลดลงทั้งตลาดภายในและต่างประเทศ 4) ผักและผลไม้แปรรูป ชะลอตัวร้อยละ 4.4 จากสินค้าสำคัญ คือ สับปะรดกระป๋อง หดตัวร้อยละ 62.3 เนื่องจากพื้นที่เพาะปลูกในบางพื้นที่ ผลผลิตลดลงจากภาวะภัยแล้ง อย่างไรก็ตาม ผลไม้กระป๋องอื่นๆ มีการขยายตัวร้อยละ 25.0 จากความต้องการบริโภคทั้งในและต่างประเทศ 5) ปศุสัตว์ ชะลอตัวร้อยละ 1.9 จากสินค้าสำคัญ คือ เนื้อไก่แช่เย็นแช่แข็ง ชะลอตัวร้อยละ 5.6 เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคชะลอตัว ส่งผลต่อความต้องการบริโภคที่ลดลง
ดัชนีผลผลิตกลุ่มเครื่องดื่ม ชะลอตัวร้อยละ 9.5 จากสินค้าสำคัญ ได้แก่ เบียร์ สุราขาว และเครื่องดื่มรสน้ำผลไม้ เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคชะลอตัว
ที่มา : กระทรวงพาณิชย์
ตลาดในประเทศ ปริมาณการผลิตเพื่อจำหน่ายสินค้าอาหารในประเทศเดือนพฤศจิกายน 2566 ขยายตัว (%YoY) ร้อยละ 2.5 เช่น 1) นมถั่วเหลือง ขยายตัวร้อยละ 13.9 2) บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขยายตัวร้อยละ 8.7 3) เค้ก ขยายตัวร้อยละ 8.0 4) เครื่องปรุงรสประจำโต๊ะอาหาร ขยายตัวร้อยละ 7.7 5) อาหารสัตว์เลี้ยง ขยายตัวร้อยละ 5.3
ตลาดต่างประเทศ การส่งออกสินค้าอาหารเดือนพฤศจิกายน2566 ในภาพรวม ขยายตัวร้อยละ 2.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากกลุ่มสินค้าข้าวและธัญพืช จากสินค้าสำคัญ คือ ข้าว โดยตลาดหลัก คือ อินโดนีเซีย สหรัฐอเมริกา และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง โดยตลาดหลัก คือ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สหรัฐอเมริกา ในส่วนของมูลค่าการส่งออกกลุ่มเครื่องดื่มขยายตัวร้อยละ 0.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
?คาดว่าดัชนีผลผลิตของอุตสาหกรรมอาหารเดือนธันวาคม 2566 ในภาพรวมมีแนวโน้มขยายตัวเล็กน้อย เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการบริโภคในประเทศและภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มที่ดีจากอุปสงค์ภายในประเทศที่ขยายตัวในช่วงเทศกาลปีใหม่ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวเพิ่มขึ้น สำหรับมูลค่าการส่งออกคาดว่า จะขยายตัว เนื่องจากคำสั่งซื้อสินค้าของประเทศคู่ค้าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เพื่อเตรียมสำหรับเทศกาลเฉลิมฉลอง อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจโลกที่ยังคงชะลอตัว รวมถึงสถานการณ์ความไม่สงบของอิสราเอล-ปาเลสไตน์ ที่อาจส่งผลต่อราคาพลังงาน?
7
ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนพฤศจิกายน 2566
2. อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
?
อุตสาหกรรมไฟฟ้า
ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และกระทรวงพาณิชย์
การผลิตสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า มีดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 88.0 ปรับตัวลดลงร้อยละ 9.1 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสินค้าที่ปรับตัวลดลง ได้แก่ กระติกน้ำร้อน คอมเพรสเซอร์ หม้อแปลงไฟฟ้า หม้อหุงข้าว มอเตอร์ไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศ และเตาไมโครเวฟ ลดลงร้อยละ 58.6, 39.1, 34.0, 27.4, 20.5, 13.1 และ 7.5 ตามลำดับ เนื่องจากมีความต้องการสินค้าในประเทศและคำสั่งซื้อจากต่างประเทศลดลง ในขณะที่สินค้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ สายไฟฟ้า ตู้เย็น เครื่องซักผ้า พัดลม และสายเคเบิ้ล เพิ่มขึ้นร้อยละ 41.8, 19.6, 17.7, 10.4 และ 0.8 ตามลำดับ เนื่องจากมีความต้องการสินค้าในประเทศเพิ่มขึ้น
การส่งออกสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า มีมูลค่า 2,233.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงร้อยละ 7.8 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก สินค้าที่มีคำสั่งซื้อลดลง ได้แก่ เตาอบไมโครเวฟ มีมูลค่า 17.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 29.5 ในตลาดญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ มีมูลค่า 404.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 26.1 ในตลาดออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม พัดลม มีมูลค่า 39.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 16.2 ในตลาดสหรัฐอเมริกา จีน และเยอรมนี มอเตอร์และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า มีมูลค่า 77.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 7.3 ในตลาดญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และเยอรมนี และแผงสวิทซ์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า มีมูลค่า 222.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 0.8 ในตลาดญี่ปุ่น จีน และสิงคโปร์ ในขณะที่สินค้าที่มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น ได้แก่ หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ มีมูลค่า 374.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.8 ในตลาดสหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์ และไต้หวัน ตู้เย็น ตู้แช่แข็งและส่วนประกอบ มีมูลค่า 175.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.6 ในตลาดสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และมาเลเซีย สายไฟฟ้า สายเคเบิ้ล มีมูลค่า 89.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.9 ในตลาดญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และฟิลิปปินส์ เครื่องซักผ้า ซักแห้งและส่วนประกอบ มีมูลค่า 100.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.1 ในตลาดเวียดนาม เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย และ
เครื่องตัดต่อและป้องกันวงจรไฟฟ้า มีมูลค่า
161.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.7 ในตลาดญี่ปุ่น จีน และสหรัฐอเมริกา
?คาดการณ์การผลิตเดือนธันวาคม 2566 อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า คาดว่าจะยังคงชะลอตัวลง เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความต้องการตลาดโลกลดลงและเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัว?
?
อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์
ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และกระทรวงพาณิชย์
การผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ มีดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 71.3 ปรับตัวลดลงร้อยละ 17.0 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าที่ปรับตัวลดลง ได้แก่ PCBA, Semiconductor devices Transistors, Printer, IC และ PWB โดยลดลงร้อยละ 27.1, 23.5, 21.3, 20.0 และ 9.8 ตามลำดับ เนื่องจากมีความต้องการสินค้าในประเทศและคำสั่งซื้อจากต่างประเทศลดลง ในขณะที่สินค้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ HDD โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 เนื่องจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องตามความต้องการของตลาดโลก เพื่อใช้เป็นองค์ประกอบขั้นพื้นฐานในการจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่
การส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ มีมูลค่า 4,064.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.9 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากความต้องการสินค้าเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องในตลาดโลก สินค้าที่มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น ได้แก่ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด มีมูลค่า 490.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 40.5 ในตลาดสหรัฐอเมริกา จีน และเกาหลีใต้ ในขณะที่สินค้าที่มีคำสั่งซื้อลดลง ได้แก่ แผงวงจรไฟฟ้า มีมูลค่า 762.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 6.6 ในตลาดฮ่องกง สิงคโปร์ และสหรัฐอเมริกา วงจรพิมพ์ มีมูลค่า 111.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 2.0 ในตลาดจีน มาเลเซีย และอินโดนีเซีย และ HDD มีมูลค่า 677.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 0.9 ในตลาดฮ่องกง จีน และเม็กซิโก เนื่องจากความต้องการในตลาดโลกชะลอตัว ประกอบกับเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว
?คาดการณ์การผลิตเดือนธันวาคม 2566 อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ คาดว่าจะยังคงปรับตัวลดลง เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากแนวโน้มต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น และวัตถุดิบที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดโลก?
8
ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนพฤศจิกายน 2566
3. อุตสาหกรรมยานยนต์
?
อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม รวบรวมจากกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
การผลิตรถยนต์ ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2566 มีจำนวน 163,337 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 14.10 (%YoY) โดยเป็นการปรับลดลงของการผลิตรถยนต์นั่ง รถยนต์กระบะ 1 ตัน แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม ปี 2566 ร้อยละ 2.90 (%MoM)
การจำหน่ายรถยนต์ในประเทศ ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2566 มีจำนวน 61,621 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 9.76 (%YoY) โดยเป็นการปรับลดลงของการจำหน่ายรถยนต์กระบะ 1 ตัน และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ เนื่องจากหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง สถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการให้สินเชื่อมากขึ้น รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้นส่งผลต่ออุปสงค์ในประเทศ แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม ปี 2566 ร้อยละ 4.51 (%MoM)
การส่งออกรถยนต์ ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2566 มีจำนวน 99,609 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 13.22 (%YoY) โดยตลาดส่งออกมีการเพิ่มขึ้นในแถบตลาดโอเชียเนีย ตะวันออกกลาง ยุโรป อเมริกาเหนือ อเมริกากลางและอเมริกาใต้ แต่ลดลงจากเดือนตุลาคม ปี 2566 ร้อยละ 5.79 (%MoM)
?คาดการณ์แนวโน้มของอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ในเดือนธันวาคม ปี 2566 ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม ปี 2565 เนื่องจากแนวโน้มการชะลอตัวของตลาดในประเทศและตลาดส่งออก?
?
อุตสาหกรรมการผลิตรถจักรยานยนต์
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม รวบรวมจากกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
การผลิตรถจักรยานยนต์ ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2566 มีจำนวน 178,045 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 5.82 (%YoY) จากการลดลงของการผลิตรถจักรยานยนต์แบบอเนกประสงค์ แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม ปี 2566 ร้อยละ 27.07 (%MoM)
การจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2566 มียอดจำหน่ายจำนวน 143,121 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 5.21 (%YoY) จากการลดลงของยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ขนาด 51-110 ซีซี แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม ปี 2566 ร้อยละ 6.03 (%MoM)
การส่งออกรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2566 มีจำนวน 43,347 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 6.51 (%YoY) โดยตลาดส่งออกมีการเพิ่มขึ้นในประเทศจีน สหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร และเพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม ปี 2566 ร้อยละ 21.74 (%MoM)
?คาดการณ์แนวโน้มของอุตสาหกรรมการผลิตรถจักรยานยนต์ในเดือนธันวาคม ปี 2566 ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม ปี 2565 เนื่องจาก แนวโน้มการชะลอตัวของตลาดในประเทศ?
9
ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนพฤศจิกายน 2566
4. อุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยางพารา
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
การผลิต
ยางแปรรูปขั้นปฐม (ยางแผ่น ยางแท่ง และน้ำยางข้น) เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.22 จากการเพิ่มขึ้นของการผลิตยางแผ่นและยางแท่ง
ยางรถยนต์ ลดลงร้อยละ 5.17 จากการลดลง ของการผลิตยางรถยนต์ ยางรถกระบะ และยางรถบรรทุกและรถโดยสาร และยางรถแทรกเตอร์
ถุงมือยาง เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.23 จากอุปสงค์ความต้องการถุงมือยางในประเทศเป็นหลัก
การจำหน่ายในประเทศ
ยางแปรรูปขั้นปฐม (ยางแผ่น ยางแท่ง และน้ำยางข้น) เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.82 จากความต้องการทั้งยางแผ่น ยางแท่ง และน้ำยางข้น ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่อยู่ในระดับสูง
ยางรถยนต์ ลดลงร้อยละ 36.84 ตามการชะลอตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศและความต้องการในตลาด REM (Replacement Equipment Manufacturing) ถุงมือยาง เพิ่มขึ้นร้อยละ 37.17 จากความต้องการใช้ ถุงมือยางทางการแพทย์ในประเทศที่อยู่ในระดับสูง
การส่งออก
ยางแปรรูปขั้นปฐม (ยางแผ่น ยางแท่ง และน้ำยางข้น) มีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.56 เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของการส่งออกยางแผ่นไปตลาดจีน ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา
ยางรถยนต์ มีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.71 จากการขยายตัวที่ดีของการส่งออกไปตลาดสหรัฐอเมริกาและเกาหลีใต้
ถุงมือยาง มีมูลค่าลดลงร้อยละ 8.10 จากความต้องการถุงมือยางในตลาดโลกที่ปรับลดลงจากช่วงที่ผ่านมา
ที่มา: กระทรวงพาณิชย์
คาดการณ์ภาวะอุตสาหกรรมเดือนธันวาคม 2566
การผลิตยางแปรรูปขั้นปฐม (ยางแผ่น ยางแท่ง และน้ำยางข้น) คาดว่า จะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นจากการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ สำหรับการผลิตยางรถยนต์ คาดว่าจะกลับมาขยายตัวจากการผลิตเพื่อตอบสนองอุปสงค์ความต้องการของตลาดต่างประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตลาดส่งออกสำคัญของอุตสาหกรรมยางรถยนต์ไทย ในส่วนของการผลิตถุงมือยาง คาดว่าจะขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการในประเทศประกอบกับฐานตัวเลขเมื่อปีที่ผ่านมาอยู่ในระดับต่ำ โดยการจำหน่ายถุงมือยางในประเทศคาดว่าจะยังขยายตัวจากความต้องการใช้ถุงมือยางทางการแพทย์ที่อยู่ในระดับสูง
การส่งออกยางแปรรูปขั้นปฐม (ยางแผ่น ยางแท่ง และน้ำยางข้น) คาดว่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น เป็นผลจากตลาดส่งออกสำคัญ อาทิ จีน ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา มีแนวโน้มสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจากไทยเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะยางแท่ง ในส่วนของการส่งออกยางรถยนต์ คาดว่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากอุปสงค์ความต้องการยางรถยนต์ในตลาดสำคัญที่เพิ่มอย่างต่อเนื่อง ทางด้านการส่งออกถุงมือยาง คาดว่าจะมีมูลค่าลดลงจากความต้องการถุงมือยางในตลาดโลกที่ปรับลดลงจากในช่วงที่ผ่านมา
10
ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนพฤศจิกายน 2566
5. อุตสาหกรรมพลาสติก
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
ที่มา : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร
ดัชนีผลผลิต เดือนพฤศจิกายน ปี 2566 หดตัวร้อยละ 1.03 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยดัชนีผลผลิตหดตัวในหลาย ๆ ผลิตภัณฑ์ เช่น ท่อและข้อต่อพลาสติกหดตัวร้อยละ 15.50 บรรจุภัณฑ์พลาสติกอื่น ๆ หดตัวร้อยละ 10.04 และกระสอบพลาสติก หดตัวร้อยละ 3.79 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ดัชนีการส่งสินค้า เดือนพฤศจิกายน ปี 2566 หดตัวร้อยละ 3.01 โดยผลิตภัณฑ์ที่หดตัว เช่น บรรจุภัณฑ์พลาสติกอื่น ๆ หดตัวร้อยละ 12.75 กระสอบพลาสติก หดตัวร้อยละ 7.42 และถุงพลาสติก หดตัวร้อยละ 4.56 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
การส่งออก เดือนพฤศจิกายน ปี 2566 มีมูลค่ารวม 374.42 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือขยายตัวร้อยละ 8.58 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลให้การส่งออกขยายตัว เช่น ผลิตภัณฑ์พลาสติกปูพื้น (HS 3918) ขยายตัวร้อยละ 388.63 ผลิตภัณฑ์ใยยาวเดี่ยว (HS 3916) ขยายตัวร้อยละ 204.26 ผลิตภัณฑ์เครื่องสุขภัณฑ์ (HS 3922) ขยายตัวร้อยละ 32.75 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
การนำเข้า เดือนพฤศจิกายน ปี 2566 มีมูลค่ารวม 441.23 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือหดตัวร้อยละ 1.02 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลิตภัณฑ์หลักที่ส่งผลให้การนำเข้าหดตัว เช่น ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือน (HS 3924) หดตัวร้อยละ 8.98 ผลิตภัณฑ์ของที่ใช้ลำเลียงหรือบรรจุสินค้า (HS 3923) หดตัวร้อยละ 6.26 และผลิตภัณฑ์ของอื่น ๆ ทำด้วยพลาสติก (HS 3926) หดตัวร้อยละ 3.16 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
?แนวโน้มอุตสาหกรรมพลาสติก เดือนธันวาคม 2566 สถานการณ์ทิศทางราคาน้ำมันดิบโลกที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ซึ่งน้ำมันดิบเป็นวัตถุดิบตั้งต้นของเม็ดพลาสติก ต้นทุนวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมพลาสติกมีต้นทุนที่สูงขึ้นตามราคาน้ำมัน ผู้ประกอบการชะลอการผลิตเพื่อรอดูสถานการณ์ด้านราคา
ดัชนีผลผลิต-ดัชนีการส่งสินค้า
ปริมาณและมูลค่าการส่งออก-นาเข้า
11
ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนพฤศจิกายน 2566
6. อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์
ดัชนีผลผลิต - ดัชนีการส่งสินค้า ปริมาณและมูลค่าการส่งออกและการนาเข้า
ที่มา : สานักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ที่มา : สานักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์
ดัชนีผลผลิต เดือนพฤศจิกายน ปี 2566 ขยายตัวร้อยละ 8.27 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มเคมีภัณฑ์พื้นฐานขยายตัวร้อยละ 19.08 ผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตขยายตัว ได้แก่ คลอรีน ขยายตัวร้อยละ 32.08 โซดาไฟ ขยายตัวร้อยละ 21.25 และเอทานอล ขยายตัวร้อยละ 13.78 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กลุ่มเคมีภัณฑ์ขั้นปลายขยายตัวร้อยละ 5.24 ผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตขยายตัว ได้แก่ ปุ๋ยเคมี ขยายตัวร้อยละ 19.16 น้ำยาล้างจาน ขยายตัวร้อยละ 17.20 และสีอุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ 15.29 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ดัชนีการส่งสินค้า เดือนพฤศจิกายน ปี 2566 ขยายตัวร้อยละ 5.25 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มเคมีภัณฑ์ขั้นพื้นฐาน ขยายตัวร้อยละ 8.01 ผลิตภัณฑ์ที่มีการขยายตัว ได้แก่ คลอรีน ขยายตัวร้อยละ 20.54 เอทานอล ขยายตัวร้อยละ 11.88 โซดาไฟ ขยายตัวร้อยละ 6.33 กลุ่มเคมีภัณฑ์ขั้นปลาย ขยายตัวร้อยละ 4.51 ผลิตภัณฑ์ที่มีการขยายตัว ได้แก่ ปุ๋ยเคมี ขยายตัวร้อยละ 73.73 น้ำยาล้างจานขยายตัวร้อยละ 10.05 ยาสระผม ขยายตัวร้อยละ 5.48 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
การส่งออกเคมีภัณฑ์ เดือนพฤศจิกายน ปี 2566 มูลค่าส่งออกรวม 846.61 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 5.43 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการส่งออกเคมีภัณฑ์พื้นฐาน มีมูลค่าการส่งออก 479.34 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 2.96 ในส่วนของกลุ่มเคมีภัณฑ์ขั้นปลายมีมูลค่าการส่งออก 367.27 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 8.83 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลให้มูลค่าการส่งออก
ขยาย
ตัว เช่น เคมีเบ็ดเตล็ด ขยายตัวร้อยละ 18.96 เครื่องสำอาง ขยายตัวร้อยละ 17.98 และสี ขยายตัวร้อยละ 9.62 เป็นต้น
การนำเข้า เดือนพฤศจิกายน ปี 2566 มูลค่าการนำเข้ารวม 1,504.44 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือหดตัวร้อยละ 5.49 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มเคมีภัณฑ์พื้นฐานมีมูลค่าการนำเข้า 996.08 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือหดตัวร้อยละ 12.33 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในส่วนเคมีภัณฑ์ขั้นปลายมีมูลค่าการนำเข้า 508.37 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 11.57 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลให้การนำเข้าหดตัว เช่น เคมีภัณฑ์อนินทรีย์ หดตัวร้อยละ 16.02 เคมีเบ็ดเตล็ด หดตัวร้อยละ 11.48 และเคมีภัณฑ์อินทรีย์ หดตัวร้อยละ 11.09 เป็นต้น
?แนวโน้มอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ เดือนธันวาคม 2566 คาดการณ์ว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคักช่วงปลายปี จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เคมีภัณฑ์ที่ใช้ในสถานที่ท่องเที่ยว โรงแรม ห้างร้านต่าง ๆ ขยายตัวเพิ่มขึ้นตามความต้องการของผู้บริโภค?
12
ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนพฤศจิกายน 2566
7. อุตสาหกรรมปิโตรเคมี
ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
ดัชนีผลผลิต การผลิตอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เดือนพฤศจิกายน ปี 2566 อยู่ที่ระดับ 88.93 หรือปรับตัวลดลงร้อยละ 0.64 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และปรับตัวลดลงร้อยละ 8.88 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยเป็นปิโตรเคมีขั้นปลาย ได้แก่ PP resin และ PE resin หดตัวร้อยละ 13.24 และ 7.06 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี เป็นผลจากการชะลอการผลิต
ดัชนีการส่งสินค้า อยู่ที่ระดับ 87.49 ปรับตัวลดลงร้อยละ 0.50 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และปรับตัวลดลงร้อยละ 8.88 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยเป็นปิโตรเคมีขั้นพื้นฐาน ได้แก่ Propylene หดตัวร้อยละ 17.02 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และปิโตรเคมีขั้นปลาย ได้แก่ PS resin หดตัวร้อยละ 13.18 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
การส่งออก เดือนพฤศจิกายน ปี 2566 มีมูลค่า 808.41 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือปรับตัวลดลงร้อยละ 10.93 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และปรับตัวลดลงร้อยละ 4.72 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ซึ่งเป็นการปรับลดลงในกลุ่มปิโตรเคมีขั้นปลาย เช่น PE resin ร้อยละ 18.62 เป็นต้น และปรับตัวลดลงในกลุ่มปิโตรเคมีขั้นพื้นฐาน เช่น Propylene ร้อยละ 9.42 เป็นต้น เนื่องจากสถานการณ์ตลาดต่างประเทศมีความต้องการในการผลิตอุตสาหกรรมปลายน้ำลดลง
ที่มา : สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์
การนำเข้า เดือนพฤศจิกายน ปี 2566 มีมูลค่า 457.74 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือปรับตัวลดลงร้อยละ 3.62 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และปรับตัวลดลงร้อยละ 2.22 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ซึ่งเป็นการปรับลดลงในกลุ่มปิโตรเคมีขั้นพื้นฐาน เช่น Propylene ร้อยละ 89.75 เป็นต้น และปรับตัวลดลงในกลุ่มปิโตรเคมีขั้นปลาย เช่น PE resin เป็นต้น
?แนวโน้มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เดือนธันวาคม ปี 2566 คาดการณ์ว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมการผลิตจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการผลิตกลับมาผลิตได้หลังจากซ่อมบำรุงในช่วงปลายปีก่อนถึงต้นปี แต่ความต้องการใช้พลาสติกที่ลดลงจากการชะลอตัวของการส่งออก โดยเฉพาะปิโตรเคมีขั้นพื้นฐาน เช่น Ethylene และ Propylene จากระดับราคาที่ผันผวนตามราคาน้ำมันดิบ ซึ่งเป็นผลกระทบจากการหยุดการผลิตในหลายประเทศ เนื่องจากความขัดแย้งยูเครน-รัสเซียที่ยืดเยื้อ ทำให้การผลิตยังคงขยายตัวได้ไม่มากนัก?
13
ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนพฤศจิกายน 2566
8. อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมและสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่ง
ประเทศไทย
ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ในเดือนพฤศจิกายน 2566 มีค่า 75.4 หดตัวร้อยละ 14.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เมื่อพิจารณาตามผลิตภัณฑ์หลัก พบว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเหล็กหดตัวทั้งในเหล็กทรงยาวและเหล็กทรงแบน ซึ่งเหล็กทรงยาวที่การผลิตหดตัว เช่น เหล็กเส้นกลม เหล็กลวด และเหล็กข้ออ้อย หดตัวร้อยละ 31.0 29.3 และ 17.4 ตามลำดับ และเหล็กทรงแบนที่มีการผลิตหดตัว ได้แก่ เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน และเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี หดตัวร้อยละ 39.4 และ 11.6 ตามลำดับ
การบริโภคในประเทศ ในเดือนพฤศจิกายน 2566 มีปริมาณการบริโภค 1.2 ล้านตัน หดตัวร้อยละ 13.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการชะลอตัวของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งการบริโภคหดตัวทั้งในผลิตภัณฑ์เหล็กทรงยาวและผลิตภัณฑ์เหล็กทรงแบน โดยเหล็กทรงยาว มีปริมาณการบริโภค 0.4 ล้านตัน หดตัวร้อยละ 25.5 จากเหล็กเส้นและเหล็กโครงสร้างรูปพรรณ รวมถึงเหล็กลวด เหล็กทรงแบน มีปริมาณการบริโภค 0.8 ล้านตัน หดตัวร้อยละ 5.1 จากเหล็กแผ่นบางรีดร้อน และเหล็กแผ่นรีดเย็น
การนำเข้า ในเดือนพฤศจิกายน 2566 มีปริมาณการนำเข้า 0.9 ล้านตัน หดตัวร้อยละ 5.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งหดตัวในกลุ่มเหล็กทรงยาว โดยในกลุ่มเหล็กทรงยาว มีปริมาณการนำเข้า 0.2 ล้านตัน หดตัวร้อยละ 30.9 ผลิตภัณฑ์เหล็กทรงยาวที่มีการนำเข้าหดตัว เช่น ท่อเหล็กไร้ตะเข็บ (ประเทศหลักที่ไทยนำเข้าลดลง คือ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้) ลวดเหล็ก (ประเทศหลักที่ไทยนำเข้าลดลง คือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน) เหล็กลวด ประเภท Carbon Steel (ประเทศหลักที่ไทยนำเข้าลดลง คือ จีน เวียดนาม และญี่ปุ่น) ขณะที่กลุ่มเหล็กทรงแบน มีปริมาณการนำเข้า 0.7 ล้านตัน ขยายตัวร้อยละ 4.3 ผลิตภัณฑ์เหล็กทรงแบนที่มีการนำเข้าขยายตัว เช่น เหล็กแผ่นหนารีดร้อน ประเภท Carbon Steel (ประเทศหลักที่ไทยนำเข้าเพิ่มขึ้น คือ เกาหลีใต้) เหล็กแผ่นบางรีดร้อน ประเภท Carbon Steel (ประเทศหลักที่ไทยนำเข้าเพิ่มขึ้น คือ จีน และญี่ปุ่น) เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี แบบจุ่มร้อน (HDG) (ประเทศหลักที่ไทยนำเข้าเพิ่มขึ้น คือ จีน และเกาหลีใต้)
?แนวโน้มอุตสาหกรรมเหล็กในเดือนธันวาคม 2566 คาดการณ์ว่า การผลิตจะหดตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาวัตถุดิบ (บิลเล็ต สินแร่เหล็ก และเศษเหล็ก) ในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวลดลง ทำให้ผู้บริโภคชะลอการสั่งซื้อเพื่อดูทิศทางราคา ประกอบกับคาดว่าจะมีการนำเข้าเหล็กที่มีราคาถูกจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ มีประเด็นสำคัญที่ควรติดตาม อาทิ สถานการณ์ เศรษฐกิจและการค้าโลก ราคาเหล็กต่างประเทศ รวมถึงการดำเนินนโยบายอุตสาหกรรมเหล็กของจีน ซึ่งเป็นทั้งผู้ผลิต ผู้บริโภค และผู้ส่งออกเหล็กรายใหญ่ของโลก?
14
ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนพฤศจิกายน 2566
9. อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
การผลิต
เส้นใยสิ่งทอขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 โดยขยายตัวร้อยละ 14.96 (YoY) ในกลุ่มเส้นใยประดิษฐ์ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เส้นใยโพลีเอสเตอร์ และเส้นใยเรยอนจากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลาย เนื่องจากเป็นเส้นใยที่มีคุณสมบัติพิเศษ มีความยืดหยุ่น ไม่ยับง่าย ไม่ต้องรีด ซักง่าย แห้งเร็ว โดยนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเสื้อผ้ากีฬา และชิ้นส่วนยานยนต์
ผ้าผืนหดตัวร้อยละ 18.54 (YoY) ทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ สำหรับเสื้อผ้าสำเร็จรูปหดตัวร้อยละ 16.38 (YoY) ในกลุ่มเสื้อผ้าทอและเสื้อผ้าถักจากคำสั่งซื้อที่ลดลงของประเทศคู่ค้า ในขณะเดียวกัน เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อน (MoM) ผ้าผืนขยายตัวร้อยละ 3.31 ในกลุ่มผ้าทอใยสังเคราะห์ จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในประเทศ เสื้อผ้าสำเร็จรูปขยายตัวร้อยละ 5.11 จากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นของประเทศคู่ค้า เพื่อรองรับการเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่
การจำหน่ายในประเทศ
เส้นใยสิ่งทอ ขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 โดยขยายตัวร้อยละ 3.54 (YoY) ในกลุ่มด้ายจากเส้นใยประดิษฐ์
ผ้าผืน หดตัวร้อยละ 15.81 (YoY) เสื้อผ้าสำเร็จรูป หดตัวร้อยละ 11.43 (YoY) เป็นผลจากการปรับลดกำลังการผลิต ประกอบกับความต้องการของผู้บริโภคที่ชะลอตัวลง ในขณะเดียวกันเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อน (MoM) ผ้าผืนขยายตัวร้อยละ 6.02 ในกลุ่มผ้าทอใยสังเคราะห์
ที่มา : กระทรวงพาณิชย์
การนำเข้า
ด้ายและเส้นใยหดตัวร้อยละ 20.56 (YoY) และผ้าผืนหดตัวร้อยละ 4.39 (YoY)
เสื้อผ้าสำเร็จรูป ขยายตัวร้อยละ 14.10 (YoY) จากการนำเข้าสินค้าราคาถูกจากจีน ตามพฤติกรรมการบริโภคที่ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยลดการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย เพื่อลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
การส่งออก
เส้นใยสิ่งทอ ขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 โดยขยายตัวร้อยละ 5.80 (YoY) จากการส่งออกเส้นใยประดิษฐ์ไปยังตลาดสำคัญ ได้แก่ เบลเยียม
ผ้าผืน หดตัวร้อยละ 12.08 (YoY) สำหรับเสื้อผ้าสำเร็จรูปหดตัวร้อยละ 16.92 (YoY) จากตลาดสำคัญ ได้แก่ สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น และเบลเยียม เนื่องจากคำสั่งซื้อที่ลดลงของประเทศคู่ค้าสำคัญ ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อและกิจกรรมทางเศรษฐกิจของผู้บริโภคทั่วโลก ในขณะเดียวกันเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อน (MoM) เสื้อผ้าสำเร็จรูปขยายตัวร้อยละ 2.47 จากเสื้อผ้าสำเร็จรูป ทำจากฝ้าย ใยประดิษฐ์ วัตถุทออื่น ๆ และเสื้อผ้าเด็กอ่อน
?แนวโน้มอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ในเดือนธันวาคม 2566 คาดว่า จะขยายตัวเล็กน้อย จากอุปสงค์ภายในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมถึงการเข้าสู่ช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว และการจับจ่ายใช้สอยในช่วงปลายปี อย่างไรก็ตาม อาจจะประสบกับภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และอุปสงค์ของผู้บริโภคที่ลดลง เนื่องจาก ต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้น?
15
ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนพฤศจิกายน 2566
10. อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์
?
อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์รวม
ที่มา : 1. ปริมาณการผลิตและจำหน่ายภายในประเทศ : กองสารสนเทศและดัชนีเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
2. ปริมาณการส่งออก : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์
การผลิตปูนซีเมนต์รวม ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2566 มีจำนวน 5.74 ล้านตัน หดตัวร้อยละ 8.46 (%YoY) เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากความต้องการและคำสั่งซื้อที่ลดลงของปูนเม็ดและปูนซีเมนต์ การจำหน่ายปูนซีเมนต์รวมในประเทศ ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2566 มีปริมาณการจำหน่าย 2.92 ล้านตัน เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน หดตัวร้อยละ 1.51 (%YoY) ตามความต้องการที่ลดลงของปูนซีเมนต์เป็นหลัก เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ
การส่งออกปูนซีเมนต์รวม ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2566 มีจำนวน 0.44 ล้านตัน ขยายตัวร้อยละ 12.08 (%YoY) เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากคำสั่งซื้อปูนเม็ดที่เพิ่มขึ้นในตลาดส่งออกหลักหลายประเทศ เช่น บังคลาเทศ เวียดนาม และกัมพูชา
?คาดการณ์แนวโน้มของอุตสาหกรรมการผลิตปูนซีเมนต์ ในภาพรวมเดือนธันวาคม 2566 คาดว่า จะขยายตัวได้เพิ่มขึ้น จากการเร่งก่อสร้างโครงการของภาครัฐในเดือนสุดท้ายของปี และการกระตุ้นยอดขายของภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะ บ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียม ต้อนรับต้นปี 2567?
?
อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด)
ที่มา : 1. ปริมาณการผลิตและจำหน่ายภายในประเทศ : กองสารสนเทศและดัชนีเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
2. ปริมาณการส่งออก : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์
การผลิตปูนซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด) ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2566 มีจำนวน 3.27 ล้านตัน หดตัวเล็กน้อยร้อยละ 0.04 (%YoY) เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากความต้องการใช้ของตลาดภายในประเทศ การจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศ (ไม่รวมปูนเม็ด) ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2566 มีปริมาณการจำหน่าย 2.85 ล้านตัน หดตัวร้อยละ 3.75 (%YoY) เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากการชะลอตัวของโครงการภาครัฐขนาดใหญ่และเข้าสู่หน้าฝนในพื้นที่จังหวัดภาคใต้
การส่งออกปูนซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด) ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2566 มีจำนวน 0.18 ล้านตัน ลดลงร้อยละ 20.85 (%YoY) เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากการปรับลดคำสั่งซื้อในตลาดส่งออกหลักหลายประเทศ ได้แก่ ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และกัมพูชา ตามความต้องการใช้และการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจ ?คาดการณ์แนวโน้มของอุตสาหกรรมการผลิตปูนซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด) ในเดือนธันวาคม 2566 คาดว่า จะขยายตัวได้เพิ่มขึ้น จากการเร่งก่อสร้างของภาคอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ บ้านจัดสรร อาคารพาณิชย์ และคอนโดมิเนียม เพื่อกระตุ้นตลาดในช่วงปลายปี และการเพิ่มยอดคำสั่งซื้อจากตลาดหลัก?
ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม