ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนมีนาคม 2567

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday June 4, 2024 13:15 —สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

รายงาน

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

1

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนมีนาคม 2567

สถานการณ์การผลิตภาคอุตสาหกรรม Indicators 2565 2566 2566 2567 %YoY Year Year มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. มี.ค.

MPI

1.3

-3.8

-2.8

-8.0

-2.8

-4.2

-3.9

-5.9

-5.9

-2.5

-1.5

-4.7

-2.9

-2.8

-5.1

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนมีนาคม 2567 เมื่อพิจารณาจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) หดตัว ร้อยละ 5.1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยหลักมาจากปัญหาหนี้ครัวเรือนและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้การบริโภคภายในประเทศโดยเฉพาะสินค้ากึ่งคงทนและสินค้าคงทนปรับตัวลดลง เช่น รถยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น ประกอบกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลัก เช่น อาเซียน (5) CLMV ส่งผลให้การส่งออกชะลอตัวในกลุ่มรถยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น

เมื่อพิจารณาข้อมูล MPI ย้อนหลัง 3 เดือน เทียบกับปีก่อน (%YoY) เดือนธันวาคม หดตัวร้อยละ 4.7 เดือนมกราคม หดตัวร้อยละ 2.9 และเดือนกุมภาพันธ์ หดตัวร้อยละ 2.8

สำหรับ 3 เดือนที่ผ่านมา เดือนธันวาคม 2566 เดือนมกราคม เดือนกุมภาพันธ์ 2567 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมหรือ MPI เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา (%MoM) มีอัตราการเปลี่ยนแปลง ดังนี้ เดือนธันวาคม หดตัวร้อยละ 4.9 และเดือนมกราคม ขยายตัวร้อยละ 7.6 และเดือนกุมภาพันธ์ ขยายตัวร้อยละ 0.2

อุตสาหกรรมสำคัญที่ส่งผลให้ MPI เดือนมีนาคม 2567 หดตัวเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน คือ

?

ยานยนต์ หดตัวร้อยละ 22.63 จากรถบรรทุกปิคอัพ รถยนต์นั่งขนาดเล็ก รถยนต์นั่งขนาดใหญ่ และเครื่องยนต์ดีเซลเป็นหลัก ตามการหดตัวของตลาดในประเทศ (-33.15%) เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคอ่อนแอ หนี้สินครัวเรือนอยู่ในระดับสูง ปัญหาการผ่อนชำระหนี้ สถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ

?

น้ำตาล หดตัวร้อยละ 25.26 จากน้ำตาลทรายดิบ กากน้ำตาล และน้ำตาลทรายขาว เป็นหลัก เนื่องจากผลผลิตอ้อยสดมีน้อยกว่าปีก่อนจากปัญหาภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วงทำให้พื้นที่เพาะปลูกได้รับผลกระทบบางพื้นที่

?

ชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ หดตัวร้อยละ 15.33 จาก Integrated circuits (IC) เป็นหลัก ตามการชะลอตัวเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลต่อการบริโภคและลงทุน

อุตสาหกรรมสำคัญที่ยังขยายตัวในเดือนมีนาคม 2567 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน

?

ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม ขยายตัวร้อยละ 5.32 จากน้ำมันเครื่องบิน ก๊าซหุงต้ม และแก๊สโซฮอล์ 91 เป็นหลัก ตามความต้องการใช้ในการเดินทางที่ขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว

?

แป้งมันสำปะหลัง ขยายตัวร้อยละ 47.65 จากแป้งมันสำปะหลัง เป็นหลัก ตามปริมาณหัวมันสดเข้าสู่โรงงานมากกว่าปีก่อนหลังปัญหาโรคใบด่างเริ่มลดลง หัวมันสดได้ราคาดี เกษตรกรขยายพื้นที่เพาะปลูก

?

อาหารสัตว์สำเร็จรูป ขยายตัวร้อยละ 8.45 จากอาหารสัตว์เลี้ยง และอาหารสุกรสำเร็จรูป เป็นหลัก โดยอาหารสัตว์เลี้ยงขยายตัวจากตลาดส่งออก (+33.62%) ตามความนิยมในการเลี้ยงสุนัขและแมว สำหรับอาหารสุกรเพิ่มขึ้นตามปริมาณการเลี้ยงหมูของเกษตรกรที่มีปริมาณเพิ่มมากขึ้น

Indicators 2566 2567 %MoM มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค ก.พ. มี.ค.

MPI

7.4

-20.4

14.4

-2.1

-2.8

2.0

-1.2

-1.6

2.8

-4.9

7.6

0.2

4.8

2

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนมีนาคม 2567

เครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมอื่น ๆ

เดือนมีนาคม 2567

3

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนมีนาคม 2567

เครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมอื่น ๆ เดือนมีนาคม 2567

?

การนำเข้าของภาคอุตสาหกรรมไทย

ที่มา : กระทรวงพาณิชย์ ที่มา : กระทรวงพาณิชย์

การนำเข้าเครื่องจักรที่ใช้ในอุตสาหกรรมและส่วนประกอบ ในเดือนมีนาคม 2567 มีมูลค่า 1,285.51 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 23.02 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยหดตัวจากการนำเข้าสินค้าประเภทเครื่องกังหันไอพ่นและส่วนประกอบ เครื่องจักรใช้ในการก่อสร้าง และส่วนประกอบ เครื่องจักรใช้ในการแปรรูปโลหะ และส่วนประกอบ เป็นต้น

การนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำ) ในเดือนมีนาคม 2567 มีมูลค่า 9,510.48 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 6.08 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยหดตัวจากการนำเข้าสินค้าประเภทเคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ทำจากพลาสติก เป็นต้น

4

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนมีนาคม 2567

สถานภาพการประกอบกิจการอุตสาหกรรม

ที่มา : กรมโรงงานอุตสาหกรรม

โรงงานที่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการในเดือนมีนาคม 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 191 โรงงาน เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 22.44 (%MoM) และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 23.23 (%YoY)

มูลค่าเงินลงทุนรวมจากโรงงานที่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 มีมูลค่ารวม 58,444 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 175.24 (%MoM) และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 603.05 (%YoY)

?อุตสาหกรรมที่มีจำนวนโรงงานเริ่มประกอบกิจการมากที่สุดในเดือนมีนาคม 2567 คือ อุตสาหกรรมการขุดหรือลอกกรวด ทราย หรือดิน จำนวน 20 โรงงาน รองลงมาคือการทำผลิตภัณฑ์คอนกรีต ผลิตภัณฑ์คอนกรีตผสม ผลิตภัณฑ์ยิบซัม หรือผลิตภัณฑ์ปูนปลาสเตอร์ จำนวน 19 โรงงาน?

?อุตสาหกรรมที่มีมูลค่าการลงทุนสูงสุดในเดือนมีนาคม 2567 คือ อุตสาหกรรมการทำอาหารผสมหรืออาหารสำเร็จรูปสำหรับเลี้ยงสัตว์ จำนวนเงินทุน 16,906 ล้านบาท รองลงมาคือ อุตสาหกรรมการทำปุ๋ย หรือสารป้องกันหรือกำจัดศัตรูพืชหรือสัตว์ จำนวนเงินทุน 15,229 ล้านบาท?

5

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนมีนาคม 2567

?

สถานภาพการประกอบกิจการอุตสาหกรรม (ต่อ)

ที่มา : กรมโรงงานอุตสาหกรรม

จำนวนโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการในเดือนมีนาคม 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 160 ราย เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 37.93 (%MoM) และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 185.71 (%YoY)

เงินทุนของการเลิกกิจการในเดือนมีนาคม 2567 มีมูลค่ารวม 3,206 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 37.84 (%MoM) และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 438.78 (%YoY)

?อุตสาหกรรมที่มีจำนวนโรงงานเลิกประกอบกิจการมากที่สุดในเดือนมีนาคม 2567 คือ อุตสาหกรรมการขุดหรือลอก กรวด ทราย หรือดิน จำนวน 23 โรงงาน รองลงมาคืออุตสาหกรรมการทำพลาสติกเป็นเม็ด แท่ง ท่อ หลอด แผ่น ชิ้น ผง หรือรูปทรงต่าง ๆ จำนวน 10 โรงงาน?

?อุตสาหกรรมที่มีการเลิกประกอบกิจการโดยมีเงินลงทุนสูงสุดในเดือนมีนาคม 2567 คือ อุตสาหกรรมการทำส่วนประกอบสำหรับใช้ในการก่อสร้างอาคาร มูลค่าเงินลงทุน 339 ล้านบาท รองลงมาคือการทำเครื่องมือ เครื่องใช้ เครื่องเรือน พลาสติก มูลค่าเงินลงทุน 330 ล้านบาท?

6

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนมีนาคม 2567

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมรายสาขา เดือนมีนาคม 2567

1.

อุตสาหกรรมอาหาร

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอาหาร เดือนมีนาคม 2567 ชะลอตัว (%YoY) ร้อยละ 0.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มสินค้าอาหารที่มีดัชนีผลผลิตชะลอตัว ได้แก่ 1) น้ำตาล หดตัวร้อยละ 25.3 จากน้ำตาลทรายดิบ หดตัวร้อยละ 57.3 และน้ำตาลทรายขาว หดตัวร้อยละ 11.7 เนื่องจากภาวะการผลิตน้ำตาลทรายดิบและน้ำตาลทรายขาวลดน้อยลง จากความต้องการบริโภคในตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะความต้องการนำเข้าน้ำตาลที่ลดลงจากอินโดนีเซียซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ อย่างไรก็ตาม ดัชนีผลผลิตผลิตภัณฑ์อาหารที่ขยายตัว ได้แก่ 1) มันสำปะหลัง ขยายตัวร้อยละ 47.6 จากสินค้าสำคัญคือ แป้งมันสำปะหลัง ขยายตัวร้อยละ 50.9 เนื่องจากภาวะการผลิตมันสำปะหลังที่เพิ่มขึ้นจากความต้องการในอุตสาหกรรมต่อเนื่องของตลาดในประเทศที่เพิ่มขึ้น (อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม อุตสาหกรรมกระดาษ) รวมถึงความต้องการนำเข้าสินค้าทั้งจากประเทศคู่ค้าสำคัญ เช่น จีน และความต้องการจากตลาดใหม่ เช่น อินโดนีเซีย 2) อาหารสัตว์สำเร็จรูป ขยายตัวร้อยละ 8.4 จากสินค้าสำคัญคือ อาหารสัตว์เลี้ยงสำเร็จรูป ขยายตัวร้อยละ 14.5 เนื่องจากการผลิตที่เพิ่มขึ้นตามคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นจากตลาดต่างประเทศ โดยตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงสำเร็จรูปที่สำคัญ ได้แก่ อเมริกา ญี่ปุ่น อิตาลี 3) ผักและผลไม้แปรรูป ขยายตัวร้อยละ 3.2 จากสินค้าสำคัญคือ น้ำผัก น้ำผลไม้ ขยายตัวร้อยละ 6.5 และผักผลไม้อบแห้ง ขยายตัวร้อยละ 2.6 เนื่องจากความต้องการบริโภคจากตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น 4) ประมง ขยายตัวร้อยละ 2.1 จากสินค้าสำคัญ ได้แก่ ปลาแช่แข็ง ขยายตัวร้อยละ 8.5 เนื่องจากความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้นจากตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ 5) ปศุสัตว์ ขยายตัวร้อยละ 1.1 จากสินค้าสำคัญคือ เนื้อสุกรแช่เย็นแช่แข็ง ขยายตัวร้อยละ 18.0 เนื่องจากความต้องการบริโภคที่เพิ่มขึ้นจากตลาดในประเทศ

ที่มา : กระทรวงพาณิชย์

ดัชนีผลผลิตกลุ่มเครื่องดื่ม ขยายตัวร้อยละ 6.5 จากสินค้าสำคัญ ได้แก่ สุราขาว เบียร์ น้ำอัดลม และน้ำดื่มบริสุทธิ์ เนื่องจากการผลิตที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการสินค้าทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ผู้ผลิตผลิตสินค้าเพื่อเตรียมสต็อกสำหรับเทศกาลสงกรานต์ในเดือนเมษายน อีกทั้งสภาพอากาศที่ร้อนจัดส่งผลต่อความต้องการบริโภคเครื่องดื่มเพิ่มมากขึ้น

ตลาดในประเทศ ปริมาณการผลิตเพื่อจำหน่ายสินค้าอาหารในประเทศเดือนมีนาคม 2567 ขยายตัว (%YoY) ร้อยละ 14.2 เช่น 1) อาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง ขยายตัวร้อยละ 14.2 2) เนื้อสุกรแช่แข็งแช่เย็น ขยายตัวร้อยละ 13.3 3) แป้งมันสำปะหลัง ขยายตัวร้อยละ 8.4 และ 4) นมพร้อมดื่ม ขยายตัวร้อยละ 7.5

ตลาดต่างประเทศ การส่งออกสินค้าอาหารเดือนมีนาคม 2567 ในภาพรวมชะลอตัวร้อยละ 11.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากสินค้ากลุ่มน้ำตาลทรายและน้ำมันปาล์ม แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีสินค้าที่ยังคงขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ข้าว โดยมีตลาดหลัก คือ อินโดนีเซีย สหรัฐอเมริกา ฟิลิปปินส์ ในส่วนของมูลค่าการส่งออกกลุ่มเครื่องดื่มชะลอตัวร้อยละ 3.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีตลาดหลัก คือ เมียนมา กัมพูชา เวียดนาม

?คาดว่าดัชนีผลผลิตของอุตสาหกรรมอาหารเดือนเมษายน 2567 ในภาพรวมมีแนวโน้มชะลอตัว เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามภาวะเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม ในส่วนของภาคการท่องเที่ยว คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเดินทางเข้ามามากขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ สำหรับมูลค่าการส่งออกคาดว่าจะขยายตัว เนื่องจากความกังวลด้านความมั่นคงด้านอาหาร ส่งผลต่อความต้องการนำเข้าสินค้าของประเทศคู่ค้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามสถานการณ์ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจในประเทศคู่ค้าที่ยังคงชะลอตัว รวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ?

7

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนมีนาคม 2567

2. อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์

?

อุตสาหกรรมไฟฟ้า

ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และกระทรวงพาณิชย์

การผลิตสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า มีดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 110.3 ปรับตัวลดลงร้อยละ 3.9 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากชะลอตัวตามสถานการณ์ของเศรษฐกิจโลก โดยสินค้าที่ปรับตัวลดลง ได้แก่ สายเคเบิ้ล เตาไมโครเวฟ คอมเพรสเซอร์ กระติกน้ำร้อน มอเตอร์ไฟฟ้า และหม้อหุงข้าว ลดลงร้อยละ 39.6, 31.4, 24.3, 13.6, 11.4 และ 6.7 ตามลำดับ เนื่องจากมีความต้องการสินค้าในประเทศและคำสั่งซื้อจากต่างประเทศลดลง ในขณะที่สินค้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ สายไฟฟ้า หม้อแปลงไฟฟ้า เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ และตู้เย็น เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.4, 34.9, 11.0, 3.5 และ 3.2 ตามลำดับ เนื่องจากมีความต้องการสินค้าในตลาดโลกและมีการจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะสายไฟฟ้าและหม้อแปลงไฟฟ้าที่ขยายตัวจากความต้องการผลิตและก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในประเทศ

การส่งออกสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า มีมูลค่า 2,679.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงร้อยละ 8.8 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าที่มีคำสั่งซื้อลดลง ได้แก่ เตาอบไมโครเวฟ มีมูลค่า 15.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 20.7 ในตลาดญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และไต้หวัน เครื่องตัดต่อและป้องกันวงจรไฟฟ้า มีมูลค่า 153.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 15.8 ในตลาดญี่ปุ่น ฮ่องกง และจีน เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ มีมูลค่า 741.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 12.7 ในตลาดสหรัฐอเมริกา อิตาลี และฝรั่งเศส พัดลม มีมูลค่า 50.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 9.9 ในตลาดจีน เวียดนาม และเยอรมนี มอเตอร์และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า มีมูลค่า 77.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 6.2 ในตลาดสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นและเยอรมนี ในขณะที่สินค้าที่มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น ได้แก่ หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ มีมูลค่า 395.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 ในตลาดสหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์ และไต้หวัน เครื่องซักผ้า ซักแห้ง และส่วนประกอบ มีมูลค่า 123.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 ในตลาดเม็กซิโก มาเลเซีย และแคนาดา แผงสวิทซ์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า มีมูลค่า 291.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.9 ในตลาดสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์และมาเลเซีย สายไฟฟ้า สายเคเบิ้ล มีมูลค่า 94.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 ในตลาดสหรัฐอเมริกา และฮ่องกง

?คาดการณ์การผลิตเดือนเมษายน 2567 อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า คาดว่า จะยังคงชะลอตัวลง เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความต้องการชะลอตัวลงตามสถานการณ์ของเศรษฐกิจโลก?

?

อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์

ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และกระทรวงพาณิชย์

การผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ มีดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 66.2 ปรับตัวลดลงร้อยละ 20.0 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าที่ปรับตัวลดลง ได้แก่ HDD Semiconductor devices Transistors, IC, และ PWB โดยลดลงร้อยละ 38.5, 27.0, 26.4 และ 26.4 ตามลำดับ โดยเฉพาะ HDD ที่ผลิตลดลงเป็นผลมาจากความต้องการในตลาดโลกลดลง ประกอบกับเทคโนโลยีความจุต่อชิ้นที่มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ความต้องการใช้ HDD ใน Data Center ยังคงเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป ในขณะที่สินค้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ Printer และ PCBA โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.9 และ 0.4 ตามลำดับ โดย Printer ขยายตัวเนื่องจากเทคโนโลยีการพิมพ์มีความหลากหลายของฟังก์ชั่นการใช้งานส่งผลต่อความต้องการของผู้บริโภคในประเทศในกลุ่มผู้ประกอบการ SME

การส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ มีมูลค่า 4,206.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงร้อยละ 8.4 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความต้องการสินค้าของตลาดโลกชะลอตัว โดยสินค้าที่มีคำสั่งซื้อลดลง ได้แก่ HDD มีมูลค่า 899.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 36.2 ในตลาดสหรัฐอเมริกา ฮ่องกง และเนเธอร์แลนด์ แผงวงจรไฟฟ้า มีมูลค่า 663.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 18.2 ในตลาดฮ่องกง สิงคโปร์ และญี่ปุ่น อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด มีมูลค่า 391.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 16.1 ในตลาดอินเดีย เวียดนาม และญี่ปุ่น วงจรพิมพ์ มีมูลค่า 105.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 15.6 ในตลาดสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และจีน

?คาดการณ์การผลิตเดือนเมษายน 2567 อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ คาดว่าจะยังคงทรงตัว เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น และแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อย่างค่อยเป็นค่อยไปตามความต้องการของตลาดโลกดิจิทัล?

8

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนมีนาคม 2567

3. อุตสาหกรรมยานยนต์

?

อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม รวบรวมจากกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

การผลิตรถยนต์ ในเดือนมีนาคม ปี 2567 มีจำนวน 138,331 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 23.08 (%YoY) โดยเป็นการปรับลดลงของการผลิตรถยนต์นั่ง และรถยนต์กระบะ 1 ตัน ทั้งนี้ การผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2567 ร้อยละ 3.47 (%MoM)

การจำหน่ายรถยนต์ในประเทศ ในเดือนมีนาคม ปี 2567 มีจำนวน 56,099 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 29.83 (%YoY) โดยเป็นการปรับลดลงของการจำหน่ายรถยนต์นั่งและรถยนต์กระบะ 1 ตัน เนื่องจากหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง สถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการให้สินเชื่อมากขึ้น นอกจากนี้อัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้นส่งผลต่ออุปสงค์ในประเทศ ทั้งนี้ การจำหน่ายเพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2567 ร้อยละ 6.16 (%MoM)

การส่งออกรถยนต์ ในเดือนมีนาคม ปี 2567 มีจำนวน 95,089 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 3.35 (%YoY) ทั้งนี้ การส่งออกเพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2567 ร้อยละ 7.18 (%MoM) และเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันจากการเริ่มฟื้นตัวของตลาดต่างประเทศ

?คาดการณ์แนวโน้มของอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ในเดือนเมษายน ปี 2567 ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนเมษายน ปี 2566 เนื่องจากแนวโน้มการชะลอตัวของตลาดในประเทศ?

?

อุตสาหกรรมการผลิตรถจักรยานยนต์

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม รวบรวมจากกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

การผลิตรถจักรยานยนต์ ในเดือนมีนาคม ปี 2567 มีจำนวน 179,806 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 9.42 (%YoY) จากการลดลงของการผลิตรถจักรยานยนต์แบบอเนกประสงค์และสปอร์ต ทั้งนี้ การผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2567 ร้อยละ 2.30 (%MoM)

การจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ในเดือนมีนาคม ปี 2567 มียอดจำหน่ายจำนวน 149,938 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 18.72 (%YoY) จากการลดลงของยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ขนาด 51-110 ซีซี 111-125 ซีซี 126-250 ซีซี 251-399 ซีซี และมากกว่า 400 ซีซี ทั้งนี้ การจำหน่ายเพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2567 ร้อยละ 4.37 (%MoM)

การส่งออกรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป ในเดือนมีนาคม ปี 2567 มีจำนวน 46,611 คัน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 1.66 (%YoY) และการส่งออกเพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2567 ร้อยละ 4.40 (%MoM)

?คาดการณ์แนวโน้มของอุตสาหกรรมการผลิตรถจักรยานยนต์ในเดือนเมษายน ปี 2567 ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนเมษายน ปี 2566 เนื่องจากแนวโน้มการชะลอตัวของตลาดในประเทศ?

9

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนมีนาคม 2567

4. อุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยางพารา

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

การผลิต

ยางแปรรูปขั้นปฐม (ยางแผ่น ยางแท่ง และน้ำยางข้น) ลดลงร้อยละ 10.32 จากการชะลอตัวของการผลิตยางแท่ง และน้ำยางข้น

ยางรถยนต์ ลดลงร้อยละ 4.26 จากการลดลงของการผลิตยางรถยนต์นั่ง ยางรถบรรทุกและรถโดยสาร และยางรถแทรกเตอร์

ถุงมือยาง เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.76 จากการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในประเทศและต่างประเทศ

การจำหน่ายในประเทศ

ยางแปรรูปขั้นปฐม (ยางแผ่น ยางแท่ง และน้ำยางข้น) ลดลงร้อยละ 2.88 จากความต้องการยางแท่ง และน้ำยางข้น ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่ลดลง

ยางรถยนต์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.14 จากความต้องการยางรถยนต์ในตลาด REM (Replacement Equipment Manufacturing) ที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นหลัก

ถุงมือยาง เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.55 จากความต้องการถุงมือยางทางการแพทย์ในประเทศที่อยู่ในระดับสูง

การส่งออก

ยางแปรรูปขั้นปฐม (ยางแผ่น ยางแท่ง และน้ำยางข้น) มีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 36.88 เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของการส่งออกยางแผ่นและยางแท่งไปตลาดสหรัฐอเมริกา

ยางรถยนต์ มีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.29 จากการขยายตัวที่ดีของการส่งออกไปตลาดสหรัฐอเมริกา จีน และเวียดนาม

ถุงมือยาง มีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.16 จากความต้องการถุงมือยางในตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้น

ที่มา: กระทรวงพาณิชย์

คาดการณ์ภาวะอุตสาหกรรมเดือนเมษายน 2567

การผลิตยางแปรรูปขั้นปฐม (ยางแผ่น ยางแท่ง และน้ำยางข้น) คาดว่า จะกลับมามีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น จากการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ สำหรับการผลิตยางรถยนต์คาดว่าจะขยายตัว จากการผลิตเพื่อตอบสนองอุปสงค์ ความต้องการของตลาดต่างประเทศเป็นหลัก ในส่วนของการผลิตถุงมือยางคาดว่าจะยังขยายตัวจากการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการในประเทศและต่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การจำหน่ายถุงมือยางในประเทศ คาดว่าจะขยายตัว จากความต้องการถุงมือยางทางการแพทย์ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงกลางปี 2566

การส่งออกยางแปรรูปขั้นปฐม (ยางแผ่น ยางแท่ง และน้ำยางข้น) คาดว่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น เป็นผลจากตลาดส่งออกสำคัญ อาทิ สหรัฐอเมริกา จีนและญี่ปุ่น มีแนวโน้มสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจากไทยเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะยางแท่ง ในส่วนของการส่งออกยางรถยนต์ คาดว่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากอุปสงค์ความต้องการยางรถยนต์ในตลาดสำคัญ ทางด้านการส่งออกถุงมือยาง คาดว่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น จากการฟื้นตัวของความต้องการถุงมือยางในตลาดโลกและฐานตัวเลขการส่งออกเมื่อปีที่ผ่านมาที่อยู่ในระดับต่ำ

10

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนมีนาคม 2567

5. อุตสาหกรรมพลาสติก

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

ที่มา : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือ จากกรมศุลกากร

ดัชนีผลผลิต เดือนมีนาคม ปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 3.19 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยดัชนีผลผลิตขยายตัวในหลาย ๆ ผลิตภัณฑ์ เช่น พลาสติกแผ่น ขยายตัวร้อยละ 25.21 ถุงพลาสติก ขยายตัวร้อยละ 7.54 แผ่นฟิล์มพลาสติก ขยายตัวร้อยละ 4.85 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ดัชนีการส่งสินค้า เดือนมีนาคม ปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 1.90 โดยผลิตภัณฑ์ที่ขยายตัว เช่น เครื่องใช้ประจำโต๊ะอาหาร ครัว และห้องน้ำขยายตัวร้อยละ 34.41 ถุงพลาสติก ขยายตัวร้อยละ 10.13 และพลาสติกแผ่น ขยายตัวร้อยละ 4.04 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

การส่งออก เดือนมีนาคม ปี 2567 มีมูลค่ารวม 374.42 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือขยายตัวร้อยละ 1.50 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลให้การส่งออกขยายตัว เช่น ผลิตภัณฑ์พลาสติกปูพื้น (HS 3918) ขยายตัวร้อยละ 163.68 ผลิตภัณฑ์เครื่องสุขภัณฑ์พลาสติก (HS 3922) ขยายตัวร้อยละ 77.42 และผลิตภัณฑ์แผ่น แผ่นบาง ฟิล์ม ฟอยล์ และแถบอื่น ๆ ชนิดยึดติดในตัว (HS 3919) ขยายตัวร้อยละ 23.28 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

การนำเข้า เดือนมีนาคม ปี 2567 มีมูลค่ารวม 407.89 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือหดตัวร้อยละ 10.90 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลิตภัณฑ์หลักที่ส่งผลให้การนำเข้าหดตัว เช่น ผลิตภัณฑ์ใยยาวเดี่ยว (HS 3916) หดตัวร้อยละ 25.06 ผลิตภัณฑ์พลาสติกปูพื้น (HS 3918) หดตัวร้อยละ 21.62 และแผ่น แผ่นบาง ฟิล์ม ฟอยล์ และแถบชนิดอื่นทำด้วยพลาสติกที่ไม่ทำเป็นแบบเซลลูลาร์ (HS 3920) หดตัวลดลงร้อยละ 18.47 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

?แนวโน้มอุตสาหกรรมพลาสติก เดือนเมษายน 2567 คาดการณ์ว่า สถานการณ์การผลิตเพิ่มขึ้นจากการบริโภคภายในประเทศมีทิศทางดีขึ้น และการส่งออกมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มมากขึ้นจากตลาดหลัก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ฟิลิปปินส์ และอินเดีย?

ดัชนีผลผลิต-ดัชนีการส่งสินค้า

ปริมาณและมูลค่าการส่งออก-นาเข้า

11

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนมีนาคม 2567

6. อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์

ดัชนีผลผลิต - ดัชนีการส่งสินค้า ปริมาณและมูลค่าการส่งออกและการนาเข้า

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ที่มา : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์

โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร

ดัชนีผลผลิต เดือนมีนาคม ปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 2.27 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มเคมีภัณฑ์พื้นฐานขยายตัวร้อยละ 1.82 ผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตขยายตัว ได้แก่ ก๊าซไนโตรเจน ขยายตัวร้อยละ 12.67 ก๊าซไฮโดรเจน ขยายตัวร้อยละ 11.48 และโซดาไฟ ขยายตัวร้อยละ 7.95 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในกลุ่มเคมีภัณฑ์ขั้นปลาย ขยายตัวร้อยละ 2.48 ผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตขยายตัว ได้แก่ ปุ๋ยเคมี ขยายตัวร้อยละ 30.33 ผงซักฟอก ขยายตัวร้อยละ 9.83 และน้ำยาทำความสะอาด ขยายตัวร้อยละ 8.91 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ดัชนีการส่งสินค้า เดือนมีนาคม ปี 2567 หดตัวร้อยละ 11.06 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มเคมีภัณฑ์พื้นฐานหดตัวร้อยละ 12.65 ผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตหดตัว ได้แก่ เมทิลเอสเตอร์ (ไบโอดีเซล) หดตัวร้อยละ 20.39 คลอรีน หดตัวร้อยละ 20.35 และก๊าซออกซิเจน หดตัวร้อยละ 12.84 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในส่วนเคมีภัณฑ์ขั้นปลาย หดตัวร้อยละ 10.08 ผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตหดตัว ได้แก่ สีน้ำพลาสติก หดตัวตัวร้อยละ 21.10 ยาสระผม หดตัวร้อยละ 6.86 และน้ำยาล้างจาน หดตัวร้อยละ 5.36 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

การส่งออกเคมีภัณฑ์ เดือนมีนาคม ปี 2567 มูลค่าส่งออกรวม 820.90 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 1.77 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการส่งออกของกลุ่มเคมีภัณฑ์พื้นฐาน มีมูลค่าการส่งออก 429.26 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 10.99 ในส่วนของเคมีภัณฑ์ขั้นปลาย มีมูลค่าการส่งออก 391.63 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 10.80

เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกหดตัว เช่น เคมีเบ็ดเตล็ด หดตัวร้อยละ 30.45 ปุ๋ย หดตัวร้อยละ 19.71 และเคมีภัณฑ์อนินทรีย์ หดตัวร้อยละ 8.03 เป็นต้น

การนำเข้า เดือนมีนาคม ปี 2567 มูลค่าการนำเข้ารวม 1,260.08 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือหดตัวร้อยละ 29.37 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มเคมีภัณฑ์พื้นฐานมีมูลค่าการนำเข้า 664.53 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือหดตัวร้อยละ 42.84 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในส่วนเคมีภัณฑ์ขั้นปลายมีมูลค่าการนำเข้า 595.55 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 4.20 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลให้การนำเข้าหดตัว เช่น เครื่องสำอาง หดตัวร้อยละ 24.43 เคมีเบ็ดเตล็ด หดตัวร้อยละ 18.98 และเคมีภัณฑ์อนินทรีย์ หดตัวร้อยละ 16.22 เป็นต้น

?แนวโน้มอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ เดือนเมษายน 2567 คาดการณ์ว่าการผลิตลดลงเนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ผู้ประกอบการชะลอการผลิตเพื่อรอดูสถานการณ์น้ำมัน การส่งออกสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน อาทิ เม็ดพลาสติก และเคมีภัณฑ์ ชะลอตัวเนื่องจากราคาต้นทุนวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น?

12

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนมีนาคม 2567

7. อุตสาหกรรมปิโตรเคมี

ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

ดัชนีผลผลิต การผลิตอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เดือนมีนาคม ปี 2567 อยู่ที่ระดับ 87.39 หรือปรับตัวลดลงร้อยละ 3.91 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นปิโตรเคมีขั้นปลาย ได้แก่ PP resin และ PE resin หดตัวร้อยละ 18.11 และ 7.49 ส่วนปิโตรเคมีขั้นต้น ได้แก่ Propylene หดตัวร้อยละ 4.49 เป็นผลจากการปิดซ่อมบำรุงของโรงงานเมื่อปีก่อน แต่อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบกับเดือนก่อน การผลิตภาพรวมปรับตัวดีขึ้นร้อยละ 8.82 ส่วนการผลิตเม็ดพลาสติกชีวภาพ PLA ปรับตัวลดลงจากปีก่อนร้อยละ 14.49 จากวัตถุดิบที่ลดลง

ดัชนีการส่งสินค้า เดือนมีนาคม ปี 2567 อยู่ที่ระดับ 79.02 ปรับตัวลดลงร้อยละ 8.92 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นปิโตรเคมีขั้นพื้นฐาน ได้แก่ Benzene หดตัวร้อยละ 51.55 และปิโตรเคมีขั้นปลาย ได้แก่ PP resin หดตัวร้อยละ 16.52 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ดัชนีการส่งออกปรับตัวลดลงร้อยละ 3.92

การส่งออก เดือนมีนาคม ปี 2567 มีมูลค่า 885.28 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือปรับตัวลดลงร้อยละ 13.11 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการปรับลดลงในกลุ่มปิโตรเคมีขั้นปลาย เช่น PE resin ร้อยละ 22.73 เป็นต้น และปรับตัวลดลงในกลุ่มปิโตรเคมีขั้นพื้นฐาน เช่น Propylene ร้อยละ 62.47 เป็นต้น เนื่องจากสถานการณ์ตลาดต่างประเทศมีความต้องการในการผลิตอุตสาหกรรมปลายน้ำลดลง และเมื่อเทียบกับเดือนก่อน การส่งออกปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.12

ที่มา : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร

การนำเข้า เดือนมีนาคม ปี 2567 มีมูลค่า 589.15 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.39 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นในกลุ่มปิโตรเคมีขั้นพื้นฐาน เช่น Ethylene ร้อยละ 24.26 และปรับตัวเพิ่มขึ้นในกลุ่มปิโตรเคมีขั้นปลาย เช่น PE resin ร้อยละ 14.96 และเมื่อเทียบกับเดือนก่อน การนำเข้าปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.92

?แนวโน้มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เดือนเมษายน ปี 2567 คาดว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมการผลิตจะชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการผลิตกลับมาผลิตได้หลังจากซ่อมบำรุงในช่วงปลายปีก่อนถึงต้นปี แต่ความต้องการใช้พลาสติกที่ลดลงจากการชะลอตัวของการส่งออก โดยเฉพาะปิโตรเคมีขั้นพื้นฐาน เช่น Ethylene และ Propylene จากระดับราคาที่ปรับผันผวนตามราคาน้ำมันดิบที่เป็นผลกระทบจากการชะลอการผลิตในหลายประเทศ จากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อ ยังทำให้การผลิตยังคงชะลอตัว?

13

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนมีนาคม 2567

8. อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมและสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย

ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ในเดือนมีนาคม 2567 มีค่า 89.9 หดตัวร้อยละ 8.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการชะลอตัวของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น อุตสาหกรรมก่อสร้าง เมื่อพิจารณาตามผลิตภัณฑ์หลัก พบว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมหดตัวในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยการผลิตเหล็กทรงยาวหดตัวร้อยละ 4.6 ผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตหดตัว เช่น เหล็กเส้นกลม เหล็กโครงสร้างรูปพรรณชนิดรีดร้อน และลวดเหล็กแรงดึงสูง การผลิตเหล็กทรงแบนหดตัวร้อยละ 7.8 ผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตหดตัว ได้แก่ เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี และเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน และการผลิตท่อเหล็กกล้าหดตัวร้อยละ 17.3

การบริโภคในประเทศ ในเดือนมีนาคม 2567 มีปริมาณการบริโภค 1.3 ล้านตัน หดตัวร้อยละ 25.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การบริโภคหดตัวทั้งในผลิตภัณฑ์เหล็กทรงยาวและผลิตภัณฑ์เหล็กทรงแบน โดยเหล็กทรงยาว มีปริมาณการบริโภค 0.5 ล้านตัน หดตัวร้อยละ 11.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการบริโภคเหล็กเส้นและเหล็กโครงสร้าง ขณะที่เหล็กทรงแบน มีปริมาณการบริโภค 0.8 ล้านตัน หดตัวร้อยละ 31.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการบริโภคเหล็กแผ่นหนารีดร้อน เหล็กแผ่นบางรีดร้อน เหล็กแผ่นรีดเย็น เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี และเหล็กแผ่นเคลือบดีบุก

การนำเข้า ในเดือนมีนาคม 2567 มีปริมาณการนำเข้า 0.9 ล้านตัน หดตัวร้อยละ 26.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งหดตัวในกลุ่มเหล็กทรงแบน โดยเหล็กทรงแบนมีปริมาณการนำเข้า 0.7 ล้านตัน หดตัวร้อยละ 33.0 ผลิตภัณฑ์เหล็กทรงแบนที่มีการนำเข้าหดตัว เช่น เหล็กแผ่นบางรีดร้อน ประเภท Alloy Steel (ประเทศหลักที่ไทยนำเข้าลดลง คือ ญี่ปุ่น จีนและเกาหลีใต้) เหล็กแผ่นบางรีดร้อน ประเภท Carbon Steel (ประเทศหลักที่ไทยนำเข้าลดลง คือ ญี่ปุ่น จีน และเวียดนาม) และเหล็กแผ่นรีดเย็นประเภท Alloy Steel (ประเทศหลักที่ไทยนำเข้าลดลง คือ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้) ขณะที่เหล็กทรงยาว มีปริมาณการนำเข้า 0.2 ล้านตัน ขยายตัวร้อยละ 2.4 ผลิตภัณฑ์เหล็กทรงยาวที่มีการนำเข้าขยายตัว เช่น เหล็กโครงสร้าง ประเภท Carbon Steel (ประเทศหลักที่ไทยนำเข้าเพิ่มขึ้น คือ จีน) เหล็กลวด ประเภท Carbon Steel (ประเทศหลักที่ไทยนำเข้าเพิ่มขึ้น คือ มาเลเซีย และจีน) และเหล็กลวด ประเภท Alloy Steel (ประเทศหลักที่ไทยนำเข้าเพิ่มขึ้น คือ จีน)

?แนวโน้มอุตสาหกรรมเหล็กในเดือนเมษายน 2567 คาดการณ์ว่า การผลิตจะทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาเหล็กในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวลดลง ทำให้ผู้บริโภคชะลอการสั่งซื้อเพื่อดูทิศทางราคา ประกอบกับคาดว่าจะมีการนำเข้าเหล็กที่มีราคาถูกจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ มีประเด็นสำคัญที่ควรติดตาม อาทิ สถานการณ์เศรษฐกิจและการค้าโลก ราคาเหล็กต่างประเทศ และการดำเนินโครงการก่อสร้างต่าง ๆ ของภาครัฐที่คาดว่าจะกลับมาดำเนินการได้ตามการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลต่อการผลิตและบริโภคเหล็กของไทย?

14

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนมีนาคม 2567

9. อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

การผลิต

เส้นใยสิ่งทอ ขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 โดยขยายตัวร้อยละ 3.66 (YoY) ในกลุ่มเส้นใยประดิษฐ์ และกลุ่มด้ายจากเส้นใยประดิษฐ์ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เส้นใยโพลีเอสเตอร์ และเส้นใยเรยอน จากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลาย โดยนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเสื้อผ้ากีฬา สิ่งทอภายในบ้าน และชิ้นส่วนยานยนต์

ผ้าผืน หดตัวร้อยละ 17.61 (YoY) สำหรับเสื้อผ้าสำเร็จรูปหดตัวร้อยละ 9.68 (YoY) ในกลุ่มเสื้อผ้าทอ และเสื้อผ้าถัก ในขณะเดียวกัน เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อน (MoM) พบว่า เส้นใยสิ่งทอ และผ้าผืนยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยได้รับอานิสงค์เชิงบวกจากเทศกาลสงกรานต์ส่งผลให้เส้นใยสิ่งทอขยายตัวร้อยละ 3.58 จากผลิตภัณฑ์เส้นใยโพลีเอสเตอร์ และด้ายจากเส้นใยประดิษฐ์ ในส่วนผ้าผืนขยายตัวร้อยละ 6.72

การจำหน่ายในประเทศ

เส้นใยสิ่งทอ ขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 โดยขยายตัวร้อยละ 3.48 (YoY) ในกลุ่มด้ายจากเส้นใยประดิษฐ์ และเส้นด้ายฝ้าย

ผ้าผืน หดตัวร้อยละ 17.56 (YoY) เสื้อผ้าสำเร็จรูป หดตัวร้อยละ 13.45 (YoY) เป็นผลจากการปรับลดกำลังการผลิต ประกอบกับความต้องการของผู้บริโภคที่ชะลอตัวลง และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยเลือกซื้อสินค้าราคาถูกจากจีนมากขึ้น

ที่มา : กระทรวงพาณิชย์

การนำเข้า

ด้ายและเส้นใย หดตัวร้อยละ 21.48 (YoY) และผ้าผืนหดตัวร้อยละ 19.82 (YoY) ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ จากคำสั่งซื้อผ้าผืนและเสื้อผ้าทั้งในประเทศและต่างประเทศลดลง จึงลดปริมาณนำเข้าวัตถุดิบต้นน้ำและกลางน้ำ ประกอบกับมีการใช้เส้นด้ายและเส้นใยสิ่งทอในประเทศทดแทนเพิ่มขึ้น

เสื้อผ้าสำเร็จรูป ขยายตัวร้อยละ 12.51 (YoY) จากการนำเข้าสินค้าราคาถูกจากจีน ตามพฤติกรรมการบริโภคที่ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวโดยลดการซื้อของฟุ่มเฟือย เพื่อลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

การส่งออก

เส้นใยสิ่งทอ หดตัวร้อยละ 0.56 (YoY)

ผ้าผืน หดตัวร้อยละ 9.10 (YoY) ทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์

สำหรับเสื้อผ้าสำเร็จรูป ขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 โดยขยายตัวร้อยละ 2.57 (YoY) จากการส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปทำจากวัตถุทออื่น ๆ เป็นหลัก ในตลาดสำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเบลเยียม ในขณะเดียวกัน เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อน (MoM) พบว่า เส้นใยสิ่งทอ ผ้าผืน และเสื้อผ้าสำเร็จรูป ขยายตัวตลอดทั้งห่วงโซ่ผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม โดยขยายตัวร้อยละ 8.81 8.13 และ 2.91 ตามลำดับ จากการฟื้นตัวของทิศทางเศรษฐกิจและการค้าโลกที่ปรับตัวดีขึ้น

?แนวโน้มอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ในเดือนเมษายน 2567 คาดว่าจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง จากอุปสงค์ภายในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ อย่างไรก็ตาม อาจจะประสบกับภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และอุปสงค์ของผู้บริโภคที่ลดลง รวมถึงการนำเข้าสินค้าราคาถูกที่ไม่ได้มาตรฐานจากต่างประเทศ กดดันความสามารถในการแข่งขันของผู้ผลิตสินค้าในไทย?

15

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนมีนาคม 2567

10. อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์

? อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์รวม

0.0

1.0

2.0

3.0

4.0

5.0

6.0

7.0

8.0

9.0

มี ค ค ก ค ก ม ค มี ค

ที่มา : 1. ปริมาณการผลิตและจำหน่ายภายในประเทศ : กองสารสนเทศและดัชนีเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

2. ปริมาณการส่งออก : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์

การผลิตปูนซีเมนต์รวม ในเดือนมีนาคม ปี 2567

มีจำนวน 6.75 ล้านตัน หดตัวร้อยละ 11.58 (%YoY) เมื่อเทียบ

กับเดือนเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากความต้องการและ

คำสั่งซื้อที่ลดลงของตลาดภายในประเทศและตลาดส่งออกกับ

ประเทศคู่ค้าสำคัญ

การจำหน่ายปูนซีเมนต์รวมในประเทศ ในเดือน

มีนาคม ปี 2567 มีปริมาณการจำหน่าย 3.27 ล้านตัน

เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน หดตัวร้อยละ 6.74 (%YoY)

ตามความต้องการที่ลดลงของปูนซีเมนต์เป็นหลัก เนื่องจาก

การชะลอตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศในโครงการก่อสร้าง

ภาครัฐและอสังหาริมทรัพย์

การส่งออกปูนซีเมนต์รวม ในเดือนมีนาคม ปี 2567

มีจำนวน 0.65 ล้านตัน ขยายตัวร้อยละ 25.58 (%YoY) เมื่อเทียบ

กับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากคำสั่งซื้อปูนซีเมนต์ที่เพิ่มขึ้น

ในตลาดส่งออกหลักหลายประเทศ เช่น ออสเตรเลีย

สปป.ลาว และสหรัฐอเมริกา

?คาดการณ์แนวโน้มของอุตสาหกรรมการผลิตปูนซีเมนต์

ในภาพรวมเดือนเมษายน 2567 คาดว่า จะขยายตัวได้เพิ่มขึ้น

จากการเร่งก่อสร้างโครงการของภาครัฐ และมาตรการกระตุ้น

ตลาดของภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะบ้านจัดสรร และ

คอนโดมิเนียม?

? อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด)

0.0

0.5

1.0

1.5

2.0

2.5

3.0

3.5

4.0

4.5

มี ค ค ก ค ก ม ค มี ค

ที่มา : 1. ปริมาณการผลิตและจำหน่ายภายในประเทศ : กองสารสนเทศและดัชนีเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

2. ปริมาณการส่งออก : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดย

ความร่วมมือของกรมศุลกากร

การผลิตปูนซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด) ในเดือนมีนาคม

ปี 2567 มีจำน วน 3.63 ล้าน ตัน ห ด ตัวร้อยละ 12.66

(%YoY) เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากความต้องการ

ลดลงของตลาดภายในประเทศ

การจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศ (ไม่รวมปูนเม็ด)

ในเดือนมีนาคม ปี 2567 มีปริมาณการจำหน่าย 3.27 ล้านตัน

หดตัวร้อยละ 15.09 (%YoY) เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของ

ปีก่อน จากการชะลอตัวของโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ

และอสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียม

การส่งออกปูนซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด) ในเดือนมีนาคม

ปี 2567 มีจำนวน 0.23 ล้านตัน หดตัวร้อยละ 3.23 (%YoY)

เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากการส่งออกไปบังคลาเทศ

และเมียนมา ที่ลดคำสั่งซื้อลงอย่างมาก เนื่องจากความต้องการใช้

เพื่อก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่และสาธารณูปโภคชะลอตัว

?คาดการณ์แนวโน้มของอุตสาหกรรมการผลิตปูนซีเมนต์

(ไม่รวมปูนเม็ด) ในเดือนเมษายน 2567 คาดว่า จะขยายตัวได้

เพิ่มขึ้น จากการเร่งก่อสร้างของภาคอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ บ้าน

จัดสรร อาคารพาณิชย์ และคอนโดมิเนียม เพื่อกระตุ้นยอด

คำสั่งซื้อและการส่งเสริมในมาตรการต่าง ๆ จากรัฐบาล?

ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ