รายงาน
ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
1
ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนเมษายน 2567
สถานการณ์การผลิตภาคอุตสาหกรรม Indicators 2565 2566 2566 2567 %YoY Year Year เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย.
MPI
1.3
-3.8
-8.0
-2.8
-4.2
-3.9
-5.9
-5.9
-2.5
-1.5
-4.7
-2.9
-2.8
-4.9
3.4
ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนเมษายน 2567 เมื่อพิจารณาจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) อยู่ที่ระดับ 90.34 ขยายตัวร้อยละ 3.4 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยหลักมาจากฐานของปีก่อนต่ำ เนื่องจากเดือนเมษายน ปี 2566 ค่าดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมค่อนข้างต่ำ (MPI เดือนเมษายน 2566 อยู่ที่ 87.35) และภาคการท่องเที่ยวขยายตัวในเกณฑ์ดี ส่งผลให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องได้รับอานิสงค์ เช่น อาหารและเครื่องดื่ม และการกลั่นน้ำมัน เป็นต้น
เมื่อพิจารณาข้อมูล MPI ย้อนหลัง 3 เดือน เทียบกับปีก่อน (%YoY) เดือนมกราคม หดตัวร้อยละ 2.9 เดือนกุมภาพันธ์ หดตัวร้อยละ 2.8 และเดือนมีนาคม หดตัวร้อยละ 4.9
สำหรับ 3 เดือนที่ผ่านมา เดือนมกราคม เดือนกุมภาพันธ์ เดือนมีนาคม 2567 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมหรือ MPI เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา (%MoM) มีอัตราการเปลี่ยนแปลง ดังนี้ เดือนมกราคม ขยายตัวร้อยละ 7.6 เดือนกุมภาพันธ์ ขยายตัวร้อยละ 0.2 และเดือนมีนาคม ขยายตัวร้อยละ 5.0
อุตสาหกรรมสำคัญที่ส่งผลให้ MPI เดือนเมษายน 2567 ขยายตัวเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน คือ
? เครื่องปรับอากาศ ขยายตัวร้อยละ 24.19 ตามความต้องการบริโภคมากขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศร้อนจัดและผู้ผลิตพัฒนาสินค้าตรงตามความต้องการของผู้บริโภค อาทิ กรอง PM 2.5 โดยขยายตัวทั้งตลาดในประเทศ (+18.64%) และตลาดส่งออก (+15.54%) ไปสหรัฐฯ ยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลาง
? ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม ขยายตัวร้อยละ 4.78 จากน้ำมันเครื่องบิน ก๊าซหุงต้ม และแก๊สโซฮอล์ 91 เป็นหลัก โดยน้ำมันเครื่องบินและแก๊สโซฮอล์ 91 ขยายตัวตามการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว โดยเฉพาะเทศกาลสงกรานต์ปีนี้คึกคักกว่าปีก่อน ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางท่องเที่ยวและกลับภูมิลำเนาเพิ่มขึ้น
? อาหารสัตว์สำเร็จรูป ขยายตัวร้อยละ 18.11 จากอาหารสัตว์เลี้ยง อาหารไก่ และอาหารสุกร เป็นหลัก โดยอาหารสัตว์เลี้ยงขยายตัวจากตลาดส่งออก (+36.25%) ตามความนิยมในการเลี้ยงสุนัขและแมว เนื่องจากคำสั่งซื้อจากตลาดยุโรปเพิ่มขึ้น รวมทั้งอาหารไก่และอาหารสุกร ก็เพิ่มขึ้นตามปริมาณการเลี้ยงของเกษตรกร
อุตสาหกรรมสำคัญที่หดตัวในเดือนเมษายน 2567 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน
? ชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ หดตัวร้อยละ 17.16 จาก Integrated Circuits (IC) และ PCBA เป็นหลัก ตามการชะลอตัวของตลาดอิเล็กทรอนิกส์โลก
? ยานยนต์ หดตัวร้อยละ 6.82 จากรถบรรทุกปิคอัพ รถยนต์นั่งขนาดเล็ก และรถยนต์นั่งขนาดใหญ่ เป็นหลัก ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจ กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง อีกทั้งสถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ โดยหดตัวทั้งตลาดในประเทศ (-27.97%) และตลาดส่งออก (-6.81%)
? ปูนซีเมนต์ หดตัวร้อยละ 7.39 จากพื้นสำเร็จรูป และเสาเข็มคอนกรีต เป็นหลัก ตามการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ Indicators 2566 2567 %MoM เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค ก.พ. มี.ค. เม.ย.
MPI
-20.4
14.4
-2.1
-2.8
2.0
-1.2
-1.6
2.8
-4.9
7.6
0.2
5.0
-13.4
2
ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนเมษายน 2567
เครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมอื่น ๆ
เดือนเมษายน 2567
3
ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนเมษายน 2567
เครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมอื่น ๆ เดือนเมษายน 2567
?
การนำเข้าของภาคอุตสาหกรรมไทย
ที่มา : กระทรวงพาณิชย์ ที่มา : กระทรวงพาณิชย์
การนำเข้าเครื่องจักรที่ใช้ในอุตสาหกรรมและส่วนประกอบ ในเดือนเมษายน 2567 มีมูลค่า 1,495.85 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 3.90 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยขยายตัวจากการนำเข้าสินค้าประเภทเครื่องจักรใช้ในการแปรรูปไม้และส่วนประกอบ เครื่องจักรใช้ในการแปรรูปยาง หรือพลาสติก เครื่องจักรในอุตสาหกรรมการพิมพ์ เป็นต้น
การนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำ) ในเดือนเมษายน 2567 มีมูลค่า 9,240.34 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 6.90 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยขยายตัวจากการนำเข้าสินค้าประเภทเครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ อุปกรณ์ ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ปุ๋ย และยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์ เป็นต้น
4
ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนเมษายน 2567
?
สถานภาพการประกอบกิจการอุตสาหกรรม
ที่มา : กรมโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานที่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการในเดือนเมษายน 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 163 โรงงาน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 61.39 (%YoY) แต่ลดลงจากเดือนมีนาคม 2567 ร้อยละ 14.66 (%MoM)
มูลค่าเงินลงทุนรวมจากโรงงานที่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการในเดือนเมษายน 2567 มีมูลค่ารวม 36,624 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 322.22 (%YoY) แต่ลดลงจากเดือนมีนาคม 2567 ร้อยละ 37.34 (%MoM)
?อุตสาหกรรมที่มีจำนวนโรงงานเริ่มประกอบกิจการมากที่สุดในเดือนเมษายน 2567 คือ การทำผลิตภัณฑ์คอนกรีต ผลิตภัณฑ์คอนกรีตผสม ผลิตภัณฑ์ยิบซัม หรือผลิตภัณฑ์ปูนปลาสเตอร์ จำนวน 27 โรงงาน รองลงมาคือ อุตสาหกรรมการขุดหรือลอกกรวด ทราย หรือดิน จำนวน 25 โรงงาน?
?อุตสาหกรรมที่มีมูลค่าการลงทุนสูงสุดในเดือนเมษายน 2567 คือ การผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานความร้อน จำนวนเงินทุน 10,374 ล้านบาท รองลงมาคือ การผลิตพลังงานไฟฟ้าจาก พลังงานแสงอาทิตย์ จำนวนเงินทุน 4,475 ล้านบาท?
5
ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนเมษายน 2567
?
สถานภาพการประกอบกิจการอุตสาหกรรม (ต่อ)
ที่มา : กรมโรงงานอุตสาหกรรม
จำนวนโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการในเดือนเมษายน 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 100 ราย เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 488.24 (%YoY) แต่ลดลงจากเดือนมีนาคม 2567 ร้อยละ 37.50 (%MoM)
เงินทุนของการเลิกกิจการในเดือนเมษายน 2567 มีมูลค่ารวม 3,708 ล้านบาท ลดจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 89.64 (%YoY) แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคม 2567 ร้อยละ 15.68 (%MoM)
?อุตสาหกรรมที่มีจำนวนโรงงานเลิกประกอบกิจการมากที่สุดในเดือนเมษายน 2567 คือ การทำผลิตภัณฑ์คอนกรีต ผลิตภัณฑ์คอนกรีตผสมผลิตภัณฑ์ยิบซัม จำนวน 10 โรงงาน รองลงมาคือ การขุดหรือลอก กรวด ทราย หรือดิน จำนวน 7 โรงงาน และการสี ฝัด หรือขัดข้าว จำนวน 7 โรงงาน?
?อุตสาหกรรมที่มีการเลิกประกอบกิจการโดยมีเงินลงทุนสูงสุดในเดือนเมษายน 2567 คือ การผลิต ประกอบ ดัดแปลง หรือซ่อมแซมเครื่องรับวิทยุ เครื่องรับโทรทัศน์ มูลค่าเงินลงทุน 1,522 ล้านบาท รองลงมาคือ การหมัก คาร์บอไนซ์ สาง หวี รีด ปั่น อบ หรือย้อมสีเส้นใย มูลค่าเงินลงทุน 420 ล้านบาท?
6
ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนเมษายน 2567
ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมรายสาขา เดือนเมษายน 2567
1.
อุตสาหกรรมอาหาร
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอาหาร เดือนเมษายน 2567 ขยายตัว (%YoY) ร้อยละ 9.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มสินค้าอาหารที่มีดัชนีผลผลิตขยายตัว ได้แก่ 1) มันสำปะหลัง ขยายตัวร้อยละ 74.4 จากสินค้าสำคัญคือ แป้งมันสำปะหลัง ขยายตัวร้อยละ 83.6 เนื่องจากภาวะการผลิตแป้งมันสำปะหลังที่เพิ่มขึ้น จากความต้องการนำเข้าสินค้า ทั้งจากประเทศคู่ค้าสำคัญเช่น จีน และความต้องการจากตลาดใหม่ เช่น อินโดนีเซีย 2) อาหารสัตว์สำเร็จรูป ขยายตัวร้อยละ 18.1 จากสินค้าสำคัญคือ อาหารสัตว์เลี้ยงสำเร็จรูป ขยายตัวร้อยละ 32.2 เนื่องจากการผลิตที่เพิ่มขึ้นตามคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น จากตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงสำเร็จรูปที่สำคัญ ได้แก่ อเมริกา ญี่ปุ่น มาเลเซีย 3) ผักและผลไม้แปรรูป ขยายตัวร้อยละ 10.7 จากสินค้าสำคัญคือ ผักผลไม้อบแห้ง ขยายตัวร้อยละ 13.0 และน้ำผัก น้ำผลไม้ ขยายตัวร้อยละ 4.9 เนื่องจากความต้องการบริโภคจากตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น 4) ประมง ขยายตัวร้อยละ 6.2 จากสินค้าสำคัญ ได้แก่ ปลาแช่แข็ง ขยายตัวร้อยละ 8.7 เนื่องจากความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้นจากตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ 5) ปศุสัตว์ ขยายตัวร้อยละ 3.2 จากสินค้าสำคัญคือ เนื้อสุกรแช่เย็นแช่แข็ง ขยายตัวร้อยละ 14.2 เนื่องจากความต้องการบริโภคที่เพิ่มขึ้นจากตลาดในประเทศ อย่างไรก็ตาม ยังมีดัชนีผลผลิตอาหารที่ชะลอตัว ได้แก่ น้ำตาล ชะลอตัวร้อยละ 5.1 จากน้ำตาลทรายขาว ชะลอตัวร้อยละ 7.2 และน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ ชะลอตัว ร้อยละ 6.3 เนื่องจากภาวะการผลิตน้ำตาลทรายขาวและน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ลดน้อยลง จากอ้อยเข้าหีบที่มีปริมาณน้อยลงกว่าฤดูกาลก่อนจากปัญหาภัยแล้ง รวมถึงความต้องการนำเข้าที่ลดลงจากอินโดนีเซียซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่
ที่มา : กระทรวงพาณิชย์
ดัชนีผลผลิตกลุ่มเครื่องดื่ม ขยายตัวร้อยละ 12.5 จากสินค้าสำคัญ ได้แก่ สุราขาว เบียร์ น้ำอัดลม และเครื่องดื่มบำรุงกำลัง เนื่องจากการผลิตที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการสินค้าที่มากขึ้น สำหรับเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลสงกรานต์ รวมถึงความต้องการในตลาดต่างประเทศ อีกทั้งสภาพอากาศที่ร้อนจัดส่งผลต่อความต้องการบริโภคเครื่องดื่มเพิ่มมากขึ้น
ตลาดในประเทศ ปริมาณการผลิตเพื่อจำหน่ายสินค้าอาหารในประเทศเดือนเมษายน 2567 ชะลอตัว (%YoY) ร้อยละ 5.7 เช่น 1) สับปะรดกระป๋อง หดตัวร้อยละ 33.4 2) ปลาทูน่ากระป๋อง หดตัวร้อยละ 26.9 3) น้ำตาลทรายขาว หดตัวร้อยละ 13.7 และ 4) เค้ก ชะลอตัวร้อยละ 6.4
ตลาดต่างประเทศ การส่งออกสินค้าอาหารเดือนเมษายน 2567 ในภาพรวมชะลอตัวร้อยละ 0.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากสินค้ากลุ่มน้ำตาลทรายน้ำมันปาล์ม และผักผลไม้ แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีสินค้าที่ยังคงขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ข้าว โดยมีตลาดหลัก คือ อิรัก อินโดนีเซีย แอฟริกาใต้ และสหรัฐอเมริกา ในส่วนของมูลค่าการส่งออกกลุ่มเครื่องดื่มขยายตัวร้อยละ 10.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีตลาดหลัก คือ กัมพูชา เมียนมา เวียดนาม
?คาดว่าดัชนีผลผลิตของอุตสาหกรรมอาหารเดือนพฤษภาคม 2567 ในภาพรวมมีแนวโน้มขยายตัว เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดี รวมถึงนโยบายภาครัฐที่ช่วยบรรเทาค่าใช้จ่าย สำหรับมูลค่าการส่งออกคาดว่าจะขยายตัว เนื่องจากความกังวลด้านความมั่นคงอาหาร ทำให้ความต้องการนำเข้าสินค้าของประเทศคู่ค้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามสถานการณ์ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก รวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ?
7
ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนเมษายน 2567
2. อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
?
อุตสาหกรรมไฟฟ้า
ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และกระทรวงพาณิชย์
การผลิตสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า มีดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 102.5 ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.6 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ หม้อแปลงไฟฟ้า สายไฟฟ้า พัดลมตามบ้าน เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า และมอเตอร์ไฟฟ้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 92.3, 65.5, 40.9, 35.3, 20.2 16.4 และ 11.9 ตามลำดับ เนื่องจากมีความต้องการสินค้าในตลาดโลกและมีการจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสายไฟฟ้าและหม้อแปลงไฟฟ้าที่ขยายตัวจากความต้องการผลิตและก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในประเทศ ในขณะที่สินค้าที่ปรับตัวลดลง ได้แก่ กระติกน้ำร้อน คอมเพรสเซอร์ หม้อหุงข้าว เตาไมโครเวฟ และสายเคเบิ้ล ลดลงร้อยละ 22.4, 16.8, 8.4, 6.3 และ 0.1 ตามลำดับ เนื่องจากมีความต้องการสินค้าในประเทศลดลง
การส่งออกสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า มีมูลค่า 2,278.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงร้อยละ 10.5 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าที่มีคำสั่งซื้อลดลง ได้แก่ เตาอบไมโครเวฟ มีมูลค่า 13.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 7.2 ในตลาดญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และไต้หวัน เครื่องตัดต่อและป้องกันวงจรไฟฟ้า มีมูลค่า 122.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 4.8 ในตลาดญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และจีน พัดลม มีมูลค่า 44.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 3.1 ในตลาดสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นและเยอรมนี ในขณะที่สินค้าที่มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น ได้แก่ หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ มีมูลค่า 345.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.4 ในตลาดสหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์ และไต้หวัน เครื่องซักผ้า ซักแห้ง และส่วนประกอบ มีมูลค่า 108.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.8 ในตลาดสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเวียดนาม แผงสวิทซ์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า มีมูลค่า 217.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.8 ในตลาดสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ และจีน สายไฟฟ้า สายเคเบิ้ล มีมูลค่า 79.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.7 ในตลาดสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และจีน เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ มีมูลค่า 625.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.9 ในตลาดสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และเวียดนาม มอเตอร์และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า มีมูลค่า 75.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.9 ในตลาดญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และจีน
?คาดการณ์การผลิตเดือนพฤษภาคม 2567 อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า คาดว่า จะยังคงทรงตัว เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสถานการณ์ของเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แน่นอน?
?
อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์
ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และกระทรวงพาณิชย์
การผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ มีดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 61.0 ปรับตัวลดลงร้อยละ 5.3 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าที่ปรับตัวลดลง ได้แก่ Semiconductor devices Transistors, IC, และ PCBA ลดลงร้อยละ 25.5, 22.6 และ 12.5 ตามลำดับ เนื่องจากการชะลอตัวตามแนวโน้มของตลาดโลกที่ยังไม่แน่นอน ในขณะที่สินค้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ Printer, HDD และ PWB เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.8, 20.9 และ 1.5 ตามลำดับ โดย Printer ขยายตัว เนื่องจากเทคโนโลยีการพิมพ์มีฟังก์ชั่นการใช้งานหลากหลายส่งผลต่อความต้องการของผู้บริโภค และ HDD ที่มีความต้องการใช้ใน Data Center จากการเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปของอุตสาหกรรม
การส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ มีมูลค่า 3,901.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 43.5 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากการขยายตัวจากคู่ค้าหลัก เช่น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และจีน โดยเฉพาะ HDD ที่มีความต้องการใช้ใน Data Center และความต้องการเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลจำนวนมากและความก้าวหน้าของเทคโนโลยีส่งผลต่อการเติบโตของอุตสาหกรรม โดยสินค้าที่มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น ได้แก่ HDD มีมูลค่า 586.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 85.2 ในตลาดสหรัฐอเมริกา ฮ่องกง และเนเธอร์แลนด์ และวงจรพิมพ์ มีมูลค่า 101.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 ในตลาดสหรัฐอเมริกา เวียดนาม และเกาหลีใต้ ในขณะที่สินค้าที่มีคำสั่งซื้อลดลง ได้แก่ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด มีมูลค่า 367.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 15.9 ในตลาดฮ่องกง เวียดนาม และจีน และแผงวงจรไฟฟ้า มีมูลค่า 656.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 9.2 ในตลาดสิงคโปร์ จีน และไต้หวัน
?คาดการณ์การผลิตเดือนพฤษภาคม 2567 อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ คาดว่าจะยังคงทรงตัว เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อย่างค่อยเป็นค่อยไปตามความต้องการของตลาดโลก ประกอบการการพัฒนาอุปกรณ์เทคโนโลยีใหม่และ AI?
8
ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนเมษายน 2567
3. อุตสาหกรรมยานยนต์
?
อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม รวบรวมจากกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
การผลิตรถยนต์ ในเดือนเมษายน ปี 2567 มีจำนวน 140,667 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 11.02 (%YoY) โดยเป็นการปรับลดลงของการผลิตรถยนต์นั่ง และรถยนต์กระบะ 1 ตัน และการผลิตลดลงจากเดือนมีนาคม ปี 2567 ร้อยละ 24.34 (%MoM) เนื่องจากมีวันหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์
การจำหน่ายรถยนต์ในประเทศ ในเดือนเมษายน ปี 2567 มีจำนวน 46,738 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 21.49 (%YoY) โดยเป็นการปรับลดลงของการจำหน่ายรถยนต์นั่งและรถยนต์กระบะ 1 ตัน เนื่องจากหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง สถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการให้สินเชื่อมากขึ้น นอกจากนี้อัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้นส่งผลต่ออุปสงค์ในประเทศ และการจำหน่ายลดลงจากเดือนมีนาคม ปี 2567 ร้อยละ 16.69 (%MoM)
การส่งออกรถยนต์ ในเดือนเมษายน ปี 2567 มีจำนวน 70,160 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 12.23 (%YoY) และการส่งออกลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2567 ร้อยละ 26.22 (%MoM)
?คาดการณ์แนวโน้มของอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ในเดือนพฤษภาคม ปี 2567 ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม ปี 2566 เนื่องจากแนวโน้มการชะลอตัวของตลาดในประเทศ?
?
อุตสาหกรรมการผลิตรถจักรยานยนต์
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม รวบรวมจากกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
การผลิตรถจักรยานยนต์ ในเดือนเมษายน ปี 2567 มีจำนวน 136,387 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 2.89 (%YoY) จากการลดลงของการผลิตรถจักรยานยนต์แบบสปอร์ต และการผลิตลดลงจากเดือนมีนาคม ปี 2567 ร้อยละ 24.15 (%MoM) เนื่องจากมีวันหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์
การจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ในเดือนเมษายน ปี 2567 มียอดจำหน่ายจำนวน 127,045 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 2.49 (%YoY) จากการเพิ่มขึ้นของยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ขนาด 111-125 ซีซี 251-399 ซีซี ทั้งนี้ การจำหน่ายลดลงจากเดือนมีนาคม ปี 2567 ร้อยละ 15.27 (%MoM)
การส่งออกรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป ในเดือนเมษายน ปี 2567 มีจำนวน 27,245 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 21.09 (%YoY) และการส่งออกลดลงจากเดือนมีนาคม ปี 2567 ร้อยละ 44.55 (%MoM)
?คาดการณ์แนวโน้มของอุตสาหกรรมการผลิตรถจักรยานยนต์ในเดือนพฤษภาคม ปี 2567 ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม ปี 2566 เนื่องจากแนวโน้มการชะลอตัวของตลาดในประเทศ?
9
ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนเมษายน 2567
4. อุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยางพารา
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
การผลิต
ยางแปรรูปขั้นปฐม (ยางแผ่น ยางแท่ง และน้ำยางข้น) ลดลงร้อยละ 8.84 จากการชะลอตัวของการผลิตยางแท่ง และน้ำยางข้น
ยางรถยนต์ ลดลงร้อยละ 4.97 จากการลดลงของการผลิตยางรถยนต์นั่ง ยางรถบรรทุกและรถโดยสาร
ถุงมือยาง เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.30 จากการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในประเทศและต่างประเทศ
การจำหน่ายในประเทศ
ยางแปรรูปขั้นปฐม (ยางแผ่น ยางแท่ง และน้ำยางข้น) เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.53 จากความต้องการยางแท่งและยางแท่งในอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่เพิ่มขึ้น
ยางรถยนต์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.49 จากความต้องการยางรถยนต์ในตลาด REM (Replacement Equipment Manufacturing) ที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นหลัก
ถุงมือยาง เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.42 จากความต้องการถุงมือยางทางการแพทย์ในประเทศที่อยู่ในระดับสูง
การส่งออก
ยางแปรรูปขั้นปฐม (ยางแผ่น ยางแท่ง และน้ำยางข้น) มีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 36.47 เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของการส่งออกยางแผ่นไปตลาดสเปน ยางแท่งไปตลาดสหรัฐอเมริกา และน้ำยางข้นไปตลาดมาเลเซีย
ยางรถยนต์ มีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.67 จากการขยายตัวที่ดีของการส่งออกไปตลาดสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก
ถุงมือยาง มีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.08 จากความต้องการถุงมือยางในตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้น
ที่มา: กระทรวงพาณิชย์
คาดการณ์ภาวะอุตสาหกรรมเดือนพฤษภาคม 2567
การผลิตยางแปรรูปขั้นปฐม (ยางแผ่น ยางแท่ง และน้ำยางข้น) คาดว่า จะกลับมามีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น จากการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ สำหรับการผลิตยางรถยนต์คาดว่าจะขยายตัว จากการผลิตเพื่อตอบสนองอุปสงค์ ความต้องการของตลาดต่างประเทศเป็นหลัก ในส่วนของการผลิตถุงมือยางคาดว่าจะยังขยายตัวจากการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการในประเทศและต่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การจำหน่ายถุงมือยางในประเทศ คาดว่าจะขยายตัว จากความต้องการถุงมือยางทางการแพทย์ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงกลางปี 2566
การส่งออกยางแปรรูปขั้นปฐม (ยางแผ่น ยางแท่ง และน้ำยางข้น) คาดว่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น เป็นผลจากตลาดส่งออกสำคัญ อาทิ สหรัฐอเมริกา และมาเลเซีย มีแนวโน้มสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจากไทยเพิ่มขึ้น ในส่วนของการส่งออกยางรถยนต์ คาดว่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากอุปสงค์ความต้องการยางรถยนต์ในตลาดสำคัญ โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐอเมริกา ทางด้านการส่งออกถุงมือยาง คาดว่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น จากการฟื้นตัวของความต้องการถุงมือยางในตลาดโลก
10
ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนเมษายน 2567
5. อุตสาหกรรมพลาสติก
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
ที่มา : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือ จากกรมศุลกากร
ดัชนีผลผลิต เดือนเมษายน ปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 10.47 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยดัชนีผลผลิตขยายตัวในหลาย ๆ ผลิตภัณฑ์ เช่น เครื่องใช้ประจำโต๊ะอาหาร ครัว และห้องน้ำ ขยายตัวร้อยละ 48.33 แผ่นฟิล์มพลาสติก ขยายตัวร้อยละ 33.25 และพลาสติกแผ่น ขยายตัวร้อยละ 21.90 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ดัชนีการส่งสินค้า เดือนเมษายน ปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 13.77 โดยผลิตภัณฑ์ที่ขยายตัว เช่น พลาสติกแผ่น ขยายตัวร้อยละ 30.51 แผ่นฟิล์มพลาสติก ขยายตัวร้อยละ 27.51 และถุงพลาสติก ขยายตัวร้อยละ 17.81 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
การส่งออก เดือนเมษายน ปี 2567 มีมูลค่ารวม 361.00 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือขยายตัวร้อยละ 28.74 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลให้การส่งออกขยายตัว เช่น ผลิตภัณฑ์พลาสติกปูพื้น (HS 3918) ขยายตัวร้อยละ 281.56 เครื่องสุขภัณฑ์ (HS 3926) ขยายตัวร้อยละ 86.75 และผลิตภัณฑ์แผ่น แผ่นบาง ฟิล์ม ฟอยล์ และแถบอื่น ๆ ชนิดยึดติดในตัว (HS 3919) ขยายตัวร้อยละ 71.15 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
การนำเข้า เดือนเมษายน ปี 2567 มีมูลค่ารวม 445.98 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือขยายตัวร้อยละ 13.97 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลิตภัณฑ์หลักที่ส่งผลให้การนำเข้าขยายตัว เช่น ผลิตภัณฑ์เครื่องประกอบอาคาร (HS3925) ขยายตัวร้อยละ 53.94 ผลิตภัณฑ์หลอดหรือท่อ (HS 3917) ขยายตัวร้อยละ 30.17 และผลิตภัณฑ์แผ่น แผ่นบาง ฟิล์ม ฟอยล์ และแถบชนิดอื่น ๆ ที่เป็นแบบเซลลูลาร์ (HS 3921) ขยายร้อยละ 25.73 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
?แนวโน้มอุตสาหกรรมพลาสติก เดือนพฤษภาคม 2567 คาดการณ์ว่า สถานการณ์การผลิตเริ่มมีทิศทางดีขึ้นจากการบริโภคภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น และการส่งออกมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มมากขึ้นจากตลาดหลัก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ เป็นต้น?
ดัชนีผลผลิต-ดัชนีการส่งสินค้า
ปริมาณและมูลค่าการส่งออก-นาเข้า
11
ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนเมษายน 2567
6. อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์
ดัชนีผลผลิต - ดัชนีการส่งสินค้า ปริมาณและมูลค่าการส่งออกและการนาเข้า
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ที่มา : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์
โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร
ดัชนีผลผลิต เดือนเมษายน ปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 13.38 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มเคมีภัณฑ์พื้นฐานขยายตัวร้อยละ 4.22 ผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตขยายตัว ได้แก่ ก๊าซไฮโดรเจน ขยายตัวร้อยละ 18.96 กรดเกลือ ขยายตัวร้อยละ 11.18 และโซดาไฟ ขยายตัวร้อยละ 7.90 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในกลุ่มเคมีภัณฑ์ขั้นปลาย ขยายตัวร้อยละ 19.14 ผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตขยายตัว ได้แก่ แป้งฝุ่น ขยายตัวร้อยละ 61.76 ปุ๋ยเคมี ขยายตัวร้อยละ 35.29 และสีอุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ 27.08 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ดัชนีการส่งสินค้า เดือนเมษายน ปี 2567 หดตัวร้อยละ 0.90 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มเคมีภัณฑ์พื้นฐานหดตัวร้อยละ 7.91 ผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตหดตัว ได้แก่ คลอรีน หดตัวร้อยละ 22.11 เมทิลเอสเตอร์ (ไบโอดีเซล) หดตัวร้อยละ 18.19 และก๊าซออกซิเจน หดตัวร้อยละ 11.02 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในส่วนเคมีภัณฑ์ขั้นปลาย ขยายตัวร้อยละ 3.96 ผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตขยายตัว ได้แก่ แป้งฝุ่น ขยายตัวร้อยละ 42.83 สีน้ำมัน ขยายตัวร้อยละ 28.74 และน้ำยาทำความสะอาด ขยายตัวร้อยละ 23.44 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
การส่งออกเคมีภัณฑ์ เดือนเมษายน ปี 2567 มูลค่าส่งออกรวม 760.61 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 5.25 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการส่งออกของกลุ่มเคมีภัณฑ์ขั้นปลาย มีมูลค่าการส่งออก 363.04 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 16.38 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกขยายตัว เช่น สี ขยายตัว
ร้อยละ 22.14 เครื่องสำอาง ขยายตัวร้อยละ 21.05 และสาร
ลดแรงตึงผิว ขยายตัวร้อยละ 13.12 เป็นต้น ในส่วนของเคมีภัณฑ์พื้นฐาน มีมูลค่าการส่งออก 397.57 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 3.21 เป็นต้น
การนำเข้า เดือนเมษายน ปี 2567 มูลค่าการนำเข้ารวม 1,676.80 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือหดตัวร้อยละ 8.97 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มเคมีภัณฑ์ขั้นปลายมีมูลค่าการนำเข้า 674.63 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 31.52 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลให้การนำเข้าขยายตัว เช่น ปุ๋ย ขยายตัวร้อยละ 45.29 สี ขยายตัวร้อยละ 25.84 และสารลดแรงตึงผิว ขยายตัวร้อยละ 21.70 เป็นต้น ในส่วนเคมีภัณฑ์พื้นฐานมีมูลค่าการนำเข้า 1,002.17 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือหดตัวร้อยละ 2.31 เป็นต้น
?แนวโน้มอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ เดือนพฤษภาคม 2567 คาดการณ์ว่าการผลิตมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นจากความต้องการของผู้บริโภคที่มีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์เคมีบางชนิดขยายตัวเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในส่วนของสถานการณ์การส่งออกมีทิศทางที่ดีขึ้นจากตลาดหลัก ได้แก่ อินเดีย เวียดนาม และสหรัฐอเมริกา?
12
ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนเมษายน 2567
7. อุตสาหกรรมปิโตรเคมี
ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
ดัชนีผลผลิต การผลิตอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เดือนเมษายน ปี 2567 อยู่ที่ระดับ 94.02 หรือปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.16 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.15 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยเป็นปิโตรเคมีขั้นปลาย ได้แก่ PET resin และ PP resin ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.54 และ 6.18 ส่วนปิโตรเคมีขั้นต้น ได้แก่ Ethylene เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.46 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนหนึ่งจากการปิดปรับปรุงโรงงานปิโตรเคมีขั้นต้นในปีก่อนสำหรับการผลิตเม็ดพลาสติกชีวภาพ PLA ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 27.90
ดัชนีการส่งสินค้า เดือนเมษายน ปี 2567 อยู่ที่ระดับ 81.98 ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.92 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.23 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยเป็นปิโตรเคมีขั้นปลาย ได้แก่ PET resin ขยายตัวร้อยละ 14.11 และปิโตรเคมีขั้นต้น ได้แก่ Propylene หดตัวร้อยละ 41.13 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
การส่งออก เดือนเมษายน ปี 2567 มีมูลค่า 827.35 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือปรับตัวลดลงร้อยละ 4.43 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และปรับตัวลดลงร้อยละ 3.27 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ซึ่งเป็นการปรับลดลงในกลุ่มปิโตรเคมีขั้นปลาย เช่น PE resin ร้อยละ 11.03 เป็นต้น และปรับตัวลดลงในกลุ่มปิโตรเคมีขั้นต้น เช่น Propylene ร้อยละ 41.13 เป็นต้น เนื่องจากสถานการณ์ตลาดต่างประเทศมีความต้องการในการผลิตอุตสาหกรรมปลายน้ำลดลง
ที่มา : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร
การนำเข้า เดือนเมษายน ปี 2567 มีมูลค่า 506.21 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.72 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และปรับตัวลดลงร้อยละ 14.08 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นในกลุ่มปิโตรเคมีขั้นปลาย เช่น PE resin ร้อยละ 15.49 แต่ปรับตัวลดลงในกลุ่มปิโตรเคมีขั้นต้น เช่น Propylene กว่าร้อยละ 90 เป็นต้น
?แนวโน้มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เดือนพฤษภาคม ปี 2567 คาดว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมการผลิตจะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการผลิตกลับมาผลิตได้หลังจากซ่อมบำรุงในช่วงปลายปีก่อนถึงต้นปี และจะมีความต้องการจากต่างประเทศมาทดแทนจากการที่โรงงานปิโตรเคมีในประเทศอาเซียนเริ่มหยุดซ่อมบำรุงหลังจากที่แนวโน้มการผลิตชะลอตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง?
13
ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนเมษายน 2567
8. อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมและสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย
ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ในเดือนเมษายน 2567 มีค่า 75.8 หดตัวร้อยละ 3.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการชะลอตัวของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น อุตสาหกรรมก่อสร้าง และอุตสาหกรรมยานยนต์ เมื่อพิจารณาตามผลิตภัณฑ์หลัก พบว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมหดตัวในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยการผลิตเหล็กทรงยาวหดตัวร้อยละ 1.3 ผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตหดตัว เช่น เหล็กเส้นกลม เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ ชนิดรีดร้อน และเหล็กเส้นข้ออ้อย การผลิตเหล็กทรงแบนหดตัวร้อยละ 6.1 ผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตหดตัว ได้แก่ เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี และเหล็กแผ่นรีดเย็น และการผลิตท่อเหล็กกล้าหดตัวร้อยละ 4.2
การบริโภคในประเทศ ในเดือนเมษายน 2567 มีปริมาณการบริโภค 1.3 ล้านตัน ขยายตัวร้อยละ 0.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการบริโภคผลิตภัณฑ์เหล็กทรงแบน โดยเหล็กทรงแบน มีปริมาณการบริโภค 0.8 ล้านตัน ขยายตัวร้อยละ 3.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการบริโภคเหล็กแผ่นหนารีดร้อน เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี และเหล็กแผ่นเคลือบโครเมี่ยม ขณะที่เหล็กทรงยาว มีปริมาณการบริโภค 0.5 ล้านตัน หดตัวร้อยละ 5.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการบริโภคเหล็กเส้น เหล็กโครงสร้าง และเหล็กลวด
การนำเข้า ในเดือนเมษายน 2567 มีปริมาณการนำเข้า 0.9 ล้านตัน ขยายตัวร้อยละ 1.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการนำเข้าผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเหล็กทรงแบน โดยเหล็กทรงแบนมีปริมาณการนำเข้า 0.7 ล้านตัน ขยายตัวร้อยละ 4.5 ผลิตภัณฑ์เหล็กทรงแบนที่มีการนำเข้าขยายตัว เช่น เหล็กแผ่นบางรีดร้อน ประเภท Carbon Steel (ประเทศหลักที่ไทยนำเข้าเพิ่มขึ้น คือ ญี่ปุ่น จีน และไต้หวัน) เหล็กแผ่นหนารีดร้อน ประเภท Carbon Steel (ประเทศหลักที่ไทยนำเข้าเพิ่มขึ้น คือ จีน ญี่ปุ่น และอินโดนีเซีย) และเหล็กแผ่นรีดเย็นประเภท Stainless Steel (ประเทศหลักที่ไทยนำเข้าเพิ่มขึ้น คือ จีน ญี่ปุ่น และไต้หวัน) ขณะที่เหล็กทรงยาว มีปริมาณการนำเข้า 0.2 ล้านตัน หดตัวร้อยละ 7.6 ผลิตภัณฑ์เหล็กทรงยาวที่มีการนำเข้าหดตัว เช่น เหล็กเส้น ประเภท Carbon Steel (ประเทศหลักที่ไทยนำเข้าลดลง คือ ญี่ปุ่น และจีน) เหล็กเส้น ประเภท Alloy Steel (ประเทศหลักที่ไทยนำเข้าลดลง คือ ญี่ปุ่น และจีน)และเหล็กลวด ประเภท Carbon Steel (ประเทศหลักที่ไทยนำเข้าลดลง คือ จีน และญี่ปุ่น)
?แนวโน้มอุตสาหกรรมเหล็กในเดือนพฤษภาคม 2567 คาดการณ์ว่า การผลิตจะทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีประเด็นสำคัญที่ควรติดตาม อาทิ สถานการณ์เศรษฐกิจและการค้าโลก ราคาเหล็กต่างประเทศ และการดำเนินโครงการก่อสร้างต่าง ๆ ของภาครัฐที่คาดว่าจะกลับมาดำเนินการได้ตามการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลต่อการผลิตและบริโภคเหล็กของไทย?
14
ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนเมษายน 2567
9.อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
การผลิต เส้นใยสิ่งทอ ขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 โดยขยายตัวร้อยละ 6.95 (YoY) ในกลุ่มเส้นใยประดิษฐ์ เส้นด้ายฝ้าย และเส้นด้ายจากเส้นใยประดิษฐ์ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เส้นใยโพลีเอสเตอร์ และเส้นใยเรยอน จากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลาย โดยนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเสื้อผ้ากีฬา สิ่งทอภายในบ้าน และชิ้นส่วนยานยนต์ ผ้าผืนขยายตัวร้อยละ 3.29 (YoY) ในกลุ่มผ้าทอ (ใยสังเคราะห์) และผ้าขนหนู สำหรับเสื้อผ้าสำเร็จรูปหดตัวร้อยละ 0.48 (YoY) ในกลุ่มเครื่องแต่งกายทำจากผ้าถัก ทั้งเครื่องแต่งกายชั้นนอก และเครื่องแต่งกายชั้นในสตรีและบุรุษ
การจำหน่ายในประเทศ เส้นใยสิ่งทอ ขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 โดยขยายตัวร้อยละ 14.91 (YoY) ในกลุ่มด้ายจากเส้นใยประดิษฐ์ เส้นด้ายฝ้าย และเส้นด้ายจากเส้นใยประดิษฐ์ ผ้าผืนขยายตัวร้อยละ 2.65 (YoY) ในกลุ่มผ้าทอ (ใยสังเคราะห์) และผ้าขนหนู เสื้อผ้าสำเร็จรูป หดตัวร้อยละ 3.17 (YoY) เป็นผลจากการปรับลดกำลังการผลิต ประกอบกับความต้องการของผู้บริโภคที่ชะลอตัวลง และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยเลือกซื้อสินค้าราคาถูกจากจีนมากขึ้น
ที่มา : กระทรวงพาณิชย์
การนำเข้า ขยายตัวตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน ด้ายและเส้นใย ขยายตัวร้อยละ 3.45 (YoY) และผ้าผืนขยายตัวร้อยละ 13.71 (YoY) ส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าจากจีนและเวียดนามเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตผลิตภัณฑ์กลางน้ำ และปลายน้ำ
เสื้อผ้าสำเร็จรูป ขยายตัวร้อยละ 30.16 (YoY) จากการนำเข้าสินค้าราคาถูกจากจีน ตามพฤติกรรมการบริโภคที่ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวโดยลดการซื้อของฟุ่มเฟือย เพื่อลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
การส่งออก เส้นใยสิ่งทอ หดตัวร้อยละ 2.21 (YoY) จากการส่งออกเส้นใยประดิษฐ์ไปยังประเทศคู่ค้าสำคัญ ได้แก่ ปากีสถาน สหรัฐอเมริกา และจีน
ผ้าผืน ขยายตัวร้อยละ 3.80 (YoY) จากการส่งออกผ้าผืนทำจากเส้นใยประดิษฐ์ไปยังประเทศคู่ค้าสำคัญ ได้แก่ เวียดนาม บังกลาเทศ เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปสำหรับเสื้อผ้าสำเร็จรูปทรงตัวจากการส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปทำจากใยประดิษฐ์ ไปยังประเทศคู่ค้าสำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เบลเยียม จากการฟื้นตัวของทิศทางเศรษฐกิจและการค้าโลกที่ปรับตัวดีขึ้น
?แนวโน้มอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ในเดือนพฤษภาคม 2567 คาดว่าจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง จากอุปสงค์ภายในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ อย่างไรก็ตาม อาจจะประสบกับภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และอุปสงค์ของผู้บริโภคที่ลดลง รวมถึงการนำเข้าสินค้าราคาถูกที่ไม่ได้มาตรฐานจากต่างประเทศ กดดันความสามารถในการแข่งขันของผู้ผลิตสินค้าในไทย?
15
ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนเมษายน 2567
10. อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์
?
อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์รวม
ที่มา : 1. ปริมาณการผลิตและจำหน่ายภายในประเทศ : กองสารสนเทศและดัชนีเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
2. ปริมาณการส่งออก : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์
การผลิตปูนซีเมนต์รวม ในเดือนเมษายน ปี 2567 มีจำนวน 6.11 ล้านตัน หดตัวร้อยละ 9.25 (%YoY) เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากความต้องการและคำสั่งซื้อที่ลดลงของตลาดภายในประเทศและตลาดส่งออกกับประเทศคู่ค้าสำคัญ การจำหน่ายปูนซีเมนต์รวมในประเทศ ในเดือนเมษายน ปี 2567 มีปริมาณการจำหน่าย 2.87 ล้านตัน เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน หดตัวลงเล็กน้อยร้อยละ 0.43 (%YoY) ตามความต้องการที่ลดลงของปูนซีเมนต์เป็นหลัก เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศในโครงการก่อสร้างภาครัฐและอสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้านที่อยู่อาศัย คอนโดมิเนียม
การส่งออกปูนซีเมนต์รวม ในเดือนเมษายน ปี 2567 มีจำนวน 0.57 ล้านตัน ลดลงร้อยละ 14.05 (%YoY) เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากคำสั่งซื้อปูนซีเมนต์ที่ลดลงในตลาดส่งออกหลักหลายประเทศ เช่น บังคลาเทศ เมียนมา และเวียดนาม
?คาดการณ์แนวโน้มของอุตสาหกรรมการผลิตปูนซีเมนต์ ในภาพรวมเดือนพฤษภาคม 2567 คาดว่า จะขยายตัวได้เพิ่มขึ้นจากการเร่งก่อสร้างโครงการของภาครัฐ และมาตรการกระตุ้นตลาดของภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะบ้านจัดสรร และคอนโดมิเนียม?
?
อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด)
ที่มา : 1. ปริมาณการผลิตและจำหน่ายภายในประเทศ : กองสารสนเทศและดัชนีเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
2. ปริมาณการส่งออก : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดย ความร่วมมือของกรมศุลกากร
การผลิตปูนซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด) ในเดือนเมษายน ปี 2567 มีจำนวน 3.31 ล้านตัน หดตัวร้อยละ 4.42 (%YoY) เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากความต้องการลดลงของตลาดภายในประเทศ การจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศ (ไม่รวมปูนเม็ด) ในเดือนเมษายน ปี 2567 มีปริมาณการจำหน่าย 2.90 ล้านตัน หดตัวร้อยละ 6.74 (%YoY) เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากการชะลอตัวของโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ และอสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียม
การส่งออกปูนซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด) ในเดือนเมษายน ปี 2567 มีจำนวน 0.15 ล้านตัน หดตัวร้อยละ 1.22 (%YoY) เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากการส่งออกไปบังคลาเทศ และเมียนมา ที่ลดคำสั่งซื้อลงอย่างมาก เนื่องจากความต้องการใช้เพื่อก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่และสาธารณูปโภคชะลอตัว ?คาดการณ์แนวโน้มของอุตสาหกรรมการผลิตปูนซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด) ในเดือนพฤษภาคม 2567 คาดว่า จะขยายตัวได้เพิ่มขึ้น จากการเร่งก่อสร้างของภาคอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ บ้านจัดสรร อาคารพาณิชย์ และคอนโดมิเนียม เพื่อกระตุ้นยอดคำสั่งซื้อและการส่งเสริมในมาตรการต่าง ๆ จากรัฐบาล?
ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม