ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนพฤษภาคม 2567

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday July 11, 2024 13:17 —สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

รายงาน

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

1

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนพฤษภาคม 2567

สถานการณ์การผลิตภาคอุตสาหกรรม Indicators 2565 2566 2566 2567 %YoY Year Year พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค.

MPI

1.3

-3.8

-2.8

-4.2

-3.9

-5.9

-5.9

-2.5

-1.5

-4.7

-2.9

-2.8

-4.9

2.7

-1.5

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนพฤษภาคม 2567 เมื่อพิจารณาจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) อยู่ที่ระดับ 98.34 หดตัวร้อยละ 1.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยหลักมาจากการผลิตรถยนต์ลดลงต่อเนื่อง มาจากตลาดผู้บริโภคภายในประเทศลดลง ปัญหาสภาพคล่องในการใช้จ่ายภาคครัวเรือน ค่าครองชีพสูงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการอนุมัติสินเชื่อรถยนต์ อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยวยังคงขยายตัวดีต่อเนื่อง รวมทั้งอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวได้รับอานิสงส์ดีต่อเนื่อง เช่น อาหารและเครื่องดื่ม การกลั่นน้ำมัน เป็นต้น

เมื่อพิจารณาข้อมูล MPI ย้อนหลัง 3 เดือน เทียบกับปีก่อน (%YoY) เดือนกุมภาพันธ์ หดตัวร้อยละ 2.8 เดือนมีนาคม หดตัวร้อยละ 4.9 และเดือนเมษายน ขยายตัวร้อยละ 2.7

สำหรับ 3 เดือนที่ผ่านมา เดือนกุมภาพันธ์ เดือนมีนาคม และเดือนเมษายน 2567 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมหรือ MPI เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา (%MoM) มีอัตราการเปลี่ยนแปลง ดังนี้ เดือนกุมภาพันธ์ ขยายตัวร้อยละ 0.2 เดือนมีนาคม ขยายตัวร้อยละ 5.0 และเดือนเมษายน หดตัวร้อยละ 14.0

อุตสาหกรรมสำคัญที่ส่งผลให้ MPI เดือนพฤษภาคม 2567 หดตัวเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน คือ

? ยานยนต์ หดตัวร้อยละ 14.22 จากรถบรรทุกปิคอัพ รถยนต์นั่งขนาดเล็ก และเครื่องยนต์ดีเซล ตามการหดตัวของตลาดภายในประเทศ ผู้บริโภคมีกำลังซื้อลดลง และสถาบันการเงินยังคงเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อ

? ชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ หดตัวร้อยละ 17.16 จาก Integrated Circuits (IC) เป็นหลัก ตามการชะลอตัวของตลาดอิเล็กทรอนิกส์โลก และผู้ประกอบการผลิตสินค้าที่มีมูลค่าต่อหน่วยสูงขึ้น ส่งผลให้มีปริมาณการผลิตลดลง

? ผลิตภัณฑ์คอนกรีต ปูนซีเมนต์ และปูนปลาสเตอร์ หดตัวร้อยละ 11.97 จากเสาเข็มคอนกรีต พื้นสำเร็จรูปคอนกรีต และคอนกรีตผสมเสร็จ เนื่องจากลูกค้ากลุ่มโมเดิร์นเทรดและตัวแทนจำหน่ายยังมีสินค้าคงคลังอยู่ในระดับสูง จึงชะลอคำสั่งซื้อ

อุตสาหกรรมสำคัญที่ขยายตัวในเดือนพฤษภาคม 2567 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน คือ

? น้ำมันปาล์ม ขยายตัวร้อยละ 19.88 จากน้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์เป็นหลัก ตามปริมาณผลปาล์มเข้าสู่โรงงานเพิ่มขึ้น หลังปาล์มสุกไวจากอากาศร้อนจัดในช่วงก่อนหน้า

? อาหารสัตว์สำเร็จรูป ขยายตัวร้อยละ 10.55 ตามคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้าตะวันออกกลาง บาห์เรน ญี่ปุ่น และการรับจ้างผลิตให้กับลูกค้าต่างประเทศ

? เหล็กและเหล็กกล้าขั้นมูลฐาน ขยายตัวร้อยละ 8.18 จากเหล็กแผ่นรีดร้อนและเหล็กเส้นข้ออ้อยเป็นหลัก เนื่องจากจีนอยู่ระหว่างการพิจารณาไต่สวนผู้ผลิตเหล็กบางรายที่เลี่ยงชำระภาษีส่งออก จีนจึงชะลอการส่งออกเหล็ก Indicators 2566 2567 %MoM พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค.

MPI

14.3

-2.1

-2.8

2.0

-1.2

-1.6

2.8

-4.9

7.6

0.2

5.0

-14.0

9.6

2

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนพฤษภาคม 2567

เครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมอื่น ๆ

เดือนพฤษภาคม 2567

3

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนพฤษภาคม 2567

เครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมอื่น ๆ เดือนพฤษภาคม 2567

?

การนำเข้าของภาคอุตสาหกรรมไทย

ที่มา : กระทรวงพาณิชย์ ที่มา : กระทรวงพาณิชย์

การนำเข้าเครื่องจักรที่ใช้ในอุตสาหกรรมและส่วนประกอบ ในเดือนพฤษภาคม 2567 มีมูลค่า 1,473.08 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 9.67 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยหดตัวจากการนำเข้าสินค้าประเภทเครื่องกังหันไอพ่นและส่วนประกอบ เครื่องจักรสิ่งทอ เครื่องยนต์ เพลาส่งกำลังและส่วนประกอบอื่นๆ เป็นต้น

การนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำ) ในเดือนพฤษภาคม 2567 มีมูลค่า 9,999.89 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 1.28 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยขยายตัวจากการนำเข้าสินค้าประเภทอุปกรณ์ ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ เป็นต้น

4

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนพฤษภาคม 2567

?

สถานภาพการประกอบกิจการอุตสาหกรรม

ที่มา : กรมโรงงานอุตสาหกรรม

โรงงานที่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการในเดือนพฤษภาคม 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 171 โรงงาน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 19.58 (%YoY) และเพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2567 ร้อยละ 4.91 (%MoM)

มูลค่าเงินลงทุนรวมจากโรงงานที่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการในเดือนพฤษภาคม 2567 มีมูลค่ารวม 16,889 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 107.84 (%YoY) แต่ลดลงจากเดือนเมษายน 2567 ร้อยละ 53.88 (%MoM)

?อุตสาหกรรมที่มีจำนวนโรงงานเริ่มประกอบกิจการมากที่สุดในเดือนพฤษภาคม 2567 คือ การทำผลิตภัณฑ์คอนกรีต ผลิตภัณฑ์คอนกรีตผสม ผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม หรือผลิตภัณฑ์ปูนปลาสเตอร์ จำนวน 20 โรงงาน รองลงมาคือ อุตสาหกรรมการขุดหรือลอกกรวด ทราย หรือดิน จำนวน 17 โรงงาน?

?อุตสาหกรรมที่มีมูลค่าการลงทุนสูงสุดในเดือนพฤษภาคม 2567 คือ โรงงานผลิต ประกอบหรือซ่อมแซมเครื่องคำนวณ เครื่องทำบัญชี หรือเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ จำนวนเงินทุน 4,042 ล้านบาท รองลงมาคือ การทำภาชนะบรรจุ เช่น ถุง หรือกระสอบ จำนวนเงินทุน 1,339 ล้านบาท?

5

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนพฤษภาคม 2567

?

สถานภาพการประกอบกิจการอุตสาหกรรม (ต่อ)

ที่มา : กรมโรงงานอุตสาหกรรม

จำนวนโรงงานที่เลิกกิจการในเดือนพฤษภาคม 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 100 ราย เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 143.90 (%YoY) และมีจำนวนโรงงานที่เลิกกิจการเท่ากับเดือนเมษายน 2567

เงินทุนของการเลิกกิจการในเดือนพฤษภาคม 2567 มีมูลค่ารวม 2,445 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 98.61 (%YoY) แต่ลดลงจากเดือนเมษายน 2567 ร้อยละ 34.07 (%MoM)

?อุตสาหกรรมที่มีจำนวนโรงงานเลิกประกอบกิจการมากที่สุดในเดือนพฤษภาคม 2567 คือ การขุดหรือลอก กรวด ทราย หรือดิน จำนวน 15 โรงงาน รองลงมาคือ การดูดทราย จำนวน 9 โรงงาน และการทำพลาสติกเป็นเม็ด แท่ง ท่อ หลอด แผ่น ชิ้น ผง หรือรูปทรงต่าง ๆ จำนวน 9 โรงงาน?

?อุตสาหกรรมที่มีการเลิกประกอบกิจการโดยมีเงินลงทุนสูงสุดในเดือนพฤษภาคม 2567 คือ การผลิต ประกอบ ดัดแปลง หรือซ่อมแซมเครื่องรับวิทยุ เครื่องรับโทรทัศน์ มูลค่าเงินลงทุน 484 ล้านบาท รองลงมาคือ การสร้าง ประกอบ ดัดแปลง หรือเปลี่ยนแปลงสภาพจักรยานยนต์ จักรยานสามล้อ มูลค่าเงินลงทุน 287.5 ล้านบาท?

6

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนพฤษภาคม 2567

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมรายสาขา เดือนพฤษภาคม 2567

1.

อุตสาหกรรมอาหาร

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอาหาร เดือนพฤษภาคม 2567 ขยายตัว (%YoY) ร้อยละ 5.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มสินค้าอาหารที่มีดัชนีผลผลิตขยายตัว ได้แก่ 1) น้ำมันปาล์ม ขยายตัวร้อยละ 19.9 จากสินค้าสำคัญ ได้แก่ น้ำมันปาล์มดิบ ขยายตัวร้อยละ 29.9 และน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ขยายตัวร้อยละ 3.2 เนื่องจากปริมาณผลผลิตปาล์มที่เข้าโรงงานมากขึ้น และความต้องการบริโภคที่เพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการที่ตลาดหลักอย่างเช่นอินเดียมีความต้องการนำเข้าน้ำมันปาล์มเพิ่มมากขึ้น 2) มันสำปะหลัง ขยายตัวร้อยละ 29.6 จากสินค้าสำคัญคือ แป้งมันสำปะหลัง ขยายตัวร้อยละ 31.4 เนื่องจากภาวะการผลิตแป้งมันสำปะหลังที่เพิ่มขึ้น จากความต้องการนำเข้าสินค้า จากประเทศคู่ค้าสำคัญ เช่น จีน และความต้องการจากตลาดใหม่ เช่น อินโดนีเซีย 3) อาหารสัตว์สำเร็จรูป ขยายตัวร้อยละ 10.5 จากสินค้าสำคัญคือ อาหารสัตว์เลี้ยงสำเร็จรูป ขยายตัวร้อยละ 18.7 เนื่องจากการผลิตที่เพิ่มขึ้นตามคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น จากตลาดต่างประเทศ โดยตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงสำเร็จรูปที่สำคัญ ได้แก่ อเมริกา ญี่ปุ่น มาเลเซีย 4) ผักและผลไม้แปรรูป ขยายตัวร้อยละ 2.5 จากสินค้าสำคัญคือ ผักผลไม้อบแห้ง ขยายตัวร้อยละ 15.7 เนื่องจากความต้องการบริโภคจากตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น 5) ประมง ขยายตัวร้อยละ 4.9 จากสินค้าสำคัญ ได้แก่ ปลาแช่แข็ง ขยายตัวร้อยละ 14.0 เนื่องจากความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้นจากตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ยังมีดัชนีผลผลิตอาหารที่ชะลอตัว ได้แก่ น้ำตาล หดตัวร้อยละ 11.9 จากน้ำตาลทรายขาว หดตัวร้อยละ 28.7 และน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ ชะลอตัวร้อยละ 4.0 เนื่องจากภาวะการผลิตน้ำตาลทรายขาวและน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ลดน้อยลง จากปัญหาภัยแล้งที่ส่งผลให้ปริมาณอ้อยเข้าหีบน้อยกว่าฤดูกาลก่อน รวมถึงความต้องการนำเข้าที่ลดลงจากคู่ค้ารายใหญ่อย่างอินโดนีเซีย 2) ปศุสัตว์ ชะลอตัวร้อยละ 2.1 จากสินค้าสำคัญคือ เนื้อไก่แช่เย็นแช่แข็ง ชะลอตัวร้อยละ 5.8 เนื่องจากภาวะการผลิตที่ลดลงจากความต้องการบริโภคที่น้อยลงจากตลาดในประเทศ

ที่มา : กระทรวงพาณิชย์

ดัชนีผลผลิตกลุ่มเครื่องดื่ม ขยายตัวร้อยละ 5.7 จากสินค้าสำคัญ ได้แก่ สุราขาว เบียร์ น้ำอัดลม และเครื่องดื่มบำรุงกำลัง เนื่องจากการผลิตที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการสินค้าที่มากขึ้น จากความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งสภาพอากาศที่ร้อนจัดส่งผลต่อความต้องการบริโภคเครื่องดื่มเพิ่มมากขึ้น

ตลาดในประเทศ ปริมาณการผลิตเพื่อจำหน่ายสินค้าอาหารในประเทศเดือนพฤษภาคม 2567 ชะลอตัว (%YoY) ร้อยละ 6.6 เช่น 1) น้ำตาลทรายขาว หดตัวร้อยละ 28.4 2) เค้ก หดตัวร้อยละ 10.1 3) เนื้อไก่แช่เย็นแช่แข็ง ชะลอตัวร้อยละ 5.8 และ 4) อาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง ชะลอตัวร้อยละ 2.6

ตลาดต่างประเทศ การส่งออกสินค้าอาหารเดือนพฤษภาคม 2567 ในภาพรวมขยายตัวร้อยละ 19.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ ผักและผลไม้ โดยมีตลาดหลัก คือ จีน น้ำมันปาล์ม โดยมีตลาดหลัก คือ อินเดีย มาเลเซีย ในส่วนของมูลค่าการส่งออกกลุ่มเครื่องดื่มชะลอตัวร้อยละ 1.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยความต้องการลดน้อยลงจากตลาดหลักอย่าง เวียดนาม กัมพูชา เมียนมา

?คาดว่าดัชนีผลผลิตของอุตสาหกรรมอาหารเดือนมิถุนายน 2567 ในภาพรวมมีแนวโน้มขยายตัว เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดี รวมถึงการเข้าสู่ลานีญาในช่วงครึ่งปีหลัง (ฝนตกชุก) จะส่งผลดีต่อผลผลิตทางการเกษตร สำหรับมูลค่าการส่งออกคาดว่าจะขยายตัว เนื่องจากความกังวลด้านความมั่นคงอาหาร ทำให้ความต้องการนำเข้าสินค้าของประเทศคู่ค้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามสถานการณ์ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก รวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ?

7

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนพฤษภาคม 2567

2. อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์

?

อุตสาหกรรมไฟฟ้า

ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และกระทรวงพาณิชย์

การผลิตสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า มีดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 115.4 ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.1 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ สายไฟฟ้า เครื่องซักผ้า มอเตอร์ไฟฟ้า พัดลมตามบ้าน เครื่องปรับอากาศ และตู้เย็น เพิ่มขึ้นร้อยละ 53.4, 20.9, 19.9, 13.1, 8.8 และ 7.1 ตามลำดับ เนื่องจากมีความต้องการสินค้าในตลาดโลกและมีการจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสายไฟฟ้าและมอเตอร์ไฟฟ้าที่ขยายตัวจากความต้องการผลิตและก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในประเทศ ในขณะที่สินค้าที่ปรับตัวลดลง ได้แก่ หม้อหุงข้าว เตาไมโครเวฟ สายเคเบิ้ล คอมเพรสเซอร์ กระติกน้ำร้อน และหม้อแปลงไฟฟ้า ลดลงร้อยละ 16.7, 12.4, 12.3, 11.3 10.8 และ 2.6 ตามลำดับ เนื่องจากมีความต้องการสินค้าในประเทศลดลง

การส่งออกสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า มีมูลค่า 2,501.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงร้อยละ 4.7 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าที่มีคำสั่งซื้อลดลง ได้แก่ เตาอบไมโครเวฟ มีมูลค่า 14.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 16.7 ในตลาดญี่ปุ่น ไต้หวัน และฮ่องกง สายไฟฟ้า สายเคเบิ้ล มีมูลค่า 92.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 15.8 ในตลาดญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และจีน เครื่องตัดต่อและป้องกันวงจรไฟฟ้า มีมูลค่า 139.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 10.3 ในตลาดญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และจีน เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ มีมูลค่า 610.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 7.7 ในตลาดสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และไต้หวัน หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ มีมูลค่า 354.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 5.3 ในตลาดสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และจีน เครื่องซักผ้า ซักแห้ง และส่วนประกอบ มีมูลค่า 117.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 4.9 ในตลาดสหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น พัดลม มีมูลค่า 50.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 2.8 ในตลาดจีน เวียดนาม และเยอรมนี ในขณะที่สินค้าที่มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น ได้แก่ แผงสวิทซ์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า มีมูลค่า 262.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.5 ในตลาดสิงคโปร์ มาเลเซีย และเวียดนาม มอเตอร์และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า มีมูลค่า 87.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.6 ในตลาดญี่ปุ่น จีน และฟิลิปปินส์

?คาดการณ์การผลิตเดือนมิถุนายน 2567 อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า คาดว่าจะยังคงทรงตัว เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสถานการณ์ของเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แน่นอน?

?

อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์

ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และกระทรวงพาณิชย์

การผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ มีดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 67.5 ปรับตัวลดลงร้อยละ 9.9 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าที่ปรับตัวลดลง ได้แก่ IC, Semiconductor devices Transistors, PWB, PCBA และ HDD ลดลงร้อยละ 25.9, 14.5, 8.5, 7.2 และ 1.2 ตามลำดับ เนื่องจากการชะลอตัวตามแนวโน้มของตลาดโลกในกลุ่มสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น IC และ PCBA ในขณะที่สินค้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ Printer เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.4 ขยายตัวตามความต้องการผลิตภัณฑ์จากการพัฒนาเทคโนโลยีการพิมพ์และการใช้งานที่หลากหลายส่งผลต่อความต้องการของผู้บริโภค

การส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ มีมูลค่า 4,613.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.9 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากการขยายตัวจากคู่ค้าหลัก เช่น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และจีน โดยสินค้าที่มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น ได้แก่ HDD มีมูลค่า 816.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.9 ในตลาดสหรัฐอเมริกา ฮ่องกง และจีน เนื่องจากมีความต้องการใช้ใน Data Center และความต้องการเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลจำนวนมากและความก้าวหน้าของเทคโนโลยีส่งผลต่อการเติบโตของอุตสาหกรรม ในขณะที่สินค้าที่มีคำสั่งซื้อลดลง ได้แก่ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด มีมูลค่า 339.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 27.6 ในตลาดสหรัฐอเมริกา ฮ่องกง และเวียดนาม แผงวงจรไฟฟ้า มีมูลค่า 720.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 11.9 ในตลาดสิงคโปร์ จีน และญี่ปุ่น และวงจรพิมพ์ มีมูลค่า 111.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 3.3 ในตลาดสหรัฐอเมริกา จีน และเวียดนาม

?คาดการณ์การผลิตเดือนมิถุนายน 2567 อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ คาดว่าจะชะลอตัวลง เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการผลิตสินค้าในเชิงปริมาณชะลอตัวลง เช่น ส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ และวงจรรวม เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามมูลค่าการจำหน่ายสินค้าต่อหน่วยสูงขึ้น จึงทำให้มูลค่าการจำหน่ายและการส่งออกเพิ่มขึ้น?

8

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนพฤษภาคม 2567

3. อุตสาหกรรมยานยนต์

?

อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม รวบรวมจากกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

การผลิตรถยนต์ ในเดือนพฤษภาคม ปี 2567 มีจำนวน 126,161 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 16.19 (%YoY) โดยเป็นการปรับลดลงของการผลิตรถยนต์นั่ง และรถยนต์กระบะ 1 ตัน แต่การผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน ปี 2567 ร้อยละ 20.54 (%MoM) เนื่องจากมีวันหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์

การจำหน่ายรถยนต์ในประเทศ ในเดือนพฤษภาคม ปี 2567 มีจำนวน 49,871 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 23.38 (%YoY) โดยเป็นการปรับลดลงของการจำหน่ายรถยนต์นั่งและรถยนต์กระบะ 1 ตัน เนื่องจากหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง สถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการให้สินเชื่อมากขึ้น นอกจากนี้อัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้นส่งผลต่ออุปสงค์ในประเทศ แต่การจำหน่ายเพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน ปี 2567 ร้อยละ 6.70 (%MoM)

การส่งออกรถยนต์ ในเดือนพฤษภาคม ปี 2567 มีจำนวน 89,284 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 3.39 (%YoY) และการส่งออกเพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน ปี 2567 ร้อยละ 27.26 (%MoM)

?คาดการณ์แนวโน้มของอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ในเดือนมิถุนายน ปี 2567 ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน ปี 2566 เนื่องจากแนวโน้มการชะลอตัวของตลาดในประเทศ?

?

อุตสาหกรรมการผลิตรถจักรยานยนต์

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม รวบรวมจากกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

การผลิตรถจักรยานยนต์ ในเดือนพฤษภาคม ปี 2567 มีจำนวน 168,190 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 15.62 (%YoY) จากการลดลงของการผลิตรถจักรยานยนต์แบบอเนกประสงค์ และแบบสปอร์ต แต่การผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน ปี 2567 ร้อยละ 23.32 (%MoM) เนื่องจากมีวันหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์

การจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ในเดือนพฤษภาคม ปี 2567 มียอดจำหน่ายจำนวน 165,339 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 10.19 (%YoY) จากการลดลงของยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ขนาด 111-125 ซีซี ขนาด 126-250 ซีซี และขนาด 251-399 ซีซี ทั้งนี้ การจำหน่ายเพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน ปี 2567 ร้อยละ 30.14 (%MoM)

การส่งออกรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป ในเดือนพฤษภาคม ปี 2567 มีจำนวน 29,325 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 23.08 (%YoY) ทั้งนี้ การส่งออกเพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน ปี 2567 ร้อยละ 7.63 (%MoM)

?คาดการณ์แนวโน้มของอุตสาหกรรมการผลิตรถจักรยานยนต์ในเดือนมิถุนายน ปี 2567 ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน ปี 2566 เนื่องจากแนวโน้มการชะลอตัวของตลาดในประเทศ?

9

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนพฤษภาคม 2567

4. อุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยางพารา

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

การผลิต

ยางแปรรูปขั้นปฐม (ยางแผ่น ยางแท่ง และน้ำยางข้น) ลดลงร้อยละ 5.29 จากการชะลอตัวของการผลิตยางแผ่น และยางแท่ง

ยางรถยนต์ ลดลงร้อยละ 6.37 จากการลดลงของการผลิตยางรถกระบะ ยางรถบรรทุกและรถโดยสาร

ถุงมือยาง เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.21 จากการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในประเทศเป็นหลัก

การจำหน่ายในประเทศ

ยางแปรรูปขั้นปฐม (ยางแผ่น ยางแท่ง และน้ำยางข้น) ลดลงร้อยละ 7.11 จากความต้องการยางแผ่นและยางแท่งในอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่ลดลง

ยางรถยนต์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.37 จากความต้องการยางรถยนต์ในตลาด REM (Replacement Equipment Manufacturing) ที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นหลัก

ถุงมือยาง เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.22 จากความต้องการถุงมือยางทางการแพทย์ในประเทศที่อยู่ในระดับสูง

การส่งออก

ยางแปรรูปขั้นปฐม (ยางแผ่น ยางแท่ง และน้ำยางข้น) มีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 46.94 จากการเพิ่มขึ้นของการส่งออกยางแผ่นไปตลาดญี่ปุ่น ยางแท่งไปตลาดจีน และน้ำยางข้นไปตลาดมาเลเซีย

ยางรถยนต์ มีมูลค่าลดลงร้อยละ 2.78 จากการชะลอตัวของการส่งออกยางรถยนต์ไปตลาดสหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย

ถุงมือยาง มีมูลค่าลดลงร้อยละ 0.70 จากความต้องการถุงมือยางในตลาดสหรัฐอเมริกาที่ลดลงเป็นหลัก

ที่มา: กระทรวงพาณิชย์

คาดการณ์ภาวะอุตสาหกรรมเดือนมิถุนายน 2567

การผลิตยางแปรรูปขั้นปฐม (ยางแผ่น ยางแท่ง และน้ำยางข้น) คาดว่า จะกลับมามีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น จากการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ สำหรับการผลิตยางรถยนต์คาดว่าจะขยายตัว จากการผลิตเพื่อตอบสนองอุปสงค์ ความต้องการของตลาดในประเทศเป็นหลัก ในส่วนของการผลิตถุงมือยางคาดว่าจะยังขยายตัวจากการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในประเทศและต่างประเทศ ขณะที่การจำหน่ายถุงมือยางในประเทศ คาดว่าจะขยายตัว จากความต้องการถุงมือยางทางการแพทย์ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงกลางปี 2566

การส่งออกยางแปรรูปขั้นปฐม (ยางแผ่น ยางแท่ง และน้ำยางข้น) คาดว่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น เป็นผลจากตลาดส่งออกสำคัญ อาทิ จีน ญี่ปุ่น และมาเลเซีย มีแนวโน้มสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจากไทยเพิ่มขึ้น ในส่วนของการส่งออกยางรถยนต์ คาดว่าจะชะลอตัว จากอุปสงค์ความต้องการยางรถยนต์ในตลาดสำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย ที่มีแนวโน้มลดลง ทางด้านการส่งออกถุงมือยาง คาดว่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น จากการฟื้นตัวของความต้องการถุงมือยางทางการแพทย์ในตลาดโลก โดยเฉพาะในตลาดยุโรป

10

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนพฤษภาคม 2567

5. อุตสาหกรรมพลาสติก

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

ที่มา : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือ จากกรมศุลกากร

ดัชนีผลผลิต เดือนพฤษภาคม ปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 5.86 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยดัชนีผลผลิตขยายตัวในหลาย ๆ ผลิตภัณฑ์ เช่น เครื่องใช้ประจำโต๊ะอาหาร ครัว และห้องน้ำ ขยายตัวร้อยละ 34.39 พลาสติกแผ่น ขยายตัวร้อยละ 22.03 และแผ่นฟิล์มพลาสติก ขยายตัวร้อยละ 14.64 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ดัชนีการส่งสินค้า เดือนพฤษภาคม ปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 2.61 โดยผลิตภัณฑ์ที่ขยายตัว เช่น พลาสติกแผ่น ขยายตัวร้อยละ 20.91 เครื่องใช้ประจำโต๊ะอาหาร ครัว และห้องน้ำ ขยายตัวร้อยละ 15.29 และแผ่นฟิล์มพลาสติก ขยายตัวร้อยละ 10.45 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

การส่งออก เดือนพฤษภาคม ปี 2567 มีมูลค่ารวม 368.18 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือขยายตัวร้อยละ 3.16 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลให้การส่งออกขยายตัว เช่น พลาสติกปูพื้น (HS 3918) ขยายตัวร้อยละ 119.41 เครื่องสุขภัณฑ์ (HS 3922) ขยายตัวร้อยละ 39.50 และผลิตภัณฑ์เครื่องประกอบอาคาร (HS 3925) ขยายตัวร้อยละ 25.81 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

การนำเข้า เดือนพฤษภาคม ปี 2567 มีมูลค่ารวม 454.89 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือขยายตัวร้อยละ 0.26 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลิตภัณฑ์หลักที่ส่งผลให้การนำเข้าขยายตัว เช่น ผลิตภัณฑ์ เครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร เครื่องครัว ของใช้ในบ้านเรือนอื่น ๆ (HS 3924) ขยายตัวร้อยละ 21.58 พลาสติกปูพื้น (HS 3918) ขยายตัวร้อยละ 15.88 และผลิตภัณฑ์หลอดหรือท่อ (HS 3917) ขยายตัวร้อยละ 9.22 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

?แนวโน้มอุตสาหกรรมพลาสติก เดือนมิถุนายน 2567 คาดการณ์ว่า สถานการณ์เศรษฐกิจโลกดีขึ้นส่งผลให้ความต้องการของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น อุตสาหกรรมพลาสติกมีการผลิตเพิ่มมากขึ้นจากการบริโภคภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การนำเข้าและการส่งออกขยายตัวจากประเทศคู่ค้าหลัก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา เวียดนาม และฟิลิปปินส์ เป็นต้น?

ดัชนีผลผลิต-ดัชนีการส่งสินค้า

ปริมาณและมูลค่าการส่งออก-นาเข้า

11

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนพฤษภาคม 2567

6. อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์

ดัชนีผลผลิต - ดัชนีการส่งสินค้า ปริมาณและมูลค่าการส่งออกและการนาเข้า

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ที่มา : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์

โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร

ดัชนีผลผลิต เดือนพฤษภาคม ปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 3.82 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มเคมีภัณฑ์พื้นฐานขยายตัวร้อยละ 0.48 ผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตขยายตัว ได้แก่ ก๊าซไฮโดรเจน ขยายตัวร้อยละ 27.67 ก๊าซออกซิเจน ขยายตัวร้อยละ 2.17 และโซดาไฟ ขยายตัวร้อยละ 0.17 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กลุ่มเคมีภัณฑ์ขั้นปลาย ขยายตัวร้อยละ 5.21 ผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตขยายตัว ได้แก่ แป้งฝุ่น ขยายตัวร้อยละ 30.36 ปุ๋ยเคมี ขยายตัวร้อยละ 20.15 และน้ำยาทำความสะอาด ขยายตัวร้อยละ 10.28 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ดัชนีการส่งสินค้า เดือนพฤษภาคม ปี 2567 หดตัวร้อยละ 2.59 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มเคมีภัณฑ์พื้นฐานหดตัวร้อยละ 7.91 ผลิตภัณฑ์ที่มีการหดตัว ได้แก่ เมทิลเอสเตอร์ (ไบโอดีเซล) หดตัวร้อยละ 17.99 โซดาไฟ หดตัวร้อยละ 13.97 และคลอรีน หดตัวร้อยละ 13.15 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในส่วนเคมีภัณฑ์ขั้นปลาย ขยายตัวร้อยละ 1.64 ผลิตภัณฑ์ที่มีการขยายตัว ได้แก่ แป้งฝุ่น ขยายตัวร้อยละ 26.02 ปุ๋ยเคมี ขยายตัวร้อยละ 14.28 และน้ำยาทำความสะอาด ขยายตัวร้อยละ 9.66 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

การส่งออก เดือนพฤษภาคม ปี 2567 มูลค่าส่งออกรวม 885.37 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 0.10 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการส่งออกกลุ่มเคมีภัณฑ์ขั้นปลาย มีมูลค่าการส่งออก 404.45 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 0.97 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในส่วนของ เคมีภัณฑ์พื้นฐาน มีมูลค่าการส่งออก 482.92 ล้านเหรียญ

สหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 0.79

โดยผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกขยายตัว เช่น เคมีภัณฑ์อนินทรีย์ ขยายตัวร้อยละ 14.05 เคมีภัณฑ์อินทรีย์ ขยายตัวร้อยละ 10.82 และสี ขยายตัวร้อยละ 7.25 เป็นต้น

การนำเข้า เดือนพฤษภาคม ปี 2567 มูลค่าการนำเข้ารวม 1,663.05 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือหดตัวร้อยละ 3.44 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเคมีภัณฑ์พื้นฐานมีมูลค่าการนำเข้า 1,020.30 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือหดตัวร้อยละ 6.67 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนเคมีภัณฑ์ขั้นปลายมีมูลค่าการนำเข้า 642.75 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 2.19 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลให้การนำเข้าหดตัว เช่น เคมีภัณฑ์เบ็ดเตล็ด หดตัวร้อยละ 13.26 สี หดตัวร้อยละ 2.59 และเคมีภัณฑ์อนินทรีย์ หดตัวร้อยละ 1.01 เป็นต้น

?แนวโน้มอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ เดือนมิถุนายน 2567 คาดการณ์ว่าการผลิตมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นจากความต้องการของผู้บริโภคภายในประเทศในผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์บางชนิดเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในส่วนของสถานการณ์การส่งออกมีทิศทางที่ดีขึ้นจากตลาดหลัก ได้แก่ อินเดีย อินโดนีเซีย และไต้หวัน เป็นต้น?

12

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนพฤษภาคม 2567

7. อุตสาหกรรมปิโตรเคมี

ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

ดัชนีผลผลิต การผลิตอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เดือนพฤษภาคม ปี 2567 อยู่ที่ระดับ 90.05 หรือปรับตัวลดลงร้อยละ 0.92 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ปรับตัวลดลงร้อยละ 4.53 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยเป็นปิโตรเคมีขั้นปลาย ได้แก่ PP resin และ PE resin ปรับตัวลดลงร้อยละ 12.07 และ 5.60 ส่วนปิโตรเคมีขั้นต้น ได้แก่ Ethylene ลดลงร้อยละ 5.21 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับการผลิตเม็ดพลาสติกชีวภาพ PLA ปรับตัวลดลงจากปีก่อนร้อยละ 4.91 จากการลดลงของวัตถุดิบที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง

ดัชนีการส่งสินค้า เดือนพฤษภาคม ปี 2567 อยู่ที่ระดับ 90.82 ปรับตัวลดลงร้อยละ 3.27 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.20 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยเป็นปิโตรเคมีขั้นต้น ได้แก่ Propylene หดตัวร้อยละ 1.50 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และปิโตรเคมีขั้นปลาย ได้แก่ PE resin หดตัวร้อยละ 12.86 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

การส่งออก เดือนพฤษภาคม ปี 2567 มีมูลค่า 950.42 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือปรับตัวลดลงร้อยละ 2.01 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.88 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ซึ่งเป็นการปรับลดลงในกลุ่มปิโตรเคมีขั้นปลาย เช่น PE resin ร้อยละ 16.74 เป็นต้น และปรับตัวลดลงในกลุ่มปิโตรเคมีขั้นต้น เช่น Propylene ร้อยละ 90.25 เป็นต้น เนื่องจากสถานการณ์ตลาดต่างประเทศมีความต้องการในการผลิตอุตสาหกรรมปลายน้ำลดลง

ที่มา : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร

การนำเข้า เดือนพฤษภาคม ปี 2567 มีมูลค่า 500.31 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือปรับตัวลดลงร้อยละ 3.56 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และปรับตัวลดลงร้อยละ 1.16 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงในกลุ่มปิโตรเคมีขั้นปลาย เช่น PC resin ร้อยละ 3.71 และปรับตัวลดลงในกลุ่มปิโตรเคมีขั้นต้น เช่น Toluene กว่าร้อยละ 90 เป็นต้น

?แนวโน้มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เดือนมิถุนายน ปี 2567 คาดว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมการผลิตจะปรับตัวดีขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการผลิตกลับมาผลิตได้หลังจากซ่อมบำรุงในช่วงปลายปีก่อนถึงต้นปี และจะมีความต้องการจากต่างประเทศมาทดแทนจากการที่โรงงาน ปิโตรเคมีในประเทศอาเซียนเริ่มหยุดซ่อมบำรุงหลังจากที่แนวโน้มการผลิตชะลอตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง?

13

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนพฤษภาคม 2567

8. อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมและสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย

ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ในเดือนพฤษภาคม 2567 มีค่า 88.6 ขยายตัวร้อยละ 8.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์โลหะ และอุตสาหกรรมก่อสร้าง โดยเฉพาะการก่อสร้างภาครัฐ เมื่อพิจารณาตามผลิตภัณฑ์หลัก พบว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยการผลิตเหล็กทรงยาวขยายตัวร้อยละ 8.4 ผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตขยายตัว ได้แก่ เหล็กเส้นข้ออ้อย เหล็กเส้นกลม และเหล็กโครงสร้างรูปพรรณชนิดรีดร้อน และ การผลิตเหล็กทรงแบนขยายตัวร้อยละ 4.0 ผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตขยายตัว ได้แก่ เหล็กแผ่นเคลือบโครเมี่ยม เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน และเหล็กแผ่นเคลือบดีบุก และการผลิตท่อเหล็กกล้า ขยายตัวร้อยละ 13.3

การบริโภคในประเทศ ในเดือนพฤษภาคม 2567 มีปริมาณการบริโภค 1.4 ล้านตัน ขยายตัวร้อยละ 6.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการบริโภคผลิตภัณฑ์เหล็กทั้งเหล็กทรงยาวและเหล็กทรงแบน โดยเหล็กทรงยาว มีปริมาณการบริโภค 0.5 ล้านตัน ขยายตัวร้อยละ 5.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการบริโภคเหล็กลวดที่เพิ่มขึ้น การบริโภคเหล็กทรงแบน มีปริมาณการบริโภค 0.9 ล้านตัน ขยายตัวร้อยละ 7.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการบริโภคเหล็กแผ่นหนารีดร้อน เหล็กแผ่นเคลือบโครเมี่ยม และเหล็กแผ่นบางรีดร้อนที่เพิ่มขึ้น

การนำเข้า ในเดือนพฤษภาคม 2567 มีปริมาณการนำเข้า 0.9 ล้านตัน หดตัวร้อยละ 1.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการนำเข้าผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเหล็กทรงแบน โดยเหล็กทรงแบนมีปริมาณการนำเข้า 0.7 ล้านตัน หดตัวร้อยละ 4.8 ผลิตภัณฑ์เหล็กทรงแบนที่มีการนำเข้าหดตัว เช่น เหล็กแผ่นบางรีดร้อน ประเภท Alloy Steel (ประเทศหลักที่ไทยนำเข้าลดลง คือ ญี่ปุ่น และจีน) เหล็กแผ่นบางรีดร้อน ประเภท Carbon Steel (ประเทศหลักที่ไทยนำเข้าลดลง คือ ญี่ปุ่น เวียดนาม และเกาหลีใต้) และเหล็กแผ่นเคลือบดีบุก (ประเทศหลักที่ไทยนำเข้าลดลง คือ เกาหลีใต้ และจีน) ขณะที่เหล็กทรงยาว มีปริมาณการนำเข้า 0.2 ล้านตัน ขยายตัวร้อยละ 8.5 ผลิตภัณฑ์เหล็กทรงยาวที่มีการนำเข้าขยายตัว เช่น เหล็กลวด ประเภท Alloy Steel (ประเทศหลักที่ไทยนำเข้าเพิ่มขึ้น คือ จีน) เหล็กลวด ประเภท Carbon Steel (ประเทศหลักที่ไทยนำเข้าเพิ่มขึ้น คือ มาเลเซีย และจีน) และเหล็กเพลาขาว (ประเทศหลักที่ไทยนำเข้าเพิ่มขึ้น คือ จีน เกาหลีใต้ และอินเดีย)

?แนวโน้มอุตสาหกรรมเหล็กในเดือนมิถุนายน 2567 คาดการณ์ว่า การผลิตขยายตัวเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีประเด็นสำคัญที่ควรติดตาม อาทิ ราคาเหล็กต่างประเทศ การดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจและการค้าของต่างประเทศ เช่น การประกาศขึ้นกำแพงภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกาต่อสินค้าจีน และการดำเนินโครงการก่อสร้างต่าง ๆ ของภาครัฐที่คาดว่าจะกลับมาดำเนินการได้ตามการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลต่อการผลิตและบริโภคเหล็กของไทย?

14

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนพฤษภาคม 2567

9. อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

การผลิต

เส้นใยสิ่งทอ ขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 10 โดยขยายตัวร้อยละ 3.66 (YoY) ในกลุ่มเส้นใยประดิษฐ์ เส้นด้ายฝ้าย และเส้นด้ายจากเส้นใยประดิษฐ์ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เส้นใยโพลีเอสเตอร์ และเส้นใยเรยอน จากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลาย โดยนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเสื้อผ้ากีฬา สิ่งทอภายในบ้าน และชิ้นส่วนยานยนต์

ผ้าผืน หดตัวร้อยละ 7.74 (YoY) ในกลุ่มผ้าทอ (ฝ้าย) และผ้าทอ (ใยสังเคราะห์)

เสื้อผ้าสำเร็จรูป หดตัวร้อยละ 2.69 (YoY) ในกลุ่มเครื่องแต่งกายทำจากผ้าถัก ทั้งเครื่องแต่งกายชั้นนอก และเครื่องแต่งกายชั้นในสตรีและบุรุษ

การจำหน่ายในประเทศ

เส้นใยสิ่งทอ ขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 โดยขยายตัวร้อยละ 10.50 (YoY) ในกลุ่มด้ายจากเส้นใยประดิษฐ์ และเส้นด้ายฝ้าย

ผ้าผืน หดตัวร้อยละ 6.68 (YoY) ในกลุ่มผ้าทอ (ฝ้าย) และผ้าทอ (ใยสังเคราะห์)

เสื้อผ้าสำเร็จรูป ขยายตัวร้อยละ 0.29 (YoY) ในขณะเดียวกันเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อน (MoM) พบว่า เส้นใยสิ่งทอขยายตัวร้อยละ 11.09 ผ้าผืนขยายตัวร้อยละ 22.88 และเสื้อผ้าสำเร็จรูปขยายตัวร้อยละ 2.90 โดยได้รับอานิสงส์จากการเปิดภาคเรียนการศึกษา

ที่มา : กระทรวงพาณิชย์

การนำเข้า

ด้ายและเส้นใย หดตัวร้อยละ 13.19 (YoY) โดยเฉพาะเส้นใยใช้ในการทอ ผ้าผืนหดตัวร้อยละ 3.35 (YoY) จากคำสั่งซื้อผ้าผืนทั้งในและต่างประเทศลดลง จึงลดปริมาณนำเข้าวัตถุดิบต้นน้ำและกลางน้ำ ประกอบกับมีการใช้เส้นด้ายและเส้นใยสิ่งทอในประเทศทดแทนเพิ่มขึ้น

เสื้อผ้าสำเร็จรูป ขยายตัวร้อยละ 7.21 (YoY) จากการนำเข้าสินค้าราคาถูกจากจีนและเวียดนาม ตามพฤติกรรมการบริโภคที่ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

การส่งออก

เส้นใยสิ่งทอ หดตัวร้อยละ 4.13 (YoY) จากการส่งออกเส้นใยประดิษฐ์ไปยังสหรัฐอเมริกาและจีนลดลง

ผ้าผืน หดตัวร้อยละ 1.50 (YoY) จากการส่งออกผ้าผืนทำจากฝ้ายไปยังตลาดเมียนมาลดลง

เสื้อผ้าสำเร็จรูป หดตัวร้อยละ 0.05 (YoY) เนื่องจากคำสั่งซื้อที่ลดลงของประเทศคู่ค้าสำคัญ ได้แก่ ญี่ปุ่นและเบลเยียม

ในขณะเดียวกันเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อน (MoM) พบว่า ขยายตัวตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน โดยเส้นใยสิ่งทอ ขยายตัวร้อยละ 11.32 จากการส่งออกเส้นใยประดิษฐ์ไปยังสหรัฐอเมริกา ผ้าผืน ขยายตัวร้อยละ 12.77 จากผ้าผืนทำจากเส้นใยประดิษฐ์และผ้าผืนทำจากวัตถุทออื่น ๆ โดยขยายตัวจากการส่งออกไปยังเมียนมาและเวียดนาม เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม สำหรับเสื้อผ้าสำเร็จรูป ขยายตัวร้อยละ 21.30 จากการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก

?แนวโน้มอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ในเดือนมิถุนายน 2567 คาดว่าจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง จากอุปสงค์ภายในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม อาจจะประสบกับภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และอุปสงค์ของผู้บริโภคที่ลดลง รวมถึงการนำเข้าสินค้าราคาถูกที่ไม่ได้มาตรฐานจากต่างประเทศ กดดันความสามารถในการแข่งขันของผู้ผลิตสินค้าในไทย?

15

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนพฤษภาคม 2567

10.อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์

?อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์รวม

ที่มา : 1. ปริมาณการผลิตและจำหน่ายภายในประเทศ : กองสารสนเทศและดัชนีเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

2. ปริมาณการส่งออก : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์

การผลิตปูนซีเมนต์รวม ในเดือนพฤษภาคม ปี 2567 มีจำนวน 6.54 ล้านตัน หดตัวร้อยละ 3.06 (%YoY) เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากความต้องการและคำสั่งซื้อที่ลดลงของตลาดภายในประเทศเป็นหลัก การจำหน่ายปูนซีเมนต์รวมในประเทศ ในเดือนพฤษภาคม ปี 2567 มีปริมาณการจำหน่าย 2.59 ล้านตัน หดตัวร้อยละ 6.74 (%YoY) เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ตามความต้องการที่ลดลงของปูนซีเมนต์เป็นหลัก เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศในโครงการก่อสร้างภาครัฐและอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งยังไม่สามารถระบายสต๊อกที่มีอยู่ได้ เช่น บ้านที่อยู่อาศัย คอนโดมิเนียม การส่งออกปูนซีเมนต์รวม ในเดือนพฤษภาคม ปี 2567 มีจำนวน 0.72 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 78.41 (%YoY) เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากคำสั่งซื้อปูนซีเมนต์ที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากจากประเทศบังคลาเทศ สปป.ลาว และไต้หวัน

?คาดการณ์แนวโน้มของอุตสาหกรรมการผลิตปูนซีเมนต์ ในภาพรวมเดือนมิถุนายน 2567 คาดว่า จะขยายตัวได้เพิ่มขึ้นจากการเร่งก่อสร้างโครงการของภาครัฐ และมาตรการกระตุ้นตลาดของภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะบ้านจัดสรร และคอนโดมิเนียม?

?อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด)

ที่มา : 1. ปริมาณการผลิตและจำหน่ายภายในประเทศ : กองสารสนเทศและดัชนีเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม 2. ปริมาณการส่งออก : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือของกรมศุลกากร การผลิตปูนซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด) ในเดือนพฤษภาคม ปี 2567 มีจำนวน 3.39 ล้านตัน หดตัวร้อยละ 4.48 (%YoY) เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากความต้องการลดลงของตลาดภายในประเทศ การจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศ (ไม่รวมปูนเม็ด) ในเดือนพฤษภาคม ปี 2567 มีปริมาณการจำหน่าย 2.59 ล้านตัน หดตัวร้อยละ 23.81 (%YoY) เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากการชะลอตัวของโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ และอสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียม การส่งออกปูนซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด) ในเดือนพฤษภาคม ปี 2567 มีจำนวน 0.18 ล้านตัน หดตัวร้อยละ 24.41 (%YoY) เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากการส่งออกไปออสเตรเลีย และเมียนมา ที่ลดคำสั่งซื้อลงอย่างมาก เนื่องจากความต้องการใช้เพื่อก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่และสาธารณูปโภคชะลอตัว ?คาดการณ์แนวโน้มของอุตสาหกรรมการผลิตปูนซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด) ในเดือนมิถุนายน 2567 คาดว่า จะขยายตัวได้เพิ่มขึ้น จากการเร่งก่อสร้างของภาคอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ บ้านจัดสรร อาคารพาณิชย์ และคอนโดมิเนียม เพื่อกระตุ้นยอดคำสั่งซื้อและการส่งเสริมในมาตรการต่าง ๆ จากรัฐบาล?

ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ