ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนสิงหาคม 2567

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday December 4, 2024 14:53 —สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

รายงาน

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

1

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนสิงหาคม 2567

สถานการณ์การผลิตภาคอุตสาหกรรม Indicators 2565 2566 2566 2567 %YoY Year Year ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค.

MPI

1.3

-3.8

-5.9

-5.9

-2.5

-1.5

-4.7

-2.9

-2.8

-4.9

2.7

-1.5

-1.6

1.6

-1.9

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนสิงหาคม 2567 เมื่อพิจารณาจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) อยู่ที่ระดับ 95.08 หดตัวร้อยละ 1.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยหลักมาจากการผลิตรถยนต์ลดลงจากตลาดภายในประเทศเป็นหลัก เนื่องจากปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนอยู่ในระดับสูง สถาบันการเงินยังคงเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ

เมื่อพิจารณาข้อมูล MPI ย้อนหลัง 3 เดือน เทียบกับปีก่อน (%YoY) เดือนพฤษภาคม หดตัวร้อยละ 1.5 เดือนมิถุนายน หดตัวร้อยละ 1.6 และเดือนกรกฎาคม ขยายตัวร้อยละ 1.6

สำหรับ 3 เดือนที่ผ่านมา เดือนพฤษภาคม เดือนมิถุนายน และเดือนกรกฎาคม 2567 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมหรือ MPI เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา (%MoM) มีอัตราการเปลี่ยนแปลง ดังนี้ เดือนพฤษภาคม ขยายตัวร้อยละ 9.7 เดือนมิถุนายน หดตัวร้อยละ 2.3 และเดือนกรกฎาคม ขยายตัวร้อยละ 0.4

อุตสาหกรรมสำคัญที่ส่งผลให้ MPI เดือนสิงหาคม 2567 หดตัว เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน คือ

?

ยานยนต์ หดตัวร้อยละ 18.44 จากรถบรรทุกปิคอัพและรถยนต์นั่งขนาดเล็กเป็นหลัก ตามการหดตัวของตลาดในประเทศ จากภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า หนี้ครัวเรือนสูง และสถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อ

?

ชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ หดตัวร้อยละ 11.84 จาก Integrated Circuits (IC) เป็นหลัก ซึ่งเป็นไปตามทิศทางความต้องการสินค้าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของโลกที่ยังฟื้นตัวช้ากว่าสินค้าเซมิคอนดักเตอร์ในกลุ่มอื่น ๆ

?

ผลิตภัณฑ์คอนกรีต ปูนซีเมนต์ และปูนปลาสเตอร์ หดตัวร้อยละ 13.54 จากเสาเข็มคอนกรีตและพื้นสำเร็จรูปคอนกรีตเป็นหลัก ตามการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ สถาบันการเงินเข้มงวดอนุมัติสินเชื่อและความล่าช้าในโครงการก่อสร้างของภาครัฐ รวมถึงผลกระทบจากน้ำท่วมบางพื้นที่

อุตสาหกรรมสำคัญที่ขยายตัวในเดือนสิงหาคม 2567 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน คือ

?

สัตว์น้ำบรรจุกระป๋อง ขยายตัวร้อยละ 41.61 จากปลาทูน่ากระป๋องเป็นหลัก หลังราคาวัตถุดิบทูน่าปรับตัวลดลง โดยตลาดส่งออกขยายตัว ตามคำสั่งซื้อจากอเมริกา ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย เพื่อเก็บเป็นสต๊อกสินค้าหลังปัญหาภูมิรัฐศาสตร์อาจส่งผลกระทบต่อการขนส่ง

?

อาหารสัตว์สำเร็จรูป ขยายตัวร้อยละ 9.40 จากอาหารสัตว์เลี้ยงสำเร็จรูปเป็นหลัก ตามคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นจากอเมริกา สวิสเซอร์แลนด์ และแคนาดา ขณะที่อาหารไก่สำเร็จรูปขยายตัวจากการเลี้ยงไก่เพิ่มขึ้น

?

คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง ขยายตัวร้อยละ 18.84 จาก Hard Disk Drive เป็นหลัก ตามความต้องการขยายตัวเพิ่มขึ้นหลังชะลอตัวในช่วงก่อนหน้า รวมถึงความต้องการสินค้าทดแทนสินค้าที่หมดประกันและครบอายุการใช้งาน Indicators 2566 2567 %MoM ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค.

MPI

2.0

-1.2

-1.6

2.8

-4.9

7.6

0.2

5.0

-14.0

9.7

-2.3

0.4

-1.6

2

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนสิงหาคม 2567

เครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมอื่น ๆ

เดือนสิงหาคม 2567

3

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนสิงหาคม 2567

เครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมอื่น ๆ เดือนสิงหาคม 2567

?

การนำเข้าของภาคอุตสาหกรรมไทย

ที่มา : กระทรวงพาณิชย์ ที่มา : กระทรวงพาณิชย์

การนำเข้าเครื่องจักรที่ใช้ในอุตสาหกรรมและส่วนประกอบ ในเดือนสิงหาคม 2567 มีมูลค่า 1,560.35 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 3.87 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยหดตัวจากการนำเข้าในสินค้าประเภทเครื่องกังหันไอพ่นและส่วนประกอบ เป็นต้น

การนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำ) ในเดือนสิงหาคม 2567 มีมูลค่า 9,611.66 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 10.22 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยการนำเข้าขยายตัวในสินค้าประเภทอุปกรณ์ ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เคมีภัณฑ์ เหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์ เป็นต้น

4

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนสิงหาคม 2567

?

สถานภาพการประกอบกิจการอุตสาหกรรม

ที่มา : กรมโรงงานอุตสาหกรรม

โรงงานที่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการในเดือนสิงหาคม 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 183 โรงงาน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 23.65 (%YoY) แต่ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 1.61 (%MoM)

มูลค่าเงินลงทุนรวมจากโรงงานที่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการในเดือนสิงหาคม 2567 มีมูลค่ารวม 14,552 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 26.28 (%YoY) แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 1.20 (%MoM)

?อุตสาหกรรมที่มีจำนวนโรงงานเริ่มประกอบกิจการมากที่สุดในเดือนสิงหาคม 2567 คือ การทำผลิตภัณฑ์คอนกรีต ผลิตภัณฑ์คอนกรีตผสมผลิตภัณฑ์ยิปซัม จำนวน 18 โรงงาน การขุดหรือลอกกรวด ทราย หรือดิน จำนวน 18 โรงงาน รองลงมาคือ การกลึง เจาะ คว้าน กัด ไส เจียร หรือเชื่อมโลหะทั่วไป จำนวน 13 โรงงาน?

?อุตสาหกรรมที่มีมูลค่าการลงทุนสูงสุดในเดือนสิงหาคม 2567 คือ โรงงานห้องเย็น จำนวนเงินทุน 4,280 ล้านบาท รองลงมาคือ การบรรจุสินค้าทั่วไป จำนวนเงินทุน 990 ล้านบาท?

5

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนสิงหาคม 2567

?

สถานภาพการประกอบกิจการอุตสาหกรรม (ต่อ)

ที่มา : กรมโรงงานอุตสาหกรรม

จำนวนโรงงานที่เลิกกิจการในเดือนสิงหาคม 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 95 ราย ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 68.23 (%YoY) แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 5.56 (%MoM)

เงินทุนของการเลิกกิจการในเดือนสิงหาคม 2567 มีมูลค่ารวม 3,213 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 44.82 (%YoY) แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 22.44 (%MoM)

?อุตสาหกรรมที่มีจำนวนโรงงานเลิกประกอบกิจการมากที่สุดในเดือนสิงหาคม 2567 คือ การขุดหรือลอก กรวด ทราย หรือดิน จำนวน 8 โรงงาน รองลงมาคือ การทำผลิตภัณฑ์คอนกรีต ผลิตภัณฑ์คอนกรีตผสม ผลิตภัณฑ์ยิบซัม จำนวน 6 โรงงาน?

?อุตสาหกรรมที่มีการเลิกประกอบกิจการโดยมีเงินลงทุนสูงสุดในเดือนสิงหาคม 2567 คือ โรงงานผลิต ประกอบ ดัดแปลง หรือซ่อมแซมเครื่องจักร เฉพาะที่ใช้ไฟฟ้า มูลค่าเงินลงทุน 707 ล้านบาท รองลงมาคือ โรงงานหมัก คาร์บอไนซ์ สาง หวี รีด ปั่น อบ หรือย้อมสีเส้นใย มูลค่าเงินลงทุน 556 ล้านบาท?

6

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนสิงหาคม 2567

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมรายสาขา เดือนสิงหาคม 2567

1.

อุตสาหกรรมอาหาร

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอาหาร เดือนสิงหาคม 2567 ขยายตัวร้อยละ 4.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มสินค้าอาหารที่มีดัชนีผลผลิตขยายตัว ได้แก่ 1) น้ำมันปาล์ม ขยายตัวร้อยละ 10.1 จากสินค้าสำคัญ ได้แก่ น้ำมันปาล์มดิบ ขยายตัวร้อยละ 8.3 และน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ขยายตัวร้อยละ 13.5 เนื่องจากความต้องการบริโภคที่เพิ่มขึ้น ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการที่ตลาดหลักอย่างอินเดียมีความต้องการนำเข้าน้ำมันปาล์มเพิ่มมากขึ้น 2) อาหารสัตว์สำเร็จรูป ขยายตัวร้อยละ 9.4 จากสินค้าสำคัญคือ อาหารสัตว์เลี้ยงสำเร็จรูป ขยายตัวร้อยละ 16.3 เนื่องจากการผลิตที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการที่เพิ่มขึ้น จากตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงสำเร็จรูปที่สำคัญ ได้แก่ อเมริกา อิตาลี และออสเตรเลีย 3) ปศุสัตว์ ขยายตัวร้อยละ 2.4 จากสินค้าสำคัญคือ เนื้อสุกรแช่เย็นแช่แข็ง ขยายตัวร้อยละ 4.8 และเนื้อไก่แช่แข็งและแช่เย็น ขยายตัวร้อยละ 0.3 จากการเพิ่มปริมาณการผลิตเพื่อรองรับความต้องการบริโภคภายในประเทศ ที่เพิ่มขึ้นตามภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัว 4) ประมง ขยายตัวร้อยละ 15.8 จากสินค้าสำคัญ คือ ปลาทูน่ากระป๋อง ขยายตัวร้อยละ 47.2 เนื่องจากความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้นจากตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ 5) ผักและผลไม้แปรรูป ขยายตัวร้อยละ 0.2 จากสินค้าสำคัญ คือ สับปะรดกระป๋อง ขยายตัวร้อยละ 12.3 เนื่องจากความต้องการบริโภคจากตลาดในประเทศที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีดัชนีผลผลิตอาหารที่ชะลอตัว คือ มันสำปะหลัง ชะลอตัวร้อยละ 6.8 จากสินค้าสำคัญคือ แป้งมันสำปะหลัง ชะลอตัวร้อยละ 5.4 เนื่องจากเป็นช่วงปลายฤดูกาลเก็บเกี่ยว หัวมันสำปะหลังออกสู่ตลาดน้อย อีกทั้งความต้องการที่ลดลงในตลาดจีน ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ ลาว และออสเตรเลีย 2) น้ำตาล ชะลอตัวร้อยละ 7.8 จากน้ำตาลทรายขาว ชะลอตัวร้อยละ 25.2 เนื่องจากภาวะการผลิตน้ำตาลทรายขาวและน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ลดน้อยลง รวมถึงความต้องการนำเข้าที่ลดลงจากคู่ค้ารายใหญ่อย่างฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย

ที่มา : กระทรวงพาณิชย์

ดัชนีผลผลิตกลุ่มเครื่องดื่ม ดัชนีผลผลิตกลุ่มเครื่องดื่มในภาพรวมหดตัวร้อยละ 2.4 จากสินค้าสำคัญ ได้แก่ สุราขาว สุราผสม น้ำดื่มบริสุทธิ์ และเครื่องดื่มรสผลไม้ เนื่องจากการผลิตลดลงตามความต้องการสินค้าของตลาดทั้งในและต่างประเทศที่ลดลง

ตลาดในประเทศ ปริมาณการผลิตเพื่อจำหน่ายสินค้าอาหารในประเทศเดือนสิงหาคม 2567 ขยายตัวร้อยละ 13.7 (%YoY) เช่น 1) เนื้อสุกรแช่แข็งและแช่เย็น ขยายตัวร้อยละ 2.66 2) เนื้อไก่แช่แข็งและแช่เย็น ขยายตัวร้อยละ 0.5 3) กุ้งแช่แข็ง ขยายตัวร้อยละ 5.2 4) ปลาทูน่ากระป๋อง ขยายตัวร้อยละ 47.2 5) น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ขยายตัวร้อยละ 5.4 6) แป้งมันสำปะหลัง ขยายตัวร้อยละ 4.6 7) อาหารสัตว์เลี้ยงสำเร็จรูป ขยายตัวร้อยละ 13.47 และ 8) น้ำดื่มบริสุทธิ์ ขยายตัวร้อยละ 1.31

ตลาดต่างประเทศ การส่งออกสินค้าอาหารเดือนสิงหาคม 2567 ในภาพรวมขยายตัวร้อยละ 3.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยความต้องการสินค้าอาหารที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ อาหารทะเลกระป๋อง อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เพิ่มขึ้นจากความต้องการนำเข้าจากตลาดหลักอย่างสหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย ไก่สด เพิ่มขึ้นจากตลาดญี่ปุ่น และสหราชอาณาจักร ข้าวและธัญพืช เพิ่มขึ้นจากความต้องการของตลาดอิรัก และสหรัฐอเมริกา ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ เพิ่มขึ้นจากความต้องการของตลาดอินเดีย และมาเลเซีย และอาหารสัตว์ เพิ่มขึ้นจากความต้องการของตลาดสหรัฐอเมริกา และอิตาลี ในส่วนของมูลค่าการส่งออกกลุ่มเครื่องดื่มขยายตัวร้อยละ 22.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นของประเทศคู่ค้าสำคัญ

?แนวโน้มอุตสาหกรรมอาหารเดือนกันยายน 2567 ในภาพรวมดัชนีผลผลิตมีแนวโน้มขยายตัว เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความต้องการสินค้าเกษตรไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับนโยบายรักษาความมั่นคงทางอาหารของประเทศคู่ค้า และสภาพภูมิอากาศที่ผันผวนทั่วโลกซึ่งส่งผลกระทบต่อปริมาณผลผลิตในหลายประเทศ อย่างไรก็ตาม ปัญหาอุทกภัยในประเทศที่อาจส่งผลต่อปริมาณผลผลิตสินค้าเกษตรของไทยในระยะถัดไป?

7

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนสิงหาคม 2567

2. อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์

?

อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า

ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และกระทรวงพาณิชย์

การผลิตสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า มีดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 79.3 ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ มอเตอร์ไฟฟ้า หม้อแปลงไฟฟ้า คอมเพรสเซอร์ พัดลมตามบ้าน และเครื่องปรับอากาศ เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.8, 19.6, 12.6 และ 5.3 ตามลำดับ เนื่องจากมีความต้องการสินค้าในตลาดโลกและมีการจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้น ในขณะที่สินค้าที่ปรับตัวลดลง ได้แก่ กระติกน้ำร้อน เตาอบไมโครเวฟ และเครื่องซักผ้า ลดลงร้อยละ 14.3 13.1 และ 4.4 ตามลำดับ เนื่องจากมีความต้องการสินค้าในประเทศลดลง

การส่งออกสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า มีมูลค่า 2,963.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.7 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าที่มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น ได้แก่ พัดลม มีมูลค่า 51.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.1 ในตลาดสหรัฐอเมริกา และจีน แผงสวิตช์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า มีมูลค่า 288.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.0 ในตลาดสหรัฐอเมริกา อาเซียน และญี่ปุ่น เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ มีมูลค่า 487.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.3 ในตลาด ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา และอินเดีย มอเตอร์และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า มีมูลค่า 84.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.5 ในตลาดอาเซียน และยุโรป สายไฟฟ้า สายเคเบิ้ล มีมูลค่า 108.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.1 ในตลาดสหรัฐอเมริกา และอาเซียน หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ มีมูลค่า 481.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.8 ในตลาดสหราชอาณาจักร ไต้หวันและอาเซียน ในขณะที่สินค้าที่มีการส่งออกลดลง ได้แก่ เครื่องตัดต่อและป้องกันวงจรไฟฟ้า มีมูลค่า 146.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 15.3 ในตลาดญี่ปุ่น จีน และอินเดีย เตาอบไมโครเวฟ มีมูลค่า 14.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 8.8 ในตลาดญี่ปุ่น แคนาดา และสหราชอาณาจักร เครื่องซักผ้า ซักแห้งและส่วนประกอบ มีมูลค่า 115.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 2.3 ในตลาดสหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น

การนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้า มีมูลค่า 1,694.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.7 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าที่มีการนำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องซักผ้า มีมูลค่า 9.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 100.8 จากตลาดอาเซียน จีน และยุโรป พัดลม มีมูลค่า 8.24 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 72.8 จากตลาดญี่ปุ่น จีน และสหรัฐอเมริกา มอเตอร์ไฟฟ้า มีมูลค่า 116.81 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.4 จากตลาดสหรัฐอเมริกา จีน และยุโรป และเครื่องปรับอากาศ มีมูลค่า 23.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.8 จากตลาดสหรัฐอเมริกา และยุโรป ในขณะที่สินค้าที่มีการนำเข้าลดลง ได้แก่ หม้อแปลงไฟฟ้า มีมูลค่า 14.73 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 26.3 จากตลาดยุโรป อาเซียน และจีน

?แนวโน้มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าเดือนกันยายน 2567 คาดว่า จะยังคงทรงตัว เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสถานการณ์ของเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แน่นอน?

8

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนสิงหาคม 2567

?

อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์

ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และกระทรวงพาณิชย์

การผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ มีดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 64.4 ปรับตัวลดลงเล็กน้อยร้อยละ 0.9 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าที่ปรับตัวลดลง ได้แก่ IC และ PCBA ลดลงร้อยละ 24.6 และ 2.9 ตามลำดับ เนื่องจากความต้องสินค้าในประเทศชะลอตัวลง ในขณะที่สินค้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ Printer, PWB, HDD และSemiconductor devices Transistors เพิ่มขึ้นร้อยละ 35.7, 19.1, 16.6 และ 7.7 ตามลำดับ โดย HDD ขยายตัวตามความต้องการของการพัฒนาเทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่และจำนวนมาก

การส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ มีมูลค่า 4,398.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.6 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากความต้องการของตลาดโลกและการฟื้นตัวของกลุ่มสินค้าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โดยสินค้าที่มีการส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ HDD มีมูลค่า 925.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 112.2 ในตลาดสหรัฐอเมริกา จีน และยุโรป วงจรพิมพ์ มีมูลค่า 121.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.7 ในตลาดจีน ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา ในขณะที่สินค้าที่มีการส่งออกลดลง ได้แก่ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด มีมูลค่า 255.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 40.2 ในตลาดสหรัฐอเมริกา จีน และอินเดีย แผงวงจรไฟฟ้า มีมูลค่า 746.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 33.2 ในตลาดอาเซียน ญี่ปุ่น และจีน

การนำเข้าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ มีมูลค่า 4,363.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.4 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าที่มีการนำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ วงจรพิมพ์ มีมูลค่า 266.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 71.4 จากตลาดจีน อาเซียน และสหรัฐอเมริกา วงจรรวม มีมูลค่า 1,747.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.9 จากตลาดจีน อาเซียน และสหรัฐอเมริกา ในขณะที่สินค้าที่มีการนำเข้าลดลง ได้แก่ HDD มีมูลค่า 4.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 79.1 จากตลาดจีน และอาเซียน อุปกรณ์กึ่งตัวนำ (ไม่รวมวงจรรวม) มีมูลค่า 203.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 9.7 จากตลาดสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น

?แนวโน้มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์เดือนกันยายน 2567 คาดว่า จะชะลอตัวลง เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการผลิตสินค้าในเชิงปริมาณชะลอตัวลง เช่น ส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ และวงจรรวม เป็นต้น?

9

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนสิงหาคม 2567

3. อุตสาหกรรมยานยนต์

?

อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม รวบรวมจากกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

การผลิตรถยนต์ ในเดือนสิงหาคม ปี 2567 มีจำนวน 119,680 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 20.56 (%YoY) เนื่องจากการผลิตรถกระบะที่ลดลงและการเข้มงวดในการให้สินเชื่อของสถาบันการเงิน เพราะหนี้ครัวเรือนสูงและเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทั้งนี้ การผลิตรถยนต์ลดลงจากเดือนกรกฎาคม ปี 2567 ร้อยละ 4.12 (%MoM)

การจำหน่ายรถยนต์ในประเทศ ในเดือนสิงหาคม ปี 2567 มีจำนวน 45,190 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 24.98 (%YoY) โดยเป็นการปรับลดลงของการจำหน่ายรถยนต์นั่ง รถกระบะ 1 ตัน และรถกระบะอนุพันธ์ (PPV) เนื่องจากหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้สถาบันการเงินยังคงเข้มงวดในการให้สินเชื่อ ทั้งนี้ การจำหน่ายรถยนต์ลดลงจากเดือนกรกฎาคม ปี 2567 ร้อยละ 2.60 (%MoM)

การส่งออกรถยนต์ ในเดือนสิงหาคม ปี 2567 มีจำนวน 86,066 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 1.70 (%YoY) เนื่องจากปัญหาพื้นที่ภายในเรือไม่เพียงพอและความล่าช้าจากสงครามอิสราเอลกับฮามาส และปัญหาสิ่งสกปรกในท่าเรือที่ติดไปในรถกระบะที่เตรียมขับขึ้นเรือในรอบเดือนที่แล้ว ทำให้ต้องมีการทำความสะอาดก่อนขนส่ง อย่างไรก็ตาม การส่งออกรถยนต์เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม ปี 2567 ร้อยละ 3.04 (%MoM)

?แนวโน้มอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ในเดือนกันยายน ปี 2567 คาดว่า ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนกันยายน ปี 2566 เนื่องจากแนวโน้มการชะลอตัวของตลาดในประเทศ?

?

อุตสาหกรรมการผลิตรถจักรยานยนต์

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม รวบรวมจากกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

การผลิตรถจักรยานยนต์ ในเดือนสิงหาคม ปี 2567 มีจำนวน 144,244 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 15.78 (%YoY) จากการลดลงของการผลิตรถจักรยานยนต์แบบอเนกประสงค์ และแบบสปอร์ต และการผลิตรถจักรยานยนต์ลดลงจากเดือนกรกฎาคม ปี 2567 ร้อยละ 4.44 (%MoM)

การจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ในเดือนสิงหาคม ปี 2567 มียอดจำหน่ายจำนวน 131,736 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 17.73 (%YoY) จากการลดลงของยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ขนาด 51-110 ซีซี ขนาด 126-250 ซีซี ขนาด 251-399 ซีซี และมากกว่าหรือเท่ากับ 400 ซีซี และการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ลดลงจากเดือนกรกฎาคม ปี 2567 ร้อยละ 6.94 (%MoM)

การส่งออกรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) ในเดือนสิงหาคม ปี 2567 มีจำนวน 30,648 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 7.40 (%YoY) อย่างไรก็ตาม การส่งออกรถจักรยานยนต์สำเร็จรูปอยู่ในระดับใกล้เคียงเดิม โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.39 เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม ปี 2567 (%MoM)

?แนวโน้มอุตสาหกรรมการผลิตรถจักรยานยนต์ในเดือนกันยายน ปี 2567 คาดว่า ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนกันยายน ปี 2566 เนื่องจากแนวโน้มการชะลอตัวของตลาดในประเทศ?

10

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนสิงหาคม 2567

4. อุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยางพารา

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

การผลิต

ยางแปรรูปขั้นปฐม (ยางแผ่น ยางแท่ง และน้ำยางข้น) เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.16 จากการเพิ่มขึ้นของการผลิตยางแท่ง

ยางรถยนต์ ลดลงร้อยละ 1.09 จากการลดลงของการผลิตยางรถยนต์นั่ง ยางรถบรรทุกและรถโดยสาร และยางรถแทรกเตอร์

ถุงมือยาง เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.01 จากการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในประเทศและต่างประเทศ

การจำหน่ายในประเทศ

ยางแปรรูปขั้นปฐม (ยางแผ่น ยางแท่ง และน้ำยางข้น) ลดลงร้อยละ 8.95 จากความต้องการยางแท่งและน้ำยางข้นในอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่ลดลง

ยางรถยนต์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.03 จากความต้องการยางรถยนต์ในตลาด REM (Replacement Equipment Manufacturing) ที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นหลัก

ถุงมือยาง เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.11 จากความต้องการถุงมือยางทางการแพทย์ในประเทศที่อยู่ในระดับสูง

การส่งออก

ยางแปรรูปขั้นปฐม (ยางแผ่น ยางแท่ง และน้ำยางข้น) มีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 65.04 จากการเพิ่มขึ้นของการส่งออก ยางแผ่นไปตลาดอินเดีย ยางแท่งไปตลาดจีน และน้ำยางข้นไปตลาดมาเลเซีย

ยางรถยนต์ มีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.63 จากการขยายตัวของการส่งออกยางรถยนต์ไปตลาดเกาหลีใต้และมาเลเซีย

ถุงมือยาง มีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.55 จากความต้องการถุงมือยางในตลาดโลก อาทิ สหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์ที่สูงขึ้น

ที่มา: กระทรวงพาณิชย์

แนวโน้มอุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยางพาราเดือนกันยายน 2567

การผลิตยางแปรรูปขั้นปฐม (ยางแผ่น ยางแท่ง และน้ำยางข้น) คาดว่า จะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จากการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ สำหรับการผลิตยางรถยนต์ คาดว่า จะกลับมาขยายตัว จากความต้องการยางรถยนต์ในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายปี 2566 ในส่วนของการผลิตถุงมือยางคาดว่า จะขยายตัวจากการผลิตเพื่อตอบสนองอุปสงค์ความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขณะที่การจำหน่ายถุงมือยางในประเทศคาดว่าจะขยายตัวจากความต้องการถุงมือยางทางการแพทย์ที่อยู่ในระดับสูง

การส่งออกยางแปรรูปขั้นปฐม (ยางแผ่น ยางแท่ง และน้ำยางข้น) คาดว่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น เป็นผลจากตลาดส่งออกสำคัญ อาทิ จีน อินเดีย และมาเลเซีย มีแนวโน้มสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจากไทยเพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาที่สูงขึ้นจากช่วงที่ผ่านมา ในส่วนของการส่งออกยางรถยนต์คาดว่าจะชะลอตัวจากอุปสงค์ความต้องการยางรถยนต์ในตลาดสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดส่งออกสำคัญ ทางด้านการส่งออกถุงมือยาง คาดว่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากความต้องการถุงมือยางในตลาดโลกที่สูงขึ้นโดยเฉพาะในตลาดสหรัฐอเมริกาและกลุ่มประเทศยุโรป

11

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนสิงหาคม 2567

5. อุตสาหกรรมพลาสติก

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

ที่มา : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือ จากกรมศุลกากร

ดัชนีผลผลิต เดือนสิงหาคม ปี 2567 หดตัวร้อยละ 1.23 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยดัชนีผลผลิตขยายตัวในหลาย ๆ ผลิตภัณฑ์ เช่น ท่อและข้อต่อพลาสติก หดตัวร้อยละ 10.19 บรรจุภัณฑ์พลาสติกอื่น ๆ หดตัวร้อยละ 3.78 แผ่นฟิล์มพลาสติก หดตัวร้อยละ 2.09 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ดัชนีการส่งสินค้า เดือนสิงหาคม ปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 5.59 โดยผลิตภัณฑ์ที่ขยายตัว เช่น แผ่นฟิล์มพลาสติกขยายตัวร้อยละ 14.38 ถุงพลาสติก ขยายตัวร้อยละ 13.73 กระสอบพลาสติก ขยายตัวร้อยละ 10.09 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

การส่งออก เดือนสิงหาคม ปี 2567 มีมูลค่ารวม 440.56 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือขยายตัวร้อยละ 0.51 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลให้การส่งออกขยายตัว เช่น พลาสติกปูพื้น (HS 3918) ขยายตัวร้อยละ 62.65 ผลิตภัณฑ์หลอดหรือท่อ (HS 3917) ขยายตัวร้อยละ 13.76 และผลิตภัณฑ์แผ่น แผ่นบาง ฟิล์ม ฟอยล์ และแถบชนิดอื่น ๆ ชนิดยึดติดในตัว (HS 3919) ขยายตัวร้อยละ 11.45 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

การนำเข้า เดือนสิงหาคม ปี 2567 มีมูลค่ารวม 460.11 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือขยายตัวร้อยละ 0.58 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลให้การนำเข้าขยายตัว เช่น ผลิตภัณฑ์เครื่องประกอบของอาคาร (HS 3925) ขยายตัวร้อยละ 14.68 ผลิตภัณฑ์หลอดหรือท่อ (HS 3917) ขยายตัวร้อยละ 13.77 และผลิตภัณฑ์แผ่น แผ่นบาง ฟิล์ม ฟอยล์ และแถบชนิดอื่น ๆ ที่ไม่เป็นแบบเซลลูลาร์ (HS 3920) ขยายตัวร้อยละ 12.57 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

?แนวโน้มอุตสาหกรรมพลาสติกเดือนกันยายน 2567 คาดการณ์ว่า การผลิตชะลอตัวลดลงเนื่องจากความต้องการปลายทางที่ชะลอตัวลง ผู้บริโภคซื้อตามความจำเป็นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม การส่งออกขยายตัวตามตลาดหลัก เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน เป็นต้น?

ดัชนีผลผลิต-ดัชนีการส่งสินค้า

ปริมาณและมูลค่าการส่งออก-นาเข้า

12

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนสิงหาคม 2567

6. อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์

ดัชนีผลผลิต - ดัชนีการส่งสินค้า ปริมาณและมูลค่าการส่งออกและการนาเข้า

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ที่มา : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์

โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร

ดัชนีผลผลิต เดือนสิงหาคม ปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 4.51 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มเคมีภัณฑ์ขั้นปลายขยายตัวร้อยละ 6.69 ผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตขยายตัว ได้แก่ แป้งฝุ่นขยายตัวร้อยละ 25.06 น้ำยาทำความสะอาด ขยายตัวร้อยละ 22.77 สีน้ำมันขยายตัวร้อยละ 11.43 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในส่วนของกลุ่มเคมีภัณฑ์ขั้นพื้นฐานหดตัวร้อยละ 0.25 ผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตหดตัว ได้แก่ เมทิลเอสเตอร์ (ไบโอเซล) หดตัวตัวร้อยละ 18.01 เอทานอล หดตัวร้อยละ 9.77 และก๊าซไฮโดรเจน หดตัวร้อยละ 9.13 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ดัชนีการส่งสินค้า เดือนสิงหาคม ปี 2567 หดตัวร้อยละ 6.04 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มเคมีภัณฑ์ขั้นปลาย หดตัวร้อยละ 9.67 ผลิตภัณฑ์ที่มีการหดตัว ได้แก่ สีน้ำพลาสติก หดตัวร้อยละ 5.19 ปุ๋ยเคมี หดตัวร้อยละ 4.92 และน้ำยาล้างจ้าง หดตัวร้อยละ 3.17 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในส่วนเคมีภัณฑ์พื้นฐานขยายตัวร้อยละ 1.19 ผลิตภัณฑ์ที่มีการขยายตัว ได้แก่ เมทิลเอสเตอร์ (ไบโอดีเซล) ขยายตัวร้อยละ 12.45 กรดเกลือ ขยายตัวร้อยละ 11.67 และก๊าซไฮโดรเจน ขยายตัวร้อยละ 10.87 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

การส่งออก เดือนสิงหาคม ปี 2567 มูลค่าการส่งออกรวม 894.70 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 9.12 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการส่งออกกลุ่มเคมีภัณฑ์พื้นฐาน มีมูลค่าการส่งออก 498.35 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 8.15 ในส่วนของเคมีภัณฑ์ขั้นปลาย มีมูลค่าการส่งออก 396.34 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 10.36

เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกขยายตัว เช่น เคมีภัณฑ์อนินทรีย์ ขยายตัวร้อยละ 24.04 เครื่องสำอางขยายตัวร้อยละ 14.62 และสารลดแรงตึงผิวขยายตัวร้อยละ 8.73 เป็นต้น

การนำเข้า เดือนสิงหาคม ปี 2567 มูลค่าการนำเข้ารวม 1,649.14 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือหดตัวร้อยละ 0.09 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มเคมีภัณฑ์ขั้นปลายมีมูลค่าการนำเข้า 633.94 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 2.44 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในส่วน เคมีภัณฑ์พื้นฐานมีมูลค่าการนำเข้า 1,015.20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือขยายตัวร้อยละ 1.44 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลให้การนำเข้าหดตัว เช่น เคมีภัณฑ์เบ็ดเตล็ด หดตัวร้อยละ 14.53 ปุ๋ย หดตัวร้อยละ 13.89 เป็นต้น

?แนวโน้มอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์เดือนกันยายน 2567 คาดการณ์ว่า การผลิตมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นจากความต้องการของผู้บริโภคภายในประเทศในผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์บางชนิดเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในส่วนของสถานการณ์การส่งออกมีทิศทางที่ดีขึ้นจากตลาดหลัก ได้แก่ อินเดีย จีน และญี่ปุ่น?

13

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนสิงหาคม 2567

7. อุตสาหกรรมปิโตรเคมี

ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

ดัชนีผลผลิต การผลิตอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เดือนสิงหาคม ปี 2567 อยู่ที่ระดับ 93.24 หรือปรับตัวลดลงร้อยละ 1.01 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และปรับตัวลดลงร้อยละ 1.35 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยเป็นปิโตรเคมีขั้นปลาย ได้แก่ PE resin และ PS resin ปรับตัวลดลงร้อยละ 8.57 และ 12.02 ส่วนปิโตรเคมีขั้นต้น ได้แก่ Ethylene ลดลงร้อยละ 13.83 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับการผลิตเม็ดพลาสติกชีวภาพ PLA ปรับตัวเพิ่มขิ้นจากปีก่อน จากการที่วัตถุดิบเริ่มกลับมาผลิตได้ปกติ

ดัชนีการส่งสินค้า เดือนสิงหาคม ปี 2567 อยู่ที่ระดับ 85.51 ปรับตัวลดลงร้อยละ 7.55 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และปรับตัวลดลงร้อยละ 6.17 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยเป็นปิโตรเคมีขั้นต้น ได้แก่ Ethylene ลดลงร้อยละ 18.83 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และปิโตรเคมีขั้นปลาย ได้แก่ PE resin ลดลงร้อยละ 13.73 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

การส่งออก เดือนสิงหาคม ปี 2567 มีมูลค่า 916.29 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.21 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ปรับตัวลดลงร้อยละ 6.23 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นในกลุ่มปิโตรเคมีขั้นปลาย เช่น PP resin ร้อยละ 15.95 เป็นต้น และปรับตัวเพิ่มขึ้นในกลุ่มปิโตรเคมีขั้นต้น เช่น Ethylene Glycol ร้อยละ 100.0 เป็นต้น เนื่องจากสถานการณ์ตลาดต่างประเทศมีความต้องการในการผลิตอุตสาหกรรมปลายน้ำเพิ่มขึ้นจากการหยุดซ่อมบำรุงโรงงานในหลายประเทศ

ที่มา : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร

การนำเข้า เดือนสิงหาคม ปี 2567 มีมูลค่า 552.67 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.07 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.46 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นในกลุ่ม ปิโตรเคมีขั้นปลาย เช่น PE resin ร้อยละ 32.11 และปรับตัวเพิ่มขึ้นในกลุ่มปิโตรเคมีขั้นต้น เช่น Styrene ร้อยละ 55.79 เป็นต้น

?แนวโน้มอุตสาหกรรมปิโตรเคมีเดือนกันยายน ปี 2567 คาดว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมการผลิตจะปรับไปในทางชะลอตัวลง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการผลิตกลับมาผลิตได้หลังจากซ่อมบำรุงในช่วงปลายปีก่อนถึงต้นปี และจะมีความต้องการจากต่างประเทศมาทดแทนจากการที่โรงงานปิโตรเคมีในหลายประเทศเริ่มหยุดซ่อมบำรุงหลังจากที่แนวโน้มการผลิตชะลอตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง?

14

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนสิงหาคม 2567

8. อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมและสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย

ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ในเดือนสิงหาคม 2567 มีค่า 79.8 ขยายตัวร้อยละ 6.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เมื่อพิจารณาตามผลิตภัณฑ์หลัก พบว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมหดตัวในกลุ่มผลิตภัณฑ์เหล็กทรงยาว และเหล็กทรงแบน โดยการผลิตเหล็กทรงยาวหดตัวร้อยละ 2.8 ผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตหดตัวมากที่สุด คือ เหล็กเส้นกลม หดตัวร้อยละ 12.9 รองลงมาคือ เหล็กโครงสร้างรูปพรรณชนิดรีดเย็น เหล็กโครงสร้างรูปพรรณชนิดรีดร้อน และเหล็กเส้นข้ออ้อย หดตัวร้อยละ 12.7 11.8 และ 4.8 ตามลำดับ การผลิตเหล็กทรงแบนหดตัวร้อยละ 14.4 ผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตหดตัวมากที่สุด คือ เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน หดตัวร้อยละ 28.0 รองลงมาคือ เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี และเหล็กแผ่นรีดเย็น หดตัวร้อยละ 18.2 และ 3.8 ตามลำดับ ขณะที่การผลิตท่อเหล็กกล้า ขยายตัวร้อยละ 0.01

การบริโภคในประเทศ ในเดือนสิงหาคม 2567 มีปริมาณการบริโภค 1.6 ล้านตัน ขยายตัวร้อยละ 25.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการบริโภคทั้งผลิตภัณฑ์เหล็กทรงยาว และเหล็กทรงแบน โดยเหล็กทรงยาวมีปริมาณการบริโภค 0.6 ล้านตัน ขยายตัวร้อยละ 32.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการบริโภคเหล็กเส้นและเหล็กโครงสร้างรีดร้อน และเหล็กลวดที่เพิ่มขึ้น การบริโภคเหล็กทรงแบนมีปริมาณการบริโภค 1.0 ล้านตัน ขยายตัวร้อยละ 21.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการบริโภคเหล็กแผ่นบางรีดร้อน เหล็กแผ่นหนารีดร้อน เหล็กแผ่นรีดเย็น เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี เหล็กแผ่นเคลือบโครเมี่ยม และเหล็กแผ่นเคลือบชนิดอื่น ๆ ที่เพิ่มขึ้น ยกเว้นเพียงเหล็กแผ่นเคลือบดีบุกที่การบริโภคลดลง

การนำเข้า ในเดือนสิงหาคม 2567 มีปริมาณการนำเข้า 1.2 ล้านตัน ขยายตัวร้อยละ 37.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการนำเข้าผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเหล็กทรงยาวและเหล็กทรงแบน โดยเหล็กทรงยาวมีปริมาณการนำเข้า 0.3 ล้านตัน ขยายตัวร้อยละ 55.2 ผลิตภัณฑ์ที่มีการนำเข้าขยายตัว เช่น เหล็กโครงสร้างรีดร้อน ประเภท Carbon Steel (ประเทศหลักที่ไทยนำเข้าเพิ่มขึ้น คือ จีน และอินเดีย) เหล็กเส้น ประเภท Carbon Steel (ประเทศหลักที่ไทยนำเข้าเพิ่มขึ้น คือ จีน และเกาหลีใต้) และเหล็กลวด ประเภท Alloy Steel (ประเทศหลักที่ไทยนำเข้าเพิ่มขึ้น คือ จีน) เหล็กทรงแบน มีปริมาณการนำเข้า 0.9 ล้านตัน ขยายตัวร้อยละ 31.7 ผลิตภัณฑ์ที่มีการนำเข้าขยายตัว เช่น เหล็กแผ่นหนารีดร้อน ประเภท Carbon Steel (ประเทศหลักที่ไทยนำเข้าเพิ่มขึ้น คือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย และจีน) เหล็กแผ่นบางรีดร้อน ประเภท Carbon Steel (ประเทศหลักที่ไทยนำเข้าเพิ่มขึ้น คือ ญี่ปุ่น และจีน) และเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อน (HDG) (ประเทศหลักที่ไทยนำเข้าเพิ่มขึ้น คือ จีนและญี่ปุ่น)

?แนวโน้มอุตสาหกรรมเหล็กในเดือนกันยายน 2567 คาดการณ์ว่า การผลิตหดตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีประเด็นสำคัญที่ควรติดตาม อาทิ ราคาเหล็กต่างประเทศ การดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจและการค้าของต่างประเทศ เช่น 1) การขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา ต่อสินค้าจีน ซึ่งคาดว่าจะทำให้จีนระบายสินค้าเหล็กไปยังประเทศต่าง ๆ เพิ่มขึ้นเพื่อทดแทนตลาดสหรัฐอเมริกา และ 2) การประกาศระงับการออกใบอนุญาตตั้งโรงงานผลิตเหล็กอย่างกะทันหันของจีนเพื่อควบคุมปริมาณการผลิตเหล็ก ที่มากเกินความต้องการบริโภค ซึ่งถึงแม้ว่าอาจไม่ได้ทำให้ปริมาณการผลิตเหล็กของจีนลดลงมาก เนื่องจากมีโรงงาน ที่ได้รับใบอนุญาตไปก่อนหน้านี้จะเริ่มผลิตได้ตั้งแต่ปี 2567 แต่ในระยะยาวอาจมีผู้ผลิตเหล็กของจีนย้ายฐานการผลิตไปต่างประเทศเพิ่มขึ้น?

15

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนสิงหาคม 2567

9. อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

การผลิต

เส้นใยสิ่งทอ ขยายตัวร้อยละ 5.54 (%YoY) ในกลุ่มเส้นใยประดิษฐ์ เส้นด้ายฝ้าย และเส้นด้ายจากเส้นใยประดิษฐ์ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เส้นใยโพลีเอสเตอร์ และเส้นใยเรยอน จากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลาย โดยนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเสื้อผ้ากีฬา สิ่งทอภายในบ้าน และชิ้นส่วนยานยนต์

ผ้าผืน หดตัวร้อยละ 10.22 (%YoY) โดยลดลงในกลุ่มผ้าทอ (ฝ้าย) และผ้าทอ (ใยสังเคราะห์)

เสื้อผ้าสำเร็จรูป ขยายตัวร้อยละ 14.68 (%YoY) ในกลุ่มเครื่องแต่งกายทำจากผ้าทอ ทั้งเครื่องแต่งกายชั้นนอก และเครื่องแต่งกายชั้นในสตรีและบุรุษ จากความต้องการของตลาดต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น

การจำหน่ายในประเทศ

เส้นใยสิ่งทอ ขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 12 โดยขยายตัวร้อยละ 0.61 (%YoY) ในกลุ่มด้ายจากเส้นใยประดิษฐ์ และเส้นด้ายฝ้าย ผลจากผู้ประกอบการอุตสาหกรรมสิ่งทอมีการใช้วัตถุดิบในการผลิตสินค้าภายในประเทศเพิ่มมากขึ้น

ผ้าผืน ขยายตัวร้อยละ 3.77 (%YoY) จากการจำหน่ายผ้าขนหนูขนาดเล็ก

เสื้อผ้าสำเร็จรูป หดตัวร้อยละ 5.27 (%YoY) จากเสื้อผ้าถัก เนื่องจากผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้านำเข้าจากต่างประเทศซึ่งมีราคาย่อมเยา

ที่มา : กระทรวงพาณิชย์

การนำเข้า

ด้ายและเส้นใย หดตัวร้อยละ 0.15 (%YoY) ในส่วนของเส้นใยใช้ในการทอ

ผ้าผืน ขยายตัวร้อยละ 1.22 (%YoY) ส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าจากจีนและเวียดนามเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตผลิตภัณฑ์กลางน้ำและปลายน้ำ

เสื้อผ้าสำเร็จรูป หดตัวร้อยละ 2.21 (%YoY) ตามพฤติกรรมการบริโภคที่ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

การส่งออก

การส่งออกเส้นใยสิ่งทอ ขยายตัวร้อยละ 14.91 (%YoY) จากการส่งออกเส้นใยประดิษฐ์ไปยังจีน สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม

ผ้าผืน หดตัวร้อยละ 7.67 (%YoY) จากการส่งออกผ้าผืนไปยังตลาดเวียดนาม กัมพูชา และบังกลาเทศ

สำหรับเสื้อผ้าสำเร็จรูป ขยายตัวร้อยละ 19.68 (%YoY) จากการส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปทำจากฝ้าย เสื้อผ้าสำเร็จรูปทำจากใยประดิษฐ์ไปยังประเทศคู่ค้าสำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเยอรมนี จากการฟื้นตัวของทิศทางเศรษฐกิจและการค้าโลกที่ปรับตัวดีขึ้น

?แนวโน้มอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ในเดือนกันยายน 2567 คาดว่าจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องจากภาคการส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนืออาจจะส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจภายในประเทศชะลอตัว รวมถึงการนำเข้าสินค้าราคาถูกที่ไม่ได้มาตรฐานจากต่างประเทศ กดดันความสามารถในการแข่งขันของผู้ผลิตสินค้าในไทย?

16

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนสิงหาคม 2567

10. อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์

? อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์รวม

0.0

1.0

2.0

3.0

4.0

5.0

6.0

7.0

8.0

ที่มา : 1. ปริมาณการผลิตและจำหน่ายภายในประเทศ : กองสารสนเทศและดัชนีเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

2. ปริมาณการส่งออก : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์

การผลิตปูนซีเมนต์รวม ในเดือนสิงหาคม ปี 2567

มีจำนวน 6.51 ล้านตัน หดตัวร้อยละ 1.39 (%YoY) เมื่อเทียบ

กับเดือนเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากความต้องการและ

คำสั่งซื้อที่ลดลงของตลาดภายในประเทศเป็นหลัก

การจำหน่ายปูนซีเมนต์รวมในประเทศ ในเดือน

สิงหาคม ปี 2567 มีปริมาณการจำหน่าย 2.88 ล้านตัน

หดตัวร้อยละ 12.30 (%YoY) เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของ

ปีก่อน ตามความต้องการที่ลดลงของปูนซีเมนต์และปูนเม็ด

เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศในโครงการ

ก่อสร้างภาครัฐและอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งยังไม่สามารถ

ระบ ย สต๊อกที่มีอยู่ได้มากนัก เช่น บ้าน ที่อยู่อาศัย

คอนโดมิเนียม

การส่งออกปูนซีเมนต์รวม ในเดือนสิงหาคม ปี 2567

มีจำนวน 0.37 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.83 (%YoY) เมื่อเทียบ

กับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากคำสั่งซื้อปูนซีเมนต์ที่เพิ่มขึ้น

ถึงร้อยละ 36.31 จากประเทศบังคลาเทศ ฟิลิปปินส์ และ

เวียดนาม

?คาดการณ์แนวโน้มของอุตสาหกรรมการผลิตปูนซีเมนต์

ในภาพรวมเดือนกันยายน 2567 คาดว่า จะขยายตัวได้เพิ่มขึ้น

จากการเร่งก่อสร้างโครงการของภาครัฐ และมาตรการกระตุ้น

ตลาดของภาคอสังหาริมทรัพย์ ทั้งบ้านจัดสรร และคอนโดมิเนียม

ประกอบกับอุทกภัยที่เกิดขึ้นในภาคเหนือ คาดว่า จะมีการใช้

ปูนซีเมนต์เพื่อซ่อมแซมบ้านเพิ่มขึ้น?

? อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด)

ที่มา : 1. ปริมาณการผลิตและจำหน่ายภายในประเทศ : กองสารสนเทศและดัชนีเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

2. ปริมาณการส่งออก : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดย

ความร่วมมือของกรมศุลกากร

การผลิตปูนซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด) ในเดือนสิงหาคม

ปี 2567 มีจำนวน 3.63 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.10 (%YoY)

เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากความต้องการเพิ่มขึ้น

ของตลาดต่างประเทศ

การจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศ (ไม่รวมปูนเม็ด)

ในเดือนสิงหาคม ปี 2567 มีปริมาณการจำหน่าย 2.88 ล้านตัน

หดตัวร้อยละ 11.86 (%YoY) เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของ

ปีก่อน จากการชะลอตัวของโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ

และอสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียม

การส่งออกปูนซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด) ในเดือน

สิงหาคม ปี 2567 มีจำนวน 0.13 ล้านตัน หดตัวร้อยละ 28.46

(%YoY) เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากการส่งออกไป

เมียนมา ออสเตรเลีย กัมพูชา และ สปป.ลาว เนื่องจากความ

ต้องการใช้เพื่อก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่และสาธารณูปโภค

ชะลอตัว

?แนวโน้มอุตสาหกรรมการผลิตปูนซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด)

ในเดือนกันยายน 2567 คาดว่า จะขยายตัวได้เพิ่มขึ้น จาก

การเร่งก่อสร้างของภาคอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ บ้านจัดสรร

อาคารพาณิชย์ และคอนโดมิเนียม เพื่อกระตุ้นยอดคำสั่งซื้อและ

การส่งเสริมในมาตรการต่าง ๆ จากรัฐบาล และคาดว่า อุทกภัย

ที่เกิดขึ้นทางภาคเหนือจะมีการใช้ปูนซีเมนต์เพื่อการซ่อมแซม

เพิ่มขึ้น?

ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ