ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนธันวาคม 2567

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday March 12, 2025 14:22 —สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

รายงาน

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

1

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนธันวาคม 2567

สถานการณ์การผลิตภาคอุตสาหกรรม Indicators 2566 2567 2566 2567 %YoY Year Year ธ.ค. ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค.

MPI

-3.8

-1.8

-4.7

-2.9

-2.8

-4.9

2.7

-1.5

-1.6

1.6

-1.8

-3.2

-0.6

-3.4

-2.1

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนธันวาคม 2567 เมื่อพิจารณาจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) อยู่ที่ระดับ 90.18 หดตัวร้อยละ 2.11 จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยหลักมาจากการผลิตรถยนต์ลดลงจากตลาดภายในประเทศ เนื่องจากหนี้ภาคครัวเรือนอยู่ในระดับสูงและสถาบันการเงินยังคงเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อ

เมื่อพิจารณาข้อมูล MPI ย้อนหลัง 3 เดือน เทียบกับปีก่อน (%YoY) เดือนตุลาคมหดตัวร้อยละ 0.6 เดือนพฤศจิกายนหดตัวร้อยละ 3.4 และเดือนธันวาคมหดตัวร้อยละ 2.1

สำหรับ 3 เดือนที่ผ่านมา เดือนตุลาคม เดือนพฤศจิกายน และเดือนธันวาคม 2567 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมหรือ MPI เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา (%MoM) มีอัตราการเปลี่ยนแปลง ดังนี้ เดือนตุลาคมขยายตัวร้อยละ 1.0 เดือนพฤศจิกายนหดตัวร้อยละ 0.1 และเดือนธันวาคมหดตัวร้อยละ 3.6

อุตสาหกรรมสำคัญที่ส่งผลให้ MPI เดือนธันวาคม 2567 หดตัว เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน คือ

?

ยานยนต์ หดตัวร้อยละ 22.8 จากรถบรรทุกปิคอัพ รถยนต์นั่งขนาดใหญ่ และรถยนต์นั่งขนาดเล็ก เป็นหลัก ตามการหดตัวของตลาดในประเทศและตลาดส่งออก จากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว หนี้ครัวเรือนสูงและสถาบันการเงินเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อ

?

ชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ หดตัวร้อยละ 13.5 จาก Integrated Circuits (IC) เป็นหลัก ตามคำสั่งซื้อที่ลดลงจากลูกค้าและบริษัทแม่ในต่างประเทศ เนื่องจากการชะลอตัวของตลาดโลก

?

น้ำมันปาล์ม หดตัวร้อยละ 32.5 จากน้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ตามปริมาณผลปาล์ม ที่ลดลงจากปัญหาภัยแล้งและเหตุอุทกภัยทางภาคใต้ ส่งผลให้ผู้ผลิตบางรายหยุดผลิตชั่วคราวจากปาล์มขาดตลาด ประกอบกับผู้ผลิตบางรายเครื่องจักรชำรุดไม่สามารถทำการผลิตได้

อุตสาหกรรมสำคัญที่ขยายตัวในเดือนธันวาคม 2567 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน คือ

?

เม็ดพลาสติก ขยายตัวร้อยละ 18.4 จาก Polyethylene (PE) Polypropylene (PP) และ Ethylene เป็นหลัก จากฐานต่ำในปีก่อน ที่ผู้ผลิตบางรายหยุดซ่อมบำรุงใหญ่ตามแผนในปีก่อน

?

น้ำตาล ขยายตัวร้อยละ 22.2 จากน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ น้ำตาลทรายดิบ และน้ำตาลทรายขาวเป็นหลัก ตามปริมาณอ้อยเข้าหีบที่เพิ่มขึ้นจากปริมาณน้ำมากพอในพื้นที่เพาะปลูกหลังมีฝนตกเพิ่มขึ้น และราคาอ้อยที่ในฤดูการผลิต 2566/67 ค่อนข้างสูง จูงใจให้เกษตรกรขยายพื้นที่เพาะปลูก

?

เครื่องปรับอากาศ ขยายตัวร้อยละ 17.0 ตามสภาพอากาศที่มีอุณภูมิเพิ่มสูงและสามารถส่งออกสินค้าที่ผ่านมาตรฐานการรับรองได้หลังติดปัญหาในปีก่อน รวมถึงมีคำสั่งซื้อจากลูกค้าอเมริกา และประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้นเพื่อเตรียมจำหน่ายในช่วงฤดูร้อน

Indicators 2566 2567 %MoM ธ.ค. ม.ค ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค.

MPI

-4.9

7.6

0.2

5.0

-14.0

9.7

-2.3

0.4

-1.4

-2.6

1.0

-0.1

-3.6

2

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนธันวาคม 2567

เครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมอื่น ๆ

เดือนธันวาคม 2567

3

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนธันวาคม 2567

เครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมอื่น ๆ เดือนธันวาคม 2567

?

การนำเข้าของภาคอุตสาหกรรมไทย

ที่มา : กระทรวงพาณิชย์ ที่มา : กระทรวงพาณิชย์

การนำเข้าเครื่องจักรที่ใช้ในอุตสาหกรรมและส่วนประกอบ ในเดือนธันวาคม 2567 มีมูลค่า 1,658.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 26.2 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยขยายตัวจากการนำเข้าในสินค้าประเภทเครื่องจักรใช้ในการแปรรูปไม้และส่วนประกอบ เครื่องจักรใช้ในการก่อสร้างและส่วนประกอบ เป็นต้น

การนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำ) ในเดือนธันวาคม 2567 มีมูลค่า 8,535.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 12.1 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยการนำเข้าขยายตัว ในสินค้าประเภทอุปกรณ์ ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เป็นต้น

4

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนธันวาคม 2567

?

สถานภาพการประกอบกิจการอุตสาหกรรม

ที่มา : กรมโรงงานอุตสาหกรรม

โรงงานที่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการในเดือนธันวาคม 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 141 โรงงาน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 2.8 (%YoY) และลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2567 ร้อยละ 14.6 (%MoM)

มูลค่าเงินลงทุนรวมจากโรงงานที่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการในเดือนธันวาคม 2567 มีมูลค่ารวม 11,327 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 42.4 (%YoY) และลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2567 ร้อยละ 36.1 (%MoM)

?อุตสาหกรรมที่มีจำนวนโรงงานเริ่มประกอบกิจการมากที่สุดในเดือนธันวาคม 2567 คือ โรงงาน ทำผลิตภัณฑ์คอนกรีต ผลิตภัณฑ์คอนกรีตผสมผลิตภัณฑ์ยิปซัม หรือผลิตภัณฑ์ปูนปลาสเตอร์ จำนวน 15 โรงงาน รองลงมา คือ โรงงานคัดแยกหรือฝังกลบสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว จำนวน 8 โรงงาน?

?อุตสาหกรรมที่มีมูลค่าการลงทุนสูงสุดในเดือนธันวาคม 2567 คือ โรงงานผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ยกเว้นที่ติดตั้งบนหลังคา ดาดฟ้า มูลค่าเงินลงทุน 1,974 ล้านบาท รองลงมาคือ โรงงานผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานความร้อน มูลค่าเงินลงทุน 1,150 ล้านบาท?

5

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนธันวาคม 2567

?

สถานภาพการประกอบกิจการอุตสาหกรรม (ต่อ)

ที่มา : กรมโรงงานอุตสาหกรรม

จำนวนโรงงานที่เลิกกิจการในเดือนธันวาคม 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 78 ราย เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 30.0 (%YoY) และลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2567 ร้อยละ 20.4 (%MoM)

เงินทุนของการเลิกกิจการในเดือนธันวาคม 2567 มีมูลค่ารวม 2,915 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 30.6 (%YoY) และเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2567 ร้อยละ 33.0 (%MoM)

?อุตสาหกรรมที่มีจำนวนโรงงานเลิกประกอบกิจการมากที่สุดในเดือนธันวาคม 2567 คือ โรงงาน ทำผลิตภัณฑ์คอนกรีต ผลิตภัณฑ์คอนกรีตผสมผลิตภัณฑ์ยิบซัม จำนวน 7 โรงงาน รองลงมาคือ โรงงานขุดหรือลอก กรวด ทราย หรือดิน จำนวน 5 โรงงาน?

?อุตสาหกรรมที่มีการเลิกประกอบกิจการโดยมีเงินลงทุนสูงสุดในเดือนธันวาคม 2567 คือ โรงงานทอ หรือการเตรียมเส้นด้ายยืนสำหรับการทอ มูลค่าเงินลงทุน 768 ล้านบาท รองลงมาคือ โรงงานทำชิ้นส่วนพิเศษ หรืออุปกรณ์สำหรับรถยนต์ หรือรถพ่วง มูลค่าเงินลงทุน 290 ล้านบาท?

6

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนธันวาคม 2567

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมรายสาขา เดือนธันวาคม 2567

1.

อุตสาหกรรมอาหาร

ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอาหาร เดือนธันวาคม 2567 มีค่า 102.2 ขยายตัวร้อยละ 3.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน ของปีก่อน โดยกลุ่มสินค้าอาหารที่ดัชนีผลผลิตขยายตัว ได้แก่ 1) น้ำตาล ขยายตัวร้อยละ 22.2 จากสินค้าสำคัญ คือ น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ ขยายตัวร้อยละ 62.8 เนื่องจากแรงหนุน ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่ส่งผล ต่ออุตสาหกรรมต่อเนื่อง โดยเฉพาะอาหารและเครื่องดื่มของตลาดในประเทศ ประกอบกับมีการเปิดหีบเร็วกว่าปีที่ผ่านมา 4 วัน (ปี 2566/67 เปิดหีบ 10 ธันวาคม ปี 2567/68 เปิดหีบ 6 ธันวาคม) 2) ประมง ขยายตัวร้อยละ 13.4 จากสินค้าสำคัญ ได้แก่ ปลาทูน่ากระป๋อง ขยายตัวร้อยละ 33.6 จากความต้องการในตลาดอเมริกา ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ซึ่งสอดคล้องกับที่ไทยนำเข้าวัตถุดิบปลาทูน่ามากในช่วงก่อนหน้า 3) ผักและผลไม้แปรรูป ขยายตัวร้อยละ 12.2 จากสินค้าสำคัญ เช่น สับปะรดกระป๋อง ขยายตัวร้อยละ 56.8 เนื่องจากมีความต้องการเพิ่มขึ้นจากตลาดสหรัฐอเมริกา สำหรับผลไม้กระป๋องอื่น ๆ ขยายตัวร้อยละ 11.4 อย่างไรก็ตาม ดัชนีผลผลิตอาหารที่หดตัว คือ การผลิตน้ำมันปาล์ม หดตัวร้อยละ 32.6 จากน้ำมันปาล์มดิบ หดตัวร้อยละ 43.2 น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ หดตัวร้อยละ 16.3 เนื่องจากผลผลิตปาล์มออกสู่ตลาดน้อย โดยสต็อกน้ำมันปาล์ม ทั้งระบบ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 67 = 267,053 ตัน (ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2566 = 369,371 ตัน) อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เดือนมกราคมผลผลิตปาล์มจะเริ่มออกสู่ตลาดและจะมากขึ้นในช่วง เดือนมีนาคม 2568

ดัชนีผลผลิตกลุ่มเครื่องดื่ม หดตัวร้อยละ 1.8 จากสินค้าสำคัญ เช่น การผลิตสุราขาว หดตัวร้อยละ 23.9 เนื่องจากมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทอื่นที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น การผลิตเครื่องดื่มบำรุงกำลัง เช่น เครื่องดื่มทางเลือกสำหรับเพิ่มพลังงานหรือวิตามิน การผลิตสุราพิเศษ หดตัวร้อยละ 36.2 เนื่องจากมีการผลิตเพื่อสต๊อกในช่วงก่อนหน้า

ตลาดในประเทศ ปริมาณการผลิตเพื่อจำหน่ายสินค้าอาหาร ในประเทศเดือนธันวาคม 2567 ขยายตัวร้อยละ 13.7 (%YoY) จากสินค้าสำคัญ เช่น 1) การผลิตน้ำตาล ขยายตัวร้อยละ 38.8 2) เนื้อไก่ปรุงรส ขยายตัวร้อยละ 8.0 3) บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขยายตัวร้อยละ 5.5 และ 4) น้ำอัดลม ขยายตัวร้อยละ 2.7

ตลาดต่างประเทศ การส่งออกสินค้าอาหารเดือนธันวาคม 2567 ในภาพรวมขยายตัวร้อยละ 5.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้น เช่น ทูน่ากระป๋อง ขยายตัวร้อยละ 18.0 จากการส่งออกไปสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อาหารสัตว์เลี้ยง ขยายตัวร้อยละ 9.7 จากการส่งออกไปสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น และไก่แปรรูป ขยายตัวร้อยละ 7.3 จากการส่งออกไปสหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น

?แนวโน้มอุตสาหกรรมอาหารในเดือนมกราคม 2568 คาดการณ์ว่าดัชนีผลผลิตขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของ ปีก่อน ตามความต้องการสินค้าเกษตรและอาหารที่เติบโตสอดรับการบริโภคและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่อเนื่อง?

7

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนธันวาคม 2567

2.

อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์

?

อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า

ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และกระทรวงพาณิชย์

การผลิตสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า มีดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 78.0 ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.8 เมื่อเทียบกับ เดือนเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีความต้องการสินค้า ในตลาดโลกเพิ่มขึ้นและปริมาณสินค้าคงคลังมีจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยสินค้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ คอมเพรสเซอร์ กระติกน้ำร้อน มอเตอร์ไฟฟ้า และเครื่องปรับอากาศ เพิ่มขึ้นร้อยละ 59.2, 37.1, 13.8 และ 10.5 ตามลำดับ ในขณะที่สินค้าที่ปรับตัวลดลง ได้แก่ สายเคเบิ้ล สายไฟฟ้า หม้อหุงข้าว และ เตาอบไมโครเวฟ ลดลงร้อยละ 44.9, 42.5, 13.3 และ 8.7 ตามลำดับ

การส่งออกสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า มีมูลค่า 2,471.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.3 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าที่มีการส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ 1) หม้อแปลงไฟฟ้า มีมูลค่า 10.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 131.0 ในตลาดสหรัฐอเมริกา จีน และญี่ปุ่น 2) เครื่องปรับ อากาศมีมูลค่า 500.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.9 ในตลาดสหรัฐอเมริกา อาเซียน และยุโรป 3) มอเตอร์ไฟฟ้า มีมูลค่า 78.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ในตลาดสหรัฐอเมริกา และยุโรป ในขณะที่สินค้าที่มีการส่งออกลดลง ได้แก่ 1) เครื่องซักผ้า มีมูลค่า 91.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 15.4 ในตลาดญี่ปุ่น อาเซียน และสหรัฐอเมริกา 2) เตาอบไมโครเวฟ มีมูลค่า 14.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 10.4 ในตลาดญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา

การนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้า มีมูลค่า 1,605.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.8 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนโดยสินค้าที่มีการนำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ 1) เครื่องซักผ้ามีมูลค่า 11.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 46.3 จากตลาดญี่ปุ่น จีน และยุโรป 2) ตู้เย็นมีมูลค่า 7.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.8 จากตลาดอาเซียน จีน และยุโรป และ 3) เครื่องปรับอากาศ มีมูลค่า 28.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.8 จากตลาดสหรัฐอเมริกา และจีน ในขณะที่สินค้าที่มีการนำเข้าลดลง ได้แก่ 1) เครื่องทำน้ำร้อนด้วยไฟฟ้า มีมูลค่า 2.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 8.9 จากตลาดยุโรป และอาเซียน

?แนวโน้มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าในเดือนมกราคม 2568 อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า คาดว่าจะขยายตัวเมื่อเทียบกับ เดือนเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากตลาดโลกมีความต้องการสินค้านวัตกรรมใหม่ เช่น Smart Appliances หรืออุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ Internet of Things (IoT) ที่พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกและประหยัดพลังงานมากขึ้นรวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ในหลายประเทศ?

8

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนธันวาคม 2567

?

อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์

ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และกระทรวงพาณิชย์

การผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ มีดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 65.0 ปรับตัวลดลงร้อยละ 2.0 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าที่ปรับตัวลดลง ได้แก่ IC และ PCBA ลดลงร้อยละ 22.3 และ 5.9 ตามลำดับ เนื่องจากความไม่แน่นอน ของนโยบายทางเศรษฐกิจของคู่ค้าหลักของไทย ในขณะที่สินค้า ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ Printer HDD และ Semiconductor เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.4, 15.8 และ 15.6 ตามลำดับ

การส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ มีมูลค่า 4,729.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ12.7 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากความต้องการของตลาดโลกและ การฟื้นตัวของกลุ่มสินค้าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โดยสินค้าที่มีการส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ 1) HDD มีมูลค่า 761.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.6 ในตลาดจีน ญี่ปุ่น และยุโรป 2) อุปกรณ์ประกอบของเครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ มีมูลค่า 1,635.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.5 ในตลาดสหรัฐอเมริกา จีน และยุโรป ในขณะที่สินค้าที่มี การส่งออกลดลง ได้แก่ 1) วงจรพิมพ์ มีมูลค่า 109.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 1.4 ในตลาดยุโรป และจีน และ 2) วงจรรวม มีมูลค่า 756.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 0.8 ในตลาดอาเซียน และญี่ปุ่น

การนำเข้าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ มีมูลค่า 5,083.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.9 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าที่มีการนำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ 1) ส่วนประกอบและอุปกรณ์ประกอบของเครื่องคอมพิวเตอร์ มีมูลค่า 1,031.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 90.7 จากตลาดจีน สหรัฐอเมริกา และยุโรป 2) วงจรพิมพ์ มีมูลค่า 201.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.4 จากตลาดจีน อาเซียน และญี่ปุ่น และ 3) วงจรรวม มีมูลค่า 1,981.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.3 จากตลาดจีน อาเซียน และญี่ปุ่น ในขณะที่สินค้าที่มีการนำเข้าลดลง ได้แก่ 1) HDD มีมูลค่า 4.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 20.0 จากตลาดจีน

และ

2) อุปกรณ์กึ่งตัวนำ (ไม่รวมวงจรรวม) มีมูลค่า 200.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 7.4 จากตลาดสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น

?แนวโน้มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์เดือนมกราคม2568 คาดว่าจะหดตัวลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความไม่แน่นอนของนโยบายทางการค้าและมาตรการปรับขึ้นอัตราภาษีของสหรัฐอเมริกา?

9

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนธันวาคม 2567

3. อุตสาหกรรมยานยนต์

? อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม รวบรวมจากกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

การผลิตรถยนต์ ในเดือนธันวาคม 2567 มีจำนวน

104,878 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 21.5

(%YoY) โดยเป็นการปรับลดลงของการผลิตรถยนต์นั่ง และ

รถยนต์กระบะ 1 ตัน เนื่องจากการเข้มงวดในการให้สินเชื่อของ

สถาบันการเงิน เพราะหนี้ครัวเรือนสูงและเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

ทั้งนี้ การผลิตรถยนต์ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2567 ร้อยละ

10.6 (%MoM)

การจำหน่ายรถยนต์ในประเทศ ในเดือนธันวาคม

2567 มีจำนวน 54,016 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน

ร้อยละ 20.94 (%YoY) โดยเป็นการปรับลดลงของการจำหน่าย

รถยนต์นั่ง รถกระบะ 1 ตัน รถกระบะ PPV และ SUV รวมทั้ง

รถยนต์พาณิชย์ (รถโดยสารและรถบรรทุก) เนื่องจากหนี้

ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้สถาบันการเงินยังคงเข้มงวด

ในการให้สินเชื่อ ประกอบกับการเติบโตของเศรษฐกิจใน

ประเทศเติบโตในระดับที่ต่ำ อย่างไรก็ตาม การจำหน่ายรถยนต์

เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2567 ร้อยละ 27.7 (%MoM)

การส่งออกรถยนต์ ในเดือนธันวาคม 2567 มีจำนวน

76,346 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 15.5

(%YoY) เนื่องจากความระมัดระวังในการใช้จ่ายจากความ

ไม่แน่นอนในความขัดแย้งระหว่างประเทศและเศรษฐกิจโลก

รวมทั้งการแข่งขันจากประเทศจีนในการส่งออกรถยนต์ไฟฟ้า

และรถยนต์ใช้น้ำมันจากหลายประเทศ รวมทั้งพื้นที่ในเรือ

ไม่เพียงพอ และจำนวนเที่ยวเรือที่ลดลง ทั้งนี้ การส่งออก

รถยนต์ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2567 ร้อยละ 14.9

(%MoM)

?แนวโน้มอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ในเดือนมกราคม

2568 คาดว่า ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 2567 เนื่องจาก

แนวโน้มการชะลอตัวของตลาดในประเทศ?

? อุตสาหกรรมการผลิตรถจักรยานยนต์

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม รวบรวมจากกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่ง

ประเทศไทย

การผลิตรถจักรยานยนต์ ในเดือนธันวาคม 2567 มี

จำนวน 153,702 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ

6.6 (%YoY) จากการลดลงของการผลิตรถจักรยานยนต์

แ บ บ อเ น ก ป ร ส งค์แ ล แ บบ ส ปอร ต ทั้งนี้ ก ร ผ ลิต

รถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2567 ร้อยละ 3.8

(%MoM)

การจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ในเดือนธันวาคม

2567 มียอดจำหน่ายจำนวน 124,793 คัน ลดลงจากเดือน

เดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 5.7 (%YoY) จากการลดลงของยอด

จำหน่ายรถจักรยานยนต์ขนาด 51-110 ซีซี ขนาด 126-250 ซีซี

ขนาด 251-399 ซีซี และขนาดมากกว่าหรือเท่ากับ 400 ซีซี

ทั้งนี้ การจำหน่ายรถจักรยานยนต์ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน

2567 ร้อยละ 8.7 (%MoM)

การส่งออกรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) ใน

เดือนธันวาคม 2567 มีจำนวน 32,263 คัน ลดลงจากเดือน

เดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 19.3 (%YoY) ทั้งนี้การส่งออก

รถจักรยานยนต์สำเร็จรูปลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2567

ร้อยละ 10.0 (%MoM)

?แนวโน้มอุตสาหกรรมการผลิตรถจักรยานยนต์

ในเดือนมกราคม 2568 คาดว่า ลดลงเมื่อเทียบกับเดือน

มกราคม 2567 เนื่องจาก แนวโน้มการชะลอตัวของตลาด

ในประเทศ?

10

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนธันวาคม 2567

4. อุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยางพารา

การผลิต

ยางแปรรูปขั้นปฐม (ยางแผ่น ยางแท่ง และน้ำยางข้น)

เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 จากการเพิ่มขึ้นของการผลิตน้ำยางข้น

ยางรถยนต์ ลดลงร้อยละ 5.0 จากการชะลอตัว

การผลิตยางนอกรถยนต์นั่ง ยางนอกรถกระบะ ยางนอก

รถบรรทุกและรถโดยสาร และยางนอกรถแทรกเตอร์

ถุงมือยาง เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.6 จากการผลิตเพื่อตอบสนอง

ความต้องการของตลาดต่างประเทศเป็นหลัก

การจำหน่ายในประเทศ

ยางแปรรูปขั้นปฐม (ยางแผ่น ยางแท่ง และน้ำยางข้น)

เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 จากความต้องการยางแผ่นและน้ำยางข้น

ในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง

ยางรถยนต์ ลดลงร้อยละ 5.0 จากความต้องการยาง

รถยนต์ในตลาด REM ที่ลดลง

ถุงมือยาง ลดลงร้อยละ 19.9 จากความต้องการ

ถุงมือยางทางการแพทย์ที่ชะลอตัวลง

การส่งออก

ยางแปรรูปขั้นปฐม (ยางแผ่น ยางแท่ง และน้ำยางข้น)

มีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 48.3 จากการเพิ่มขึ้นของการส่งออกยางแผ่น

และยางแท่งไปตลาดจีน และน้ำยางข้นไปตลาดมาเลเซีย

ยางรถยนต์ มีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 จากการ

ขยายตัวของการส่งออกยางรถยนต์ไปตลาดหลัก คือ

สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น

ถุงมือยาง มีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 40.0 จากความ

ต้องการถุงมือยางในตลาดโลก อาทิ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น

บราซิล ที่สูงขึ้น

?แนวโน้มอุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยางพารา

เดือนมกราคม 2568

การผลิตยางแปรรูปขั้นปฐม (ยางแผ่น ยางแท่ง และน้ำยางข้น)

คาดว่ายังคงขยายตัวได้เล็กน้อยจากการผลิตเพื่อตอบสนองความ

ต้องการของต่างประเทศเป็นหลัก สำหรับการผลิตยางรถยนต์

คาดว่ายังคงทรงตัวเป็นผลจากคำสั่งซื้อรถยนต์ในประเทศที่ยังไม่

ฟื้นตัวในส่วนของการผลิตถุงมือยางคาดว่าจะยังขยายตัว จากการ

ผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดต่างประเทศ ขณะที่

การจำหน่ายถุงมือยางในประเทศ คาดว่าอาจปรับตัวเพิ่มขึ้นได้

เล็กน้อยจากความต้องการถุงมือยางทางการแพทย์

การส่งออกยางแปรรูปขั้นปฐม (ยางแผ่น ยางแท่ง และน้ำยางข้น)

คาดว่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น เป็นผลจากตลาดส่งออกสำคัญ อาทิ จีน

ญี่ปุ่น และมาเลเซีย มีแนวโน้มสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจากไทย

เพิ่มขึ้น ในส่วนของการส่งออกยางรถยนต์คาดว่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น

จากอุปสงค์ความต้องการยางรถยนต์ในตลาดสำคัญ อาทิ

สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย ที่เพิ่มสูงขึ้นทางด้าน

การส่งออกถุงมือยาง คาดว่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก

ความต้องการถุงมือยางในตลาดโลกที่สูงขึ้น โดยเฉพาะในตลาด

สหรัฐอเมริกาและกลุ่มประเทศยุโรป?

11

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนธันวาคม 2567

5. อุตสาหกรรมพลาสติก

: สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

ที่มา : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือ

จากกรมศุลกากร

ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมพลาสติกเดือนธันวาคม

2567 หดตัวร้อยละ 2.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยสินค้าที่ดัชนีผลผลิตหดตัว เช่น บรรจุภัณฑ์พลาสติก หดตัว

ร้อยละ 6.9 กระสอบพลาสติก หดตัวร้อยละ 3.3 ท่อและข้อต่อ

พลาสติก หดตัวร้อยละ 3.1

ดัชนีการส่งสินค้าอุตสาหกรรมพลาสติกเดือนธันวาคม

2567 ขยายตัวร้อยละ 0.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยผลิตภัณฑ์ที่ขยายตัว เช่น ถุงพลาสติก ขยายตัวร้อยละ 5.7

ท่อและข้อต่อพลาสติก ขยายตัวร้อยละ 5.6 และ เครื่องใช้ประจำ

โต๊ะอาหาร ครัว และห้องน้ำ ขยายตัวร้อยละ 4.3

การส่งออกของอุตสาหกรรมพลาสติกเดือนธันวาคม

2567 มีมูลค่ารวม 382.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ

9.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยผลิตภัณฑ์ที่การ

ส่งออกขยายตัว เช่น พลาสติกปูพื้น ขยายตัวร้อยละ 97.1 เครื่อง

ประกอบของอาคาร ขยายตัวร้อยละ 64.5 และอ่างอาบน้ำ

ขยายตัวร้อยละ 54.4

การนำเข้าของอุตสาหกรรมพลาสติกเดือนธันวาคม 2567

มีมูลค่ารวม 451.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 16.6 เมื่อ

เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยผลิตภัณฑ์ที่การนำเข้าขยายตัว

เช่น เครื่องประกอบของอาคาร ขยายตัวร้อยละ 37.7 แผ่น แผ่นบาง

ฟิล์ม ฟอยล์ และเทป ขยายตัวร้อยละ 33.1 และหลอดหรือท่อและ

ท่ออ่อน ขยายตัวร้อยละ 26.3

?แนวโน้มอุตสาหกรรมพลาสติกเดือนมกราคม 2568

คาดการณ์ว่ามีแนวโน้มหดตัว เนื่องจากหลายปัจจัย เช่น มาตรการ

ห้ามนำเข้าเศษพลาสติกตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 เพื่อแก้ไข

ปัญหามลพิษ อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมที่ใช้เศษพลาสติก

เป็นวัตถุดิบมีต้นทุนการผลิตสูงขึ้น อีกทั้ง จากภาวะเศรษฐกิจโลก

ที่ชะลอตัวส่งผลกระทบต่ออุปสงค์สินค้าอุตสาหกรรม ทำให้ความ

ต้องการสินค้าลดลงจากตลาดหลัก เช่น จีน สหรัฐฯ และยุโรป

นอกจากนี้ มาตรการด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้น ทั้งในระดับ

สากลและภายในประเทศไทย เช่น ภาษีคาร์บอน (Carbon

Border Adjustment Mechanism - CBAM) ของสหภาพยุโรป

และนโยบายลดใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว (Single-use Plastic

Ban) ในหลายประเทศ ส่งผลให้ความต้องการพลาสติก

บางประเภทลดลง ขณะเดียวกัน ต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากราคา

พลังงานที่ผันผวนและค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นในประเทศ ทำให้

ผู้ประกอบการต้องปรับกลยุทธ์การผลิตเพื่อลดต้นทุน อย่างไรก็ตาม

ความต้องการพลาสติกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและพลาสติก

สำหรับบรรจุภัณฑ์อาหารและสินค้าอุปโภคบริโภคยังคง

มีเสถียรภาพจากอุปสงค์ภายในประเทศที่คงตัว?

ดัชนีผลผลิต-ดัชนีการส่งสินค้า ปริมาณและมูลค่าการส่งออก-นำเข้า

12

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนธันวาคม 2567

6.

อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์

ดัชนีผลผลิต - ดัชนีการส่งสินค้า

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ที่มา : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์

โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร

ดัชนีผลผลิต อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์เดือนธันวาคม 2567 หดตัวร้อยละ 2.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มเคมีภัณฑ์ขั้นพื้นฐานหดตัวร้อยละ 9.4 ผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตหดตัว ได้แก่ เมทิลเอสเตอร์ (ไบโอดีเซล) หดตัวร้อยละ 43.8 เอทานอล หดตัวร้อยละ 12.3 และ ก๊าซออกซิเจน หดตัวร้อยละ 13.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในส่วนกลุ่มเคมีภัณฑ์ขั้นปลายขยายตัวร้อยละ 1.5 ผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตขยายตัว ได้แก่ ผงซักฟอก ขยายตัวร้อยละ 7.7 สีน้ำพลาสติก ขยายตัวร้อยละ 6.3 และแป้งฝุ่น ขยายตัวร้อยละ 5.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ดัชนีการส่งสินค้า อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์เดือนธันวาคม2567 ขยายตัวร้อยละ 8.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มเคมีภัณฑ์ขั้นปลาย ขยายตัวร้อยละ 5.8 ผลิตภัณฑ์ ที่ส่งผลต่อดัชนีการส่งสินค้าขยายตัว เช่น แป้งฝุ่น ขยายตัวร้อยละ 14.7 ผงซักฟอก ขยายตัวร้อยละ 9.3 และสีน้ำมัน ขยายตัวร้อยละ 6.7 ในส่วนกลุ่มเคมีภัณฑ์ขั้นพื้นฐาน หดตัวร้อยละ 1.2 ผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลต่อดัชนีการส่งสินค้าหดตัว เช่น ก๊าซออกซิเจน หดตัวร้อยละ 46.4 เมทิลเอสเตอร์ (ไบโอดีเซล) หดตัวร้อยละ 78.1 และเอทานอล หดตัวร้อยละ 10.2

การส่งออก อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์เดือนธันวาคม 2567 มีมูลค่าการส่งออกรวม 956.53 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งขยายตัวร้อยละ 29.35 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการส่งออกกลุ่มเคมีภัณฑ์พื้นฐานมีมูลค่าการส่งออก 617.80 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 63.7 ในส่วนของเคมีภัณฑ์ขั้นปลายมีมูลค่าการส่งออก 338.7 ล้านเหรียญ

สหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 6.5 โดยผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลให้มูลค่าการ

ส่งออกโดยภาพรวมขยายตัว เช่น สี ขยายตัวร้อยละ 16.2 และสารลดแรงตึงผิว ขยายตัวร้อยละ 9.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

การนำเข้า อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์เดือนธันวาคม 2567 มีมูลค่าการนำเข้ารวม 1,287.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งขยายตัวร้อยละ 0.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการนำเข้ากลุ่มเคมีภัณฑ์พื้นฐานมีมูลค่าการนำเข้า 878.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 1.1 ในส่วนของเคมีภัณฑ์ขั้นปลายมีมูลค่าการนำเข้า 409.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 0.9 โดยผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลให้มูลค่าการนำเข้าโดยภาพรวมขยายตัว เช่น เครื่องสำอาง ขยายตัวร้อยละ 11.7 และสี ขยายตัวร้อยละ 9.7

?แนวโน้มอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์เดือนมกราคม 2568 คาดการณ์ว่าการผลิตมีแนวโน้มหดตัวเล็กน้อย เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวส่งผลกระทบต่ออุปสงค์สินค้าอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในภาคการผลิตที่เกี่ยวข้องกับปิโตรเคมี พลาสติก และ สิ่งทอ นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงยังส่งผลให้ต้นทุนการเงินของผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น ขณะที่ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ อาจกดดันต้นทุนการผลิตให้สูงขึ้น ทำให้ผู้ผลิตบางรายชะลอการผลิตเพื่อลดความเสี่ยงด้านต้นทุนและสต๊อกสินค้า อย่างไรก็ตาม ความต้องการเคมีภัณฑ์ในบางกลุ่ม เช่น ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตบรรจุภัณฑ์และเวชภัณฑ์ อาจยังคงมีเสถียรภาพจากอุปสงค์ภายในประเทศที่ยังคงแข็งแกร่ง?

13

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนธันวาคม 2567

7. อุตสาหกรรมปิโตรเคมี

ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

ดัชนีผลผลิต การผลิตอุตสาหกรรมปิโตรเคมี

เดือนธันวาคม 2567 อยู่ที่ระดับ 86.9 หรือปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ

17.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และปรับตัวเพิ่มขึ้น

ร้อยละ 4.4 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยเป็นปิโตรเคมีขั้นปลาย

ได้แก่ PP resin และ PE resin ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 35.5

และ 22.7 ส่วนปิโตรเคมีขั้นต้น ได้แก่ Ethylene เพิ่มขึ้นร้อยละ

16.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการหยุด

ซ่อมบำรุงในหลายประเทศ สำหรับการผลิตเม็ดพลาสติก

ชีวภาพ PLA ปรับตัวลดลงจากปีก่อน

ดัชนีการส่งสินค้าเดือนธันวาคม 2567 อยู่ที่ระดับ

86.0 ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของ

ปีก่อน และปรับตัวลดลงร้อยละ 0.8 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน

โดยเป็นปิโตรเคมีขั้นต้น ได้แก่ Ethylene เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.3

เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และปิโตรเคมีขั้นปลาย

ได้แก่ PE resin เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน

ของปีก่อน

ที่มา : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงาน ปลัดกระทรวงพาณิชย์

โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร

การส่งออก เดือนธันวาคม 2567 มีมูลค่า 858. 5

ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.1 เมื่อเทียบกับ

ช่วงเดียวกันของปีก่อน และปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.8 เมื่อเทียบ

กับเดือนก่อนซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นในกลุ่มปิโตรเคมีขั้นปลาย

เช่น PE resin ร้อยละ 11.2 เป็นต้น และปรับตัวเพิ่มขึ้นในกลุ่มปิโตรเคมี

ขั้นต้น เช่น Toluene ร้อยละ 46.5 เป็นต้น เนื่องจากมีการนำเข้า

ทดแทนการผลิตในหลายประเทศที่โรงงานหยุดซ่อมบำรุง เช่น

เกาหลี

ก ร น เข เดือนธันวาคม 2567 มีมูลค่า 453.9

ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.6 เมื่อเทียบกับ

ช่วงเดียวกันของปีก่อน และปรับตัวลดลงร้อยละ 6.1 เมื่อเทียบกับ

เดือนก่อน ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นในกลุ่มปิโตรเคมีขั้นปลาย เช่น

PET resin ร้อยละ 27.1 และปรับตัวเพิ่มขึ้นในกลุ่มปิโตรเคมีขั้นต้น

เช่น Terephthalic Acid ร้อยละ 96 เป็นต้น

?แนวโน้มอุตสาหกรรมปิโตรเคมีเดือนมกราคม 2568

คาดว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมการผลิตจะปรับตัวดีขึ้น

เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความต้องการ

เริ่มปรับตัวดีขึ้น จากที่มีความต้องการจากต่างประเทศมาทดแทน

จากการที่โรงงานปิโตรเคมีในบางประเทศเริ่มหยุดซ่อมบำรุง

แต่แนวโน้มการผลิตของทั้งภูมิภาคเอเชียชะลอตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง

และคาดว่าสถานการณ์จะเป็นลักษณะนี้จนสิ้นไตรมาสที่ 1?

14

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนธันวาคม 2567

8.

อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมและสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย

ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ในเดือนธันวาคม 2567 มีค่า 74.8 หดตัวร้อยละ 6.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เมื่อพิจารณาตามผลิตภัณฑ์หลัก พบว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมหดตัวทั้งสองกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยในกลุ่มผลิตภัณฑ์เหล็กทรงยาว หดตัวร้อยละ 8.0 และเหล็กทรงแบนหดตัวร้อยละ 18.0 ผลิตภัณฑ์ที่มีการหดตัว เช่น เหล็กเส้นกลม หดตัวร้อยละ 24.4 เหล็กลวด หดตัวร้อยละ 22.6 ลวดเหล็กแรงดึงสูง หดตัวร้อยละ 12.0 เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนหดตัวร้อยละ 35.4 เหล็กแผ่นรีดเย็น หดตัวร้อยละ 10.9 และเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี หดตัวร้อยละ 1.8 ส่วนท่อเหล็กกล้า ขยายตัวร้อยละ 18.8

การบริโภคในประเทศ ในเดือนธันวาคม 2567 มีปริมาณการบริโภค 1.4 ล้านตัน ขยายตัวร้อยละ 8.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการบริโภคผลิตภัณฑ์เหล็กทรงยาว โดยเหล็กทรงยาว มีปริมาณการบริโภค 0.6 ล้านตัน ขยายตัวร้อยละ 38.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการบริโภคเหล็กลวดและเหล็กเส้นและเหล็กโครงสร้างรูปพรรณชนิดรีดร้อนที่เพิ่มขึ้น การบริโภคเหล็กทรงแบนมีปริมาณการบริโภค 0.7 ล้านตัน หดตัวร้อยละ 9.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการบริโภคเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน และเหล็กแผ่นเคลือบดีบุกที่ลดลง

การนำเข้า ในเดือนธันวาคม 2567 มีปริมาณ การนำเข้า 1.0 ล้านตัน ขยายตัวร้อยละ 17.6 เมื่อเทียบกับ ช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการนำเข้าผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเหล็กทรงยาว โดยเหล็กทรงยาวมีปริมาณการนำเข้า 0.3 ล้านตัน ขยายตัวร้อยละ 64.1 ผลิตภัณฑ์ที่มีการนำเข้าขยายตัว เช่น เหล็กเส้นชนิด stainless steel (ไทยนำเข้าเพิ่มขึ้น จากประเทศจีน ญี่ปุ่น และอินเดียเป็นหลัก) เหล็กโครงสร้าง ชนิด Carbon steel (ไทยนำเข้าเพิ่มขึ้นจากประเทศจีนและอินเดียเป็นหลัก) และลวดเหล็ก (ไทยนำเข้าเพิ่มขึ้น จากประเทศจีน ญี่ปุ่น และอินเดียเป็นหลัก) เหล็กโครงสร้าง

ลวดเหล็ก (ไทยนำเข้าเพิ่มขึ้นจากประเทศจีนและญี่ปุ่นเป็นหลัก) ชนิด Carbon steel (ไทยนำเข้าเพิ่มขึ้นจากประเทศจีนและอินเดียเป็นหลัก) และลวดเหล็ก (ไทยนำเข้าเพิ่มขึ้นจากประเทศจีนและมาเลเซียเป็นหลัก) ขณะที่เหล็กทรงแบน มีปริมาณการนำเข้า 0.7 ล้านตัน ขยายตัวร้อยละ 3.8 ผลิตภัณฑ์ที่มีการนำเข้าขยายตัว เช่น เหล็กแผ่นหนารีดร้อน ประเภท Carbon steel (ไทยนำเข้าเพิ่มขึ้นจากตลาดจีนและเกาหลีใต้เป็นหลัก) และ Stainless steel (ไทยนำเข้าเพิ่มขึ้นจากตลาดไต้หวัน เกาหลีใต้ และจีนเป็นหลัก) เหล็กแผ่นบางรีดร้อน ประเภท Carbon steel (ไทยนำเข้าเพิ่มขึ้นจากตลาดญี่ปุ่นและไต้หวันเป็นหลัก) และ Stainless steel (ไทยนำเข้าเพิ่มขึ้นจากตลาดเกาหลีใต้ อินโดนีเซีย และจีนเป็นหลัก) และเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีด้วยไฟฟ้า (EG) (ไทยนำเข้าเพิ่มขึ้นจากตลาดญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน)

?แนวโน้มอุตสาหกรรมเหล็กในเดือนมกราคม 2568 คาดการณ์ว่า การผลิตหดตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีประเด็นสำคัญที่ควรติดตาม อาทิ การดำเนินนโยบาย America First ของสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลของประธานาธิบดี Donald Trump เพื่อลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ โดยการใช้มาตรการขึ้นภาษีนำเข้ากับสินค้าจากทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งอุตสาหกรรมเหล็กของไทยอาจได้รับผลกระทบทางอ้อม จากนโยบาย America First ที่จะกระทบจีนเป็นอันดับแรก ซึ่งสหรัฐฯ นำเข้าเหล็กจากจีนมากเป็นอันดับ 3 โดยสินค้าเหล็กของจีนที่ไม่สามารถส่งไปสหรัฐฯ ต้องหาตลาดทดแทน ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเป็นตลาดอาเซียนรวมถึงไทย?

15

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนธันวาคม 2567

9. อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

การผลิต

เส้นใยสิ่งทอขยายตัวร้อยละ 6.2 (YoY) ในทุกกลุ่ม

ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เส้นใยโพลีเอสเตอร์ และเส้นใยเรยอน

เส้นด้ายฝ้าย และเส้นด้ายจากเส้นใยประดิษฐ์ จากคำสั่งซื้อ

ที่เพิ่มขึ้นของประเทศคู่ค้าสำคัญ

ผ้าผืนหดตัวร้อยละ 9.3 (YoY) ในกลุ่มผ้าทอ (ฝ้าย)

ผ้าทอ (ใยสังเคราะห์) และผ้าขนหนู

สำหรับเสื้อผ้าสำเร็จรูปขยายตัวเป็นเดือนที่ 6

โดยขยายตัวร้อยละ 24.7 (YoY) ในกลุ่มเครื่องแต่งกายทำจาก

ผ้าทอ และเครื่องแต่งกายทำจากผ้าถัก ทั้งเครื่องแต่งกายชั้นนอก

โดยเฉพาะ เสื้อผ้ากีฬา เสื้อโปโล เสื้อผ้าเด็กอ่อน และเครื่องแต่งกาย

ชั้นในสตรีและบุรุษ จากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ

อีกทั้ง ได้รับอานิสงส์จากมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่าง

สหรัฐอเมริกาและจีน โดยประเทศคู่ค้าเร่งคำสั่งซื้อเพื่อเติม

สินค้าคงคลังก่อนการปรับขึ้นภาษีนำเข้า

การจำหน่ายในประเทศ

เส้นใยสิ่งทอหดตัวร้อยละ 4.9 (YoY) ในทุกกลุ่ม

ผลิตภัณฑ์ ผ้าผืนขยายตัวร้อยละ 7.0 (YoY) ส่วนหนึ่งมาจาก

ผู้บริโภคเลือกใช้วัตถุดิบด้ายและเส้นใย และผ้าผืนที่มีราคาถูก

จากต่างประเทศเพื่อลดต้นทุนการผลิต

ส่วนเสื้อผ้าสำเร็จรูปขยายตัวร้อยละ 10.1 (YoY)

จากเสื้อผ้าทอ โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากสถานการณ์

ทางเศรษฐกิจภายในประเทศและภาคการท่องเที่ยวที่ปรับตัว

ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงประชาชนมีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น

ในช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองวันคริสต์มาส และเทศกาลปีใหม่

ส่งผลให้การบริโภคภายในประเทศเพิ่มมากขึ้น

ที่มา : กระทรวงพาณิชย์

การนำเข้า

ขยายตัวตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน โดยด้ายและเส้นใย

ขยายตัวร้อยละ 6.0 (YoY) ผ้าผืนขยายตัวร้อยละ 18.3 (YoY) จาก

การนำเข้าวัตถุดิบที่มีราคาถูกจากต่างประเทศ สำหรับเสื้อผ้า

สำเร็จรูปขยายตัวร้อยละ 5.0 (YoY) โดยส่วนใหญ่เป็นการนำเข้า

สินค้าราคาถูกจากจีนและเวียดนาม เนื่องจากถูกกว่าการผลิตเองใน

ประเทศ รวมถึงพฤติกรรมการบริโภคของประชาชนที่ปรับเปลี่ยน

การเลือกซื้อเสื้อผ้าราคาย่อมเยาให้เข้ากับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

การส่งออก

เส้นใยสิ่งทอขยายตัวร้อยละ 14.3 (YoY) จากการส่งออก

เส้นใยประดิษฐ์ไปยังประเทศคู่ค้าสำคัญ ได้แก่ จีน สหรัฐอเมริกา

ปากีสถาน

สำหรับผ้าผืนหดตัวร้อยละ 2.61 จากการส่งออกไปยัง

ประเทศคู่ค้าสำคัญ ได้แก่ เวียดนาม อินเดีย

ส่วนเสื้อผ้าสำเร็จรูปขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7

โดยขยายตัวร้อยละ 5.6 จากการส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปทำจาก

ใยประดิษฐ์ เช่น เสื้อผ้ากีฬา เสื้อโปโล ไปยังประเทศคู่ค้าสำคัญ

ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น แคนาดา เนเธอร์แลนด์ สหราช

อาณาจักร และเบลเยียม โดยได้รับอานิสงส์จากมาตรการกีดกัน

ทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน จากการฟื้นตัวของทิศทาง

เศรษฐกิจและการค้าโลกที่ปรับตัวดีขึ้น

?แนวโน้มอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มในเดือน

มกราคม 2568 คาดว่าขยายตัวเล็กน้อย จากอุปสงค์

ภายในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น รวมถึงการเข้าสู่ช่วงเทศกาลเฉลิม

ฉลองจะช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย และการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม

อาจจะประสบกับสถานการณ์ชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจาก

สงครามการค้า ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน และ

คำสั่งซื้อของประเทศคู่ค้าสำคัญ?

16

ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนธันวาคม 2567

10.

อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์

?

อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์รวม

ที่มา : 1. ปริมาณการผลิตและจำหน่ายภายในประเทศ : กองสารสนเทศและดัชนีเศรษฐกิจอุอุตสาหกรรมสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

2. ปริมาณการส่งออก : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดปกระทรวงพาณิชย์

การผลิตปูนซีเมนต์รวม ในเดือนธันวาคม 2567 มีจำนวน 6.1 ล้านตัน เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ลดลงร้อยละ 5.3 (%YoY) จากการชะลอการผลิตเพื่อปรับต้นทุนการผลิตหลังคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 มีมติลดค่าไฟฟ้า ในช่วงเดือนมกราคม - เมษายน 2568 จากเดิม 4.18 บาทต่อหน่วย เหลือ 4.15 บาทต่อหน่วย

การจำหน่ายปูนซีเมนต์รวมในประเทศ ในเดือนธันวาคม 2567 มีปริมาณการจำหน่าย 3.1 ล้านตัน เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.0 (%YoY) จากอุปสงค์การซ่อมแซมบ้านหลังเกิดอุทกภัยในภาคใต้และภาคเหนือในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 และการรองรับการลงทุนในโครงการภาครัฐขนาดใหญ่ เช่น โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หมายเลข 9 (มอเตอร์เวย์ M9)

การส่งออกปูนซีเมนต์รวม ในเดือนธันวาคม 2567 มีจำนวน 0.6 ล้านตัน เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.86 (%YoY) และเมื่อเปรียบเทียบด้านมูลค่าการส่งออก เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.6 จากอุปสงค์ปูนซีเมนต์ ของประเทศคู่ค้าสำคัญที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ออสเตรเลีย เมียนมา และกัมพูชา เพิ่มขึ้นร้อยละ 146.6 25.1 และ 5.2 ตามลำดับ

?แนวโน้มของอุตสาหกรรมการผลิตปูนซีเมนต์ เดือนมกราคม 2568 คาดว่า จะลดลงจากสถานการณ์หนี้ครัวเรือนในระดับสูง เครื่องชี้เศรษฐกิจเดือนธันวาคม 2567 ไม่สะท้อนปัจจัยเชิงบวกทั้งดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ที่ลดลง และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคซึ่งอยู่ในระดับต่ำ?

?

อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด)

ที่มา : 1. ปริมาณการผลิตและจำหน่ายภายในประเทศ : กองสารสนเทศและดัชนีเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

2. ปริมาณการส่งออก : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือของกรมศุลกากร

การผลิตปูนซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด) ในเดือนธันวาคม 2567 มีจำนวน 3.4 ล้านตัน เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ลดลงร้อยละ 1.0 (%YoY) จากการชะลอการผลิตเพื่อปรับต้นทุนการผลิตหลังคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 มีมติลดค่าไฟฟ้า ในช่วงเดือนมกราคม - เมษายน 2568 จากเดิม 4.18 บาทต่อหน่วย เหลือ 4.15 บาทต่อหน่วย

การจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศ (ไม่รวมปูนเม็ด) ในเดือนธันวาคม 2567 มีปริมาณการจำหน่าย 3.1 ล้านตัน เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.0 (%YoY) จากอุปสงค์การซ่อมแซมบ้านหลังเกิดอุทกภัยในภาคใต้ และภาคเหนือในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 และการรองรับการลงทุนในโครงการภาครัฐขนาดใหญ่ เช่น โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หมายเลข 9 (มอเตอร์เวย์ M9)

การส่งออกปูนซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด) ในเดือนธันวาคม 2567 มีจำนวน 0.2 ล้านตัน เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ลดลงร้อยละ 5.5 (%YoY) และเมื่อเปรียบเทียบจากมูลค่าการส่งออก ลดลงร้อยละ 5.0 มีตลาดส่งออกหลัก ได้แก่ เมียนมา (สัดส่วนร้อยละ 57.4) กัมพูชา (สัดส่วนร้อยละ 20.3) และ สปป.ลาว (สัดส่วนร้อยละ 16.8)

?แนวโน้มอุตสาหกรรมการผลิตปูนซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด) ในเดือนมกราคม 2568 คาดว่า จะลดลงจากสถานการณ์หนี้ครัวเรือนในระดับสูง เครื่องชี้เศรษฐกิจเดือนธันวาคม 2567 ไม่สะท้อนปัจจัยเชิงบวกทั้งดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่ลดลง และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคซึ่งอยู่ในระดับต่ำ?

ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ