แท็ก
อุตสาหกรรม
สรุปประเด็นสำคัญ
ดัชนีอุตสาหกรรมของเดือนกุมภาพันธ์ 2551
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (มูลค่าเพิ่ม) = 181.59 ลดลงจากเดือนมกราคม 2551 (186.78) ร้อยละ 2.8 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (162.10) ร้อยละ 12.0
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมที่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 2551 ได้แก่ การผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม การผลิตเครื่องแต่งกาย ยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์ การแปรรูปและการถนอมสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ การผลิตหลอดอิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ การผลิตน้ำตาล
- อัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ย = 66.29 ลดลงจากเดือนมกราคม 2551 (68.17) แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (62.52)
ประเด็นเศรษฐกิจอุตสาหกรรมสำคัญในเดือนมีนาคม 2551
- อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
- การผลิตและการส่งออกเดือนมีนาคมจะขยายตัวในทิศทางที่ดีขึ้นจากเดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่มี
ยอดจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้น
- แต่ทั้งนี้ปัญหาในภาพรวมของอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ผู้ประกอบการยังต้องปรับตัวจากปัญหาค่าเงินบาท
ปัญหาราคาวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงปัญหาสินเชื่อหนี้ด้อยคุณภาพของสหรัฐอเมริกา อันอาจจะส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตและการส่งออกของอุตสาหกรรม
- อุตสาหกรรมยานยนต์
- ภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนมีนาคม 2551 คาดว่าจะขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2551 เนื่องจาก
ได้มีการจัดงานแสดงรถยนต์ รถจักรยานยนต์ นานาชาติ บางกอก มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 29 เพื่อกระตุ้นความต้องการของ
ผู้บริโภค ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณการผลิต และการจำหน่ายในประเทศขยายตัว
- สำหรับการผลิตรถยนต์ในเดือนมีนาคมประมาณการว่าจะมีการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศร้อยละ 49 และส่งออก
ร้อยละ 51
- อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
- ภาวะอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เดือนมีนาคม 2551 คาดว่า จะปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าและ
อิเล็กทรอนิกส์ โดย เครื่องปรับอากาศ ประมาณการว่าปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 12.75 ทั้งนี้จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นในตลาดหลัก คือ กลุ่มอียูและตะวันออกกลาง นอกจากนี้ยังมีแรงสนับสนุนจากตลาดในประเทศ สำหรับสินค้าตู้เย็นประมาณการว่าปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 16.09
- ส่วนแนวโน้มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ประมาณการว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 38.06 อันเนื่องมาจากการปรับตัว
เพิ่มขึ้นของ HDD ที่ได้มีการขยายการลงทุนของผู้ประกอบการในช่วงกลางปี 2550 จากภาวะความต้องการตลาดโลก
สถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม(มูลค่าเพิ่ม)
ม.ค. 51 = 186.78
ก.พ. 51 = 181.59
โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีลดลง ได้แก่
- การผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม
- การผลิตเครื่องแต่งกาย ยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์
- การแปรรูปและการถนอมสัตว์น้ำ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ
- อัตราการใช้กำลังการผลิต
ม.ค. 51 = 68.17
ก.พ. 51 = 66.29
โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลง ได้แก่
- การแปรรูปและการถนอมสัตว์น้ำ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ
- การผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม
- การผลิตเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าขั้นมูลฐาน
1.อุตสาหกรรมอาหาร
ภาวะการผลิตและการส่งออกของอุตสาหกรรมอาหารเดือนมีนาคมคาดว่าจะชะลอตัวลงจากเดือนก่อน สำหรับการจำหน่ายในประเทศมี
แนวโน้มชะลอตัวลงจากการชะลอการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค
1. การผลิต
ภาวะการผลิตโดยรวม (ไม่รวมน้ำตาล) ในเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 0.3 แต่ลดลงจาก
เดือนก่อนร้อยละ (-7.1) แบ่งเป็น กลุ่มสินค้าสำคัญที่อิงตลาดส่งออกเป็นหลัก เช่น สับปะรดกระป๋อง มีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนร้อยละ 62.2 แต่ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 12.0 สำหรับสินค้าไก่กุ้งและทูน่า การผลิตลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนร้อยละ 13.0 10.5 และ23.9 ตามลำดับ เนื่องจากค่าเงินบาทแข็งค่า ส่งผลต่อการชะลอรับคำสั่งซื้อ
กลุ่มสินค้าสำคัญที่อิงตลาดภายในประเทศ เช่น น้ำมันถั่วเหลือง มีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนร้อยละ 5.4 ขณะที่น้ำมัน
ปาล์มเพื่อการบริโภคมีปริมาณการผลิตชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ร้อยละ 13.8 เนื่องจากมีการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ สำหรับสินค้าน้ำตาลเป็นช่วงเปิดฤดูกาลหีบอ้อย ทำให้มีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 6.0 แต่ลดลงจาก เดือนก่อนร้อยละ 10.9
2. การตลาด
1) ตลาดในประเทศ เดือนกุมภาพันธ์สินค้าอาหารและเกษตร มีปริมาณจำหน่ายชะลอตัวจากเดือนก่อนร้อยละ 7.3 เนื่องจากราคา
สินค้าปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการจับจ่ายใช้สอย
2) ตลาดต่างประเทศ มูลค่าการส่งออกโดยรวมของอุตสาหกรรมอาหารเดือนกุมภาพันธ์ลดลงร้อยละ 6.9 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน แต่
เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนร้อยละ 4.6 เนื่องจากปริมาณคำสั่งซื้อจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นจากปีก่อน เช่น สับปะรดกระป๋อง ปลาทูน่ากระป๋องและไก่แปรรูปเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 25.0 31.3 และ 49.7 ตามลำดับ อย่างไรก็ตามผลจากการแข็งค่าของเงินบาทและการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกสินค้าที่พึ่งพาตลาดสหรัฐฯ เช่น กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งลดลงจากปีก่อนและเดือนก่อนร้อยละ 17.1 และ 10.9 ตามลำดับ
3. แนวโน้ม
คาดว่าการผลิตและการส่งออกเดือนมีนาคมจะชะลอจากเดือนก่อนเป็นผลจากปริมาณวัตถุดิบการเกษตรลดลงและการชะลอรับคำสั่งซื้อ
สำหรับการจำหน่ายสินค้าในประเทศจะมีแนวโน้มชะลอตัวจากการชะลอการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค
2. อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
...ปัญหาโดยรวมของอุตสาหกรรมผู้ประกอบการยังต้องปรับตัวจากปัญหาค่าเงินบาทปัญหาราคาวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น...
1. การผลิต
ภาวะการผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม เดือนกุมภาพันธ์ 2551 โดยรวมมีการผลิตที่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ได้แก่ การผลิตเส้นใยสิ่งทอฯ ลดลงเพียงเล็กน้อย เสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ผลิตจากผ้าถักลดลงร้อยละ 14.8 เสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ผลิตจากผ้าทอที่ลดลงร้อยละ 6.1 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวต่อเนื่องจากผลกระทบสินเชื่อหนี้ด้อยคุณภาพของสหรัฐอเมริกา และปัญหาจากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ตลอดจนการนำเข้าผลิตภัณฑ์สิ่งทอเพิ่มขึ้นซึ่งมีราคาถูกกว่า เพื่อทดแทนการผลิตในประเทศ
2. การตลาด
การจำหน่ายในประเทศผลิตภัณฑ์สิ่งทอเดือนกุมภาพันธ์เส้นใยสิ่งทอฯ และเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ผลิตจากผ้าถักลดลงร้อยละ 3.4 และ 13.0 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับเดือนก่อนในขณะที่เสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ผลิตจากผ้าทอ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 การส่งออกผลิตภัณฑ์สิ่งทอเดือนกุมภาพันธ์ทรงตัวเมื่อ
เทียบกับเดือนก่อน และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 11.3 ผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ เสื้อผ้าสำเร็จรูป(+6.2%) ผ้าผืน(+10.8%) ด้ายและเส้นใยประดิษฐ์(+11.4%) เคหะสิ่งทอ(+20.4%) เส้นใยประดิษฐ์(+15.6%) และสิ่งทออื่นๆ (+24.1%) ซึ่งเพิ่มขึ้นในตลาดส่งออกหลัก ได้แก่สหรัฐอเมริกา(+9.6%) อาเซียน(+17.6%) สหภาพยุโรป(+9.3%) และญี่ปุ่น (+20.0%)
3. แนวโน้ม
คาดว่าการผลิตและการส่งออกเดือนมีนาคมจะขยายตัวในทิศทางที่ดีขึ้นจากเดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่มียอดจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้ปัญหาในภาพรวมของอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ผู้ประกอบการยังต้องปรับตัวจากปัญหาค่าเงินบาท ปัญหาราคาวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงปัญหาสินเชื่อหนี้ด้อยคุณภาพของสหรัฐอเมริกา อันอาจจะส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตและการส่งออกของอุตสาหกรรม
3. อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า
ประเทศไทยได้ตกอันดับประเทศผู้นำเข้าเหล็กโลกจากอันดับที่ 6 เป็นอันดับที่ 8 โดยปริมาณการนำเข้าในปี 2007 ลดลง จาก 10.6 ล้านตัน เหลือ 9.6 ล้านตัน ลดลงร้อยละ 10.4 เมื่อเทียบกับปีก่อน ในขณะที่ สหภาพยุโรป (EU27) ได้กลายเป็นประเทศผู้นำเข้าเหล็กรายใหญ่ที่สุดในโลกในปี 2007 ด้วยปริมาณนำเข้า 48.5 ล้านตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 23 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
1.การผลิต
ภาวะการผลิตของอุตสาหกรรมเหล็กในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 มีอัตราการเปลี่ยนแปลงที่ลดลง ร้อยละ 14.62 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนนี้มีค่า 129.66 เมื่อพิจารณารายผลิตภัณฑ์ พบว่า เหล็กทรงแบนมีการผลิตที่ลดลงมากที่สุด ร้อยละ 21.80 โดยเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน ลดลงร้อยละ 45.42 เนื่องจากผู้ผลิตโรงงานหนึ่งได้หยุดซ่อมบำรุงเพราะเครื่องจักรมีปัญหาขณะที่อีกโรงงานหนึ่งลดการผลิตลงเพื่อระบายสินค้าในสต๊อก รองลงมาคือ เหล็กแผ่นเคลือบดีบุก ลดลง ร้อยละ 7.90 สำหรับเหล็กทรงยาว การผลิตลดลงเล็กน้อยร้อยละ 1.07 โดยเหล็กเส้นกลม ลดลง มากที่สุดร้อยละ 11.41 และเหล็กเส้นข้ออ้อยลดลงร้อยละ 1.91 เนื่องจากราคาวัตถุดิบ ได้แก่ เหล็กแท่งเล็กบิลเล็ต ปรับตัวสูงขึ้นจึงทำให้ผู้ผลิตนำเข้ามาใช้ในปริมาณที่ต้องการใช้เท่านั้นและจะไม่นำเข้ามาเพื่อเก็บไว้เป็นสต๊อก ขณะเดียวกันเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การผลิตลดลง ร้อยละ 5.91 โดยเหล็กทรงแบน ได้แก่ เหล็กแผ่นเคลือบดีบุก ลดลง ร้อยละ 34.97 และเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน ลดลง ร้อยละ 32.82 จากนโยบายการลดสต๊อกสินค้าของผู้ผลิตและจะผลิตตามคำสั่งซื้อของลูกค้าเท่านั้น สำหรับเหล็กทรงยาว การผลิตขยายตัวขึ้น ร้อยละ 8.52 โดยลวดเหล็ก เพิ่มขึ้น ร้อยละ 43.67 และเหล็กลวด เพิ่มขึ้น ร้อยละ 26.54
2.ราคาเหล็ก
การเปลี่ยนแปลงของราคาเหล็ก (FOB) โดยเฉลี่ยที่สำคัญในตลาด CIS ณ ท่าทะเลดำ (Black Sea) ในช่วงเดือนมีนาคม 2551 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ราคาโดยเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์เหล็กที่สำคัญปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดย เหล็กแท่งเหล็กบิลเล็ต เพิ่มขึ้น จาก 672 เป็น 786 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 17.02 เหล็กเส้น เพิ่มขึ้นจาก 726 เป็น 836 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 15.15เหล็กแผ่นรีดเย็น เพิ่มขึ้นจาก 750 เป็น 840 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 12.00 เหล็กแท่งแบน เพิ่มขึ้นจาก 615 เป็น 675 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 9.76 เหล็กแผ่นรีดร้อน เพิ่มขึ้นจาก 711 เป็น 775 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 8.96 อย่างไรก็ตาม ราคาที่แสดงเป็นราคาที่ท่าเรือต้นทางยังไม่รวมค่าระวางเรือและค่าประกันภัย ซึ่งเมื่อมาถึงปลายทางราคาจะเพิ่มสูงขึ้น เช่น ราคาเหล็กแท่งเล็กบิลเล็ตจากประเทศมาเลเซียเมื่อมาถึงปลายทางประเทศเวียดนาม ราคาอยู่ที่ 900-910 เหรียญต่อตัน เป็นต้น
3. แนวโน้ม
สถานการณ์เหล็กในเดือน มี.ค. 2551 คาดว่าขยายตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยในส่วนของการผลิตเหล็กทรงยาวคาดการณ์ว่าจะขยายตัวขึ้นจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่เน้นการลงทุนโครงการเมกะโปรเจ็กต์ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่เหล็กทรงแบน คาดการณ์ว่าจะขยายตัวขึ้นเล็กน้อยจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและความต้องการของตลาดโลกที่ยังคงมีอยู่
4. อุตสาหกรรมยานยนต์
รถยนต์
อุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2550 ทั้งด้านการผลิตการจำหน่าย และการส่งออก โดยมีข้อมูลสภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนกุมภาพันธ์ ดังนี้
- การผลิตรถยนต์ จำนวน 123,551 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ซึ่งมีการผลิต 95,426 คัน ร้อยละ 29.47 โดยเป็น
การผลิตเพิ่มขึ้นของรถยนต์นั่ง และรถยนต์กระบะ 1 ตัน และมีปริมาณการผลิตรถยนต์โดยรวมเพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2551 ร้อยละ 14.26
- การจำหน่ายรถยนต์ จำนวน 49,248 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ซึ่งมีการจำหน่าย 43,606 คัน ร้อยละ 12.94
และมีปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2551 ร้อยละ 8.40
- การส่งออกรถยนต์ จำนวน 66,076 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ซึ่งมีการส่งออก 53,595 คัน ร้อยละ 23.29 โดย
ส่วนใหญ่เป็นการส่งออกรถยนต์กระบะ 1 ตัน ไปในกลุ่มประเทศแอฟริกา, อเมริกากลาง และอเมริกาใต้ และมีปริมาณการส่งออกรถยนต์โดยรวมเพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2551 ร้อยละ 12.95
- แนวโน้ม ภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนมีนาคม 2551 คาดว่าจะขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2551เนื่องจากได้มีการจัดงานแสดงรถยนต์ รถจักรยานยนต์ นานาชาติบางกอก มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 29 เพื่อกระตุ้นความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณการผลิต และการจำหน่ายในประเทศขยายตัว สำหรับการผลิตรถยนต์ในเดือนมีนาคมประมาณการว่าจะมีการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศร้อยละ 49 และส่งออกร้อยละ 51
รถจักรยานยนต์
อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2550 โดยมีข้อมูลสภาวะ
อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนกุมภาพันธ์ ดังนี้
- การผลิตรถจักรยานยนต์ จำนวน 138,904 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ซึ่งมีการผลิต 137,893 คัน ร้อยละ 0.73 และมี
ปริมาณการผลิตรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2551 ร้อยละ 0.05
- การจำหน่ายรถจักรยานยนต์ จำนวน 147,104 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ซึ่งมีการจำหน่าย 136,158 คัน ร้อยละ
8.04 และมีปริมาณการจำหน่ายรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2551 ร้อยละ 2.72
- การส่งออกรถจักรยานยนต์ (CBU) จำนวน 14,383 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ซึ่งมีการส่งออก 5,872 คัน ร้อยละ
144.94 และมีปริมาณการส่งออกรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2551 ร้อยละ 52.64 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการส่งออกรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ไปในสหภาพยุโรป และแคนาดาประกอบกับในช่วงปีที่แล้วได้มีการชะลอการส่งออกรถจักรยานยนต์รุ่นเดิม เพื่อพัฒนารถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ให้มี
คุณภาพสอดคล้องกับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ใหม่ของยุโรป
- แนวโน้ม ภาวะอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนมีนาคม 2551 คาดว่าจะขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์
2551 เนื่องจากได้มีการจัดงานแสดงรถยนต์ รถจักรยานยนต์นานาชาติ บางกอก มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 29 ซึ่งภายในงานมีการจัดรายการส่งเสริมการขาย และการแนะนำรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาด สำหรับการผลิตรถจักรยานยนต์ในเดือนมีนาคมประมาณการว่าจะมีการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศร้อยละ 91 และส่งออกร้อยละ 9
5.อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์
“การจำหน่ายปูนซีเมนต์ยังไม่ขยายตัวเท่าที่ควรเนื่องจากยังมีความระมัดระวังในการบริโภคและการลงทุน รวมทั้งโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐบาลยังไม่ชัดเจน สำหรับการส่งออกชะลอตัวลงเนื่องจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นตลาดหลักยังคงชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ตามธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในภาวะถดถอย”
1.การผลิตและการจำหน่ายในประเทศ
ปริมาณการผลิตปูนซีเมนต์ และการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ลดลงร้อยละ 5.50 และ0.40 ตามลำดับ และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ปริมาณการผลิตลดลงร้อยละ 1.28 ในขณะที่ปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศยังอยู่ในระดับทรงตัวคือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.40 ปริมาณการผลิตและการจำหน่ายในประเทศที่ยังไม่เพิ่มขึ้นเท่าที่ควร เนื่องจากยังมีความระมัดระวังในการบริโภคและการลงทุน รวมทั้งโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐบาลยังไม่ชัดเจน
2.การส่งออก
มูลค่าการส่งออกปูนซีเมนต์เดือนกุมภาพันธ์ 2551 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนและเดือนเดียวกันของปีก่อน ลดลงร้อยละ 5.34 และ 0.80 ตามลำดับ เนื่องจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นตลาดหลักยังคงชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ตามธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในภาวะถดถอยนอกจากนี้มูลค่าการส่งออกยังได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบตามการแข็งค่าของเงินบาท
3.แนวโน้ม
การผลิตและการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศในเดือนมีนาคม และเดือนเมษายน 2551 คาดว่าจะยังทรงตัวแม้ว่าความเชื่อมั่นในการลงทุนจะเพิ่มขึ้นภายหลังจากการเข้ามาของรัฐบาลชุดใหม่ แต่สถานการณ์จะยังไม่ปรับตัวดีขึ้นอย่างทันที โครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐอาจจะเกิดได้
เร็วที่สุดในช่วงปลายปี 2551 แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงอีกประการหนึ่งคือต้นทุนของพลังงานเชื้อเพลิงที่เพิ่มสูงขึ้นสำหรับการส่งออกมีแนวโน้มว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากตลาดส่งออกสำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีกิจกรรมการก่อสร้างที่เพิ่มสูงขึ้น เพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ในขณะที่ปริมาณการส่งออกปูนซีเมนต์ไปตลาดสหรัฐอเมริกา จะลดลงอย่างต่อเนื่อง ตามปัญหาตลาดสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์คุณภาพต่ำ (Sub — prime Loans)
6. อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
- ภาวะการผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ทรงตัวโดยปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนเล็กน้อย ร้อยละ 0.17 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนก็ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.14 เป็นผลจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 31.74
- มูลค่าการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เดือนกุมภาพันธ์ 2551 ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ร้อยละ 3.92
ขณะที่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น ร้อยละ 7.59 มูลค่าการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สูงที่สุดได้แก่ เครื่องปรับอากาศสำหรับที่พักอาศัย โรงงาน มีมูลค่า 297.88 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนมูลค่าการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สูงที่สุดคือ อุปกรณ์ประกอบของเครื่องคอมพิวเตอร์ มีมูลค่า 1,411.22 ล้านเหรียญสหรัฐ
ตารางที่1 สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์หลักที่มีมูลค่าการส่งออกมากเป็นอันดับต้นๆ ในเดือน ก.พ. 2551
เครื่องใช้ไฟฟ้า/อิเล็กทรอนิกส์ มูลค่า CPM CPY
อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ 1,411.22 -6.23 19.91
IC 501.65.85 -17.61 -23.68
เครื่องปรับอากาศ 297.88 11.09 18.72
เครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้า 139.65 8.87 19.27
รวมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 3,733.83 -3.92 7.59
ที่มา กรมศุลกากร
1.การผลิต
ภาพรวมภาวะการผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ทรงตัวปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนเล็กน้อย ร้อยละ 0.17 โดยดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 325.51 และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนก็ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.14 เป็นผลจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 31.74 โดยสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้แก่ HDD, Other IC เป็นต้น
2. การตลาด
มูลค่าการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เดือนกุมภาพันธ์ 2551 ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ร้อยละ 3.92 ขณะที่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น ร้อยละ 7.59 โดยมีมูลค่าการส่งออกรวมคือ 3,733.83 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับมูลค่าการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เดือน กุมภาพันธ์ 2551 มีมูลค่า 2,295.72 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนร้อยละ 8.71 ขณะที่เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.57 เนื่องจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของมูลค่าส่งออกในอุปกรณ์ประกอบของเครื่องคอมพิวเตอร์ ขณะที่ IC ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องมาจากภาวะการส่งออกที่ปรับตัวลดลงในตลาดหลัก ได้แก่ ตลาดญี่ปุ่น ไต้หวัน มาเลเซีย เนเธอร์แลนด์ เกาหลีใต้ และฟิลิปปินส์ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังพบว่ามีบริษัทข้ามชาติแห่งหนึ่งมีมูลค่าส่งออกปรับตัวลดลงอันเนื่องมาจากการปรับกลยุทธ์การผลิตเป็นการ Outsource แทน แต่เมื่อรวมมูลค่าส่งออกของทั้ง 2 บริษัทแล้วก็ยังปรับลดลง นอกจากนี้ การลงทุนเพิ่มโรงงานแห่งใหม่ที่จีน เมื่อ
กลางปี 2550 ของบริษัทดังกล่าว อีกด้วย
3. แนวโน้ม
แนวโน้มภาวะอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เดือนมีนาคม 2551 คาดว่า จะปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากการขยายตัวทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ โดยการประมาณการจากแบบจำลองภาวะอุตสาหกรรม รายสาขา พบว่า แนวโน้มเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ประมาณการโดยรวมว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ ประมาณการว่าปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 12.75 ทั้งนี้ การปรับตัวเพิ่มขึ้นในตลาดหลัก อียู ตะวันออกกลาง นอกจากนี้ยังมีแรงสนับสนุนจากตลาดในประเทศ นอกจากนี้ สินค้าตู้เย็น ประมาณการว่าปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 16.09 ขณะที่ สินค้าที่ประมาณการว่าจะปรับตัวลดลง ได้แก่ เครื่องรับโทรทัศน์ ทั้งนี้เนื่องจากการส่งออกที่อาศัยการใช้สิทธิพิเศษ และการกำหนดแหล่งกำเนิดของชิ้นส่วนสำคัญยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการส่งออกและคาดว่าจะปรับตัวลดลง ร้อยละ 7.91 ส่วนแนวโน้มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ประมาณการว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 38.06 อันเนื่องมาจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของ HDD ที่ได้มีการขยายการลงทุนของผู้ประกอบการในช่วงกลางปี 2550 จากภาวะความต้องการตลาดโลก
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (มูลค่าเพิ่ม) ในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 มีค่า 181.59 ลดลงจากเดือนมกราคม 2551 (186.78) ร้อยละ 2.8 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (162.10) ร้อยละ 12.0
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมลดลงจากเดือนมกราคม 2551 ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องแต่งกาย ยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์ อุตสาหกรรมการแปรรูปและการถนอมสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ อุตสาหกรรมการผลิตหลอดอิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมการผลิตน้ำตาล เป็นต้น
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตมอลต์ลิกเคอและมอลต์ อุตสาหกรรมการผลิตหลอดอิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องแต่งกาย ยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์ เป็นต้น
- อัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 มีค่า 66.29 ลดลงจากเดือนมกราคม 2551 (68.17) แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (62.52)
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลงจากเดือนมกราคม 2551 ได้แก่ อุตสาหกรรมการแปรรูปและการถนอมสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำอุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม อุตสาหกรรมการผลิตเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าขั้นมูลฐาน อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องรับโทรทัศน์และวิทยุและสินค้าที่เกี่ยวข้อง อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ รวมทั้งน้ำดื่มบรรจุ
ขวด เป็นต้น
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตเคมีภัณฑ์ขั้นมูลฐาน ยกเว้นปุ๋ยและสารประกอบไนโตรเจน อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ยางอื่นๆ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ อุตสาหกรรมการผลิตเม็ดพลาสติก เป็นต้น
สถานภาพการประกอบกิจการอุตสาหกรรมเดือนกุมภาพันธ์ 2551
- ภาวะการประกอบกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมกราคม 2551 มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการจำนวน 353 ราย เพิ่มขึ้นในจำนวนที่มากกว่าเดือนมกราคม 2551 ซึ่งมีโรงงานเริ่มประกอบกิจการจำนวน 314 รายหรือมากกว่าร้อยละ 12.42 และมียอดเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 8,894.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2551 ซึ่งมีการลงทุน 7,507.36 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.47 แต่ในส่วนของการจ้างงานรวม มีจำนวน 8,286 คน ลดลงจากเดือนมกราคม 2551 ที่มีจำนวนการจ้างงาน 8,749 คน หรือลดลงร้อยละ -5.29
- ภาวะการประกอบกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการเพิ่มขึ้นในจำนวนที่น้อยกว่าเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ซึ่งมีโรงงานเริ่มประกอบกิจการจำนวน 354 ราย หรือคิดเป็นจำนวนน้อยกว่าร้อยละ -0.28 การจ้างงานลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ที่มีจำนวนการจ้างงาน 10,114 คน ร้อยละ -18.07 และในส่วน
ของจำนวนเงินลงทุนลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ซึ่งมีการลงทุน 9,704.89 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ -8.35
- อุตสาหกรรมที่มีจำนวนโรงงานเริ่มประกอบกิจการมากที่สุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 คือ อุตสาหกรรมขุดดิน ตักดิน จำนวน 40 โรงงาน รองลงมาคือ อุตสาหกรรมผลิต เฟอร์นิเจอร์ไม้ จำนวน 22 โรงงาน
- อุตสาหกรรมที่เริ่มประกอบกิจการโดยมีการลงทุนสูงสุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 คือ อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ จำนวนเงินลงทุน 2,295.87 ล้านบาท รองลงมาคืออุตสาหกรรมซ่อมและพ่นสีรถยนต์ จำนวนเงินลงทุน 602.43 ล้านบาท
- อุตสาหกรรมที่เริ่มประกอบกิจการและมีการจ้างงานสูงสุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 คือ อุตสาหกรรมตัดเย็บเสื้อผ้าสำเร็จรูป จำนวนคนงาน 1,767 คน รองลงมาคือ อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ จำนวนคนงาน 583 คน
- ภาวะการเลิกกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมกราคม 2551 มีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 98 ราย น้อยกว่าเดือนมกราคม 2551 ซึ่งมีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 175 ราย คิดเป็นร้อยละ -44.00 การเลิกจ้างงานมีจำนวน 3,898 คน น้อยกว่าเดือนมกราคม 2551 ซึ่งเลิกจ้างงานจำนวน 4,000 คน แต่ในส่วนของเงินทุนมีจำนวน 11,619.67 ล้านบาท มากกว่าเดือนมกราคม 2551 ที่การเลิกกิจการคิดเป็นเงินทุน 1,518.05 ล้านบาท
- ภาวะการเลิกกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการน้อยกว่าเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ซึ่งมีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 170 รายคิดเป็นร้อยละ -42.35 มีการเลิกจ้างงานน้อยกว่าเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ที่การเลิกจ้างงานมีจำนวน 5,107 คน แต่ในส่วนของเงินทุนของการเลิกกิจการมากกว่าเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ที่การเลิกกิจการคิดเป็นเงินทุน 4,756.24 ล้านบาท
- อุตสาหกรรมที่มีจำนวนโรงงานเลิกกิจการมากที่สุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 คือ อุตสาหกรรมผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้ อุตสาหกรรมกลึง เจาะ คว้าน กัด ไส เจียน เชื่อมโลหะทั่วไป และอุตสาหกรรมซ่อมยานที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์หรือส่วนประกอบ ทั้ง 3 อุตสาหกรรมเท่ากันจำนวน 7 ราย รองลงมาคือ อุตสาหกรรมสี ฝัด หรือขัดข้าว จำนวน 5 ราย
- อุตสาหกรรมที่เลิกประกอบกิจการโดยที่มีเงินลงทุนสูงสุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 คือ อุตสาหกรรมผลิต ซ่อมเครื่องรับวิทยุ เครื่องรับโทรทัศน์ เครื่องเรดาร์ คาปาซิเตอร์เงินทุน 10,653.62 ล้านบาท รองลงมาคือ อุตสาหกรรมสี ฝัด หรือขัดข้าวเงินทุน 425.57 ล้านบาท
- อุตสาหกรรมที่เลิกประกอบกิจการและจำนวนคนงานสูงสุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 คือ อุตสาหกรรมผลิต ซ่อมเครื่องรับวิทยุ เครื่องรับโทรทัศน์ เครื่องเรดาร์ คาปาซิเตอร์ คนงาน 1,826 คน รองลงมาคือ อุตสาหกรรมผลิตรองเท้าหรือชิ้นส่วนรองเท้า ซึ่งมิได้ทำจากไม้ ยางอบแข็ง พลาสติก คนงาน 331 คน
- ภาวะการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) ในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมกราคม 2551 มีจำนวนโครงการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจาก สกท. ทั้งสิ้น 50 โครงการ น้อยกว่าเดือนมกราคม 2551 ที่มีจำนวน 122 โครงการร้อยละ -59.02 และมีเงินลงทุน 2,600 ล้านบาท น้อยกว่าเดือนมกราคม 2551 ที่มีเงินลงทุน 35,000 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ -92.57
- ภาวะการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) ในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีจำนวนโครงการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจาก สกท.น้อยกว่าเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ที่มีจำนวน 114 โครงการ ร้อยละ -56.14 และมีเงิน ลงทุนน้อยกว่าเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ที่มีเงินลงทุน 113,700 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ -97.71
- การกระจายหุ้นของโครงการที่ได้รับการอนุมัติให้การส่งเสริมในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2551
การร่วมทุน จำนวน(โครงการ) มูลค่าเงินลงทุน(ล้านบาท)
1.โครงการคนไทย 100% 51 10,100
2.โครงการต่างชาติ 100% 76 22,400
3.โครงการร่วมทุนไทยและต่างชาติ 45 5,100
- ประเภทกิจการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนมากที่สุดในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2551 คือ หมวดเคมี กระดาษ และพลาสติก มีมูลค่าเงินลงทุนรวม 14,700 ล้านบาท รองลงมา คือ หมวดผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่งมีมูลค่าเงินลงทุนรวม 9,300 ล้านบาท
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--
-พห-
ดัชนีอุตสาหกรรมของเดือนกุมภาพันธ์ 2551
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (มูลค่าเพิ่ม) = 181.59 ลดลงจากเดือนมกราคม 2551 (186.78) ร้อยละ 2.8 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (162.10) ร้อยละ 12.0
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมที่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 2551 ได้แก่ การผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม การผลิตเครื่องแต่งกาย ยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์ การแปรรูปและการถนอมสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ การผลิตหลอดอิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ การผลิตน้ำตาล
- อัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ย = 66.29 ลดลงจากเดือนมกราคม 2551 (68.17) แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (62.52)
ประเด็นเศรษฐกิจอุตสาหกรรมสำคัญในเดือนมีนาคม 2551
- อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
- การผลิตและการส่งออกเดือนมีนาคมจะขยายตัวในทิศทางที่ดีขึ้นจากเดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่มี
ยอดจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้น
- แต่ทั้งนี้ปัญหาในภาพรวมของอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ผู้ประกอบการยังต้องปรับตัวจากปัญหาค่าเงินบาท
ปัญหาราคาวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงปัญหาสินเชื่อหนี้ด้อยคุณภาพของสหรัฐอเมริกา อันอาจจะส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตและการส่งออกของอุตสาหกรรม
- อุตสาหกรรมยานยนต์
- ภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนมีนาคม 2551 คาดว่าจะขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2551 เนื่องจาก
ได้มีการจัดงานแสดงรถยนต์ รถจักรยานยนต์ นานาชาติ บางกอก มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 29 เพื่อกระตุ้นความต้องการของ
ผู้บริโภค ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณการผลิต และการจำหน่ายในประเทศขยายตัว
- สำหรับการผลิตรถยนต์ในเดือนมีนาคมประมาณการว่าจะมีการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศร้อยละ 49 และส่งออก
ร้อยละ 51
- อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
- ภาวะอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เดือนมีนาคม 2551 คาดว่า จะปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าและ
อิเล็กทรอนิกส์ โดย เครื่องปรับอากาศ ประมาณการว่าปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 12.75 ทั้งนี้จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นในตลาดหลัก คือ กลุ่มอียูและตะวันออกกลาง นอกจากนี้ยังมีแรงสนับสนุนจากตลาดในประเทศ สำหรับสินค้าตู้เย็นประมาณการว่าปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 16.09
- ส่วนแนวโน้มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ประมาณการว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 38.06 อันเนื่องมาจากการปรับตัว
เพิ่มขึ้นของ HDD ที่ได้มีการขยายการลงทุนของผู้ประกอบการในช่วงกลางปี 2550 จากภาวะความต้องการตลาดโลก
สถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม(มูลค่าเพิ่ม)
ม.ค. 51 = 186.78
ก.พ. 51 = 181.59
โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีลดลง ได้แก่
- การผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม
- การผลิตเครื่องแต่งกาย ยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์
- การแปรรูปและการถนอมสัตว์น้ำ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ
- อัตราการใช้กำลังการผลิต
ม.ค. 51 = 68.17
ก.พ. 51 = 66.29
โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลง ได้แก่
- การแปรรูปและการถนอมสัตว์น้ำ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ
- การผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม
- การผลิตเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าขั้นมูลฐาน
1.อุตสาหกรรมอาหาร
ภาวะการผลิตและการส่งออกของอุตสาหกรรมอาหารเดือนมีนาคมคาดว่าจะชะลอตัวลงจากเดือนก่อน สำหรับการจำหน่ายในประเทศมี
แนวโน้มชะลอตัวลงจากการชะลอการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค
1. การผลิต
ภาวะการผลิตโดยรวม (ไม่รวมน้ำตาล) ในเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 0.3 แต่ลดลงจาก
เดือนก่อนร้อยละ (-7.1) แบ่งเป็น กลุ่มสินค้าสำคัญที่อิงตลาดส่งออกเป็นหลัก เช่น สับปะรดกระป๋อง มีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนร้อยละ 62.2 แต่ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 12.0 สำหรับสินค้าไก่กุ้งและทูน่า การผลิตลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนร้อยละ 13.0 10.5 และ23.9 ตามลำดับ เนื่องจากค่าเงินบาทแข็งค่า ส่งผลต่อการชะลอรับคำสั่งซื้อ
กลุ่มสินค้าสำคัญที่อิงตลาดภายในประเทศ เช่น น้ำมันถั่วเหลือง มีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนร้อยละ 5.4 ขณะที่น้ำมัน
ปาล์มเพื่อการบริโภคมีปริมาณการผลิตชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ร้อยละ 13.8 เนื่องจากมีการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ สำหรับสินค้าน้ำตาลเป็นช่วงเปิดฤดูกาลหีบอ้อย ทำให้มีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 6.0 แต่ลดลงจาก เดือนก่อนร้อยละ 10.9
2. การตลาด
1) ตลาดในประเทศ เดือนกุมภาพันธ์สินค้าอาหารและเกษตร มีปริมาณจำหน่ายชะลอตัวจากเดือนก่อนร้อยละ 7.3 เนื่องจากราคา
สินค้าปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการจับจ่ายใช้สอย
2) ตลาดต่างประเทศ มูลค่าการส่งออกโดยรวมของอุตสาหกรรมอาหารเดือนกุมภาพันธ์ลดลงร้อยละ 6.9 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน แต่
เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนร้อยละ 4.6 เนื่องจากปริมาณคำสั่งซื้อจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นจากปีก่อน เช่น สับปะรดกระป๋อง ปลาทูน่ากระป๋องและไก่แปรรูปเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 25.0 31.3 และ 49.7 ตามลำดับ อย่างไรก็ตามผลจากการแข็งค่าของเงินบาทและการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกสินค้าที่พึ่งพาตลาดสหรัฐฯ เช่น กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งลดลงจากปีก่อนและเดือนก่อนร้อยละ 17.1 และ 10.9 ตามลำดับ
3. แนวโน้ม
คาดว่าการผลิตและการส่งออกเดือนมีนาคมจะชะลอจากเดือนก่อนเป็นผลจากปริมาณวัตถุดิบการเกษตรลดลงและการชะลอรับคำสั่งซื้อ
สำหรับการจำหน่ายสินค้าในประเทศจะมีแนวโน้มชะลอตัวจากการชะลอการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค
2. อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
...ปัญหาโดยรวมของอุตสาหกรรมผู้ประกอบการยังต้องปรับตัวจากปัญหาค่าเงินบาทปัญหาราคาวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น...
1. การผลิต
ภาวะการผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม เดือนกุมภาพันธ์ 2551 โดยรวมมีการผลิตที่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ได้แก่ การผลิตเส้นใยสิ่งทอฯ ลดลงเพียงเล็กน้อย เสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ผลิตจากผ้าถักลดลงร้อยละ 14.8 เสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ผลิตจากผ้าทอที่ลดลงร้อยละ 6.1 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวต่อเนื่องจากผลกระทบสินเชื่อหนี้ด้อยคุณภาพของสหรัฐอเมริกา และปัญหาจากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ตลอดจนการนำเข้าผลิตภัณฑ์สิ่งทอเพิ่มขึ้นซึ่งมีราคาถูกกว่า เพื่อทดแทนการผลิตในประเทศ
2. การตลาด
การจำหน่ายในประเทศผลิตภัณฑ์สิ่งทอเดือนกุมภาพันธ์เส้นใยสิ่งทอฯ และเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ผลิตจากผ้าถักลดลงร้อยละ 3.4 และ 13.0 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับเดือนก่อนในขณะที่เสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ผลิตจากผ้าทอ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 การส่งออกผลิตภัณฑ์สิ่งทอเดือนกุมภาพันธ์ทรงตัวเมื่อ
เทียบกับเดือนก่อน และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 11.3 ผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ เสื้อผ้าสำเร็จรูป(+6.2%) ผ้าผืน(+10.8%) ด้ายและเส้นใยประดิษฐ์(+11.4%) เคหะสิ่งทอ(+20.4%) เส้นใยประดิษฐ์(+15.6%) และสิ่งทออื่นๆ (+24.1%) ซึ่งเพิ่มขึ้นในตลาดส่งออกหลัก ได้แก่สหรัฐอเมริกา(+9.6%) อาเซียน(+17.6%) สหภาพยุโรป(+9.3%) และญี่ปุ่น (+20.0%)
3. แนวโน้ม
คาดว่าการผลิตและการส่งออกเดือนมีนาคมจะขยายตัวในทิศทางที่ดีขึ้นจากเดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่มียอดจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้ปัญหาในภาพรวมของอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ผู้ประกอบการยังต้องปรับตัวจากปัญหาค่าเงินบาท ปัญหาราคาวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงปัญหาสินเชื่อหนี้ด้อยคุณภาพของสหรัฐอเมริกา อันอาจจะส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตและการส่งออกของอุตสาหกรรม
3. อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า
ประเทศไทยได้ตกอันดับประเทศผู้นำเข้าเหล็กโลกจากอันดับที่ 6 เป็นอันดับที่ 8 โดยปริมาณการนำเข้าในปี 2007 ลดลง จาก 10.6 ล้านตัน เหลือ 9.6 ล้านตัน ลดลงร้อยละ 10.4 เมื่อเทียบกับปีก่อน ในขณะที่ สหภาพยุโรป (EU27) ได้กลายเป็นประเทศผู้นำเข้าเหล็กรายใหญ่ที่สุดในโลกในปี 2007 ด้วยปริมาณนำเข้า 48.5 ล้านตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 23 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
1.การผลิต
ภาวะการผลิตของอุตสาหกรรมเหล็กในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 มีอัตราการเปลี่ยนแปลงที่ลดลง ร้อยละ 14.62 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนนี้มีค่า 129.66 เมื่อพิจารณารายผลิตภัณฑ์ พบว่า เหล็กทรงแบนมีการผลิตที่ลดลงมากที่สุด ร้อยละ 21.80 โดยเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน ลดลงร้อยละ 45.42 เนื่องจากผู้ผลิตโรงงานหนึ่งได้หยุดซ่อมบำรุงเพราะเครื่องจักรมีปัญหาขณะที่อีกโรงงานหนึ่งลดการผลิตลงเพื่อระบายสินค้าในสต๊อก รองลงมาคือ เหล็กแผ่นเคลือบดีบุก ลดลง ร้อยละ 7.90 สำหรับเหล็กทรงยาว การผลิตลดลงเล็กน้อยร้อยละ 1.07 โดยเหล็กเส้นกลม ลดลง มากที่สุดร้อยละ 11.41 และเหล็กเส้นข้ออ้อยลดลงร้อยละ 1.91 เนื่องจากราคาวัตถุดิบ ได้แก่ เหล็กแท่งเล็กบิลเล็ต ปรับตัวสูงขึ้นจึงทำให้ผู้ผลิตนำเข้ามาใช้ในปริมาณที่ต้องการใช้เท่านั้นและจะไม่นำเข้ามาเพื่อเก็บไว้เป็นสต๊อก ขณะเดียวกันเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การผลิตลดลง ร้อยละ 5.91 โดยเหล็กทรงแบน ได้แก่ เหล็กแผ่นเคลือบดีบุก ลดลง ร้อยละ 34.97 และเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน ลดลง ร้อยละ 32.82 จากนโยบายการลดสต๊อกสินค้าของผู้ผลิตและจะผลิตตามคำสั่งซื้อของลูกค้าเท่านั้น สำหรับเหล็กทรงยาว การผลิตขยายตัวขึ้น ร้อยละ 8.52 โดยลวดเหล็ก เพิ่มขึ้น ร้อยละ 43.67 และเหล็กลวด เพิ่มขึ้น ร้อยละ 26.54
2.ราคาเหล็ก
การเปลี่ยนแปลงของราคาเหล็ก (FOB) โดยเฉลี่ยที่สำคัญในตลาด CIS ณ ท่าทะเลดำ (Black Sea) ในช่วงเดือนมีนาคม 2551 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ราคาโดยเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์เหล็กที่สำคัญปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดย เหล็กแท่งเหล็กบิลเล็ต เพิ่มขึ้น จาก 672 เป็น 786 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 17.02 เหล็กเส้น เพิ่มขึ้นจาก 726 เป็น 836 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 15.15เหล็กแผ่นรีดเย็น เพิ่มขึ้นจาก 750 เป็น 840 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 12.00 เหล็กแท่งแบน เพิ่มขึ้นจาก 615 เป็น 675 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 9.76 เหล็กแผ่นรีดร้อน เพิ่มขึ้นจาก 711 เป็น 775 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 8.96 อย่างไรก็ตาม ราคาที่แสดงเป็นราคาที่ท่าเรือต้นทางยังไม่รวมค่าระวางเรือและค่าประกันภัย ซึ่งเมื่อมาถึงปลายทางราคาจะเพิ่มสูงขึ้น เช่น ราคาเหล็กแท่งเล็กบิลเล็ตจากประเทศมาเลเซียเมื่อมาถึงปลายทางประเทศเวียดนาม ราคาอยู่ที่ 900-910 เหรียญต่อตัน เป็นต้น
3. แนวโน้ม
สถานการณ์เหล็กในเดือน มี.ค. 2551 คาดว่าขยายตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยในส่วนของการผลิตเหล็กทรงยาวคาดการณ์ว่าจะขยายตัวขึ้นจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่เน้นการลงทุนโครงการเมกะโปรเจ็กต์ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่เหล็กทรงแบน คาดการณ์ว่าจะขยายตัวขึ้นเล็กน้อยจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและความต้องการของตลาดโลกที่ยังคงมีอยู่
4. อุตสาหกรรมยานยนต์
รถยนต์
อุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2550 ทั้งด้านการผลิตการจำหน่าย และการส่งออก โดยมีข้อมูลสภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนกุมภาพันธ์ ดังนี้
- การผลิตรถยนต์ จำนวน 123,551 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ซึ่งมีการผลิต 95,426 คัน ร้อยละ 29.47 โดยเป็น
การผลิตเพิ่มขึ้นของรถยนต์นั่ง และรถยนต์กระบะ 1 ตัน และมีปริมาณการผลิตรถยนต์โดยรวมเพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2551 ร้อยละ 14.26
- การจำหน่ายรถยนต์ จำนวน 49,248 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ซึ่งมีการจำหน่าย 43,606 คัน ร้อยละ 12.94
และมีปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2551 ร้อยละ 8.40
- การส่งออกรถยนต์ จำนวน 66,076 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ซึ่งมีการส่งออก 53,595 คัน ร้อยละ 23.29 โดย
ส่วนใหญ่เป็นการส่งออกรถยนต์กระบะ 1 ตัน ไปในกลุ่มประเทศแอฟริกา, อเมริกากลาง และอเมริกาใต้ และมีปริมาณการส่งออกรถยนต์โดยรวมเพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2551 ร้อยละ 12.95
- แนวโน้ม ภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนมีนาคม 2551 คาดว่าจะขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2551เนื่องจากได้มีการจัดงานแสดงรถยนต์ รถจักรยานยนต์ นานาชาติบางกอก มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 29 เพื่อกระตุ้นความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณการผลิต และการจำหน่ายในประเทศขยายตัว สำหรับการผลิตรถยนต์ในเดือนมีนาคมประมาณการว่าจะมีการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศร้อยละ 49 และส่งออกร้อยละ 51
รถจักรยานยนต์
อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2550 โดยมีข้อมูลสภาวะ
อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนกุมภาพันธ์ ดังนี้
- การผลิตรถจักรยานยนต์ จำนวน 138,904 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ซึ่งมีการผลิต 137,893 คัน ร้อยละ 0.73 และมี
ปริมาณการผลิตรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2551 ร้อยละ 0.05
- การจำหน่ายรถจักรยานยนต์ จำนวน 147,104 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ซึ่งมีการจำหน่าย 136,158 คัน ร้อยละ
8.04 และมีปริมาณการจำหน่ายรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2551 ร้อยละ 2.72
- การส่งออกรถจักรยานยนต์ (CBU) จำนวน 14,383 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ซึ่งมีการส่งออก 5,872 คัน ร้อยละ
144.94 และมีปริมาณการส่งออกรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2551 ร้อยละ 52.64 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการส่งออกรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ไปในสหภาพยุโรป และแคนาดาประกอบกับในช่วงปีที่แล้วได้มีการชะลอการส่งออกรถจักรยานยนต์รุ่นเดิม เพื่อพัฒนารถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ให้มี
คุณภาพสอดคล้องกับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ใหม่ของยุโรป
- แนวโน้ม ภาวะอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนมีนาคม 2551 คาดว่าจะขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์
2551 เนื่องจากได้มีการจัดงานแสดงรถยนต์ รถจักรยานยนต์นานาชาติ บางกอก มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 29 ซึ่งภายในงานมีการจัดรายการส่งเสริมการขาย และการแนะนำรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาด สำหรับการผลิตรถจักรยานยนต์ในเดือนมีนาคมประมาณการว่าจะมีการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศร้อยละ 91 และส่งออกร้อยละ 9
5.อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์
“การจำหน่ายปูนซีเมนต์ยังไม่ขยายตัวเท่าที่ควรเนื่องจากยังมีความระมัดระวังในการบริโภคและการลงทุน รวมทั้งโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐบาลยังไม่ชัดเจน สำหรับการส่งออกชะลอตัวลงเนื่องจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นตลาดหลักยังคงชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ตามธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในภาวะถดถอย”
1.การผลิตและการจำหน่ายในประเทศ
ปริมาณการผลิตปูนซีเมนต์ และการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ลดลงร้อยละ 5.50 และ0.40 ตามลำดับ และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ปริมาณการผลิตลดลงร้อยละ 1.28 ในขณะที่ปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศยังอยู่ในระดับทรงตัวคือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.40 ปริมาณการผลิตและการจำหน่ายในประเทศที่ยังไม่เพิ่มขึ้นเท่าที่ควร เนื่องจากยังมีความระมัดระวังในการบริโภคและการลงทุน รวมทั้งโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐบาลยังไม่ชัดเจน
2.การส่งออก
มูลค่าการส่งออกปูนซีเมนต์เดือนกุมภาพันธ์ 2551 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนและเดือนเดียวกันของปีก่อน ลดลงร้อยละ 5.34 และ 0.80 ตามลำดับ เนื่องจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นตลาดหลักยังคงชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ตามธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในภาวะถดถอยนอกจากนี้มูลค่าการส่งออกยังได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบตามการแข็งค่าของเงินบาท
3.แนวโน้ม
การผลิตและการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศในเดือนมีนาคม และเดือนเมษายน 2551 คาดว่าจะยังทรงตัวแม้ว่าความเชื่อมั่นในการลงทุนจะเพิ่มขึ้นภายหลังจากการเข้ามาของรัฐบาลชุดใหม่ แต่สถานการณ์จะยังไม่ปรับตัวดีขึ้นอย่างทันที โครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐอาจจะเกิดได้
เร็วที่สุดในช่วงปลายปี 2551 แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงอีกประการหนึ่งคือต้นทุนของพลังงานเชื้อเพลิงที่เพิ่มสูงขึ้นสำหรับการส่งออกมีแนวโน้มว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากตลาดส่งออกสำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีกิจกรรมการก่อสร้างที่เพิ่มสูงขึ้น เพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ในขณะที่ปริมาณการส่งออกปูนซีเมนต์ไปตลาดสหรัฐอเมริกา จะลดลงอย่างต่อเนื่อง ตามปัญหาตลาดสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์คุณภาพต่ำ (Sub — prime Loans)
6. อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
- ภาวะการผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ทรงตัวโดยปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนเล็กน้อย ร้อยละ 0.17 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนก็ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.14 เป็นผลจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 31.74
- มูลค่าการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เดือนกุมภาพันธ์ 2551 ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ร้อยละ 3.92
ขณะที่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น ร้อยละ 7.59 มูลค่าการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สูงที่สุดได้แก่ เครื่องปรับอากาศสำหรับที่พักอาศัย โรงงาน มีมูลค่า 297.88 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนมูลค่าการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สูงที่สุดคือ อุปกรณ์ประกอบของเครื่องคอมพิวเตอร์ มีมูลค่า 1,411.22 ล้านเหรียญสหรัฐ
ตารางที่1 สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์หลักที่มีมูลค่าการส่งออกมากเป็นอันดับต้นๆ ในเดือน ก.พ. 2551
เครื่องใช้ไฟฟ้า/อิเล็กทรอนิกส์ มูลค่า CPM CPY
อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ 1,411.22 -6.23 19.91
IC 501.65.85 -17.61 -23.68
เครื่องปรับอากาศ 297.88 11.09 18.72
เครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้า 139.65 8.87 19.27
รวมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 3,733.83 -3.92 7.59
ที่มา กรมศุลกากร
1.การผลิต
ภาพรวมภาวะการผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ทรงตัวปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนเล็กน้อย ร้อยละ 0.17 โดยดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 325.51 และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนก็ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.14 เป็นผลจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 31.74 โดยสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้แก่ HDD, Other IC เป็นต้น
2. การตลาด
มูลค่าการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เดือนกุมภาพันธ์ 2551 ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ร้อยละ 3.92 ขณะที่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น ร้อยละ 7.59 โดยมีมูลค่าการส่งออกรวมคือ 3,733.83 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับมูลค่าการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เดือน กุมภาพันธ์ 2551 มีมูลค่า 2,295.72 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนร้อยละ 8.71 ขณะที่เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.57 เนื่องจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของมูลค่าส่งออกในอุปกรณ์ประกอบของเครื่องคอมพิวเตอร์ ขณะที่ IC ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องมาจากภาวะการส่งออกที่ปรับตัวลดลงในตลาดหลัก ได้แก่ ตลาดญี่ปุ่น ไต้หวัน มาเลเซีย เนเธอร์แลนด์ เกาหลีใต้ และฟิลิปปินส์ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังพบว่ามีบริษัทข้ามชาติแห่งหนึ่งมีมูลค่าส่งออกปรับตัวลดลงอันเนื่องมาจากการปรับกลยุทธ์การผลิตเป็นการ Outsource แทน แต่เมื่อรวมมูลค่าส่งออกของทั้ง 2 บริษัทแล้วก็ยังปรับลดลง นอกจากนี้ การลงทุนเพิ่มโรงงานแห่งใหม่ที่จีน เมื่อ
กลางปี 2550 ของบริษัทดังกล่าว อีกด้วย
3. แนวโน้ม
แนวโน้มภาวะอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เดือนมีนาคม 2551 คาดว่า จะปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากการขยายตัวทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ โดยการประมาณการจากแบบจำลองภาวะอุตสาหกรรม รายสาขา พบว่า แนวโน้มเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ประมาณการโดยรวมว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ ประมาณการว่าปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 12.75 ทั้งนี้ การปรับตัวเพิ่มขึ้นในตลาดหลัก อียู ตะวันออกกลาง นอกจากนี้ยังมีแรงสนับสนุนจากตลาดในประเทศ นอกจากนี้ สินค้าตู้เย็น ประมาณการว่าปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 16.09 ขณะที่ สินค้าที่ประมาณการว่าจะปรับตัวลดลง ได้แก่ เครื่องรับโทรทัศน์ ทั้งนี้เนื่องจากการส่งออกที่อาศัยการใช้สิทธิพิเศษ และการกำหนดแหล่งกำเนิดของชิ้นส่วนสำคัญยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการส่งออกและคาดว่าจะปรับตัวลดลง ร้อยละ 7.91 ส่วนแนวโน้มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ประมาณการว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 38.06 อันเนื่องมาจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของ HDD ที่ได้มีการขยายการลงทุนของผู้ประกอบการในช่วงกลางปี 2550 จากภาวะความต้องการตลาดโลก
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (มูลค่าเพิ่ม) ในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 มีค่า 181.59 ลดลงจากเดือนมกราคม 2551 (186.78) ร้อยละ 2.8 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (162.10) ร้อยละ 12.0
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมลดลงจากเดือนมกราคม 2551 ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องแต่งกาย ยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์ อุตสาหกรรมการแปรรูปและการถนอมสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ อุตสาหกรรมการผลิตหลอดอิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมการผลิตน้ำตาล เป็นต้น
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตมอลต์ลิกเคอและมอลต์ อุตสาหกรรมการผลิตหลอดอิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องแต่งกาย ยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์ เป็นต้น
- อัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 มีค่า 66.29 ลดลงจากเดือนมกราคม 2551 (68.17) แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (62.52)
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลงจากเดือนมกราคม 2551 ได้แก่ อุตสาหกรรมการแปรรูปและการถนอมสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำอุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม อุตสาหกรรมการผลิตเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าขั้นมูลฐาน อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องรับโทรทัศน์และวิทยุและสินค้าที่เกี่ยวข้อง อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ รวมทั้งน้ำดื่มบรรจุ
ขวด เป็นต้น
- อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตเคมีภัณฑ์ขั้นมูลฐาน ยกเว้นปุ๋ยและสารประกอบไนโตรเจน อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ยางอื่นๆ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ อุตสาหกรรมการผลิตเม็ดพลาสติก เป็นต้น
สถานภาพการประกอบกิจการอุตสาหกรรมเดือนกุมภาพันธ์ 2551
- ภาวะการประกอบกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมกราคม 2551 มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการจำนวน 353 ราย เพิ่มขึ้นในจำนวนที่มากกว่าเดือนมกราคม 2551 ซึ่งมีโรงงานเริ่มประกอบกิจการจำนวน 314 รายหรือมากกว่าร้อยละ 12.42 และมียอดเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 8,894.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2551 ซึ่งมีการลงทุน 7,507.36 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.47 แต่ในส่วนของการจ้างงานรวม มีจำนวน 8,286 คน ลดลงจากเดือนมกราคม 2551 ที่มีจำนวนการจ้างงาน 8,749 คน หรือลดลงร้อยละ -5.29
- ภาวะการประกอบกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการเพิ่มขึ้นในจำนวนที่น้อยกว่าเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ซึ่งมีโรงงานเริ่มประกอบกิจการจำนวน 354 ราย หรือคิดเป็นจำนวนน้อยกว่าร้อยละ -0.28 การจ้างงานลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ที่มีจำนวนการจ้างงาน 10,114 คน ร้อยละ -18.07 และในส่วน
ของจำนวนเงินลงทุนลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ซึ่งมีการลงทุน 9,704.89 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ -8.35
- อุตสาหกรรมที่มีจำนวนโรงงานเริ่มประกอบกิจการมากที่สุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 คือ อุตสาหกรรมขุดดิน ตักดิน จำนวน 40 โรงงาน รองลงมาคือ อุตสาหกรรมผลิต เฟอร์นิเจอร์ไม้ จำนวน 22 โรงงาน
- อุตสาหกรรมที่เริ่มประกอบกิจการโดยมีการลงทุนสูงสุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 คือ อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ จำนวนเงินลงทุน 2,295.87 ล้านบาท รองลงมาคืออุตสาหกรรมซ่อมและพ่นสีรถยนต์ จำนวนเงินลงทุน 602.43 ล้านบาท
- อุตสาหกรรมที่เริ่มประกอบกิจการและมีการจ้างงานสูงสุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 คือ อุตสาหกรรมตัดเย็บเสื้อผ้าสำเร็จรูป จำนวนคนงาน 1,767 คน รองลงมาคือ อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ จำนวนคนงาน 583 คน
- ภาวะการเลิกกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมกราคม 2551 มีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 98 ราย น้อยกว่าเดือนมกราคม 2551 ซึ่งมีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 175 ราย คิดเป็นร้อยละ -44.00 การเลิกจ้างงานมีจำนวน 3,898 คน น้อยกว่าเดือนมกราคม 2551 ซึ่งเลิกจ้างงานจำนวน 4,000 คน แต่ในส่วนของเงินทุนมีจำนวน 11,619.67 ล้านบาท มากกว่าเดือนมกราคม 2551 ที่การเลิกกิจการคิดเป็นเงินทุน 1,518.05 ล้านบาท
- ภาวะการเลิกกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการน้อยกว่าเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ซึ่งมีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 170 รายคิดเป็นร้อยละ -42.35 มีการเลิกจ้างงานน้อยกว่าเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ที่การเลิกจ้างงานมีจำนวน 5,107 คน แต่ในส่วนของเงินทุนของการเลิกกิจการมากกว่าเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ที่การเลิกกิจการคิดเป็นเงินทุน 4,756.24 ล้านบาท
- อุตสาหกรรมที่มีจำนวนโรงงานเลิกกิจการมากที่สุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 คือ อุตสาหกรรมผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้ อุตสาหกรรมกลึง เจาะ คว้าน กัด ไส เจียน เชื่อมโลหะทั่วไป และอุตสาหกรรมซ่อมยานที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์หรือส่วนประกอบ ทั้ง 3 อุตสาหกรรมเท่ากันจำนวน 7 ราย รองลงมาคือ อุตสาหกรรมสี ฝัด หรือขัดข้าว จำนวน 5 ราย
- อุตสาหกรรมที่เลิกประกอบกิจการโดยที่มีเงินลงทุนสูงสุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 คือ อุตสาหกรรมผลิต ซ่อมเครื่องรับวิทยุ เครื่องรับโทรทัศน์ เครื่องเรดาร์ คาปาซิเตอร์เงินทุน 10,653.62 ล้านบาท รองลงมาคือ อุตสาหกรรมสี ฝัด หรือขัดข้าวเงินทุน 425.57 ล้านบาท
- อุตสาหกรรมที่เลิกประกอบกิจการและจำนวนคนงานสูงสุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 คือ อุตสาหกรรมผลิต ซ่อมเครื่องรับวิทยุ เครื่องรับโทรทัศน์ เครื่องเรดาร์ คาปาซิเตอร์ คนงาน 1,826 คน รองลงมาคือ อุตสาหกรรมผลิตรองเท้าหรือชิ้นส่วนรองเท้า ซึ่งมิได้ทำจากไม้ ยางอบแข็ง พลาสติก คนงาน 331 คน
- ภาวะการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) ในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมกราคม 2551 มีจำนวนโครงการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจาก สกท. ทั้งสิ้น 50 โครงการ น้อยกว่าเดือนมกราคม 2551 ที่มีจำนวน 122 โครงการร้อยละ -59.02 และมีเงินลงทุน 2,600 ล้านบาท น้อยกว่าเดือนมกราคม 2551 ที่มีเงินลงทุน 35,000 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ -92.57
- ภาวะการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) ในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีจำนวนโครงการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจาก สกท.น้อยกว่าเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ที่มีจำนวน 114 โครงการ ร้อยละ -56.14 และมีเงิน ลงทุนน้อยกว่าเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ที่มีเงินลงทุน 113,700 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ -97.71
- การกระจายหุ้นของโครงการที่ได้รับการอนุมัติให้การส่งเสริมในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2551
การร่วมทุน จำนวน(โครงการ) มูลค่าเงินลงทุน(ล้านบาท)
1.โครงการคนไทย 100% 51 10,100
2.โครงการต่างชาติ 100% 76 22,400
3.โครงการร่วมทุนไทยและต่างชาติ 45 5,100
- ประเภทกิจการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนมากที่สุดในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2551 คือ หมวดเคมี กระดาษ และพลาสติก มีมูลค่าเงินลงทุนรวม 14,700 ล้านบาท รองลงมา คือ หมวดผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่งมีมูลค่าเงินลงทุนรวม 9,300 ล้านบาท
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--
-พห-