สศอ.เผยดัชนีอุตฯ พ.ย.ซึมต่อเนื่องติดลบ 8.36%

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday January 7, 2009 14:30 —สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

เศรษฐกิจโลกแผ่ว ฉุดดัชนีอุตฯ ติดลบ 8.36% เป็นเดือนที่ 2 ในรอบปี 2551 หรือติดลบสูงสุดในรอบ 6 ปี 9 เดือน กลุ่มเครื่องประดับ-ชิ้นส่วนอีเล็กฯ-เม็ดพลาสติก-ยานยนต์ พาเหรดกันร่วง อก.เตรียมมาตรการรับมือ

นายอาทิตย์ วุฒิคะโร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.)และรองโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ซบเซาตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมาเริ่มส่งผลกระทบมายังภาคอุตสาหกรรมไทยค่อนข้างชัดเจนแล้ว โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนพฤศจิกายน 2551 ติดลบถึง 8.36% ถือเป็นการติดลบเป็นเดือนที่สองในรอบปี และหากเทียบตามสถิติจะเป็นการติดลบสูงสุดในรอบ 6 ปี 9 เดือน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าห่วงมาก โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้อัตราการขยายตัวติดลบ ได้แก่ กลุ่มเครื่องประดับ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เม็ดพลาสติก และยานยนต์ ซึ่งมีปัจจัยที่ได้รับผลกระทบที่แตกต่างกัน

โดย กลุ่มเครื่องประดับ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนพบว่า ดัชนีผลผลิตติดลบ38.95% เนื่องจากปัจจัยการผันผวนของต้นทุนวัตถุดิบโดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาทองในตลาดโลกมีความผันผวนอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งประเทศผู้นำเข้าหลักคือสหรัฐอเมริกาได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจซบเซาจึงชะลอการบริโภคสินค้าในกลุ่มนี้ลง เนื่องจากเห็นว่าเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการได้มีการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง เช่นการเปิดตลาดส่งออกใหม่ไปยังประเทศแถบตะวันออกกลาง เนื่องจากเป็นประเทศเศรษฐีน้ำมัน ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงมากนัก

ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนพบว่า ทั้งการผลิตและจำหน่ายลดลง 15.5% เท่ากัน เนื่องจากความต้องการของตลาดโลกชะลอตัวลงตามภาวะการถดถอยของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าทั่วโลก แม้ว่าปกติช่วงปลายปีจะถือเป็นช่วงที่มีการผลิตอย่างคึกคักเพื่อทำยอดการผลิตประจำปีก็ตาม แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจซบเซาทำให้ส่งผลกระทบอย่างชัดเจน

การผลิตเม็ดพลาสติก เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนพบว่า การผลิตและการจำหน่าย ติดลบ 32.7% และ15.5% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยไปทั่วโลก ส่งผลให้กำลังซื้อและความต้องการของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศหดตัวอย่างมาก ประกอบกับโรงงานหลายแห่งหยุดเดินเครื่องจักรและลดการผลิตลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ทำให้ความต้องการของอุตสาหกรรมต่อเนื่องต่างๆ ลดลง เช่นอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ และอุตสาหกรรมพลาสติก ที่ความต้องการลดลงไปมาก

การผลิตยานยนต์ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนพบว่า ภาวะการผลิตและการจำหน่ายรถยนต์ปรับตัวลดลง 5.2% และ8.6% ซึ่งเป็นผลมาจากตลาดรถยนต์ปิกอัพ 1 ตันที่ยอดจำหน่ายลดลงต่อเนื่อง จากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว คำสั่งซื้อของลูกค้าในต่างประเทศจึงลดลงไปมาก ส่งผลกระทบต่อยอดส่งออกรถยนต์โดยตรง

อย่างไรก็ตามคาดว่าในปี 2552 มีแนวโน้มที่ลดลงอย่างชัดเจน อันเนื่องมาจากเศรษฐกิจของโลกอยู่ในภาวะหดตัว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการผลิตรถยนต์เพื่อการส่งออก โดยคาดว่าในปี 2552 การส่งออกจะลดลงประมาณ 20%

สำหรับดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ดัชนีผลผลิต (มูลค่าเพิ่ม) อยู่ที่ระดับ 168.39 ลดลง -8.36% จากระดับ 183.76 ดัชนีผลิต (มูลค่าผลผลิต) อยู่ที่ระดับ 169.67 ลดลง -9.18% จากระดับ 186.82 ดัชนีการส่งสินค้า อยู่ที่ระดับ 167.39 ลดลง -11.24% จากระดับ 188.58 ดัชนีแรงงานในภาคอุตสาหกรรม อยู่ที่ระดับ 113.31 ลดลง -5.48% จากระดับ 119.88 ดัชนีผลิตภาพแรงงานอุตสาหกรรม อยู่ที่ระดับ 129.77 ลดลง -7.99% จากระดับ 141.04 ขณะที่ดัชนีสินค้าสำเร็จรูปคงคลัง อยู่ที่ระดับ 196.04 เพิ่มขึ้น 14.89% จากระดับ 183.73 ดัชนีอัตราส่วนสินค้าสำเร็จรูปคงคลัง อยู่ที่ระดับ 178.86 เพิ่มขึ้น 8.48% จากระดับ 155.68 ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิต อยู่ที่ 56.21

นายอาทิตย์ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมในปี 2551นั้นขยายตัวในอัตราที่สูง 11.5% ในไตรมาสแรกแล้วค่อยๆลดลงเหลือ 9.4% และ 5.8%ในไตรมาที่ 2 และ 3ตามลำดับ แล้วติดลบ 6.3% ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2551 ตามภาวะเศรษฐกิจโลก และคาดว่า 6 เดือนแรกของปี 2552 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมจะติดลบถึง 5.5% อย่างไรก็ดียังมีโอกาสที่จะปรับตัวในทางที่ดีขึ้นในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2552 หากมาตรการต่างๆของรัฐที่ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจสามารถปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่มีปัญหาด้านการเมือง

ซึ่งในส่วนของกระทรวงอุตสาหกรรมนายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้เร่งจัดตั้ง War Room (ศูนย์คลังสมองเพื่อชาติ) เพื่อระดมความคิดในการกำหนดมาตรการและโครงการต่างๆเพื่อแก้ไขวิกฤตภาคอุตสาหกรรมร่วมกับภาคเอกชน ผู้ทรงคุณวุฒิ และหน่วยงานราชการต่างๆที่เกี่ยวในครั้งนี้ โดยจะเร่งจัดให้มีการประชุมในภาพรวมของภาคอุตสาหกรรมและเจาะลึกลงในระดับสาขาอุตสาหกรรมต่างๆต่อไป เชื่อว่าจะได้ข้อสรุปมาตรการแก้ไขปัญหาที่มีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรมอย่างแน่นอน

ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมรายไตรมาสปี 2551 และแนวโน้ม 6 เดือนแรกของปี 2552

          Q1/51          Q2/51          Q3/51          Q4/51(e)          ม.ค.-มิ.ย. 2552 (f)
           11.5            9.4            5.8             -6.3                 -5.5

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--

-พห-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ