ภาวะอุตสาหกรรมปิโตรเคมี (Petrochemical Industry)
ไตรมาส 1 ปี 2552 ราคาแนฟธาของตลาดเอเชียตลอดไตรมาสมีการปรับตัวในทิศทางขาขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ โดยเป็นผลมาจากความ ขัดแย้งทางการเมืองระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน ส่วนราคาเอทิลีนโดยเฉลี่ยตลอดไตรมาสมีการปรับตัวเพิ่ม ขึ้นตามราคาน้ำมันดิบและแนฟธา เนื่องจากอุปทานสินค้ามีค่อนข้างจำกัด เกิดความตึงตัวในตลาดเอทิลีน โดยมีสาเหตุจากการปิดซ่อมบำรุงของแครก เกอร์ในประเทศจีน
สำหรับการซื้อขายเม็ดพลาสติกทั้ง PE และ PP ตลอดไตรมาสราคามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากปริมาณสินค้าในตลาดมี จำกัด ผู้ค้าและผู้ใช้ปลายทางมีปริมาณสินค้าคงคลังน้อยหลังจากผ่านวันหยุดในช่วงตรุษจีน รวมถึงเริ่มเข้าใกล้ฤดูการผลิตฟิล์มพลาสติกสำหรับใช้ในภาค การเกษตร ทำให้มีความต้องการเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ศุลกากรจีนได้ประกาศอัตราภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์ ปิโตรเคมีที่ผลิตในภูมิภาคเอเชีย ภายใต้กรอบ ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน สำหรับปี 2552 โดยมีผลเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2552
การผลิต
ไตรมาส 1 ปี 2552 อุตสาหกรรมปิโตรเคมีภายในประเทศ เริ่มกลับมาเดินเครื่องอีเทนแครกเกอร์ขนาด 100,000 ตัน/ปี หลังปิดปรับ ปรุงเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเอทิลีนเป็น 400,000 ตัน/ปี และวางแผนเริ่มเดินเครื่องโรงงานผลิต HDPE ขนาด 250,000 ตัน/ปี แห่งใหม่ในช่วงต้นปี 2553 นอกจากนี้ มีแผนปิดซ่อมบำรุงหน่วยผลิต HDPE ขนาด 250,000 ตัน/ปี ในช่วงต้นไตรมาสที่ 2 เป็นเวลา 15 วัน
สำหรับการผลิตในภูมิภาคเอเชีย ภายในปี 2555 คาดว่าอินเดียจะกลายเป็นประเทศผู้บริโภคพลาสติกรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก รองจาก สหรัฐฯ และจีน เนื่องจากปัจจุบันมีการใช้พลาสติกในอัตราที่ต่ำ เมื่อเทียบกับอัตราการบริโภคเฉลี่ยของโลก ซึ่งแสดงว่าอุตสาหกรรมพลาสติกของอินเดีย ยังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก แม้ว่าเศรษฐกิจในปัจจุบันจะอยู่ในภาวะถดถอย แต่ความต้องการใช้พลาสติกของผู้บริโภคในอินเดียยังคงมีสูง ซึ่งจะส่งผล ต่อการขยายตัวของอุตสาหกรรมพลาสติกภายในประเทศในระยะยาว
อินโดนีเซีย รัฐบาลได้ปรับเพิ่มอัตราภาษี PE และ PP ที่นำเข้ามาจากประเทศนอกกลุ่มอาเซียนเป็น 15% และ 10% ตามลำดับ โดยจะ บังคับใช้กับประเทศนอกกลุ่มอาเซียนทั้งหมดยกเว้น จีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น
เกาหลีใต้ มีการควบรวมกิจการเพื่อลดต้นทุนการผลิต สำหรับแครกเกอร์ขนาด 1 ล้านตัน/ปี และ 750,000 ตัน/ปี
ญี่ปุ่น มีแผนปิดปรับปรุงแครกเกอร์ขนาด 617,000 ตัน/ปี ประมาณต้นไตรมาสที่ 3 ของปี 2552 เป็นเวลา 1 เดือน
จีน รัฐบาลจีนอยู่ในช่วงพิจารณาแผนกู้เศรษฐกิจวงเงิน 73 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมปิโตรเลียมและปิโตรเคมีใน ประเทศ ทั้งนี้ คาดว่าแผนกู้วิกฤตปิโตรเลียมและปิโตรเคมีของจีน ประกอบกับแผนกู้เศรษฐกิจอื่นๆที่รัฐบาลจีนได้ประกาศออกมา จะช่วยกระตุ้นและฟื้น ความต้องการภายในประเทศได้ นอกจากนั้น ยังคาดการณ์ว่าการนำเข้าผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องสายเอทิลีนของจีนจะลดลง เนื่องจากจีนสามารถผลิตได้เอง มากขึ้น และตลาดมีการชะลอตัวลง สำหรับแผนปิดปรับปรุงและซ่อมบำรุงโรงงาน นั้น ช่วงต้นของไตรมาสจะหยุดเดินเครื่องโรงงาน PP ขนาด 450,000 ตัน/ปี และจะกลับมาเดินเครื่องตามปกติประมาณกลางไตรมาส 1 รวมถึงมีแผนที่จะเดินเครื่องแนฟธาแครกเกอร์ขนาด 385,000 ตัน/ปี ใน ช่วงเวลาเดียวกัน
การตลาด
ราคาเม็ดพลาติก PE และ PP ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2552 ราคาจำหน่ายเม็ดพลาสติก (ราคาเฉลี่ย SE Asia CIF) ในเดือนมีนาคม 2552 ของ LDPE, HDPE, และ PP อยู่ที่ระดับ 34.95, 33.75 และ 34.18 บาท/กิโลกรัม ตามลำดับ ทั้งนี้ LDPE, HDPE และ PP มีระดับราคา เฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4 ปี 2551 ที่ระดับราคา 29.86, 28.86 และ 27.39 บาท/กิโลกรัม ตามลำดับ
การนำเข้า
ไตรมาส 1 ปี 2552 การนำเข้าปิโตรเคมีขั้นต้นมีมูลค่า 1,612.84 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 49.73 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว และลด ลงถึงร้อยละ 71.13 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปิโตรเคมีขั้นกลางมีมูลค่านำเข้า 3,687.75 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 18.35 เมื่อเทียบกับ ไตรมาสที่แล้ว และลดลงถึงร้อยละ 61.04 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนปิโตรเคมีขั้นปลายมีมูลค่านำเข้า 11,369.63 ล้านบาท ลดลงร้อย ละ 38.85 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว และลดลงถึงร้อยละ 46.22 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ปิโตรเคมี ------ มูลค่านำเข้า (ล้านบาท)-------- ----------- เปลี่ยนแปลง (ร้อยละ) ---------------
Q1/2551 Q4/2551 Q1/2552 เทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ขั้นต้น 5,586.69 3,208.17 1,612.84 -49.73 -71.13
ขั้นกลาง 9,464.88 4,516.33 3,687.75 -18.35 -61.04
ขั้นปลาย 21,139.06 18,591.72 11,369.63 -38.85 -46.22
ที่มา : ข้อมูลจากกรมศุลกากร
การส่งออก
ไตรมาส 1 ปี 2552 การส่งออกปิโตรเคมีขั้นต้นมีมูลค่าส่งออก 4,035.59 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 10.11 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 32.57 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปิโตรเคมีขั้นกลางมีมูลค่าส่งออก 9,405.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.95 เมื่อ เทียบกับไตรมาสที่แล้ว แต่ลดลงร้อยละ 14.25 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนปิโตรเคมีขั้นปลายมีมูลค่าส่งออก 29,725.85 ล้านบาท ลดลง ร้อยละ 9.62 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว และลดลงถึงร้อยละ 29.75 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ปิโตรเคมี -------- มูลค่าส่งออก (ล้านบาท)------ ----------- เปลี่ยนแปลง (ร้อยละ) ----------------
Q1/2551 Q4/2551 Q1/2552 เทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ขั้นต้น 3,044.03 4,489.22 4,035.59 -10.11 32.57
ขั้นกลาง 10,969.31 8,402.14 9,405.98 11.95 -14.25
ขั้นปลาย 42,314.00 32,889.46 29,725.85 -9.62 -29.75ที่มา : ข้อมูลจากกรมศุลกากร
แนวโน้ม
จากสถานการณ์สภาวะเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันที่อยู่ในภาวะถดถอย ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคาน้ำมันดิบ ซึ่งเป็นวัตถุดิบของอุตสาหกรรม ปิโตรเคมี คาดว่าอุตสาหกรรมปิโตรเคมีจะอยู่ในช่วงที่ซบเซาต่อไป อุตสาหกรรมปิโตรเคมีในปี 2552 จะมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะการแข่ง ขันด้านการตลาด นอกจากนี้ ปัญหาด้านความมั่นคงทางการเมืองในประเทศเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ ที่ส่งผลต่อผู้ประกอบการอุตสาหกรรมปิโตรเคมีใน ประเทศ ดังนั้น เพื่อเป็นการเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน การรักษาตลาดเดิม และการควบคุมต้นทุน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงความต้องการของ ตลาดโดยการมุ่งสู่ผลิตภัณฑ์ Specialty มากขึ้น และการเปิดตลาดใหม่ๆ เพื่อรองรับผลิตภัณฑ์และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควร มองข้าม
ตาราง อัตราภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีของประเทศจีน ปี 2552
Old Tax Rate ----------------- New Tax Rates (effective January 1, 2009) -----------------
Product % Brunei Indonesia Malaysia Burma Philippines Singapore Thailand Vietnam Ethylene 2 0 0 0 0 0 0 0 0 HDPE 6.5 6.5 6.5 6.5 6.5 6.5 6.5 6.5 6.5 LDPE 6.5 6.5 6.5 6.5 6.5 6.5 6.5 6.5 6.5 LLDPE 6.5 5 5 5 5 5 5 5 5 Butadiene 2 0 0 0 0 0 0 0 0 PP 6.5 5 5 5 5 5 5 5 5 PVC 6.5 5 5 5 5 5 5 5 5 PS 6.5 5 5 5 5 5 5 5 5 ABS 6.5 5 5 5 5 5 5 5 5 BENZENE 2 0 0 0 0 0 0 0 0 TOLUENE 2 0 0 0 0 0 0 0 0 MX 2 0 0 0 0 0 0 0 0 PX 2 0 0 0 0 0 0 0 0 SM 2 2 2 2 2 2 2 2 2 PTA 6.5 5 5 5 5 5 5 5 5 MEG 5.5 5.5 5.5 5.5 5.5 5.5 5.5 5.5 5.5 PHENOL 5.5 0 0 0 0 0 0 0 0 METHANOL 5.5 0 0 0 0 0 0 0 0 ACETONE 5.5 0 0 0 0 0 0 0 0 BPA 5.5 0 0 0 0 0 0 0 0
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--