1. การผลิต
การผลิตยาและผลิตภัณฑ์เภสัชกรรม ในไตรมาสแรกของปี 2552 มีปริมาณ 7,264.9 ตัน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อน ร้อยละ 10.9 และ 0.7 ตามลำดับ โดย ยาน้ำ เป็นยาที่มีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากมีความต้องการมากขึ้น ประกอบกับผู้ผลิตทำการวางแผนการผลิตที่แตกต่างไปจากปีก่อน โดยเปลี่ยนมาทำการผลิตสินค้าแต่ละประเภทในแต่ละครั้งเป็นปริมาณมาก ก่อนเปลี่ยนไปผลิตสินค้าประเภทอื่นแทน ทั้งนี้เพื่อลดต้นทุนในกระบวนการผลิต สำหรับสาเหตุที่ผู้ผลิตให้ความสำคัญกับการลดต้นทุนการผลิต เนื่องจากการแข่งขันด้านราคาในอุตสาหกรรมยามีสูง เพราะยาที่ผู้ผลิตในประเทศผลิตได้เป็นยาสามัญ ซึ่งมีคู่แข่งจำนวนมาก
2. การจำหน่าย
การจำหน่ายยาและผลิตภัณฑ์เภสัชกรรม ในไตรมาสแรกของปี 2552 มีปริมาณ 6,779.7 ตัน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อน ร้อยละ 10.7 และ 0.5 ตามลำดับ ซึ่งยาน้ำเป็นประเภทสินค้าที่มีปริมาณการจำหน่ายเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากมีต้นทุนในการผลิตต่ำ จึงจำหน่ายได้ง่ายกว่ายาชนิดอื่น
3. การนำเข้า
การนำเข้ายารักษาหรือป้องกันโรค ในไตรมาสแรกของปี 2552 มีมูลค่า 9,244.2 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อน ร้อยละ 18.2 และ 6.7 ตามลำดับ โดยตลาดนำเข้าที่สำคัญในไตรมาสนี้ ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา เยอรมนี ฝรั่งเศส และออสเตรเลีย ซึ่งการนำเข้าจากประเทศดังกล่าวมีมูลค่ารวม 4,083.6 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 44.2 ของมูลค่าการนำเข้ายารักษาหรือป้องกันโรคทั้งหมด
ยารักษาหรือป้องกันโรคที่นำเข้าเหล่านี้ส่วนใหญ่มีสิทธิบัตร ไม่สามารถผลิตได้ในประเทศ โดยนำเข้าจากประเทศผู้ผลิตเวชภัณฑ์ชั้นนำของโลก นอกจากนี้การนำเข้ายาสามัญ ที่เป็นคู่แข่งกับผู้ผลิตในประเทศก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นด้วย บริษัทผู้นำเข้ายังคงให้ความสำคัญกับแผนการตลาด เช่น การให้ความรู้เรื่องสุขภาพ การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย คือ แพทย์ เภสัชกร และร้านขายยา รวมถึงการสร้างภาพลักษณ์ขององค์กรด้วยการจัดกิจกรรมเพื่อสังคม เพื่อกระตุ้นตลาดให้มีการใช้จ่ายและจดจำตราสินค้า ทั้งนี้บริษัทผู้นำเข้าให้ความสำคัญกับช่องทางการจำหน่ายผ่านร้านขายยามากขึ้น เนื่องจากการชะลอตัวในการสั่งซื้อจากโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน
4. การส่งออก
การส่งออกยารักษาหรือป้องกันโรค ในไตรมาสแรกของปี 2552 มีมูลค่า 1,286.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 10.7 ตลาดส่งออกสำคัญในไตรมาสนี้ ได้แก่ เวียดนาม เมียนมาร์ กัมพูชา มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ โดยการส่งออกไปประเทศดังกล่าวมีมูลค่ารวม 917.6 ล้านบาท หรือร้อยละ 71.3 ของมูลค่าการส่งออกยารักษาหรือป้องกันโรคทั้งหมด อย่างไรก็ตามการขยายตลาดส่งออก ยังมีปัญหาบ้างในเรื่องความสะดวกและความล่าช้าในการขึ้นทะเบียนยาในประเทศคู่ค้า รวมถึงการแข่งขันด้านราคากับประเทศคู่แข่งขัน และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน มูลค่าการส่งออกลดลง ร้อยละ 6.9 ทั้งนี้เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก อาจสร้างความไม่แน่นอนให้กับผู้แทนจำหน่ายในต่างประเทศ ส่งผลให้เกิดการชะลอการนำเข้าสินค้า เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการจัดการต่าง ๆ ลง
5. นโยบายภาครัฐ
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ เรื่อง การกำหนดสินค้าและบริการควบคุมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2552 โดยกำหนดให้สินค้า จำนวน 38 รายการ และบริการ จำนวน 1 รายการ รวม 39 รายการ เป็นสินค้าควบคุมในปี 2552 ตามมติคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ซึ่งยารักษาโรค เป็น 1 ในรายการสินค้าควบคุม ภายในหมวดยารักษาโรคและเวชภัณฑ์ด้วย
6. สรุปและแนวโน้ม
ปริมาณการผลิตและจำหน่ายยาและผลิตภัณฑ์เภสัชกรรมในไตรมาสแรกของปี 2552 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย ยาน้ำ เป็นยาที่มีปริมาณการผลิตและจำหน่ายเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากมีความต้องการมากขึ้น ประกอบกับผู้ผลิตทำการวางแผนการผลิตที่แตกต่างไปจากปีก่อน โดยเปลี่ยนมาทำการผลิตสินค้าแต่ละประเภทในแต่ละครั้งเป็นปริมาณมาก ก่อนเปลี่ยนไปผลิตสินค้าประเภทอื่นแทน ทั้งนี้เพื่อลดต้นทุนในกระบวนการผลิต และการที่ยาน้ำมีต้นทุนในการผลิตต่ำ จึงจำหน่ายได้ง่ายกว่ายาชนิดอื่น ด้านมูลค่าการนำเข้ามีการขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยส่วนใหญ่เป็นยาสิทธิบัตร นอกจากนี้การนำเข้ายาสามัญมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นด้วย ทั้งนี้บริษัทผู้นำเข้าได้ให้ความสำคัญกับช่องทางการจำหน่ายผ่านร้านขายยามากขึ้น เนื่องจากการชะลอตัวในการสั่งซื้อจากโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน สำหรับการส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้นโดยตลาดหลัก คือ อาเซียน
สำหรับในไตรมาสที่ 2 ของปี 2552 คาดว่าการผลิต และการจำหน่ายยาในประเทศ จะยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรก เนื่องจากยาเป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิตของมนุษย์จึงไม่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจมากนัก นอกจากนี้โครงการหลักประกันสุขภาพยังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับภาครัฐให้ความสำคัญกับการควบคุมการเบิกค่าใช้จ่ายด้านยา โดยเฉพาะยานำเข้า และสนับสนุนให้มีการใช้ยาที่ผลิตในประเทศ แทนยานำเข้ามากขึ้น ปัจจัยเหล่านี้ทำให้การผลิตและจำหน่ายยาในประเทศยังคงเติบโตได้ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ด้านมูลค่าการนำเข้าคาดว่าจะขยายตัวแต่เพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากการที่โรงพยาบาลภาครัฐมีแนวโน้มที่จะใช้ยาสามัญมากขึ้น นอกจากนี้การที่ผู้ป่วยจากต่างประเทศเข้ามารักษาตัวในประเทศไทยลดลง ทำให้ยอดสั่งซื้อยานำเข้าจากโรงพยาบาลเอกชนชะลอลงด้วย สำหรับมูลค่าการส่งออก คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น หากสามารถสร้างความมั่นใจด้านมาตรฐานให้กับประเทศคู่ค้าได้
หน่วย : ตัน
ประเภท ไตรมาส Jan-51 Apr-51 Jan-52 ยาเม็ด 1,477.30 1,518.50 1,484.40 เทียบกับไตรมาสก่อน -2.2 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.5 ยาน้ำ 3,210.40 4,217.80 4,332.00 เทียบกับไตรมาสก่อน 2.7 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 34.9 ยาแคปซูล 198.8 193.1 174.8 เทียบกับไตรมาสก่อน -9.5 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน -12.1 ยาฉีด 111.1 122.3 115.3 เทียบกับไตรมาสก่อน -5.7 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.8 ยาแดงทิงเจอร์ไอโอดีน 30 30.2 26.3 เทียบกับไตรมาสก่อน -12.9 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน -12.3 ยาครีม 533.6 537.4 558.6 เทียบกับไตรมาสก่อน 3.9 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.7 ยาผง 989.6 595.1 573.5 เทียบกับไตรมาสก่อน -3.6 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน -42 รวม 6,550.80 7,214.40 7,264.90 เทียบกับไตรมาสก่อน 0.7 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 10.9
ที่มา : ศูนย์สารสนเทศเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
หมายเหตุ : จำนวนโรงงานที่สำรวจรวมทั้งสิ้น 31 โรงงาน (ยาเม็ด 28 โรงงาน ยาน้ำ 27 โรงงาน ยาแคปซูล 25 โรงงาน
ยาฉีด 8 โรงงาน ยาแดงทิงเจอร์ไอโอดีน 4 โรงงาน ยาครีม 16 โรงงาน และยาผง 15 โรงงาน)
: ไตรมาสที่ 1 ปี 2552 เป็นค่าประมาณการณ์
หน่วย : ตัน
ประเภท ไตรมาส Jan-51 Apr-51 Jan-52 ยาเม็ด 1,445.00 1,545.40 1,367.30 เทียบกับไตรมาสก่อน -11.5 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน -5.4 ยาน้ำ 3,891.20 4,355.50 4,561.20 เทียบกับไตรมาสก่อน 4.7 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 17.2 ยาแคปซูล 174.1 216 209.5 เทียบกับไตรมาสก่อน -3 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 20.3 ยาฉีด 83.6 90.7 85.4 เทียบกับไตรมาสก่อน -5.8 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.2 ยาแดงทิงเจอร์ไอโอดีน 27.7 31.6 24.4 เทียบกับไตรมาสก่อน -22.8 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน -11.9 ยาครีม 387.4 376.3 396.3 เทียบกับไตรมาสก่อน 5.3 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.3 ยาผง 115.6 127.5 135.6 เทียบกับไตรมาสก่อน 6.4 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 17.3 รวม 6,124.60 6,743.00 6,779.70 เทียบกับไตรมาสก่อน 0.5 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 10.7
ที่มา : ศูนย์สารสนเทศเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
หมายเหตุ : จำนวนโรงงานที่สำรวจรวมทั้งสิ้น 31 โรงงาน (ยาเม็ด 28 โรงงาน ยาน้ำ 27 โรงงาน ยาแคปซูล 25 โรงงาน
ยาฉีด 8 โรงงาน ยาแดงทิงเจอร์ไอโอดีน 4 โรงงาน ยาครีม 16 โรงงาน และยาผง 15 โรงงาน)
: ไตรมาสที่ 1 ปี 2552 เป็นค่าประมาณการณ์
มูลค่า (ล้านบาท) ไตรมาส Jan-51 Apr-51 Jan-52 มูลค่าการนำเข้า 7,824.00 8,660.80 9,244.20 เทียบกับไตรมาสก่อน 6.7 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 18.2 มูลค่าการส่งออก 1,162.30 1,382.60 1,286.80 เทียบกับไตรมาสก่อน -6.9 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 10.7
ที่มา : กรมศุลกากร
หมายเหตุ : รวบรวมจาก HS 3003 และ 3004
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--