รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรมประจำเดือนกรกฎาคม 2552

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday September 1, 2009 15:03 —สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

สรุปประเด็นสำคัญ

ดัชนีอุตสาหกรรมของเดือนมิถุนายน 2552

  • ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม เดือนมิถุนายน 2552 ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.6 เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2552 แต่เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมลดลงร้อยละ 6.8 ซึ่งเป็นการติดลบน้อยลงเรื่อยมาตั้งแต่เดือนมกราคม 2552 โดยอุตสาหกรรมที่ส่งผลให้ดัชนีลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 3 อันดับแรก ได้แก่อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมเบียร์ และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์(แผงวงจรไฟฟ้า) มีดัชนีผลผลิตลดลงร้อยละ 42.3 , ร้อยละ 28.7 และร้อยละ 14.2 ตามลำดับ อย่างไรก็ตามในเดือนมิถุนายน 2552 ยังมีสัญญาณฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในบางอุตสาหกรรม คือ Hard Disk Drive และการผลิตแผงวงจรไฟฟ้า โดย Hard Disk Drive ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ที่ร้อยละ 11.3 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน สำหรับแผงวงจรไฟฟ้าหดตัวร้อยละ 14.2 ซึ่งหดตัวน้อยลงจากเดือนพฤษภาคม 2552
  • อัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ยในเดือนมิถุนายน 2552 อยู่ที่ระดับร้อยละ 55.7 หากพิจารณาเป็นรายสาขาอุตสาหกรรมจะพบว่า อัตราการใช้กำลังการผลิตในอุตสาหกรรมส่วนใหญ่เริ่มปรับตัวสูงขึ้นบ้าง

ประเด็นเศรษฐกิจอุตสาหกรรมสำคัญในเดือนกรกฎาคม 2552

อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม

  • การผลิตและการจำหน่าย คาดว่าจะปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากเริ่มมีคำสั่งซื้อเข้ามามากขึ้นและการส่งออกในผลิตภัณฑ์หลักๆ ขยายตัวดีขึ้น และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนแม้ว่าตัวเลขการผลิต และการส่งออกจะยังติดลบแต่ติดลบในสัดส่วนที่ลดลง แต่ภายใต้ข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) ซึ่งสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มไทยจะมีโอกาสส่งออกไปญี่ปุ่นมากขึ้น เนื่องจากภาษีนำเข้าเป็น 0 % ตามข้อตกลง อีกทั้งภาครัฐโดยกระทรวงอุตสาหกรรม ได้สนับสนุนและผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยปรับตัวสู่การพัฒนาสิ่งทอที่มีมูลค่าเพิ่มสูงและเป็นสินค้าที่มีนวัตกรรม โดยเฉพาะสิ่งทอเทคนิค (Technical Textile) รวมทั้งติดตามทิศทางของตลาด ความต้องการของผู้บริโภค ตลอดจนการส่งมอบให้ตรงเวลา

อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์

  • สถานการณ์การผลิตและการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศในเดือนกรกฎาคม และเดือนสิงหาคม 2552 มีแนวโน้มไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูฝน ประกอบกับเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในภาวะที่ชะลอตัว ทำให้ภาคเอกชนยังชะลอการลงทุน และการลงทุนในสาธารณูปโภคของรัฐยังไม่มีความชัดเจน แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้การลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ของภาครัฐจะยังล่าช้า แต่ยังมีงานโครงสร้างขนาดเล็ก และหากรัฐบาลมีการเร่งการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานจะมีส่วนช่วยผลักดันให้มีการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศมากขึ้น สำหรับการส่งออก ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะชะลอตัวแต่ตลาดส่งออกหลัก ได้แก่ ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ของประเทศในแถบอาเซียน ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ดัชนีอุตสาหกรรมไตรมาสที่ 2 ปี 2552

ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (มูลค่าเพิ่ม) ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2552 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอยู่ที่ 158.5 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา (146.2) ร้อยละ 8.4 แต่ปรับตัวลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปี 2551 (177.5) ร้อยละ 10.7

อุตสาหกรรมที่ส่งผลให้ดัชนีเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา ได้แก่ Hard Disk Drive อิเล็กทรอนิกส์ อาหารทะเล อาหารกระป๋อง เครื่องปรับอากาศ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เป็นต้น สำหรับอุตสาหกรรมที่ส่งผลให้ดัชนีลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปี 2551 ได้แก่ ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องแต่งกาย เบียร์ เครื่องปรับอากาศ เป็นต้น

ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2552 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2551 ร้อยละ 16.5 โดยอุตสาหกรรมที่ส่งผลให้ดัชนีลดลง ได้แก่ ยานยนต์ Hard Disk Drive อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องแต่งกาย เครื่องปรับอากาศ เป็นต้น

อัตราการใช้กำลังการผลิต เป็นตัวบ่งชี้สภาพการผลิตของภาคอุตสาหกรรม โดยเปรียบเทียบระดับการผลิตที่เกิดขึ้นจริงกับระดับการผลิตที่ใช้กำลังการผลิตเต็มที่ ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2552 อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ระดับร้อยละ 53.9 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา (ร้อยละ 52.2) แต่ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปี 2551 (ร้อยละ 63.7)

อุตสาหกรรมที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา ได้แก่ Hard Disk Drive อาหารทะเล อาหารกระป๋อง เส้นใยสิ่งทอ อิเล็กทรอนิกส์ น้ำมันปิโตรเลียม เป็นต้น สำหรับอุตสาหกรรมที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปี 2551 ได้แก่ ยานยนต์ Hard Disk Drive เหล็ก เส้นใยสิ่งทอ เป็นต้น

ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2552 อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ระดับร้อยละ 53.02 ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2551 (65.63) โดยอุตสาหกรรมที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลง ได้แก่ ยานยนต์ Hard Disk Drive เส้นใยสิ่งทอ เหล็ก เป็นต้น

สถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม

  • ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม

พ.ค. 52 = 159.6

มิ.ย. 52 = 170.1

โดยอุตสาหกรรมที่ส่งผลให้ดัชนีเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือน พ.ค. 52 ได้แก่

  • Hard Disk Drive
  • ยานยนต์
  • อิเล็กทรอนิกส์
  • อัตราการใช้กำลังการผลิต

พ.ค. 52 = 54.97

มิ.ย. 52 = 55.7

โดยอุตสาหกรรมที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับเดือน พ.ค. 52 ได้แก่

  • ยานยนต์
  • อาหารทะเล ปลากระป๋อง
  • Hard Disk Drive
1.อุตสาหกรรมอาหาร

ภาวะการผลิตและมูลค่าการส่งออกของอุตสาหกรรม อาหาร คาดว่าจะลดลงจากเดือนก่อนตามค่าเงินบาทที่ปรับแข็งค่าขึ้น สำหรับการจำหน่ายในประเทศจะชะลอตัวจากการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนที่ลดลง จากปัจจัยราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น

1. การผลิต

ภาวะการผลิตโดยรวม (ไม่รวมน้ำตาล) เดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 1.0 แต่ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 10.1 แบ่งเป็น

กลุ่มสินค้าสำคัญที่อิงตลาดส่งออกเป็นหลัก เช่น แป้งมันสำปะหลัง มีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน ร้อยละ 39.0 เป็นผลสืบเนื่องจากมาตรการรับจำนำของภาครัฐ ประกอบกับสินค้ากุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งสับปะรดกระป๋องและปลาทูน่ากระป๋อง มีปริมาณการเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.1 38.0 และ 23.9 จากคำสั่งซื้อของต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น

กลุ่มสินค้าสำคัญที่อิงตลาดภายในประเทศ เช่น น้ำมันปาล์มและถั่วเหลือง มีปริมาณการกลั่นลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนร้อยละ 31.9 และ 35.9 เนื่องจากปริมาณในสต็อกอยู่ในเกณฑ์สูง และมีการหยุดโรงงานเพื่อซ่อมบำรุง

2. การตลาด

1) ตลาดในประเทศ เดือนมิถุนายน มีปริมาณจำหน่ายเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนร้อยละ 0.2 แต่ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 5.6 เนื่องจากมีการปรับขึ้นราคาน้ำมัน ทำให้ผู้บริโภคลดการจับจ่ายใช้สอยด้านอื่นๆ ลง

2) ตลาดต่างประเทศ เดือนมิถุนายน มูลค่าการส่งออกโดยรวมของอุตสาหกรรมอาหารในรูปเงินบาท (ไม่รวมน้ำตาล) ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนร้อยละ 1.9 เนื่องจากสินค้าที่มีสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดหลัก ยังคงได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ เช่น ปลาทูน่ากระป๋อง และสับปะรดกระป๋อง ส่งออกลดลงร้อยละ 13.3 และ 14.6 แต่หากเปรียบเทียบกับเดือนก่อนมูลค่าการส่งออกโดยรวมยังเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.1 เมื่อพิจารณาความเคลื่อนไหวของมูลค่าส่งออกเริ่มมีทิศทางดีขึ้น แต่ระดับราคายังทรงตัวหรือปรับลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน

3. แนวโน้ม

การผลิตและการส่งออกของอุตสาหกรรมอาหาร คาดว่าจะปรับลดลงจากเดือนก่อน ตามค่าเงินบาทที่ปรับแข็งค่าขึ้น และยังมีปัจจัยลบจาก สถานการณ์การส่งออกในผลิตภัณฑ์หลักๆ ที่อิงตลาดสหรัฐอเมริกาอาจยังไม่ฟื้นตัวจากการถดถอยของภาวะเศรษฐกิจ สำหรับการจำหน่ายสินค้าในประเทศจะมีแนวโน้มชะลอตัว เนื่องจากการจับจ่ายใช้สอยที่ชะลอตัวจากปัจจัยราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น

2. อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม

...ภาครัฐโดยกระทรวงอุตสาหกรรม ได้สนับสนุนและผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยปรับตัวสู่การพัฒนาสิ่งทอที่มีมูลค่าเพิ่มสูง และเป็นสินค้าที่มีนวัตกรรม โดยเฉพาะสิ่งทอเทคนิค(Technical Textile)...

1. การผลิต

ภาวะการผลิตผลิตภัณฑ์สิ่งทอในเดือนมิถุนายน 2552 ส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ซึ่งเพิ่มขึ้นในทุกผลิตภัณฑ์เนื่องจากคำสั่ง ซื้อเริ่มเข้ามามากขึ้น ได้แก่ เส้นใยสิ่งทอฯ (+5.7%), ผ้าทอ (+2.3%), ผ้าขนหนูและเครื่องนอนฯ (+5.8%), เสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ผลิตจากผ้าถัก (+2.3%) เสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ผลิตจากผ้าทอ (+10.9%) แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ เส้นใยสิ่งทอฯ (-4.2%) ผ้าผืน(-11.4%) ผ้าขนหนูและเครื่องนอนฯ(-11.4%) เสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ผลิตจากผ้าถัก (-26.1%) และเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ผลิตจากผ้าทอ (-8.3%) สาเหตุหลักที่ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์สิ่งทอปรับตัวลดลงเนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลักและภาวะเศรษฐกิจโลก ทำให้ลูกค้าชะลอคำสั่งซื้อและลดปริมาณนำเข้า

2. การจำหน่าย

การจำหน่ายในประเทศ เดือนมิถุนายน 2552 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยเฉพาะเสื้อเชิ้ต/เบลาส์สตรีและเด็กหญิง ยังมีความต้องการบริโภคสูงมาก เนื่องจากมีการนำเข้าค่อนข้างมากจากประเทศจีนและเวียดนาม แต่การจำหน่ายโดยรวมลดลงเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนการส่งออก เดือนมิถุนายน 2552 ผลิตภัณฑ์สิ่งทอเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 8.3 ได้แก่ เสื้อผ้าสำเร็จรูป (+15.4%) ผ้าผืน (+2.8%) ผ้าปักผ้าลูกไม้ (+1.7%) ด้ายเส้นใยประดิษฐ์ (+12.4%) และเส้นใยประดิษฐ์(+2.3%) การส่งออกขยายตัวและมีการส่งออกมากขึ้นในตลาดสหรัฐอเมริกา(+11.3%) และขยายตัวในตลาดสหภาพยุโรป (13.7%) แต่เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การส่งออกยังลดลงร้อยละ 11.7 ซึ่งปรับลดลงในตลาดสหรัฐอเมริกามากที่สุด (- 25.6%) ญี่ปุ่น (-8.2%) สหภาพยุโรป (-10.6%) และอาเซียน (-4.4%)

3. แนวโน้ม

การผลิตและการจำหน่าย คาดว่าจะปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นเนื่องจากเริ่มมีคำสั่งซื้อเข้ามามากขึ้นและการส่งออกในผลิตภัณฑ์หลักๆ ขยายตัวดีขึ้น และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนแม้ว่าตัวเลขการผลิตและการส่งออกจะยังติดลบแต่ติดลบในสัดส่วนที่ลดลง แต่ภายใต้ข้อตกลง หุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) ซึ่งสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มไทยจะมีโอกาสส่งออกไปญี่ปุ่นมากขึ้น เนื่องจากภาษีนำเข้าเป็น 0 % ตามข้อตกลง อีกทั้งภาครัฐโดยกระทรวงอุตสาหกรรม ได้สนับสนุนและผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยปรับตัวสู่การพัฒนาสิ่งทอที่มีมูลค่าเพิ่มสูงและเป็นสินค้าที่มีนวัตกรรม โดยเฉพาะสิ่งทอเทคนิค (Technical Textile) รวมทั้งติดตามทิศทางของตลาดความต้องการของผู้บริโภค ตลอดจนการส่งมอบให้ตรงเวลา

3. อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า

จากการที่ผู้ผลิตเหล็กม้วนที่มีความหนาต่ำกว่า 2 มม. (เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดบาง) จากประเทศญี่ปุ่นเกาหลีใต้และไต้หวันได้ลดการผลิตลง ส่งผลให้ปัจจุบันมีการขาดแคลนเหล็กแผ่นม้วนรีดร้อนชนิดบางในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่งผลให้ราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดนี้เริ่มขยับตัวสูงขึ้น

1.การผลิต

ภาวะการผลิตของอุตสาหกรรมเหล็กในเดือนมิถุนายน 2552 มีอัตราการเปลี่ยนแปลงที่ขยายตัวขึ้น ร้อยละ 8.96 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนนี้มีค่า 115.86 เมื่อพิจารณาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเหล็กทรงยาวพบว่า ดัชนีผลผลิตลดลงเล็กน้อย ร้อยละ 0.64 โดยเป็นผลมาจากการลดลงของการผลิตเหล็กเส้นข้ออ้อย ลดลง ร้อยละ 31.14 รองลงมาคือ เหล็กเส้นกลม ลดลง ร้อยละ 17.38 เนื่องจากความต้องการใช้ในประเทศยังคงชะลอตัวอยู่ ในขณะที่เหล็กลวดกลับมีการผลิตเพิ่มขึ้น ร้อยละ 47.35 เนื่องจากความต้องการใช้เหล็กชนิดนี้ของประเทศเวียดนามยังคงมีอยู่จากการขยายตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศสำหรับเหล็กทรงแบน พบว่า ดัชนีผลผลิต เพิ่มขึ้น ร้อยละ 13.57 โดยเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของเหล็กแผ่นรีดเย็น เพิ่มขึ้น ร้อยละ 29.29 และเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 27.06 โดยประเทศที่ส่งออกไปมากที่สุด คือ ประเทศซาอุดิอาระเบีย เนื่องจากความต้องการใช้ในประเทศที่เพิ่มขึ้นมากจนทำให้ปริมาณสต๊อกที่มีอยู่เริ่มลดลง ขณะเดียวกันเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การผลิตลดลงถึง ร้อยละ 23.32 โดยเหล็กทรงยาว มีการผลิตที่ลดลง ร้อยละ34.22 ผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตลดลงมากที่สุด ได้แก่ เหล็กเส้นข้ออ้อย ลดลง ร้อยละ57.58 และลวดเหล็กแรงดึงสูง ร้อยละ 31.17 สำหรับเหล็กทรงแบนมีการผลิตที่ลดลง ร้อยละ 18.02 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี ลดลง ร้อยละ 46.98 และเหล็กแผ่นรีดเย็น ลดลง ร้อยละ 40.31

2.ราคาเหล็ก

การเปลี่ยนแปลงของราคาเหล็ก (FOB) โดยเฉลี่ยที่สำคัญในตลาด CIS ณ ท่าทะเลดำ (Black Sea) ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2552 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ราคาโดยเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์เหล็กสำคัญที่มีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น คือ เหล็กแผ่นรีดร้อน เพิ่มขึ้นจาก 403 เป็น 492 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 21.90 เหล็กแท่งแบน เพิ่มขึ้น จาก 319 เป็น 385 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 20.56 เหล็กแผ่นรีดเย็น เพิ่มขึ้น จาก 463 เป็น 553 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 19.64 เหล็กแท่งเหล็กบิลเล็ตเพิ่มขึ้น จาก 365 เป็น 395 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 8.22 และเหล็กเส้นเพิ่มขึ้น จาก 415 เป็น 432 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 4.02 ซึ่งจะเห็นได้ว่าราคาเหล็กทุกตัวมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคมเมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน ส่วนหนึ่งเป็นมาจากแนวโน้มสถานการณ์ทางเศรษฐกิจโลกที่เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัว สต๊อกที่มีอยู่เริ่มลดลดงจึงทำให้มีคำสั่งซื้อเพิ่มมากขึ้น

3. แนวโน้ม

สถานการณ์เหล็กในเดือนกรกฎาคม 2552 ทั้งในส่วนเหล็กทรงยาวและทรงแบนคาดว่าจะยังคงทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความต้องการใช้ในประเทศของอุตสาหกรรมต่อเนื่องยังคงชะลอตัวอยู่ แต่อาจมีปัจจัยบวกในเรื่องการส่งออกไปยังประเทศเวียดนามซึ่งยังคงมีความต้องการใช้เหล็กทรงยาวอยู่บ้าง ขณะที่เหล็กแผ่นอาจยังคงมีคำสั่งซื้อจากประเทศซาอุดิอาระเบียอยู่ เนื่องจากความต้องการใช้ในประเทศของซาอุดิอาระเบียที่ยังคงมีอยู่

4. อุตสาหกรรมยานยนต์

รถยนต์

อุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนมิถุนายน 2552 ชะลอตัวเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2551 อย่างไรก็ดีอุตสาหกรรมรถยนต์มีการขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อน โดยมีข้อมูลสภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนมิถุนายน ดังนี้

  • การผลิตรถยนต์ จำนวน 74,720 คัน ลดลงจากเดือนมิถุนายน 2551 ซึ่งมีการผลิต 130,549 คัน ร้อยละ 42.76 แต่มีปริมาณการผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2552 ร้อยละ 21.00
  • การจำหน่ายรถยนต์ จำนวน 43,402 คัน ลดลงจากเดือนมิถุนายน 2551 ซึ่งมีการจำหน่าย 50,108 คัน ร้อยละ 13.38
แต่มีปริมาณการจำ หน่ายรถยนต์เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2552 ร้อยละ 7.06 ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นในตลาดรถยนต์ทุกประเภท
  • การส่งออกรถยนต์ จำนวน 35,403 คัน ลดลงจากเดือนมิถุนายน 2551 ซึ่งมีการส่งออก 64,990 คัน ร้อยละ 45.53 ซึ่งเป็นการลดลงในทุกตลาดส่งออก แต่มีปริมาณการส่งออกรถยนต์เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2552 ร้อยละ 10.94 โดยมีการส่งออกรถยนต์เพิ่มขึ้นในตลาดเอเชีย อเมริกากลางอเมริกาใต้ โอเชียเนีย และตะวันออกกลาง อย่างไรก็ตามการส่งออกรถยนต์ลดลงในตลาดแอฟริกา และยุโรป
  • แนวโน้ม ภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนกรกฎาคม 2552 คาดว่าจะทรงตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมิถุนายน 2552 สำหรับการผลิตรถยนต์ในเดือนกรกฎาคม 2552 ประมาณการว่าจะมีการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศร้อยละ 49 และส่งออกร้อยละ 51

รถจักรยานยนต์

อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนมิถุนายน 2552 ชะลอตัวเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2551 อันเนื่องมาจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ โดยมีข้อมูลสภาวะอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนมิถุนายน ดังนี้

  • การผลิตรถจักรยานยนต์ จำนวน 126,553 คัน ลดลงจากเดือนมิถุนายน 2551 ซึ่งมีการผลิต 170,696 คัน ร้อยละ25.86 แต่มีปริมาณการผลิตรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2552 ร้อยละ 3.98 ซึ่งเป็นการผลิตรถจักรยานยนต์แบบครอบครัว
  • การจำหน่ายรถจักรยานยนต์ จำนวน 151,473 คัน ลดลงจากเดือนมิถุนายน 2551 ซึ่งมีการจำหน่าย 163,503 คันร้อยละ 7.36 แต่มีปริมาณการจำหน่ายรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2552 ร้อยละ 11.90 ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นในตลาดรถจักรยานยนต์ทุกประเภท
  • การส่งออกรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป จำนวน 6,702 คัน ลดลงจากเดือนมิถุนายน 2551 ซึ่งมีการส่งออก 12,757 คัน ร้อยละ 47.46 และมีปริมาณการส่งออกรถจักรยานยนต์ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2552 ร้อยละ 26.21
  • แนวโน้ม ภาวะอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในเดือนกรกฎาคม 2552 คาดว่าจะทรงตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมิถุนายน 2552 สำหรับการผลิตรถจักรยานยนต์ในเดือนกรกฎาคม 2552 ประมาณการว่าจะมีการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศร้อยละ 97 และส่งออกร้อยละ 3
5.อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์

“อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ยังคงซบเซาสาเหตุหลักมาจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศและภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว สำหรับการส่งออกถึงแม้ว่าเศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะชะลอตัว แต่ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศแถบอาเซียนยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”

1.การผลิตและการจำหน่ายในประเทศ

ในเดือนมิถุนายน 2552 ปริมาณการผลิตลดลง ร้อยละ4.26 ในขณะที่การจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เพียงร้อยละ 0.46 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน แต่เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนปริมาณการผลิตและปริมาณการจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้น ร้อยละ 4.66 และ 8.96 ตามลำดับ อย่างไรก็ดีปริมาณการผลิตและปริมาณการจำ หน่ายในประเทศที่เพิ่มขึ้นนี้ ยังไม่สามารถระบุได้ว่าภาวะอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์กระเตื้องขึ้น เนื่องจากเทียบกับฐานของปีก่อนซึ่งปริมาณการผลิตและปริมาณการจำหน่ายในประเทศอยู่ในระดับต่ำมาก และเมื่อพิจารณาในภาพรวม ภาวะเศรษฐกิจในประเทศและเศรษฐกิจโลกยังคงชะลอตัว ทำให้ภาคเอกชนยังชะลอการลงทุน ส่วนการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคของภาครัฐยังไม่มีความชัดเจน

2.การส่งออก

มูลค่าการส่งออกปูนซีเมนต์ เดือนมิถุนายน 2552 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนและเดือนเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.65 และ10.29 ตามลำดับ ตามความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ที่เพิ่มขึ้นของตลาดส่งออกที่สำคัญของไทย คือ บังคลาเทศ กัมพูชา พม่า ลาว เวียดนามและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งประเทศเหล่านี้เป็นประเทศกำลังพัฒนายังมีความจำเป็นต้องใช้ปูนซีเมนต์เนื่องจากมีกิจกรรมการก่อสร้างที่เพิ่มสูงขึ้นเพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

3.แนวโน้ม

การผลิตและการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศในเดือนกรกฎาคม และเดือนสิงหาคม 2552 มีแนวโน้มไม่เปลี่ยนแปลงมากนักเนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูฝน ประกอบกับเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในภาวะที่ชะลอตัว ทำให้ภาคเอกชนยังชะลอการลงทุน และการลงทุนในสาธารณูปโภคของรัฐยังไม่มีความชัดเจน แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้การลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ของภาครัฐจะยังล่าช้า แต่ยังมีงานโครงสร้างขนาดเล็ก และหากรัฐบาลมีการเร่งการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานจะมีส่วนช่วยผลักดันให้มีการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศมากขึ้น สำหรับการส่งออก ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะชะลอตัวแต่ตลาดส่งออกหลักได้แก่ ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ของประเทศในแถบอาเซียน ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

6. อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
  • แนวโน้มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า ก.ค 52 ประมาณการว่าจะปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 14.09 เนื่องจากการปรับลดลงของเครื่องปรับอากาศเป็นหลักในตลาดส่งออกหลัก เช่น ตลาดอียู แต่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน
  • ขณะที่ แนวโน้มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ประมาณการว่าจะปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเช่นกัน โดยปรับตัวลดลงร้อยละ 8.45 เนื่องจากชิ้นส่วน IC และเซมิคอนดักเตอร์ยังคงปรับตัวลดลงค่อนข้างสูงแต่มีผลิตภัณฑ์บางตัวปรับตัวขึ้น เช่น HDD
ตารางที่ 1 สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์หลักที่มีมูลค่าการ

ส่งออกมากเป็นอันดับต้นๆ ในเดือน มิ.ย. 2552

 เครื่องใช้ไฟฟ้า/อิเล็กทรอนิกส์           มูลค่า           %MoM           %YoY
 อุปกรณ์คอมพิวเตอร์               1,323.68           7.99           -7.68
 IC                             593.11           4.19           -8.13
 เครื่องปรับอากาศ                  195.26          -1.70          -26.66
 เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ                 168.89          12.85           11.08
 รวมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์  3,633.50           6.74          -10.13

1.การผลิต

ภาพรวมภาวะการผลิตอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของเดือนมิถุนายน 2552 มีดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 347.26 เมื่อเทียบกับช่วง เดียวกันของปีก่อนปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.13 ขณะที่เมื่อเทียบกับช่วงเดือนก่อนปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.90 อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าปรับตัวลดลงร้อยละ 17.95 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีดัชนีผลผลิตอยู่ที่ระดับ 110.88 และเมื่อเทียบกับช่วงเดือนก่อน ปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 2.13 สำหรับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 6.72โดยมีดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 481.34 และเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 15.64

2. การตลาด

มูลค่าการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เดือนมิถุนายน2552 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ร้อยละ 6.74 และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนปรับตัวลดลง ร้อยละ 10.13 โดยมีมูลค่าการส่งออกรวมคือ 3,633.50 ล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่าการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สูงที่สุดได้แก่เครื่องปรับอากาศสำหรับที่พักอาศัย โรงงาน มีมูลค่าการส่งออก 195.26 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนมูลค่าการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สูงที่สุดคือ อุปกรณ์ประกอบของเครื่องคอมพิวเตอร์ มีมูลค่า 1,323.68 ล้านเหรียญสหรัฐ

3. แนวโน้ม

แนวโน้มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า ก.ค.52 ประมาณการว่าจะปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 14.09 เนื่องจากการปรับลดลงของเครื่องปรับอากาศเป็นหลักในตลาดส่งออกหลัก เช่น ตลาดอียู แต่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนขณะที่ แนวโน้มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ประมาณการว่าจะปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเช่นกัน โดยปรับตัวลดลงร้อยละ 8.45 เนื่องจากชิ้นส่วน IC และเซมิคอนดักเตอร์ยังคงปรับตัวลดลงค่อนข้างสูงแต่มีผลิตภัณฑ์บางตัวปรับตัวขึ้น เช่น HDD

  • ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ในเดือนมิถุนายน 2552 มีค่า 170.1 เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม2552 (159.6) ร้อยละ 6.6 แต่ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (182.5) ร้อยละ 6.8
  • อุตสาหกรรมที่ส่งผลสำคัญให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2552 ได้แก่ Hard Disk Drive ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ อาหารทะเล ปลากระป๋อง
  • อุตสาหกรรมที่ส่งผลสำคัญให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ ยานยนต์ เบียร์ อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องแต่งกาย รถจักรยานยนต์
  • อัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนมิถุนายน 2552 อยู่ที่ระดับร้อยละ 55.7 เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2552 (ร้อยละ 54.97) แต่ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน (ร้อยละ 64.4)
  • อุตสาหกรรมที่ส่งผลสำคัญให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม2552 ได้แก่ ยานยนต์ อาหารทะเล ปลากระป๋อง Hard Disk Drive เส้นใยสิ่งทอ เหล็ก เป็นต้น
  • อุตสาหกรรมที่ส่งผลสำคัญให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ ยานยนต์ Hard Disk Drive เหล็ก ยาสูบ เป็นต้น

สถานภาพการประกอบกิจการอุตสาหกรรมเดือนมิถุนายน 2552

  • ภาวะการประกอบกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนมิถุนายน 2552 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2552 มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการจำนวน 359 ราย เพิ่มขึ้นในจำนวนที่มากกว่าเดือนพฤษภาคม 2552 ซึ่งมีโรงงานเริ่มประกอบกิจการจำนวน 296 ราย หรือคิดเป็นจำนวนมากกว่าร้อยละ 21.28 มียอดเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 10,838.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2552 ซึ่งมีการลงทุน 9,488.34 ล้านบาท ร้อยละ 14.23 และการจ้างงานรวมมีจำนวน 11,675 คน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2552 ที่มีจำนวนการจ้างงาน 8,440 คน ร้อยละ 38.33
  • ภาวะการประกอบกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนมิถุนายน 2552 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการเพิ่มขึ้นในจำนวนที่น้อยกว่าเดือนมิถุนายน 2551 ซึ่งมีโรงงานเริ่มประกอบกิจการจำนวน 451 ราย หรือคิดเป็นจำนวนน้อยกว่าร้อยละ 20.4 มียอดเงินลงทุนรวมลดลงจากเดือนมิถุนายน 2551 ซึ่งมีการลงทุน 12,615.30 ล้านบาท ร้อยละ 14.08 แต่มี
การจ้างงานรวมเพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายน 2551 ที่มีจำนวนการจ้างงาน 9,387 คน ร้อยละ 24.37
  • อุตสาหกรรมที่มีจำนวนโรงงานเริ่มประกอบกิจการมากที่สุดในเดือนมิถุนายน 2552 คืออุตสาหกรรมขุดตักดิน 32 โรงงาน และอุตสาหกรรม ทำเครื่องเรือนจากไม้ จำนวน 26 โรงงาน
  • อุตสาหกรรมที่เริ่มประกอบกิจการโดยมีการลงทุนสูงสุดในเดือนมิถุนายน 2552 คืออุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ เงินทุน 1,349.50 ล้านบาท รองลงมาคืออุตสาหกรรม ผลิตเอทานอล เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิง เงินลงทุน 1,100.00 ล้านบาท
  • อุตสาหกรรมที่เริ่มประกอบกิจการและมีการจ้างงานสูงสุดในเดือนมิถุนายน 2552 คืออุตสาหกรรม ผลิต ประกอบโครงสร้างเหล็ก จำนวนคนงาน 2,300 คน รองลงมาคืออุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ จำนวนคนงาน 1,302 คน
  • ภาวะการเลิกกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนมิถุนายน 2552 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2552 มีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 122 ราย มากกว่าเดือนพฤษภาคม 2552 ซึ่งมีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 104 ราย คิดเป็นร้อยละ 17.31 แต่มีเงินทุนของการเลิกกิจการจำนวน 1,541.81 ล้านบาท น้อยกว่าเดือนพฤษภาคม 2552 ที่การเลิกกิจการคิดเป็นเงินทุน 6,343.66 ล้านบาท และมีการเลิกจ้างงานจำนวน 3,251 คน มากกว่าเดือนพฤษภาคม 2552 ซึ่งเลิกจ้างงานจำนวน 3,844 คน
  • ภาวะการเลิกกิจการของโรงงานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในเดือนมิถุนายน 2552 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการน้อยกว่าเดือนมิถุนายน 2551 ซึ่งมีโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการจำนวน 235 ราย คิดเป็นร้อยละ 48.09 มีเงินทุนของการเลิกกิจการน้อยกว่าเดือนมิถุนายน 2551 ที่การเลิกกิจการคิดเป็นเงินทุน 3,994.48 ล้านบาท และมีการเลิกจ้างงานน้อยกว่าเดือนมิถุนายน 2551 ที่การเลิกจ้างงานมีจำนวน 6,067 คน
  • อุตสาหกรรมที่มีจำนวนโรงงานเลิกกิจการมากที่สุดในเดือนมิถุนายน 2552 คืออุตสาหกรรมซ่อมยานที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์หรือส่วนประกอบ จำนวน 15 รายรองลงมาคือ ตัดเย็บเครื่องนุ่งห่ม ผ้าเช็ดหน้า เนกไท ถุงมือ ถุงเท้าจากผ้า หนังสัตว์ จำนวน 10 ราย
  • อุตสาหกรรมที่เลิกประกอบกิจการโดยที่มีเงินลงทุนสูงสุดในเดือนมิถุนายน 2552 คือ อุตสาหกรรมทำผลิตภัณฑ์ยางอื่นๆ เงินทุน 384 ล้านบาท รองลงมาคือ อุตสาหกรรมทำหม้อเก็บพลังงานไฟฟ้า หม้อกำเนิดพลังงานไฟฟ้าชนิดน้ำหรือแห้ง เงินทุน 182 ล้านบาท
  • อุตสาหกรรมที่เลิกประกอบกิจการและจำนวนคนงานสูงสุดในเดือนมิถุนายน 2552 คือ อุตสาหกรรมตัดเย็บเครื่องนุ่งห่ม ผ้าเช็ดหน้า เนกไท ถุงมือ ถุงเท้าจากผ้า หนังสัตว์ คนงาน 620 คน รองลงมาคือ อุตสาหกรรมล้าง ชำแหละ แกะ ต้ม นึ่ง ทอด หรือบดสัตว์น้ำ คนงาน 395 คน
  • ภาวะการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) ในช่วงเดือนมกราคม — กรกฎาคม 2552 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีจำนวนโครงการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจาก สกท. ทั้งสิ้น 482 โครงการ น้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีจำนวน 666 โครงการ ร้อยละ 27.63 และมีเงินลงทุน 115,300 ล้านบาท น้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีเงินลงทุน 262,600 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 56.09
  • การกระจายหุ้นของโครงการที่ได้รับการอนุมัติให้การส่งเสริมในเดือนมกราคม-กรกฎาคม 2552
    การร่วมทุน                จำนวน(โครงการ)        มูลค่าเงินลงทุน(ล้านบาท)
 1.โครงการคนไทย 100%            162                     48,9000
 2.โครงการต่างชาติ 100%           190                     28,400
 3.โครงการร่วมทุนไทยและต่างชาติ     130                     38,000
  • ประเภทกิจการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนมากที่สุดในเดือนมกราคม-กรกฎาคม 2552 คือ หมวดบริการและสาธารณูปโภค มีมูลค่าเงินลงทุนรวม 49,100 ล้านบาท รองลงมา คือ หมวดเกษตรกรรม และผลิตผลจากการเกษตร มีมูลค่าเงินลงทุนรวม 23,200 ล้านบาท

--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--

-พห-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ