สรุปภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาสที่ 4/2552 (ตุลาคม — ธันวาคม) พ.ศ. 2552(อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์)

ข่าวเศรษฐกิจ Friday February 19, 2010 14:53 —สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

1. การผลิตและการจำหน่ายในประเทศ

1.1 ปริมาณการผลิต

การผลิตปูนซีเมนต์ ไตรมาสที่ 4 ปี 2552 มีปริมาณการผลิตปูนเม็ด 9.44 ล้านตันการผลิตซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด) 8.35 ล้านตัน เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน การผลิตปูนเม็ดลดลง ร้อยละ 1.77 แต่การผลิตปูนซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด) เพิ่มขึ้น ร้อยละ 1.46 และเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน การผลิตปูนเม็ด และการผลิตปูนซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด) เพิ่มขึ้น ร้อยละ 8.01 และ 9.72 ตามลำดับ

สำหรับในปี 2551 มีปริมาณการผลิตปูนเม็ด 37.41 ล้านตัน ส่วนการผลิตซีเมนต์(ไม่รวมปูนเม็ด) มีจำนวน 33.56 ล้านตัน เมื่อเทียบกับปีก่อน ลดลงร้อยละ 1.94 และ 2.44 ตามลำดับ

1.2 การจำหน่ายในประเทศ

การจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศ ไตรมาสที่ 4 ปี 2552 มีปริมาณการจำหน่ายรวม 6.81 ล้านตัน แบ่งออกเป็นการจำหน่ายปูนเม็ด 0.32 ล้านตัน และปูนซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด) 6.49 ล้านตัน โดยปริมาณการจำหน่ายรวมในประเทศ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.44 และ 14.07 ตามลำดับ สำหรับในปี 2552 มีปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศ 27.39 ล้านตัน เมื่อเทียบกับปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.85

การผลิตและการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศที่เพิ่มขึ้นนี้ เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลก่อสร้าง รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้น รัฐบาลเริ่มใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ กระตุ้นกำลังซื้อโดยการอัดฉีดงบภายใต้โครงการไทยเข้มแข็งลงระบบมากขึ้น ทำให้ภาคเอกชนมีความเชื่อมั่นขยายการลงทุนเพิ่มขึ้น

2. การส่งออกและการนำเข้า

2.1 การส่งออก

การส่งออกปูนซีเมนต์ ไตรมาสที่ 4 ปี 2552 มีปริมาณรวม 3.71 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 5,048.08 ล้านบาท โดยเป็นการส่งออกปูนเม็ด จำนวน 2.38 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 2,653.00 ล้านบาท และปูนซีเมนต์ (ไม่รวมปูนเม็ด) จำนวน 1.33 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 2,395.08 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ปริมาณและมูลค่าการส่งออกรวมลดลงร้อยละ 2.62 และ 2.34 ตามลำดับ แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ปริมาณการส่งออกรวมเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยคิดเป็น ร้อยละ 0.54 ขณะที่มูลค่าการส่งออกรวมลดลง ร้อยละ 7.88

สำหรับการส่งออกปูนซีเมนต์ในปี 2552 มีปริมาณการส่งออกรวม 15.09 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 20,833.57 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนปริมาณและมูลค่าการส่งออกรวม ลดลงร้อยละ 5.15 และ 4.50 ตามลำดับ

การส่งออกที่ลดลงนี้เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากผลกระทบของวิกฤตการเงินของสหรัฐอเมริกา ส่งผ่านไปยังภาคเศรษฐกิจจริง แพร่กระจายไปสู่ภูมิภาคต่างๆ อย่างรวดเร็ว แม้ว่าตลาดส่งออกปูนซีเมนต์รายหลักของไทยจะไม่ใช่สหรัฐฯ และยุโรปก็ตาม แต่วิกฤตการณ์ทางการเงินก็คงส่งผลกระทบมายังกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียซึ่งเป็นตลาดหลักในการส่งออกปูนซีเมนต์ เช่นกัน ทำให้ความต้องการปูนซีเมนต์ในตลาดโลกลดลง สำหรับตลาดส่งออกที่สำคัญของไทย คือ เวียดนามเป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของไทย รองลงมา คือ บังคลาเทศ เมียนมาร์ และกัมพูชา ตามลำดับ

2.2 การนำเข้า

การนำเข้าปูนซีเมนต์ไตรมาสที่ 4 ปี 2552 มีปริมาณรวม 2,455.26 ตัน คิดเป็นมูลค่า 39.18 ล้านบาท โดยเป็นการนำเข้าปูนเม็ด จำนวน 142.51 ตัน คิดเป็นมูลค่า 2.11 ล้านบาท ปูนซีเมนต์(ไม่รวมปูนเม็ด) จำนวน 2,312.75 ตัน คิดเป็นมูลค่า 37.07 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ปริมาณและมูลค่าการนำเข้ารวมเพิ่มขึ้น ร้อยละ 8.34 และ 13.43 ตามลำดับ และเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ปริมาณและมูลค่าการนำเข้ารวมลดลงร้อยละ 24.90 และ 25.29 ตามลำดับ

สำหรับการนำเข้าปูนซีเมนต์ในปี 2552 มีปริมาณการนำเข้ารวม 10,598.92 ตัน คิดเป็นมูลค่า 118.64 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนปริมาณการนำเข้ารวมเพิ่มขึ้น 7.76 แต่มูลค่าการนำเข้ารวมลดลงร้อยละ 26.55 ตามลำดับ ทั้งนี้การนำเข้าส่วนใหญ่จะเป็นอะลูมินัสซีเมนต์ ซึ่งไม่สามารถผลิตได้ในประเทศ และบางส่วนเป็นการนำเข้าซีเมนต์ปอร์ตแลนด์คุณภาพสูงเพื่อใช้ในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ระบุคุณสมบัติของวัสดุที่นำมาก่อสร้าง ตลาดนำเข้าที่สำคัญอันดับหนึ่งของไทย คือ จีน รองลงมา คือ เนเธอร์แลนด์ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ตามลำดับ

3. สรุป

การผลิตและการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศ ในปี 2552 ยังคงลดลงเนื่องจากภาคการก่อสร้างและภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงซบเซา ตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนขยายธุรกิจต่างๆ ของภาคเอกชน และโครงการลงทุนในสาธารณูปโภคพื้นฐานของภาครัฐยังไม่มีความคืบหน้า แต่ในไตรมาสที่ 4 ปี 2552 อุตสาหกรรมเริ่มฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลก่อสร้างรวมทั้งภาวะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้น รัฐบาลเริ่มใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ กระตุ้นกำลังซื้อ โดยการอัดฉีดงบภายใต้โครงการไทยเข้มแข็งลงระบบมากขึ้น ทำให้ภาคเอกชนมีความเชื่อมั่นขยายการลงทุนเพิ่มขึ้น

สำหรับแนวโน้มการผลิตและการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศในไตรมาสที่ 1 ปี 2553 มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากอยู่ในช่วงของฤดูกาลก่อสร้าง รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจมีแนวโน้มดีขึ้น รัฐบาลเริ่มกระตุ้นเศรษฐกิจ กระตุ้นกำลังซื้อ โดยการอัดฉีดงบภายใต้โครงการไทยเข้มแข็งลงระบบมากขึ้นทำให้ภาคเอกชนเกิดความเชื่อมั่นในการลงทุนมากขึ้น โดยตลาดปูนซีเมนต์จะเริ่มขยายตัวจากกลุ่มที่อยู่อาศัย และการลงทุนในระบบสาธารณูปโภคภายใต้โครงการไทยเข้มแข็งของรัฐบาล

การส่งออกในไตรมาสที่ 4 ปี 2552 และภาพรวมของทั้งปี 2552 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีมูลค่าลดลง เนื่องจากเศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะชะลอตัวจากปัญหาวิกฤตการเงินของสหรัฐอเมริกาแพร่กระจายไปสู่ภูมิภาคต่างๆ อย่างรวดเร็ว แม้ว่าตลาดส่งออกหลักของไทยจะไม่ใช่สหรัฐอเมริกา และยุโรป แต่ปัญหาดังกล่าวก็เริ่มส่งผลกระทบไปสู่ภาคเศรษฐกิจจริงไปยังประเทศต่างๆ ในแถบภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเป็นตลาดหลักในการส่งออกปูนซีเมนต์ของไทยมากขึ้น สำหรับตลาดส่งออกปูนซีเมนต์ที่สำคัญ ได้แก่ เวียดนาม ซึ่งเป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของไทย รองลงมา คือ บังคลาเทศ เมียนมาร์ และกัมพูชา ตามลำดับ

สำหรับการส่งออกในไตรมาสที่ 1 ปี 2553 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวขึ้น ตลาดส่งออกหลักในแถบอาเซียนยังคงมีความต้องการใช้ปูนซีเมนต์อย่างต่อเนื่อง ตามกิจกรรมการก่อสร้างที่เพิ่มสูงขึ้นเพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ อีกทั้งผู้ผลิตปูนซีเมนต์ในประเทศไทยจะได้ประโยชน์จากเขตการค้าเสรี (อาฟต้า) เนื่องจากมีขีดความสามารถในการแข่งขันสามารถช่วยตัวเองได้แล้ว ต้นทุนสามารถแข่งขันกับผู้เล่นระดับโลกได้ เพราะมีการพัฒนาและใช้เทคโนโลยีของไทยเอง สำหรับตลาดส่งออกแหล่งใหม่ ได้แก่ กลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง และแอฟริกายังคงขยายตัวได้ดี

--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--

-พห-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ