สศอ.เผยครึ่งปีแรกภาคอุตฯ เดินเครื่องผลิตคึกคัก หนุนดัชนีอุตฯ พุ่งพรวด 24% กำลังการผลิต 62.9% ผู้ประกอบการหลายสาขาเล็งลง ทุนเพิ่ม รับทิศทางเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว
นางสุทธินีย์ พู่ผกา ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม(MPI) ครึ่งปีแรกปี 2553 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 24.1% เมี่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือเป็นการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ ไตรมาตรที่ 4 ปี 2552 ที่ขยายตัว 11.5% (MPI Q1/2553 ขยายตัว 31.0% Q2/2553 ขยายตัว 17.7%) โดยอัตราการใช้กำลังการผลิตภาพรวมเฉลี่ย 62.9% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการขยาย ตัวได้เป็นอย่างดี หลายสาขาอุตสาหกรรมมีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ในระดับที่อาจจะต้องเพิ่มการลงทุนในเครื่องมือและเครื่องจักรต่างๆ มิฉะนั้น อุตสาหกรรมจะไม่สามารถเพิ่มปริมาณผลผลิตได้ทันกับการเพิ่มขึ้นของความต้องการสินค้าจากการขยายตัวดังกล่าว สศอ.จึงได้มีการปรับประมาณการ การขยายตัวของ MPI ในปี 2553 อยู่ที่15-16% ซึ่วเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากที่ได้ประมาณการไว้เมื่อต้นปี
ขณะที่ MPI มิถุนายน 2553 ขยายตัว 14.34% อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 65.6% ซึ่งเป็นไปตามทิศการขยายตัวของเศรษฐกิจ โลก และเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของภาคอุตสาหกรรมไทย เมื่อภาวะเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวไทยสามารถรับคำสั่งซื้อได้จากทั่วโลก สามารถผลิตและส่งมอบสินค้าได้ทันต่อเวลา จึงเป็นที่มั่นใจของประเทศคู่ค้า
นางสุทธินีย์ กล่าวว่า อัตราการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมในครึ่งปีแรกถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ แม้จะเกิดความวุ่นวายทางการ เมืองแต่ภาคอุตสาหกรรมไทยก็สามารถฝ่าวิกฤตไปได้ โดยอุตสาหกรรมหลักที่ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อการส่งออก เช่น ยานยนต์ ไฟฟ้าและ อิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ก็ขยายตัวอย่างน่าพอใจเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
อุตสาหกรรมรถยนต์ ในครึ่งปีแรกของปี 2553 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีการผลิตรถยนต์ 769,082 คัน เพิ่มขึ้น 97.66% ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นในรถยนต์ทุกประเภท โดยจำหน่ายในประเทศ 356,692 คัน เพิ่มขึ้น 54.13% และการส่งออก 418,178 คัน เพิ่มขึ้น 78.11% ซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจของโลกและของประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น สำหรับตลาดภายในประเทศได้รับผลดีจากการที่ค่ายรถยนต์ต่างมีการเปิดตัว รถรุ่นใหม่ออกมาเพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรถยนต์ประหยัดพลังงานสำหรับตลาดส่งออกผู้ประกอบการมีการปรับแผนการ ผลิต เพื่อรองรับตลาดส่งออกที่เพิ่มมากขึ้น
ส่วนครึ่งปีหลังคาดว่าจะมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก โดยจะมีการผลิตรถยนต์ประมาณ 830,000 คัน เพิ่มขึ้น 36.00% จำหน่ายในประเทศประมาณ 343,000 คัน เพิ่มขึ้น 8.05% และส่งออกประมาณ 481,000 คัน เพิ่มขึ้น 59.92% โดยทั้งปีคาดว่าจะมีการผลิตรถ ยนต์ประมาณ 1.6 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 60.10% จำหน่ายในประเทศประมาณ 700,000 คัน เพิ่มขึ้น 27.53% และส่งออกประมาณ 900,000 คัน เพิ่ม ขึ้น 68.05%
อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ในครึ่งแรกของปี 2553 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนขยายตัวเพิ่มขึ้น 36.55% โดยเพิ่มขึ้นทั้ง ในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากการผลิตเพื่อการส่งออกของอุปกรณ์ส่วนประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์ ได้แก่ HDD ปรับตัวสูงขึ้นมาก จากความต้องการของตลาดสหรัฐอเมริกาที่ฟื้นตัว และตลาดจีนที่เป็นตลาดใหญ่สั่งนำเข้าสินค้าอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามการขยายตัวที่สูง ส่วนหนึ่ง อาจเกิดจากฐานตัวเลขสถิติการส่งออกของปีก่อนค่อนข้างต่ำ
ส่วนแนวโน้มการผลิตในช่วงที่เหลือของปี 2553 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 9.07% สินค้าที่มีแนวโน้มการผลิตเพิ่มขึ้น ได้แก่ HDD และ IC เนื่อง จากคำสั่งซื้อที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่องจากต่างประเทศ และตลาดในประเทศมีการขยายตัว โดยผู้ประกอบการพยายามที่จะเสนอสินค้าที่มีความทันสมัยให้ผู้ บริโภคได้เลือกซื้ออย่างหลากหลาย
อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ครึ่งแรกของปี 2553 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนการผลิตเพิ่มขึ้นทั้งกลุ่มสิ่งทอและกลุ่มเครื่อง นุ่งห่ม โดยเส้นใยสิ่งทอ ผ้าผืน และเสื้อผ้าสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น 12.2% , 6.4% และ 6.4% ตามลำดับ เป็นผลจากคำสั่งซื้อของคู่ค้าขยายตัวต่อเนื่องนับ แต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ปัจจัยบวกเกิดมาจากที่ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการผลิตและส่งออกสิ่งทอภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรี ของอาเซียน เพื่อจะส่ง ต่อไปในหลายประเทศในภูมิภาคที่ไม่มีสิ่งทอต้นน้ำ เช่น ลาว เวียดนาม กัมพูชา และบังคลาเทศ ซึ่งนำเข้าสิ่งทอต้นน้ำและกลางน้ำจากประเทศไทยไป ผลิตเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปเพื่อการส่งออกมากขึ้น ประกอบกับเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว
ส่วนแนวโน้มของปี 2553 คาดว่าการผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มจะขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 3-7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นอย่างมากและโรงงานรับคำสั่งซื้อไว้เต็มแทบทุกโรงงาน สำหรับตลาดหลักอย่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป(อียู) เป็น ตลาดที่มียอดคำสั่งซื้อลดลง ขณะที่อาเซียนและจีน มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จีนจะเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ในอนาคตโดยลดบทบาทลงจากคู่แข่งของ ไทยมาจำหน่ายสินค้าไทยในประเทศมากขึ้น เพราะมีกำลังซื้อสูงอยู่แล้ว ส่วนอาเซียนเป็นตลาดที่ไทยควรจะนำสินค้าที่เน้นการออกแบบและเป็นแบรนด์ ของไทยไปจำหน่าย ส่วนตลาดญี่ปุ่นผู้ประกอบการต้องการสินค้านวัตกรรมและสินค้าคุณภาพดีแต่มีราคาถูกกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าแฟชั่นจะเป็นตลาด ที่เป็นที่ต้องการมากกว่า
นอกจากนี้ นางสุทธินีย์ ยังได้สรุปภาพรวมภาพรวม MPI เดือนมิถุนายน 2553 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ดังนี้
ดัชนีผลผลิต (มูลค่าเพิ่ม) อยู่ที่ระดับ 194.39 เพิ่มขึ้น 14.34% จากระดับ 170.01 ดัชนีการส่งสินค้า อยู่ที่ระดับ 200.74 เพิ่มขึ้น 21.34% จากระดับ 165.44 ดัชนีแรงงานในภาคอุตสาหกรรม อยู่ที่ระดับ 121.97 เพิ่มขึ้น 9.69% จากระดับ 111.20 ดัชนีผลิตภาพแรงงานใน ภาคอุตสาหกรรม อยู่ที่ระดับ 141.88 เพิ่มขึ้น 14.42% จากระดับ 124.00 ดัชนีสินค้าสำเร็จรูปคงคลัง อยู่ที่ระดับ 182.52 เพิ่มขึ้น 3.28% จากระดับ 176.73 โดยอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 65.66%
INDEX อัตราการขยายตัว % Q4/2552 Q1/2553 Q2/2553 ครึ่งปีแรก ปี 2553f ดัชผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) 11.5 31.0 17.7 24.1 15.0-16.0 อัตราการใช้กำลังการผลิต 61.1 62.9 62.7 62.9 63.0-64.0 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังการผลิต Index ------------------------------ 2552 -------------------------------- ------------2553------------ มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม 170.14 167.78 169.36 186.59 180.19 180.37 194.66 179.62 183.31 211.73 179.34 184.94 194.39 อัตราการเปลี่ยนแปลง(MOM)% 6.6 -1.3 0.8 10.1 -3.3 0.03 8.0 -7.9 2.0 15.6 -15.6 2.8 5.07 อัตราการเปลี่ยนแปลง(YOY)% -6.8 -9.0 -8.6 1.0 -0.5 7.5 30.7 29.1 31.1 32.6 23.0 15.9 14.34 อัตราการใช้กำลังการผลิต% 55.7 57.0 57.2 60.1 61.0 60.3 61.8 60.4 60.6 67.9 57.9 64.0 65.66
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--