กรุงเทพฯ--7 ต.ค.--คีนบิซ
สสว.จับมือ หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษาในภูมิภาค พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน SMEs เตรียมจัดตั้งศูนย์กลางข้อมูลให้บริการ SMEs ที่ต้องการออกสู่ตลาดต่างประเทศ และเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้านกลุ่มลุ่มน้ำโขง หวังให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าอาเซียน
นางสาววิมลกานต์ โกสุมาศ รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมเอสเอ็มอี (สสว.) กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดโครงการ ASEAN SME Regional Gateway ว่า ปัจจุบันอาเซียนได้ให้ความสำคัญกับการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ภายในปี 2558 โดยเร่งรัดการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจภายในอาเซียนให้มีการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ การลงทุน แรงงานฝีมืออย่างเสรี และการเคลื่อนย้ายเงินทุนที่เสรีมากขึ้น
โดยการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของอาเซียน จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของอาเซียนในตลาดโลก เนื่องจากเป็นการส่งเสริมให้เกิดการเปิดเสรีการเคลื่อนย้ายปัจจัยการผลิตระหว่างประเทศสมาชิกที่กว้างขวางมากขึ้น ทั้งในด้านการค้า การบริการ การลงทุน เงินทุน และแรงงาน รวมถึงความร่วมมือในด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน เพื่อลดอุปสรรคทางด้านการค้า การลงทุน ให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนามาตรฐานการครองชีพและความกินดีอยู่ดีของประชาชนภายในประเทศ และลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางสังคมให้น้อยลง
“อาเซียนเป็นกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่มีความใกล้ชิดกับไทยมากที่สุด และจัดเป็นตลาดที่สำคัญของไทยตลาดหนึ่งด้วยจำนวนประชากรกว่า 600 ล้านคน โดยในปี 2551 GDP ของอาเซียนมีมูลค่ารวมกันถึง 1.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และอาเซียนมียอดการค้าขายถึง 1,710 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยเป็นการค้าขายกันเอง จำนวน 458 ล้านเหรียญสรัฐ หรือประมาณ 15.114 ล้านล้านบาท ขณะที่ในส่วนของประเทศไทย ในปี 2552 SMEs ไทยมีมูลค่าการส่งออก 1.6 ล้านล้านบาท โดยเป็นการส่งออกไปยังอาเซียนถึง 316,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ19” รอง ผอ.สสว. กล่าว
รอง ผอ.สสว. กล่าวอีกว่า การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจอาเซียน จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการขยายตัวในด้านการค้าและการลงทุนอันเนื่องมาจากการลดอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาด ทั้งด้านมาตรการภาษีและมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี รวมถึงการส่งเสริมความร่วมมือเพื่ออำนวยการความสะดวกทางด้านการค้าและการลงทุน
“สสว.ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการส่งเสริมพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs ไทยให้มีความเข้มแข็ง ได้เล็งเห็นถึงโอกาสสำคัญที่ประเทศไทยจะหยิบยกโอกาสในการก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางในการให้บริการ SMEs ทั้งในภูมิภาคและนอกภูมิภาค โดยจะเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ของไทย และในภูมิภาคอาเซียน ในการก้าวออกสู่ตลาดภูมิภาคและตลาดโลก (Gateway to the World) รวมทั้งเป็นศูนย์กลางในการให้บริการผู้ประกอบการ SMEs และผู้ประกอบการรายใหญ่จากนอกภูมิภาคในการเข้าสู่ตลาดอาเซียน (Gateway to ASEAN)”
ด้วยเหตุนี้ สสว.จึงได้จัดทำโครงการ ASEAN SME Regional Gateway ขึ้นมา โดยร่วมกับ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สถาบันความร่วมมือเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง หอการค้า รวมถึงหน่วยงานภาครัฐและเอกชนอีกกว่า 21 แห่ง เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในการพัฒนา SMEs รวม 6 ส่วนด้วยกัน เพื่อให้เป็นศูนย์กลางในภูมิภาคอาเซียน โดยแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 ระยะ ได้แก่
ระยะที่ 1 ซึ่งจะดำเนินการในปี 2553 ประกอบด้วย 3 ส่วนด้วยกัน คือ
1. ASEAN SME Service Provider โดยการจัดตั้ง SME Service Desk จำนวน 7 แห่ง พร้อมด้วย ASEAN SME Service Portal เพื่อเป็นศูนย์กลางข้อมูลในการให้บริการ SMEs ที่ต้องการออกสู่ตลาดต่างประเทศ พร้อมเชื่อมโยงการให้บริการกับประเทศพม่า ลาว เวียดนาม และกัมพูชา (CLMV)
2. ASEAN SME Exporter Network จะเป็นการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการส่งออก SMEs ของไทย และประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อสร้างความเชื่อใจในระยะยาว พร้อมจัดกิจกรรมการแสดงสินค้า และจับคู่ธุรกิจ รวมถึงการพัฒนาสินค้าและสร้างแบรนด์ ให้แก่ สินค้าออแกนิคส์ จำนวน 50 ผลิตภัณฑ์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้พร้อมต่อการออกสู่ตลาดต่างประเทศ
3. ASEAN SME Logistic Platform คือการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการด้านโลจิสติกส์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมเสนอทางเลือกในการลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ ให้แก่ SMEs พร้อมจัดกิจกรรมฝึกอบรมผู้ประกอบการธุรกิจขนส่ง จำนวน 70 บริษัท เพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับการให้บริการภายใต้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
ส่วนระยะที่ 2 จะดำเนินการในปี 2554 ประกอบการด้วย 1. ASEAN SME Market Inelligence Unit 2. ASEAN SME Investor Forum และ 3. ASEAN SME Council
“หากการดำเนินการใน 6 ส่วนนี้เสร็จสิ้น สสว.หวังว่า ผู้ประกอบการไทยจะสามารถใช้ประโยชน์จากเครือข่ายความร่วมมือและโครงสร้างพื้นฐานนี้เป็นประตูไปสู่การดำเนินการค้าและการลงทุนกับประเทศในภูมิภาคอาเซียนได้มากขึ้น” รอง ผอ.สสว.กล่าวในที่สุด
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
ส่วนเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ สสว. โทร. 02 278 8800 ต่อ 306, 310, 313, 527
หรือฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท คีนบิซ จำกัด
คุณอำนาจ มุกดาประกร (อ้น)