ภัยเงียบระบาด: กว่า 2 ใน 3 ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเผชิญอาชญากรรมออนไลน์

ข่าวเทคโนโลยี Friday October 8, 2010 11:00 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--8 ต.ค.--พีซี แอนด์ แอสโซซิเอทส์ คอนซัลติ้ง การศึกษาล่าสุดของนอร์ตันกับผู้ใช้อินเทอร์เน็ต 7,000 คน เพื่อประเมินผลกระทบด้านอารมณ์จากอาชญากรรมบนอินเทอร์เน็ต พบว่าเหยื่อรู้สึกเสมือนถูกปลอกลอก และรำคาญ เมื่อคุณท่องอินเทอร์เน็ตครั้งต่อไปพึงใช้วิจารณญาณว่า เพียงแค่คลิ๊กเดียวคุณอาจจะตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมบนโลกออนไลน์คนต่อไป จากผลการศึกษาล่าสุดโดยนอร์ตันผู้ผลิตซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัย เปิดเผยถึงอาชญากรรมออนไลน์ที่เกิดขึ้นบ่อย และน่าตกใจว่า 2 ใน 3 ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลก (ร้อยละ 65) ตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมไซเบอร์ ซึ่งรวมถึงไวรัสคอมพิวเตอร์ การฉ้อโกงบัตรเครดิตออนไลน์ และการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคล โดยประเทศที่ตกเป็นเหยื่อมากที่สุดอันดับหนึ่งคือประเทศจีนคิดเป็นร้อยละ 83 ตามด้วยประเทศบราซิลและอินเดียรวมกันคิดเป็นร้อยละ 76 รายงานอาชญากรรมบนอินเทอร์เน็ตของนอร์ตันเกี่ยวกับผลกระทบต่อผู้ใช้อินเทอร์เน็ต เผยให้เห็นยอดการสูญเสียจากอาชญากรรมออนไลน์ โดยในการศึกษาครั้งแรกจะตรวจสอบผลกระทบทางอารมณ์ ความรู้สึก ซึ่งผลปรากฎว่าปฏิกิริยาที่แข็งกร้าวที่สุดร้อยละ 58 ของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อรู้สึกโกรธแค้น ร้อยละ 51 รู้สึกรำคาญ และร้อยละ 40 รู้สึกเหมือนถูกโกง และในหลายๆ กรณีพวกเขาโทษตัวเองเมื่อประสบกับการโจมตีออนไลน์ มีเพียงร้อยละ 3 เท่านั้นที่ไม่คิดว่าพวกเขาจะถูกโจมตีออนไลน์ และเกือบร้อยละ 80 ไม่คาดหวังว่าเรื่องอาชญากรรมบนอินเทอร์เน็ตจะได้รับการนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งผลที่ตามมาคือพฤติกรรมที่แสดงออกว่าไม่เต็มใจที่จะดำเนินการต่อ และรู้สึกไร้ประโยชน์ที่จะทำเช่นนั้น ดร.โจเซฟ ลาบรี ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา มหาวิทยาลัยโลโยล่า แมรี่มอนต์ กล่าวว่า “เรามักยอมรับเมื่อประสบกับอาชญากรรมบนโลกออนไลน์ เพราะตระหนักว่าเราหมดหนทางที่จะต่อสู้กับมัน เสมือนกับคุณไม่สามารถต่อรองหรือโต้แย้งกับช่างซ่อมรถได้เลยถ้าคุณไม่มีความรู้เรื่องรถมากพอ สิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดคือยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นแม้จะรู้สึกแย่ก็ตามที” แม้ว่าจะมีผลกระทบทางจิตใจจากภัยคุกคามต่างๆ และอาชญากรรมออนไลน์ ผู้คนก็ยังคงไม่คิดเปลี่ยนพฤติกรรมในการท่องอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้เพียงร้อยละ 51 ของผู้ใหญ่ ระบุว่าพวกเขาจะเปลี่ยนพฤติกรรมก็ต่อเมื่อตกเป็นเหยื่อ แต่ที่น่ากลัวยิ่งไปกว่านี้คือมีคนไม่ถึงครึ่ง หรือคิดเป็นร้อยละ 44 รายงานอาชญากรรมออนไลน์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ท๊อด วินสัน เหยื่อของอาชญากรรมไซเบอร์รายหนึ่งอธิบายว่า “ผมไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจมาก่อนเลย เพราะผมไม่เคยคิดว่าผมจะกลายเป็นเหยื่อของอาชญากรรมประเภทนี้ ผมรู้สึกเหมือนถูกคุกคาม ราวกับว่ามีใครบางคนเข้ามาในบ้านของผมแล้วค้นเอาข้อมูลต่างๆ ของผมไป และราวกับว่าครอบครัวของผมทั้งหมดได้รับผลกระทบจากอาชญากรรมนี้ ขณะนี้ผมทำอะไรไม่ได้เลย ทำได้เพียงแต่สงสัยว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปอีกกับข้อมูลอื่นๆ ที่ถูกขโมยไปของผม ที่ตกอยู่ในมือของคนร้าย รอโอกาสที่จะนำมันไปใช้ต่อไป” การแก้ปัญหาอาชญากรรมบนอินเทอร์เน็ตมีอุปสรรคค่อนข้างมาก ตามรายงานพบว่า ใช้เวลาประมาณ 28 วัน และมีมูลค่าประมาณ 334 เหรียญสหรัฐฯ โดยผู้เข้าร่วมตอบแบบสอบถามร้อยละ 28 กล่าวว่าสิ่งที่ยุ่งยากที่สุดเมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากับอาชญากรรมออนไลน์คือเวลาในการแก้ปัญหา แต่ทั้งๆ ที่มีอุปสรรค การแจ้งปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ก็เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง มร. เอฟเฟนดี้ อิบราฮิม ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบรักษาความปลอดภัยบนอินเทอร์เน็ตและหัวหน้ากลุ่มธุรกิจไซแมนเทค ภูมิภาคเอเชียกล่าวว่า “พวกเราทั้งหมดเสียค่าใช้จ่ายให้อาชญากรรมออนไลน์ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อมผ่านทางสถาบันการเงินของพวกเรา อาชญากรไซเบอร์มีเป้าหมายในการขโมยเพียงเล็กๆ น้อยๆ และก็จะค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น ถ้าคุณไม่แจ้งความหรือรายงาน ก็เหมือนคุณช่วยให้คนร้ายรอดพ้นจากการจับกุม ท้ายที่สุดความเสียหายที่เกิดคือเสียทั้งเงินและเวลา ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่งผู้ตกเป็นเหยื่อก็ต้องจ่าย และผลกระทบนั้นก็ไม่ใช่แค่เรื่องเงินเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อจิตใจเช่นกัน" ในส่วนของผลกระทบต่ออารมณ์ ความรู้สึกของผู้คน ได้มีการศึกษาอย่างละเอียดในเรื่องที่เป็นอาชญากรรม และคำโกหกเล็ก ๆ น้อยๆ ที่เป็นการกระทำความผิดต่อเพื่อนฝูง ครอบครัว ธุรกิจ หรือแม้กระทั่งคนที่คุณรัก ผู้ตอบแบบสอบถามเกือบครึ่งคิดว่าการดาวน์โหลดเพลงเพียงเพลงเดียว เพลงทั้งอัลบั้ม หรือภาพยนตร์โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ เป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย อีก 24% เชื่อว่าการแอบดูอีเมล์ หรือประวัติการเข้าชมเว็บไซต์ของคนอื่นเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือถูกกฎหมายเช่นกัน พฤติกรรมต่างๆ เหล่านี้ เช่น การดาวน์โหลดไฟล์ เปิดช่องให้เกิดภัยคุกคามเพิ่มขึ้นต่อผู้ใช้อินเทอร์เน็ตอีกด้วย แอน คอลิเย่ กรรมการประสานงานของ ConnectSafely.org และบรรณาธิการของ NetFamilyNews.org ซึ่งเป็นผู้ประสานงานให้กันนอร์ตันในการทำการค้นคว้ากล่าวว่า “ผู้คนต่อต้านการป้องกันตัวเองและคอมพิวเตอร์ของตนจากภัยคุกคาม เพราะเขาคิดว่ามันยุ่งยากเกินไป” แต่จากรายงานดังกล่าว มีวิธีง่ายๆ ที่เราสามารถป้องกันตนเองได้ เช่น การลงซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยที่มีความครอบคลุม และหมั่นอัพเดทเสมอ นอกจากนี้ในคดีอาชญากรรมบนโลกออนไลน์ การป้องกันแค่เพียงเล็กน้อยก็ช่วยแก้ไขปัญหาได้มากแล้ว" ดังนั้นการป้องกันอาชญากรรมออนไลน์ที่ดีที่สุดคือการท่องอินเทอร์เน็ตด้วยซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยที่มีความครอบคลุม และอัพเดท เช่น Norton Internet Security 2011 สำหรับเทคนิคอื่นๆ และข้อมูลเชิงลึกจากการศึกษาโดยวิธีการใหม่ๆ หรือเพื่อให้เข้าใจวิธีป้องกันอาชญากรรมบนอินเทอร์เน็ตมากขึ้น และความรู้สึกของผู้ตกเป็น เหยื่อที่หมดหนทาง และไม่ได้รับความยุติธรรม สามารถเข้าไปดูรายละเอียดของ Norton Cybercrime Report: The Human Impact เพิ่มเติมได้ ที่นี่

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ