กรุงเทพฯ--11 ต.ค.--วีม คอมมูนิเคชั่น
ค่ายเอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก ชี้จับตาตลาดทองคำโลกสัปดาห์ที่ผ่านมาฮ็อตสุดๆ มีโอกาสเห็นราคาสูงสุดใหม่อีก หลังจาก 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่โดยทำสถิติสูงสุดตลอดกาลถึง 13 ครั้ง ราคาสูงสุดแตะ 1,364 เหรียญสหรัฐ ระบุเหตุจากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่ฟื้น การจ้างงานยังต่ำอยู่ กดดันให้เฟดอาจต้องเร่งมาตรการอัดฉีดเงินเข้ามาในระบบเร็ว ๆ นี้ ทำให้นักลงทุนแห่ลงทุนทองคำแท่งมากขึ้น คาดตลาดลงทุนทองคำไทยมีโอกาสดี หลังปัจจัยค่าเงินบาทที่หลุดระดับ 30 บาทต่อดอลลาร์ แต่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะมีความเสี่ยงในเรื่องของการแกว่งตัวของราคาทองคำที่ขึ้นลงอย่างรวดเร็ว แนะกลุ่มลงทุนรายวันสำหรับทองแท่ง มีแนวรับอยู่ที่ระดับ 19,000 บาท และแนวต้านอยู่ที่ระดับ 19,250 บาท สามารถเก็งกำไรในภาวการณ์แกว่งตัวของตลาด ในขณะที่กลุ่มลงทุนรายสัปดาห์ สามารถซื้อได้เมื่อราคาอ่อนตัวตามความเสี่ยงที่รับได้
น.พ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด เปิดเผยว่า สัปดาห์นี้ นักลงทุนทองคำควรจะมีการจับตาการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับราคาทองคำโลกอย่างใกล้ชิด หลังจากสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดทองคำโลกมีการทำ New High ไปแล้วถึง 13 ครั้ง โดยราคาล่าสุดขึ้นไปแตะ 1,364 เหรียญสหรัฐ โดยปัจจัยสำคัญมาจากการที่นักลงทุนทั่วโลก มีการเปลี่ยนฐานการลงทุนสู่ตลาดทองคำ หลังจากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีปัจจัยในเชิงลบในการนำเงินไปแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจภายในอย่างต่อเนื่อง คาดว่าในเดือนนี้น่าจะเห็นโอกาสในการสร้าง New High ได้อีก ราคาเป้าหมายใหญ่อยู่ที่ 1,400 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ส่วนแนวโน้มการลงทุนทองคำในช่วงสัปดาห์นี้ สำหรับนักลงทุนระยะรายวันโกลด์ฟิวเจอร์ส GFV10 มีแนวรับอยู่ที่ระดับ 19,250 บาท และแนวต้านอยู่ที่ระดับ 19,370 บาท ให้ลงทุนในจากการแกว่งตัวของตลาดได้ ส่วนในตลาดโกลด์ฟิวเจอร์ส นักลงทุนที่มีการครอบครอง Long Position ควรจะ let profit run และทำกำไรระยะสั้นเป็นระยะๆ ตามการแกว่งตัวของตลาด ส่วนนักลงทุนที่ถือครอง Short Position แนะนำว่าควรที่จะลด สถานะการถือครอง และ ปิดสถานะบางส่วนตามที่เราได้แนะนำไปก่อนหน้านี้แล้ว
น.พ.กฤชรัตน์ กล่าวเสริมว่า ขณะนี้ตลาดลงทุนทองคำ ถือว่ายังเปล่งประกายต่อเนื่อง เนื่องจากตลาดทองคำได้รับผลดีจากกรณีของเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ขณะนี้รอดูว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) อาจใช้มาตรการที่จะอัดฉีดเม็ดเงินเข้ามาในระบบ เพื่อที่จะช่วยเหลือภาคการผลิตของ SME ทำให้นักลงทุนทั่วโลกหันมาลงทุนทองคำมากขึ้น เห็นได้จากการที่ประเทศอินเดีย และรัสเซีย เองก็หันมาซื้อทองคำเก็บมากขึ้น ซึ่งในขณะนี้ประมาณการณ์ว่าทองคำทั้งโลกมีประมาณ 135,000 ตัน และเมื่อคำนวณที่ราคา 1,000 เหรียญต่อออนซ์ ราคาทองคำทั้งหมดทั่วโลกมีมูลค่าเพียง 4.32 แสนล้าน ดอลลาร์เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่น้อยมากเมื่อเทียบกับแผนงานในการแก้ไขเศรษฐกิจของภาครัฐบาลสหรัฐ ที่ต้องการใช้เงินในการแก้ไขเศรษฐกิจถึง 13 แสนล้านเหรียญสหรัฐ นี้คือเหตุผลสำคัญที่จะชี้ให้ท่านเห็นว่า ทองคำจึงเป็น Excellent investment สำหรับการลงทุนยุคปัจจุบัน โดยเป็น Ultimate Safe Heaven ทองคำจึงเป็นสินทรัพย์ที่ดีซึ่งคุณจะเอาเงินไปลงทุน ซึ่งทำให้ตลาดการลงทุนทองคำในช่วงที่ผ่านมา มีการทำสถิติสูงสุดใหม่อยู่เสมอ ๆ หลาย ๆ ค่ายสำนักวิเคราะห์การลงทุนระดับโลก ยังมองว่าทองคำน่าจะขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในปีหน้าน่าจะเห็นทองคำมากกว่า 1,400 เหรียญขึ้นไป
สำหรับราคาทองคำ ณ ขณะนี้อยู่ที่ 1,347 เหรียญ เรียกว่าทำจุดสูงสุดใหม่ในตลอดเวลา ในระหว่างสัปดาห์ทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,364 เหรียญ และมีแรงเทขายทำกำไรอย่างหนัก ราคามีการแกว่งตัวอย่างมากในคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ในเชิงเทคนิคราคาทองยังเป็นทิศทางขาขึ้น โดยมีแนวต้านถัดไปทางจิตวิทยาอยู่ที่ระดับ1,400 เหรียญ เรียกว่าราคาทองคำ ณ ขณะนี้อยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยทุกเส้นเป็นอย่างมาก จึงมีการแกว่งตัวของราคาทองคำอย่างรุนแรงตลอดเวลา ณ ขณะนี้ แนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับ 1,320 เหรียญ จะเห็นได้ว่าราคาทองมีการพักการขึ้นระยะสั้น 1 - 2 วันเท่านั้นและขึ้นต่อโดยตลอด ซึ่งสร้างความฮือฮาในกับนักลงทุนในตลาดโลกเป็นอย่างมาก Oscillator ในระยะสั้นเริ่มแสดงสัญญาณการปรับฐาน และพร้อมที่จะส่งเสริมให้ราคาทองปรับตัวขึ้น หลังจากที่ราคาทองถูกกดจากแรงเทขายเป็นอย่างหนักแล้วมีการดีดกลับได้อย่างรุนแรงเช่นกัน
“สรุปได้ว่าราคาทองคำต่างประเทศยังเป็นขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ทองคำไทยยังถูกกดดันจากค่าเงินบาทที่หลุดระดับ 30 บาทต่อดอลลาร์ลงมา ผมวิเคราะห์ว่าค่าเงินบาทน่าจะใกล้สู่จุดอิ่มตัวแล้วเหมือนกัน จึงมองว่าน่าจะเป็นโอกาสที่ดีมากสำหรับนักลงทุนในทองคำ ในขณะนี้ขอให้ติดตามอย่างใกล้ชิด และต้องยอมรับว่าราคาทองคำ ณ ขณะนี้ ก็มีความเสี่ยงในเรื่องของการแกว่งตัวของราคาทองคำที่ขึ้นลงอย่างรวดเร็ว นักลงทุนที่ดีจึงจะต้องศึกษาและเข้าใจถึงความเสี่ยงที่จะรับได้ของการลงทุนเสมอ” น.พ.กฤชรัตน์ กล่าว